Monday, 9 June 2025
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ วันสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 

สมเด็จพระนารายณ์ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา โดยทรงขึ้นครองราชย์เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 12 พ.ศ. 2199 ในขณะที่มีพระชนมายุ 25 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมให้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านการค้าขาย ได้มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากยิ่งกว่าในรัชสมัยอื่นๆ ทรงปรับปรุงกรมพระคลังสินค้า โปรดเกล้าฯ ให้ต่อเรือกำปั่นหลวง เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ จึงทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศ

ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ผู้เป็นชาวกรีกได้ช่วยปรับปรุงงานของกรมพระคลังสินค้าอีก ทำให้การค้าขายกับต่างประเทศเจริญรุ่งเรืองสูงสุด มีพ่อค้าชาวฝรั่งเศสบันทึกไว้ว่า “ในชมพูทวีปไม่มีเมืองใดที่จะแลกเปลี่ยนสินค้ามากเท่ากับในสยาม สินค้าขายได้ดีมากในสยามและการซื้อขายใช้เงินสด” 

16 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ น้อมรำลึกถึงกษัตริย์ผู้รอบรู้และปราดเปรื่อง

วันนี้เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยถูกยกให้เป็น ‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปี พ.ศ. 2175 ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175 นั่นเอง

สมเด็จพระนารายณ์ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา โดยทรงขึ้นครองราชย์เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 12 พ.ศ. 2199 ในขณะที่มีพระชนมายุ 25 พรรษา

ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมให้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านการค้าขาย ทรงติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยพระองค์ทรงปรับปรุงพระคลังสินค้า โปรดเกล้าฯ ให้ต่อเรือกำปั่นหลวง เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ นอกจากนี้ยังทรงจัดคณะทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีถึงประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

16 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ กษัตริย์ผู้มีความรอบรู้-ปราดเปรื่อง

วันนี้เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยถูกยกให้เป็น ‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปี พ.ศ. 2175 ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175 นั่นเอง

ทั้งนี้ สมเด็จพระนารายณ์ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา โดยทรงขึ้นครองราชย์เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 12 พ.ศ. 2199 ในขณะที่มีพระชนมายุ 25 พรรษา

ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมให้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านการค้าขาย ทรงติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยพระองค์ทรงปรับปรุงพระคลังสินค้า โปรดเกล้าฯ ให้ต่อเรือกำปั่นหลวง เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ นอกจากนี้ยังทรงจัดคณะทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีถึงประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่มีความรอบรู้และปราดเปรื่อง ตลอดจนทรงมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วง โดยครั้งหนึ่งฝรั่งเศสได้ส่งคณะทูตนำโดย เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ มาเข้าเฝ้าเพื่อทูลขอให้พระองค์ทรงเข้ารีต แต่พระองค์ทรงปฏิเสธด้วยพระปรีชาสามารถไปว่า

"การที่ผู้ใดจะนับถือศาสนาใดนั้น ย่อมแล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์จะบันดาลให้เป็นไป ถ้าคริสตศาสนาเป็นศาสนาดีจริงแล้ว และเห็นว่าพระองค์สมควรที่จะเข้าเป็นคริสตศาสนิกแล้ว สักวันหนึ่งพระองค์จะถูกดลใจให้เข้ารีตจนได้"

นอกจากนี้พระองค์ยังได้ให้เสรีภาพแก่ราษฎร ที่จะนับถือคริสตศาสนาได้ตามความเลื่อมใสของตน เรื่องนี้ทำให้เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ พอใจเป็นอย่างยิ่ง

วันนี้ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ‘สมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ จึงสมควรเป็นอย่างยิ่งในการเทิดพระเกียรติและระลึกถึงพระปรีชาสามารถ ตลอดจนพระอัจฉริยภาพอันเปี่ยมล้นของพระองค์

11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ‘สมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ เสด็จสวรรคต กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง กรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศ เมืองลพบุรี หลังจากประชวรหนักในช่วงที่ ‘พระเพทราชา’ กระทำการชิงราชสมบัติ

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 4 ของราชวงศ์ปราสาททอง ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าปราสาททองและพระนางเจ้าสิริกัลยานี พระราชสมภพในปีพ.ศ. 2175 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199 มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ขณะทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา

หลังจากประทับที่กรุงศรีอยุธยาได้ 10 ปี พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ในปีพ.ศ. 2209 และเสด็จไปประทับทุก ๆ ปี ครั้งละเป็นเวลานานหลายเดือน กระทั่งเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2231 ขณะพระชนมายุได้ 56 พรรษา รวมเวลาที่ทรงครองราชสมบัติ 32 ปี

พระองค์ได้ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่กรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก ด้วยพระปรีชาสามารถหลายด้านของพระองค์ ทั้งด้านการปกครอง การทหาร ทรงชำนาญด้านการศึก ทรงปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ให้มาสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งเสด็จออกรับคณะฑูต ฝีมือวาดช่างฝรั่งเศส จากหนังสือนวนิยายเรื่อง รุกสยาม ในนามของพระเจ้า โดย มอร์กาน สปอร์แตช

ด้านการทูต ทรงสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศอย่างกว้างขวาง ทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส ฮอลันดา จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน เช่น พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งคณะราชทูตไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส การค้ากับต่างประเทศจึงเจริญมาก มีชาวต่างชาติเข้ามารับติดต่อค้าขาย และบางส่วนเข้ารับราชการในพระราชอาณาจักรด้วย

อีกทั้งยังทรงรับวิทยาการสมัยใหม่ เช่น กล้องดูดาว และยุทโธปกรณ์บางประการ การวางระบบท่อประปาภายในพระราชวังอีกด้วย

นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่วรรณคดีและศิลปะเจริญถึงขีดสุด มีงานวรรณคดีชิ้นสำคัญเกิดขึ้นหลายชิ้น อาทิ สมุทรโฆษคำฉันท์, คำฉันท์กล่อมช้าง, อนิรุทธคำฉันท์ และ จินดามณี ของพระโหราธิบดี ซึ่งจัดเป็นตำราเรียนเล่มแรกของไทย

16 กุมภาพันธ์ 2175 วันพระราชสมภพสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ขับเคลื่อนอยุธยาสู่ยุครุ่งเรือง

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2199 ขณะมีพระชนมายุ 25 พรรษา

ในรัชสมัยของพระองค์ กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ พระองค์โปรดให้ปรับปรุงกรมพระคลังสินค้าและสร้างเรือกำปั่นหลวงเพื่อค้าขายกับต่างชาติ ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยากลายเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญแห่งเอเชีย

นอกจากนี้ พระองค์ยังมีบทบาทโดดเด่นด้านการต่างประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2224 ทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส แม้คณะแรกจะสูญหาย แต่พระองค์ส่งทูตอีกครั้งในปี พ.ศ. 2226 ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทูตระหว่างอยุธยาและฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อเชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ ทูลเชิญให้ทรงเข้ารีต พระองค์ทรงปฏิเสธอย่างชาญฉลาด พร้อมยืนยันเสรีภาพทางศาสนาแก่ประชาชน

ด้านศิลปวัฒนธรรม สมเด็จพระนารายณ์ทรงส่งเสริมวรรณคดี ทำให้ยุคของพระองค์เป็น 
'ยุคทองแห่งวรรณคดีอยุธยา' ทรงมีพระราชนิพนธ์โคลงและคำฉันท์หลายเรื่อง เช่น ทศรถสอนพระราม, พาลีสอนน้อง, และ สมุทรโฆษคำฉันท์

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงปรีชาสามารถและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงวางรากฐานให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ การทูต และวัฒนธรรม จนได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของไทย

30 เมษายน พ.ศ. 2231 สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทอดพระเนตรสุริยุปราคากับคณะทูตฝรั่งเศส ปูทางสู่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสมัยอยุธยา

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระโอรสของพระเจ้าปราสาททองและพระราชเทวี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 ของกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงปกครองประเทศด้วยพระปรีชาสามารถและวิสัยทัศน์ที่ล้ำลึก ทั้งด้านการทหาร การทูต และการส่งเสริมวัฒนธรรมและวิทยาการ โดยเฉพาะการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก ซึ่งในขณะนั้น ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับกรุงศรีอยุธยาอย่างใกล้ชิด พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาและการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงการสังเกตดาราศาสตร์ผ่านกล้องดูดาวที่พระองค์ทรงได้รับการช่วยเหลือจากคณะบาทหลวงฝรั่งเศส ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่พระองค์และข้าราชการไทย

โดยในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2231 เป็นวันที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย เนื่องจากในวันดังกล่าว สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่เกิดขึ้น ณ พระที่นั่งเย็น พระที่นั่งตำหนักกลางทะเลชุบศร เมืองลพบุรี โดยมีคณะบาทหลวงฝรั่งเศสและข้าราชบริพารฝ่ายไทยร่วมทอดพระเนตรด้วยกัน เหตุการณ์นี้ถือเป็นการแสดงออกถึงพระราชความสนใจในวิทยาการและการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ซึ่งพระองค์ทรงมุ่งมั่นที่จะนำความรู้จากตะวันตกมาปรับใช้ในการปกครองและพัฒนาประเทศไทยในด้านต่าง ๆ

การทอดพระเนตรสุริยุปราคาในครั้งนี้สะท้อนถึงความสนพระทัยของสมเด็จพระนารายณ์ในวิทยาการและความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ พระองค์ไม่เพียงแต่สนใจในเรื่องการทหารและการปกครองเท่านั้น แต่ยังทรงมีพระราชวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาอาณาจักรอยุธยาในด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคแห่งการเรียนรู้และเปิดรับความรู้จากต่างประเทศ

ในรัชสมัยของพระองค์ การทูตกับฝรั่งเศสมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการส่งคณะราชทูตไปยังฝรั่งเศสเพื่อสร้างความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสภายใต้การปกครองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ให้ความสำคัญกับการส่งคณะทูตและนักวิทยาศาสตร์มายังประเทศไทย การเชื่อมสัมพันธ์ทางการทูตนี้นอกจากจะส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการทหารแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการเปิดประตูสู่วัฒนธรรมตะวันตกในประเทศไทยอีกด้วย

เหตุการณ์ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2231 เป็นการสะท้อนถึงความสำคัญของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในฐานะพระมหากษัตริย์ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ทั้งในด้านการปกครอง การทหาร และการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการสนใจในดาราศาสตร์และการสังเกตการณ์สุริยุปราคา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการพัฒนาประเทศผ่านการศึกษาความรู้จากต่างประเทศ การทอดพระเนตรสุริยุปราคาครั้งนี้จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความรู้ในวิทยาศาสตร์ แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเปิดรับนวัตกรรมและวิทยาการจากโลกภายนอก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาณาจักรอยุธยาในหลายมิติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top