Tuesday, 22 April 2025
สมาคมฟุตบอล

“มาดามแป้ง” เคลื่อนไหวเดือดถึง “สมยศ” หลัง ส.บอลแพ้คดีต้องจ่าย 360 ล้าน พร้อมปูดอดีตนายกสมาคมฯ คนเก่า กู้เงินฟีฟ่า 155 ล้าน

(11 มี.ค. 68) จากกรณีคดีพิพาทระหว่าง สยามสปอร์ต กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้บทสรุปว่า สมาคมฯ จะต้องจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยให้ สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท หลังมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นตั้งแต่ยุค "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯ แต่มามีคำพิพากษาในยุคของ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ที่เพิ่งทำงานในฐานะนายกสมาคมฯ ครบ 1 ปีไปไม่นานนี้

ล่าสุด "มาดามแป้ง" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า 

"วันที่เลื่อนแถลงข่าวที่ผ่านมา เพราะป่วย และที่ผ่านมาติดภารกิจไปพบฟีฟ่าที่ต่างประเทศ"

"ในขณะที่แป้งเข้ามารับตำแหน่ง สภากรรมการได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ทรัพย์สิน หนี้สิน สมาคมฟุตบอล จากการตรวจสอบพบว่า สมาคมมีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ 27 ล้านบาท มีหนี้สิน 132 ล้านบาท เรื่องทั้งหมดนี้ถูกตรวจสอบทั้งหมด แต่แป้งไม่เคยออกมาพูด"

"เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ท่านอดีตนายกสมาคมฯได้สารภาพ ว่าได้กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่า โดยเป็นเงินกู้และเบิกรับครั้งเดียว 5 ล้านเหรียญ คือ 155 ล้านบาท โดยแบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี"

"แป้งคงไว้ไม่ยกเลิกสัญญากับแพลนบี เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเดียวกับสยามสปอร์ต โดยที่แพลนบีการันตีรายได้ให้มากขึ้น แพลนบีคืนสิทธิ์ในการจำหน่ายตั๋ว และวางหลักประกัน การถ่ายทอดสดกับไทยรัฐหรือพีพีทีวี"

"สมาคมในยุคที่แล้วได้มีการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีกให้ต่างประเทศ แป้งได้ไปซื้อกลับมา และยังขายสิทธิ์ที่นำมาซึ่งผลประโยชน์สูงสุดแก่คนนอก นั่นคือ Data analysis ถูกขายไปจนถึงปี 2571 ให้กับ perform มาเลเซีย"

"ตั้งแต่แป้งเข้ามารับตำแหน่งไม่เคยรับเงินเดือน แต่ในยุคก่อนท่านรับเงินเดือนจากทั้งสมาคมฟุตบอลและไทยลีก รวม 2 ที่ 1 ล้านบาท ไม่รวมโบนัส และส่งผลให้มีการร้องเรียนถึงความเหมาะสม ล่าสุดมีการพิจารณาว่านายกสมาคมไม่สามารถรับเงินเดือนได้ เพราะไม่ใช่ลูกจ้างสมาคม เป็นการอาสาเข้ามา และยังไม่พบว่ามีการคืนเงินให้สมาคมแล้ว"

"ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น เกิดในสมัยสภากรรมการชุดเดิม แป้งเข้ามาและทราบข้อความจากฝ่ายกฎหมายแล้วว่าศาลชั้นต้นแพ้ให้สยามสปอร์ต ต้องจ่าย 50 ล้าน"

"ต่อมาศาลอุทธรณ์ให้สมาคมจ่าย 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย จากนั้นคำพิพากษาศาลฎีกา ให้สมาคมฯ จ่าย 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย"

"จำเลยที่ 2-19 ท่านอดีตนายกสมาคม ไม่ต้องรับผิดชอบการเงินเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นการกระทำในกรอบอำนาจหน้าที่"

"ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการยกเลิกสัญญาที่ไม่ถูกต้อง จากคำพิพากษาจากแฟนบอลทั่วไป หรือหลายท่าน ที่อดีตนายกสมาคม ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น คือจริงๆ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทย์คือสยามสปอร์ต แต่อย่างไรก็ตามแป้งและฝ่ายกฎหมายศึกษาอย่างเด่ดชัดแล้วว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ มาตรา 76 จึงเป็นที่มาว่า แป้งตัดสินใจแล้ว จะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภากรรมการเฉพาะกิจเร่งด่วนเพื่อฟ้องไล่เบี้ยแก่จำเลยที่ 2 และสภากรรมการยุคนั้น"

ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว มาดามแป้ง ได้โพสต์เพซบุ๊กว่า 
“ปกติทุกท่านคงจะทราบ แป้ง เป็นมือประสานสิบทิศ ไม่อยากเป็นศัตรูของใครเลย แต่การทำงานของ แป้งในวันนี้ แป้ง ทำด้วยผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก”

“กีฬาฟุตบอลไทย เป็นกีฬาที่คนไทยดูมากที่สุด 70% และคนเล่นสูงสุดรองจากมวย ดังนั้น แป้ง คิดว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาของคนทั้งชาติ สิ่งที่แป้งและคณะกรรมการ จะทำต่อไป ไม่ได้มีความขัดแย้ง ส่วนตัวกับท่านใด แต่ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสมาคมฯ และของชาติไทย”

‘กรณ์’ หนุน ‘มาดามแป้ง’ พิสูจน์ให้ถึงที่สุด ปมดรามาสมาคมฟุตบอลฯ ส่อไปในทางทุจริต

จากกรณีที่ “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แถลงยืนยันแนวทางของสมาคมฯในการยืนฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บริหารสมาคมชุดเก่า หลังศาลฎีกาสั่งมีคำพิพากษาให้ชดใช้เงิน 360 ล้านบาท ในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท

ล่าสุด ( 12 มี.ค. 68) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวว่า ดราม่าสมาคมฟุตบอล ดราม่าที่น่าติดตาม

ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเรื่องฟุตบอล หรือเพราะเป็นเรื่องของคุณแป้ง  แต่ที่สำคัญที่สุดเพราะครั้งนี้ดูเหมือนจะมีคนเอาจริงกับพฤติกรรมโคตรแย่ (หากจริง - ตอนนี้ทั้งประเทศกำลังรอคำชี้แจ้งจากผู้ถูกกล่าวหา) และเป็นพฤติกรรมโคตรแย่ที่สะท้อนหลายอย่างใน ‘สังคมระดับผู้มีอำนาจของไทย‘

ผมขอติดตามเรื่องนี้ โดยหวังว่าจะมีการพิสูจน์ความจริงกันถึงที่สุด หวังว่าเรื่องจะไม่เงียบไปเฉยๆ เพราะปกติดราม่าความขัดแย้งในสังคมระดับผู้มีอำนาจ จะจบด้วยการสมยอม (ฮั้ว) โดยที่ผลประโยชน์ที่ลงตัวมักได้รับความสำคัญเหนือกว่า ‘ความจริง‘ หรือการ ’รับผิดชอบ’ ต่อการกระทำผิด

แต่เรื่องนี้ผม ‘เชื่อแป้ง’ ว่าจะเอาจริง ซึ่งควรเป็นเช่นนั้นเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องขององค์กรที่มีประชาชนมีส่วนร่วมด้วยมากที่สุดองค์กรหนึ่งในประเทศ

เรื่องนี้จบอย่างไร มีการทุจริตจริงหรือไม่ และถ้ามีจริงจะทำให้เห็นว่าสังคมไทยยังมีความหวังเรื่องการกำจัดทุจริตคอร์รัปชันอย่างไร…นี่คือสาเหตุที่ดราม่านี้น่าติดตาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top