Sunday, 8 June 2025
สมรสเท่าเทียม

‘สว.กมธ.’ ชี้ จ่อพิจารณา ‘กม.สมรสเท่าเทียม’ 18 มิ.ย.นี้ ยืนยัน!! สาระสำคัญไม่ได้หายไป พร้อมทันใช้ปีนี้แน่นอน

(31 พ.ค. 67) ที่รัฐสภา น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม สว.ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม วุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (กฎหมายสมรสเท่าเทียม) ว่า พิจารณาครบหมดแล้วทั้ง 69 มาตรา ซึ่งในชั้นกมธ.ฯ ไม่ได้มีการแก้ไขมาตราใด แต่มีผู้แปรญัตติเพียง 2 คน คือ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สว. ที่มีการเสนอแปรญัตติขอให้กฎหมายมีผลบังคับใช้วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วน พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร สว.ของแปรญัตติแก้ไข ถ้อยคำเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ทำให้สาระสำคัญหายไป

“กมธ.ฯ ส่วนใหญ่ยังเห็นว่าควรบังคับใช้หลังจาก 120 วัน นับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เนื่องด้วยเป็นช่วงเวลาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ได้มีเวลาเตรียมการ เช่น เตรียมทะเบียนสมรสที่จะใช้ และออกระเบียบให้สอดคล้องกับ หลักศาสนาของเจ้าหน้าที่ที่เป็นมุสลิมเพื่อง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้น” น.ส.ปิยฉัฏฐ์ กล่าว

น.ส.ปิยฉัฏฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาเบื้องต้นจะมีการบรรจุระเบียบวาระในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญ ซึ่งในประเด็นที่มีการแปรญัตติ ก็ให้ที่ประชุมลงมติชี้ขาด ทั้งนี้ยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้พร้อมบังคับใช้ภายในปีนี้แน่นอน

'ก้าวไกล' สะอึก!! ถูกปาดหน้าคะแนนนิยมสมรสเท่าเทียม หลัง ‘โพล’ เช็กเสียงสังคม ‘เพื่อไทย’ ผู้ผลักดันเป็นรูปธรรม

(13 มิ.ย.67) ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าแผนกวิจัย สำนักวิจัย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,100 คน ในช่วงวันที่ 3-6 มิ.ย.67 ถึงกรณีสมรสเท่าเทียม โดยมีพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ผลักดัน ทั้งนี้การสำรวจจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศพบว่าสังคมไทยให้การยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีความเห็นด้วย กับการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมของพรรคเพื่อไทย และคู่รักหลากหลายทางเพศควรได้รับสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกับสิทธิที่คู่สมรสชายหญิง

โดยการสำรวจนั้นได้ถามถึงว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการผลักดันกฎหมายรับรองการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมของพรรคเพื่อไทย โดยผลสำรวจ พบว่า เห็นด้วย 82.5% ไม่แน่ใจ 8.9% และ ไม่เห็นด้วย 8.5%

นอกจากนั้นยังได้สำรวจต่อว่ายอมรับได้หรือไม่หากมีเพื่อนร่วมงานเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) พบว่า ยอมรับได้ 91.4% และไม่สามารถยอมรับได้ 8.6% พร้อมทั้งถามต่อว่า หากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) พบว่า ยอมรับได้ 85.9% ไม่สามารถยอมรับได้ 7.9% และยังไม่แน่ใจ 6.2%

พร้อมทั้งถามถึงกรณีที่คู่รักหลากหลายทางเพศควรได้รับสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกับสิทธิที่คู่สมรสชายหญิงได้รับหรือไม่ พบว่า ควรได้รับสิทธิทุกอย่างเหมือนกัน 56.2% ควรได้รับสิทธิบางอย่าง 38.4% และ ไม่ควรได้รับสิทธิใด ๆ 5.5%

‘รัดเกล้า’ ชวนคนไทย นับถอยหลังอีก 2 วัน ร่วมฉลอง ‘ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม’ ย้ำ!! รัฐบาลให้ความสำคัญ ชาว LGBTQIAN+ เปิดโอกาสให้เพศเดียวกัน ได้แต่งงานกัน

(16 มิ.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า 17.00 น. ของวันอังคารที่ 18 มิ.ย. นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะจัดงานเลี้ยงรับรอง เพื่อแสดงความยินดีกับจุดเริ่มต้นของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่สนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หลังจากกรรมาธิการวุฒิสภามีการประชุมเรื่องนี้เสร็จแล้วและเตรียมเปิดประชุมวุฒิสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …. หรือ ‘ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม’ ในวันอังคารที่ 18 มิถุนายนนี้ โดยในงานจะมีทั้งคณะรัฐมนตรี เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยที่ให้ความสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ผู้ก่อตั้งและคณะทำงานบางกอกไพร์ด หน่วยงานราชการองค์กรเอกชนและภาคประชาสังคมผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ เครือข่ายพันธมิตรสีรุ้ง ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และสื่อมวลชนอีกมากมาย

อังคารที่ 18 มิถุนายน 2567ถือเป็นวันดีเดย์แห่งชาติ ที่คนไทยจับตาดูหลายเรื่องซึ่งหนึ่งในเรื่องนั้นคือ การที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเดินหน้าเข้าสู่เส้นชัย โดยหากที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบ ร่างกฎหมายดังกล่าว จะส่งมายัง ครม. และ นายกรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยและจะมีผลใช้บังคับ หลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน หรือประมาณในช่วงปลายปีนี้

“งานฉลองที่สนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้านั้นเป็นเพียงการคิ๊กออฟของการเฉลิมฉลอง ณ เวลา 18:00 น. ขบวนพาเหรดของภาคประชาชนจะเดินหน้าไปที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bacc) เขตปทุมวัน เพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีทั้งการแสดงแดรกโชว์ การแสดงดนตรี การรวมตัวกันของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศที่จะเป็นอนาคตของครอบครัวภายใต้สมรสเท่าเทียมนี้ มีการประกาศถ้อยแถลงชัยชนะของการสมรสเท่าเทียมกัน และ มีการเปิดสัญลักษณ์สมรสเท่าเทียมกัน อีกด้วย” รองโฆษกฯ รัดเกล้ากล่าวทิ้งท้าย

วุฒิสภามีมติ 130 ต่อ 4 ไฟเขียว 'สมรสเท่าเทียม' มีผล 120 วันหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา

(18 มิ.ย.67) การประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ มีวาระสำคัญ นั่นคือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือ ‘กฎหมายสมรสเท่าเทียม’ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
.
ผลปรากฏว่า มติที่ประชุม 130ต่อ 4เสียง ให้ความ “เห็นชอบ” เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมีผู้งดออกเสียง18เสียง โดยกฎหมายฉบับดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน หรือประมาณช่วงปลายปีนี้ ทำให้ประเทศไทยจะถือเป็น ‘ประเทศแรก’ ในอาเซียนที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม และเป็นประเทศที่สามของเอเชีย ต่อจากไต้หวัน และเนปาล 

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะถูกส่งไปยัง คณะรัฐมนตรี(ครม.) จากนั้นนายกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยความเห็นของสมาชิก อาทิ สว.คำนูณ สิทธิสมาน ในฐานะโฆษกคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นมิติใหม่ของสังคมไทย โดยเป็นกฎหมายที่มีความเป็นมาที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 10 ปีจากกลุ่มบุคคลที่เราอาจไม่ได้สัมผัสกับเขาโดยตรง 

“ที่ผ่านมามีความพยายามจากสื่อมวลชนที่จะมาถามถึงความเห็นของวุฒิสภาว่ามีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ตนได้ตอบไปว่า ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

“ขณะเดียวกันร่างกฎหมายที่เสนอเข้าสภา มีร่างหนึ่งที่เสนอจากภาคประชาชนโดยตรง ขณะที่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีเสียงคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว ทั้งนี้แม้กระบวนการตามกฎหมายจะระบุให้วุฒิสภาแปรญัตติได้อย่างกว้างขวาง แต่ที่ผ่านมาวุฒิสภาก็ให้เกียรติในประเด็นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเป็นสำคัญ

“ในวาระแรกวุฒิสภา ก็ได้รับหลักการร่างที่ผ่านความเห็นจากสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้นการจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งทำให้หลักการของสภาผู้แทนราษฎรมีหลักการที่ถูกแก้ไขก็อาจจะกระทบกระเทือนกฎหมายทั้งฉบับ และอาจมีผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายในอนาคตหลังจากนี้ต่อไปวินาทีนี้เป็นวินาทีประวัติศาสตร์ว่าเขาจะบันทึกการทำงานของเราไว้อย่างไร การลงมติครั้งนี้แม้จะเป็นการลงมติกฎหมายฉบับหนึ่งแต่จะถือเป็นการลงมติในวินาทีประวัติศาสตร์จึงขอให้สมาชิกทุกท่านใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ”

สำหรับประเด็นสำคัญในกฎหมายฉบับดังกล่าว ระบุให้ ‘บุคคลสองคน’ (ทุกเพศ) สมรสกันได้ รวมทั้งได้รับสิทธิ อาทิ...

>> สิทธิรับรองการหมั้น/สมรสทุกเพศ เมื่ออายุ 18 ปี

การหมั้น จะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว และการหมั้นจะสมบูรณ์ได้ เมื่อฝ่ายผู้หมั้นได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่ผู้รับหมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับผู้รับหมั้นนั้น

อนึ่งเมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้รับหมั้น

สำหรับ สินสอด เป็นทรัพย์สินซึ่งฝ่ายผู้หมั้นให้แก่ บิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองฝ่ายผู้รับหมั้น แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการที่ผู้รับหมั้นยอมสมรส

ส่วนกรณี การสมรส จะกระทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้วเช่นเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก แต่ในกรณีมีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้

เว้นแต่การสมรสกับบุคคลวิกลจริต คนที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือบุคคลสองคนซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมาก็ดี และบุคคลที่ทำการสมรสขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่

>> คู่สมรสจัดการทรัพย์สินสมรสร่วมกัน
สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินใดที่คู่สมรสได้ทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นคู่สมรสกันนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียในเวลาใดที่เป็นคู่สมรสกันอยู่หรือภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นคู่สมรสกันก็ได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอก ผู้ทำการโดยสุจริต โดยทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส นอกจากที่ได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัว ย่อมเป็นสินสมรส

สินสมรส ใดที่มีเอกสารเป็นสำคัญ คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นก็ได้

>> คู่สมรสต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน

(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จัดการได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง

ทั้งนี้คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินสมรสที่เกินกว่าส่วนของตนให้แก่บุคคลใดได้

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสิทธิในการ ‘หย่า’ เมื่อได้จดทะเบียนสมรสแล้ว การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ได้ เมื่อคู่สมรสได้จดทะเบียนหย่า โดยเหตุฟ้องหย่า 10 กรณีอีกด้วย

‘รวมไทยสร้างชาติ’ ร่วมฉลอง!! ‘พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม’ ผ่านฉลุย พร้อมยินดีกับ LGBTQIA+ ในไทยทุกคน ในฐานะผู้ร่วมผลักดัน กม.นี้

(19 มิ.ย.67) พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จหลัง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ผ่านการพิจารณาวุฒิสภาวาระ 3 และจะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่นานหลังจากนี้ พร้อมแสดงความยินดีกับ LGBTQIA+ ในประเทศไทยทุกคน ที่จะสามารถสมรสกันได้อย่างเท่าเทียม ในฐานะที่พรรคฯ ได้ผลักดันกฎหมายฉบับนี้มาโดยตลอด

โดย นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สส. บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยนายศาสตรา ศรีปาน สส. สงขลา เขต 2 และนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรค บอกก็ต้องประสบความสำเร็จ ร่วมเป็นตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงความยินดีและเฉลิมฉลองความสำเร็จ เนื่องในโอกาส ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมผ่านการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ในวาระ 2 และ 3 หลังจากกฎหมายดังกล่าวผ่านการเดินทางมากกว่าทศวรรษ ที่ได้ฝ่าฟันและแก้ไข กระทั่งประสบความสำเร็จในวันนี้

ทั้งนี้ ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคที่มีความทันสมัย คนรุ่นใหม่ พร้อมเปิดกว้างทางความคิด ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกซึ่งทางพรรคฯ ได้ผลักดันเรื่องนี้ตั้งแต่แรกจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับ LGBTQIA+ ทุก ๆ คนที่มาสมรสในไทย ที่จะสามารถสมรสกันได้อย่างเท่าเทียม การผ่านกฎหมายนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การผ่านกฎหมาย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยพร้อมที่ให้ความสำคัญกับประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ และยอมรับความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของค่านิยมที่ถูกปลูกฝังในวัฒนธรรมของคนไทย นอกเหนือจากเป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านกฎหมายและสังคมแล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยนำไปสู่ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้ในอนาคต

ขณะเดียวกันกฎหมายฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มในการสร้างครอบครัวที่แข็งแรง สร้างความสมดุลระหว่างสิทธิและศักดิ์ศรี และยังเป็นการปกป้องค่านิยม ความเชื่อ ความศรัทธา และวัฒนธรรมของไทย และยังเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของการสมรสของผู้มีความหลากหลายทางเพศที่จะได้รับสิทธิและสวัสดิการอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นด้วยและผลักดันมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากฎหมายจะผ่านวาระ 3 ของวุฒิสภาแล้ว แต่กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้ทันทีต้องรอให้มีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อจะประกาศเป็นพระราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน และเมื่อ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ ทุก ๆ คนที่สมรสในประเทศไทย ไม่ว่าจะเพศใดสถานะใด สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ อีกทั้งยังได้รับสิทธิต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางด้านแพ่ง สินสมรส และเรื่องอื่น ๆ เหมือนกันทุก ๆคน

'จิรายุ' แนะ!! ส่วนราชการ เร่งทำความเข้าใจกฎหมายสมรสเท่าเทียม เหตุเกี่ยวพัน 'แพ่ง-อาญา' มีผลต่อชีวิตคู่ทั้ง 'สินสมรส-บุตรบุญธรรม'

(25 ก.ย. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ส่งผลให้ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน ในวันที่ 22 มกราคม 2568 นั้น

นายจิรายุกล่าวว่า ตามกรอบกฎหมาย 120 วันที่จะบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยระหว่างนี้ ให้ส่วนราชการทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะรายละเอียดกฎหมายที่ผูกพัน ทั้งอาญา และแพ่ง เพื่อให้ประชาชนจะได้เข้าใจถึงสิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงสิทธิจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส สิทธิรับบุตรบุญธรรม สิทธิการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย เป็นต้น

“พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเป็นอีกก้าวของความสำเร็จของรัฐบาลไทย เป็นเครื่องตอกย้ำความพยายามของรัฐบาลที่ดำเนินการด้านความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันตลอดมา และเชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันความเท่าเทียมอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชนไทย” นายจิรายุกล่าว

มท. อิ่ม ยืนยัน กระทรวงมหาดไทยพร้อมจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม 22 ม.ค. นี้

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยในการเปิดให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมแก่ประชาชนทุกคู่สมรส โดยนายทะเบียนทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ และ 50 เขตในกรุงเทพมหานคร ได้รับการอบรมและซักซ้อมการให้บริการอย่างครบถ้วน พร้อมระบบรองรับที่จัดเตรียมไว้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร พร้อมในการอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ตามกฎหมายฉบับใหม่ที่มีการบังคับใช้ ในวันที่ 22 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม โดยมีการประชาสัมพันธ์อย่างแพร่หลายเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล

นางสาวธีรรัตน์ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทยในการส่งเสริมความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ทั้งยังแสดงความยินดีกับคู่รักทุกคู่ ที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างเท่าเทียมกัน ผ่านการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายฉบับใหม่นี้

"นี่คือก้าวสำคัญในเรื่องความเท่าเทียมของสังคมไทย ที่เปิดรับทุกความหลากหลาย และขออวยพรให้คู่รักทุกคู่ ที่จะมาจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายฉบับใหม่นี้ ประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตคู่" นางสาวธีรรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเขต ทุกเขต และที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง ทั่วประเทศ

ไทยสำเร็จชาติแรกในอาเซียน ดีเดย์ LGBTQ จดทะเบียน 22 ม.ค.นี้

ประเทศไทยก้าวสู่ความเท่าเทียมทางเพศอย่างเป็นทางการ ด้วยการประกาศใช้พระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม พ.ศ. 2567 ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 ถือเป็นชาติแรกในอาเซียนที่ออกกฎหมายรองรับสิทธิการสมรสสำหรับบุคคลทุกเพศ

กฎหมายฉบับนี้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเน้นการปรับถ้อยคำให้เป็นกลางและครอบคลุม เช่น การเปลี่ยนคำจาก 'สามี' และ 'ภริยา' เป็น 'คู่สมรส' และคำว่า 'ชาย' และ 'หญิง' เป็น 'บุคคล' เพื่อให้ทุกเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 6 ประเด็นสำคัญของกฎหมายสมรสเท่าเทียม

อายุขั้นต่ำ: ปรับอายุขั้นต่ำสำหรับการหมั้นและสมรสจาก 17 ปี เป็น 18 ปี ความเท่าเทียมทางเพศ: รองรับการสมรสระหว่างบุคคลทุกเพศด้วยการปรับถ้อยคำในกฎหมายให้เป็นกลาง คำเรียกคู่สมรส: เปลี่ยนจาก 'สามี' และ 'ภริยา' เป็น 'คู่สมรส' เพื่อความเป็นธรรมทางเพศ การสมรสกับชาวต่างชาติ: เปิดโอกาสให้คนไทยสมรสกับชาวต่างชาติภายใต้กฎหมายไทย สิทธิในการรับบุตรบุญธรรม: คู่สมรสเพศเดียวกันสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้เช่นเดียวกับคู่สมรสชายหญิง สิทธิและหน้าที่คู่สมรส: มอบสิทธิเท่าเทียมในด้านมรดก การตัดสินใจทางการแพทย์แทนคู่สมรส และสิทธิในสวัสดิการจากรัฐ เหตุการณ์สำคัญสู่กฎหมายสมรสเท่าเทียม การออกกฎหมายนี้สะท้อนถึงความพยายามยาวนานของกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิความหลากหลายทางเพศในไทย กฎหมายความยาว 21 หน้า 69 มาตรา ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทยเพื่อความเท่าเทียม

เมื่อกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ในปีหน้า ทุกคนในสังคมจะสามารถก้าวสู่ชีวิตสมรสได้อย่างเท่าเทียม ไร้การแบ่งแยกด้วยเพศ พร้อมรับสิทธิและความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเต็มที่

‘จักรภพ’ พาคนรัก!! เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ขอคำปรึกษาทักษิณ เตรียมจดทะเบียนสมรส

(4 ม.ค. 68) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายก และ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (3 ม.ค. 68) ตนพร้อมด้วย นายสุไพรพล ช่วยชู หรือ ป๊อบ คู่ชีวิต  เดินทางเข้าพบ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเรียนเชิญเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนสมรส รับกฎหมาย พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ประเทศไทยจะประกาศใช้ ในวันที่ 22 มกราคม 2568 

นายจักรภพ กล่าวว่า การเข้าพบครั้งนี้ เพื่อขอคำปรึกษา ดร.ทักษิณ เกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรสและการฉลองแต่งงานของเรา ในฐานะที่ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ที่บทบาทสำคัญในการผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ในนามพรรคเพื่อไทย จนนำไปสู่ประกาศใช้ในวันที่ 22 มกราคมนี้ นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความหมายมาก เพราะว่าคนเพศเดียวกันหรือที่เรียกว่า LGBTQ+ ก็สามารถจดทะเบียนสมรสได้ เหมือนกับมนุษย์คนอื่นในโลกนี้ เพื่ออยู่ภายใต้ระบบกฎหมายเดียวกัน 

“ท่านเมตตาให้คำปรึกษาอย่างผู้ใหญ่ในครอบครัวทั้งในเรื่องวัน เวลา รูปแบบ แม้แต่ฤกษ์พานาที โดยท่านย้ำว่า ต้องยึดหลักโบราณเพื่อหาวันที่เหมาะสม” นายจักรภพ กล่าว นายจักรภพ กล่าวถึงเส้นทางความรักของตัวเองว่า คบหาดูใจกับ คุณป๊อบมายาวนานถึงกว่า 23 ปี พอ ๆ กับ การผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เมื่อปี 2544 ที่รัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรี ทักษิณ  เริ่มเสนอแนวคิดให้คนรักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมาย แต่ต้องยุติลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกระแสสังคมต่อต้าน รัฐบาลจึงมองเห็นว่าสังคมไม่พร้อม เรื่องนี้จึงตกไป ต่อมา ปี 2555 มีการเรียกร้องจากกลุ่ม LGBTQ+ ต้องการจดทะเบียนสมรส แต่ถูกปฏิเสธ จึงได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง 

ต่อมาในปี 2556 สมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีผลักดันให้มีกฎหมายรองรับของกลุ่ม LGBTQ+ อีกครั้ง โดยได้ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิตเพื่อให้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่สำเร็จ และยุติลงในปี 2557  หลังจากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวจากภาคประชาชนและพรรคการเมือง และกระแสโลก ที่เรียกร้องสมรสเท่าเทียม และมีการเดินหน้าอย่างจริงจัง จนนำไปสู่ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และจะประกาศใช้ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ ในรัฐบาลของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นับเป็นการผลักดันต่อสู้อย่างยาวนานของพรรคเพื่อไทย ในการสร้างประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์โลกจนประสบความสำเร็จในที่สุด

'มาริษ' ยินดี 'สมรสเท่าเทียม' มีผลใช้บังคับ เผย ตปท.ชื่นชมประเทศไทย – ย้ำคนไทยต่างแดนจดทะเบียนที่ สอท.-สกญ.ได้ 

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการมีผลบังคับการสมรสเท่าเทียม ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง การมีผลบังคับใช้ของกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 ม.ค.) ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยบนเวทีโลก ซึ่งได้รับความชื่นชมจากมิตรประเทศในโลกตะวันตก ทั้งในยุโรป และอเมริกา ในฐานะที่ประเทศไทย เป็นประเทศแรก ๆ ในทวีปเอเชียที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นการต่อยอดบทบาทสำคัญของไทยในเรื่องดังกล่าว บนเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ และนิมิตหมายนี้ แสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทย ต่อการปูรากฐานของสังคมที่เปิดกว้าง การเคารพในสิทธิและความเท่าเทียมของทุกคน 

นายมาริษ ยังย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศยินดีเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมแก่คนไทยในต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก พร้อมให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นยอมรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top