Sunday, 8 June 2025
สมาชิกวุฒิสภา

‘สว.นครศรีธรรมราช’ อภิปรายในสภาฯ ชี้!! ปัญหาบริหารจัดการขยะ หลังมีชาวบ้านมาร้องเรียน ย้ำ!! นี่คือปัญหาระดับชาติ ที่ต้องเร่งแก้ไข

(14 ก.ย.67) นายณัฐกิตติ์ หนูรอด สมาชิกวุฒิสภา จ.นครศรีธรรมราช ได้นำเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน กรณีปัญหาบ่อขยะ ต.ช้างซ้าย อ.พระพรพม จ.นครศรีธรรมราช ไปอภิปรายในสภา เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยลงไปตรวจสอบ และสอบถามความคิดเห็นจากประชาชน โดยณัฐกิตติ์ อภิปรายว่า มีเรื่องราวชาวบ้านร้องทุกข์การบริหารจัดการขยะ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เป็นปัญหาระดับท้องถิ่น แต่เป็นปัญหาระดับชาติ โดยตนได้รับการร้องเรียนจากนายสมชาย เต็มดวง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมแนบรายชื่อผู้ได้รับความเดือดร้อน และคัดค้านโครงการ 600 คน สาระสำคัญของหนังสือร้องเรียนคือ

ในขณะนี้มีบริษัทแห่งหนึ่ง ได้เข้าไปขุดบ่อขนาดใหญ่ เพื่อก่อสร้างบ่อกำจัดขยะแบบฝังกลบ บริเวณ ม.8 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม ทำให้ประชาชนในพื้นที่ และในพื้นที่หมู่ 4,5,15 และ 19 ต.ท่าเรือ และต.ดอนตรอ ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ์ ได้รับผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ซึ่งตอนนี้มีบุคคลที่ได้รับผลกระทบร่วมลงชื่อมาแล้ว 2000 คน

ณัฐกิตติ์ อภิปรายย้ำว่า การบริหารจัดการขยะ มีทั้งด้านบวก และลบ อยากให้กระทรวงมหาดไทยลงไปตรวจสอบ และสอบถามความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหา เพื่อจะได้รับรู้ร่วมกัน แก้ไขปัญหาร่วมกัน

กล่าวสำหรับบ่อกำจัดขยะช้างซ้าย ดำเนินโครงการโดยบริษัทเอกชน ในนามบริษัท ช้างซ้าย กรีน จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีตระกูลดังทางการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติถือหุ้น รับกำจัดขยะจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และ/หรือจังหวัดข้างเคียง ด้วยวิธีฝังกลบบนเนื้อที่เกือบ 200 ไร่

โครงการเริ่มมีการขุดบ่อ ยกระดับถนนเข้าพื้นที่ และอยู่ระหว่างการเดินสำรวจรังวัด เพื่อออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน (โฉนด) เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ดินว่างเปล่า และมีชาวบ้านอยู่อาศัยบางส่วนโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์

สภาพพื้นที่เป็นป่าพรุน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี เป็นแหล่งรับน้ำและไหลลงสู่ลำคลองต่าง ๆ หลายสาย ผลกระทบ มีบ้านชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ 20 เมตรอยู่บริเวณปากบ่อได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพกลิ่นแมลงหนอน ซึ่งเป็นผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ชุมชนที่อยู่ใกล้สุดประมาณ 300 เมตรโรงเรียน 600 เมตร วัด 700 เมตร แหล่งน้ำดิบสำหรับการใช้ทำประปาหมู่บ้านของอบต.ท่าเรือประมาณ 600 เมตร

ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งในปัจจุบัน และคาดว่าจะได้รับผลกระทบในอนาคต รวมตัวกันคัดค้านมาแล้วหลายครั้ง และวันที่ 15 กันยายน เวลา 09.00 น.ชาวบ้านก็นัดมารวมตัวคัดค้านอีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน

ล่าสุดผู้บริหารบริษัท ช้างซ้าย กรีน จำกัด ได้แจ้งขอยกเลิกการขออนุญาตสร้างบ่อกำจัดขยะกับทางองค์การบริหารส่วนตำบลช้างซ้ายแล้ว จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากชาวบ้าน

การใช้คำว่า จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านคลางแคลงใจว่า บริษัทยังมีความพยายามต่อไปในการสร้างบ่อกำจัดขยะ

ในส่วนของการเดินสำรวจรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิ์นั้น สำนักงานที่ดินเตรียมแจกเอกสารสิทธิ์แล้ว แต่ชาวบ้านร้องค้านไว้ทัน การแจกเอกสารสิทธิ์จึงต้องชะลอไว้ก่อน

กล่าวสำหรับการผลักดันบ่อกำจัดขยะโดยเอกชนเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับบ่อกำจัดขยะทุ่งท่าลาดล้นเป็นภูเขาขยะ จนสภาทนายความโดยสมพร ดำพริก และคณะได้ยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐ 10 กว่าหน่วยงานต่อศาลปกครอง ให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขปัญหา ศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว และให้แก้ไขปัญหา 2 ประการ แต่จนถึงขณะนี้ทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราชก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และในที่สุดทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้สั่งปิดบ่อกำจัดขยะทุ่งท่าลาด มีผล 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ประเด็นปัญหาคือ เมื่อบ่อกำจัดขยะทุ่งท่าลาดปิดตัวลง บ่อขยะใหม่ของเทศบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีศักยภาพ ก็ไม่มี บ่อกำจัดขยะของเอกชนก็ยังไม่เกิด

นครศรีธรรมราชจะกลายเป็นเมืองที่มีปัญหา ‘วิกฤตขยะ’ แน่นอน

ส่อง กมธ.พิทักษ์สถาบัน - ป.ป.ช. บ้านเมือง...ในอุ้งมือสภาสีน้ำเงิน!!

รัฐสภาส่งท้าย 30 ต.ค.2567 ปิดสมัยประชุม เปิดประชุมสมัยหน้า 12 ธ.ค.2567  แต่ในห้วงเวลาการปิดสมัยประชุมกรรมาธิการชุดต่างๆ ยังคงทำหน้าที่กันตามพันธกิจสืบเนื่อง...ดังนั้นแนวรบรัฐสภาจะไม่เงียบเหงา วังเวงอย่างแน่นอน..โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรบของวุฒิสภา หรือสภาสีน้ำเงิน...

วันนี้ขอหมายเหตุถึงสภาสีน้ำเงินก่อนปิดสมัยประชุมสักเล็กน้อย...

1) วุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับวุฒิสภาชุดก่อนหน้านี้ 2-3 ชุด ถ้าจำกันได้ชุดที่แล้ว มี ‘สุวพันธ์  ตันยุวรรธนะ’ เป็นประธานกมธ. และมีบิ๊กเนมทั้งจากสว.และบุคคลภายนอกเพียบ...

มาถึงชุดนี้สภาสีน้ำเงินได้รายชื่อ กมธ.มา 14 คน และเพิ่งเคาะตำแหน่งกันเมื่อวันที่ 29 ต.ค.และฟิตจัดประชุมนัดแรก 30 ต.ค.วางกรอบการทำงาน โดยประธานกมธ.คือ ‘พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา’ อดีตผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา อดีตตุลาการศาลทหารสูงสุด สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่กำลังขึ้นหม้อ...

แต่ที่น่าสนใจคณะกมธ.พิทักษ์สถาบันฯ ชุดนี้มีสองดร.หนุ่มไฟแรงหัวใจสีน้ำเงินของแทร่..คือ ‘ดร.เจษฎ์ โทณะวนิก’ และ ‘ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์’ ร่วมอยู่ด้วย..รับประกันซ่อมฟรีด้านวิชาการและการเคาน์เตอร์ หากว่ากมธ.ต้องการ...โดยครั้งนี้ ดร.เจษฎ์ได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษก กมธ.

2) ที่ประชุมวุฒิสภา 29 ต.ค.ได้ลงมติตั้งคณะกมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช. โดยกำหนดระยะเวลาการทำงาน 60 วัน ซึ่งในวันเดียวกันคณะกมธ.ชุดนี้ได้ประชุมในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เลือก ‘พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา’ เป็นประธานกมธ.

หากเป็นวุฒิสภา..ชุดก่อนหน้านี้ แทบทุกครั้งในการวางตัวประธานกมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติฯ ทำนองนี้ก็จะหนีไม่พ้นต้องใช้บริการ ‘พล.อ.อู๊ด เบื้องต้น’ อดีตปลัดกลาโหมและนายทหารคนสนิทของ ‘พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์...

คราวนี้..งานแรกที่พล.อ.สวัสดิ์จะต้องพิสูจน์ฝีไม้ลายมือในการทำงานก็คือ..ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมจริยธรรมของ นายประภาศ คงเอียด อดีตผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลาง, อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง, อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ฯลฯ  ที่ผ่านด่านกรรมการสรรหามาให้สภาสีน้ำเงินลงมติลับให้ความเห็นชอบว่า...ผ่านไม่ผ่าน...ถ้าได้คะแนนเกินครึ่งของสว.ทั้งหมดคือมากกว่า 100 เสียงก็ผ่าน..ถ้าน้อยกว่าก็ชวด...

สายข่าวรายงานด้วยความเสียววูบวาบว่า...โอกาสผ่านหรือไม่ผ่านของนายประภาศนั้น หากว่ากันตามเนื้อผ้าแม้จะมากประสบการณ์การทำงาน แต่ปูมประวัติบางฉากเช่นกรณีตรวจสอบภาษีอันเนื่องจากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กองทุนเทมาเส็กนั้น ยังมีการปุจฉา/วิสัชนากันไม่จบจนวันนี้...งานนี้ไม่รู้ค่ายสีแดงหรือสีน้ำเงินจะจับมือกันหรือประลองกำลังกัน..ต้องตามไปดู...

แน่นอนที่สุด..หลังกรณี ‘ประภาศ คงเอียด’ ต้นปีหน้าสภาสีน้ำเงินมีวาระที่จะต้องชี้ขาด  3 กรรมการป.ป.ช.ที่ครบวาระปลายปีนี้ 3 คนคือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ,วิทยา  อาคมพิทักษ์และสุวณา สุวรรณจูฑะ...หลังจากนั้นกรรมการป.ป.ช.ก็คงจะได้เลือกประธานคนใหม่กัน..

เดิมพันกระบวนการยุติธรรม เดิมพันประเทศส่วนสำคัญ..อยู่ในอุ้งมือของสภาสีน้ำเงินโดยแท้...ระหว่างน่าลุ้นกับน่าเสียวไส้..ครือๆ กัน!!

‘เอกอัครราชทูตจีน’ ร่วมสัมมนาวุฒิสภาไทย ย้ำสร้างประชาคม ‘จีน-ไทย’ ฉลอง 50 ปี สัมพันธ์การทูต

เมื่อวันที่ (13 พ.ค.68) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายหาน จื้อเฉียง ได้รับเชิญเข้าร่วมและกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาเรื่อง “ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจโลก และบทบาทของจีน: โอกาสและความท้าทายสำหรับประเทศไทย” ซึ่งจัดโดยวุฒิสภาไทย โดยมีคุณมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และสมาชิกวุฒิสภาเกือบ 100 คนเข้าร่วม

ทูตหานได้กล่าวถึงจุดยืนของจีนในเวทีเศรษฐกิจโลก โดยเน้นย้ำความสำคัญของความยุติธรรม การคัดค้านการใช้อำนาจในทางที่ผิด และการรักษาระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พร้อมแสดงความตั้งใจของจีนในการแบ่งปันโอกาสในการพัฒนาแก่ทุกประเทศ รวมถึงไทย โดยถือโอกาสวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

ด้านประธานและรองประธานวุฒิสภาไทยกล่าวชื่นชมบทบาทของจีนในเวทีโลกและย้ำว่ารัฐสภาไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีกับจีน โดยสนับสนุนความร่วมมือในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศในระยะยาว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top