Friday, 5 July 2024
ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี

BCG โมเดล วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจจาก 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' นำพาเศรษฐกิจไทยเดินหน้า พร้อมรักษาสิ่งแวดล้อมโลกอย่างยั่งยืน

(5 พ.ย. 65) โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) คือหนึ่งในกรอบความคิดหลักของวิสัยทัศน์นายกรัฐมนตรี ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’

โมเดล BCG นี้ ถูกบรรจุเป็นกรอบความคิดหลักสำคัญในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะนำพาเศรษฐกิจไทย เติบโตไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกอย่างยั่งยืน

 

'บิ๊กตู่' ถกผู้นำชาติมหาอำนาจใน APEC 2022 ไฮไลต์!! หารือข้อราชการแบบเต็มคณะกับ 'สี จิ้นผิง'

กำหนดการ #APEC2022THAILAND 19 พ.ย.65 

ภายหลังจบภารกิจในช่วง 01.15 ของวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีกำหนดการในการประชุม #APEC2022 ของ 19 พ.ย.65 ดังนี้...

เวลา 08.00 น. นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ กับนายแอนโทนี แอลบาเนซี (The Honourable Anthony Albanese MP) นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย 

เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีแบบสั้น (pull-aside) กับ นางสาวจาชินดา อาร์เดิร์น (The Right Honourable Jacinda Ardern MP) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์

เวลา 08.40 น. นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ นางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Ms. Kristalina Georgieva) กรรมการจัดการกองทุนเงินระหว่างประเทศ (IMF) 

เวลา 09.15 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเขตผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 (Retreat ช่วงที่ 2) ภายใต้หัวข้อ ‘Sustainable Trade and Investment การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน’ ณ ห้องประชุม Plenary Hall 2 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในฐานะประธานผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 

'รัฐบาลลุงตู่' เดินหน้าพัฒนา 'เมืองยะลา' สู่เมืองอัจฉริยะ ยกระดับเป็น 'ศูนย์กลางทางดิจิทัล' ในกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้

(22 ม.ค. 66) เพจศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี - PMOC ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อยกระดับจังหวัดยะลาให้เป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ โดยระบุว่า...

ยะลาเคยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของขบวนการแบ่งแยกดินแดน จากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอดีตเกือบ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลานั้น ยะลาและอีก 2 จังหวัดชายแดนใต้ตกอยู่ภายใต้บรรยากาศแห่งความหวั่นไหว เกิดเหตุการณ์ฆ่าสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ, พระสงฆ์ และประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยขบวนการแบ่งแยกดินแดนเป็นเวลาหลายสิบปี มีผู้สียชีวิตนับพัน อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง เห็นคนต่างศาสนาเป็นศัตรู

ภายใต้แนวทางการดำเนินการภาครัฐที่ใช้การพัฒนานำหน้า พัฒนาพื้นที่ สร้างสันติสุขที่ยั่งยืน ประกอบกับ 'ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี' ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใช้การพัฒนาเศรษฐกิจนำหน้า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (3 แกนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ), เศรษฐกิจฐานราก (Local Economy), กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จังหวัดยะลาจึงมีโอกาสพลิกฟื้นสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และมีโอกาสได้พัฒนาเมืองร่วมกัน

ถึงแม้ยะลาจะไม่มีต้นทุนทางเศรษฐกิจมากมายนัก แต่มีต้นทุนทางวัฒนธรรม (Cultural Asset) หรือ Soft Power และต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมาย ซึ่งชาวยะลาร่วมใจกันใช้ต้นทุนเหล่านี้ในการสร้างเมืองขึ้นใหม่ สร้างโอกาส สร้างรายได้แก่ชาวยะลาได้อย่างทั่วหน้า

นอกจากนี้ จังหวัดยะลา ยังอาศัยโอกาสจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) มาใช้ในการพัฒนาเมืองตามแนวคิด ไทยแลนด์ 4.0 ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกอบกับการส่งเสริมการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้เมืองยะลามีการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะดังนี้ 

>> Smart Governance

เทศบาลยะลาได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Yala Mobile Application เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง ด้วยแนวคิดรัฐบาลโปร่งใส่ (Open Government) ของรัฐบาล อีกทั้งยังสามารถรับทราบข่าวสารการให้บริการภาครัฐ และร้องเรียนผ่านแพลตฟอร์มไลน์

>> Smart Economy

เทศบาลยะลาได้พัฒนาเศรษฐกิจเชิงเทคโนโลยี โดยสร้าง platform ที่ชื่อว่า 'หลาดยะลา' สร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ด้วยการเป็นสื่อกลางในการให้บริการค้าขายออนไลน์ พร้อมบริการขนส่งในพื้นที่ผ่านวินมอเตอร์ไซด์ 

นอกจากนี้ เทศบาลยังจัดอาสาสมัครชุมชนเข้าไปช่วยสอนวิธีการใช้งาน เพื่อแก้ปัญหาความไม่รู้ ไม่เข้าใจของประชาชนบางส่วนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกด้วย

'กฎหมาย' เปิดทางบุคคล 2 คน จดทะเบียนตั้ง 'บริษัทจำกัด' เอื้อเปิดกิจการขนาดเล็ก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจระยะยาว

รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลดขั้นตอน อุปสรรคเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและทยอยมีผลบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่23) พ.ศ. 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัทได้เริ่มมีผลบังคับ โดยผลของกฎหมายจะเอื้อให้เกิดการก่อตั้งธุรกิจง่ายขึ้น มีความคล่องตัว ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเป็นกลไกสำคัญสนับสนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23)ฯ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 8 พ.ย. 65 กำหนดให้มีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 66 เป็นต้นมา ได้มีการปรับปรุงแก้ไขในหลายประเด็น อาทิ การลดจำนวนขั้นต่ำของผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเป็น 2 คน จากเดิมที่กำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 3 คน ซึ่งเกณฑ์ในเรื่องนี้จะทำให้มีการจัดตั้งธุรกิจได้ง่ายเอื้อต่อการเกิดธุรกิจขนาดเล็กหรือวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) มากขึ้น

กฎหมายยังมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกำหนดวิธีประชุมกรรมการให้สามารถดำเนินการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย ส่วนการส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่นั้นได้กำหนดวิธีบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เป็น 2 กรณี ตามชนิดใบหุ้น โดยกรณีผู้ถือหุ้นชนิดระบุชื่อมีการลดขั้นตอนการพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ส่วนกรณีหุ้นชนิดผู้ถือ ได้กำหนดให้มีการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่หรือโฆษณาในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

'บิ๊กตู่' ผลักดันนโยบาย 'อาหารไทย อาหารโลก' เน้น!! การขยายตลาดอาหารไทยไปยังตลาดโลก คู่กับ 'ส่งเสริม' สินค้าฮาลาล อย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 66 รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) พร้อมด้วย...

- ศาสตราจารย์ ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดี ด้านการวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
- พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย 
- นายสามารถ มะลูลีม กรรมการอำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
- นายประสาน ศรีเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี 
- นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง 
- คณะผู้บริหารศวฮ.และเจ้าหน้าที่

ให้การต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะในการเยือนศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พิธีเปิดเริ่มด้วยการกล่าวต้อนรับ โดยศาสตราจารย์ ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดี ด้านการวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การกล่าวสรุปกิจการฮาลาลประเทศไทย โดยพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

จากนั้น รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์ฯ บรรยายสรุปพันธกิจและ กิจกรรมของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ดังนี้...

1. ประวัติและผลงานของ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ
2. โครงสร้างการบริหารกิจการฮาลาลประเทศไทย
3. บทบาทของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมฮาลาล ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบาย และเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล และห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล ณ ชั้น 11 – 13 อาคารวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

‘บิ๊กตู่’ ลั่น!! นี่คือผม สู้ทุกอย่าง ไม่ยอมแพ้ใครทั้งสิ้น เพื่อให้ใบหน้าของประชาชนทุกคนมีแต่รอยยิ้ม

เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขณะลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงการดำเนินงาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ให้ประชาชนทุกคนมีอาชีพ มีรายได้ มีรอยยิ้ม ว่า…

“สู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม เพราะนี่คือผม ไม่ยอมแพ้ใครทั้งสิ้น

‘ทางหลวงหมายเลข 12’ ผลงานความสำเร็จจากรัฐบาล ‘บิ๊กตู่’  เชื่อมโยงระเบียง ศก.ตะวันออก-ตะวันตก กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

ผลงานความสำเร็จ!! ยุทธศาสตร์รัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ถนนสายเศรษฐกิจเส้นประวัติศาสตร์ ‘ทางหลวงหมายเลข 12’ เชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียน เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เพิ่มมูลค่าการค้าตามแนวชายแดน

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 66 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จจากยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล การกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน คู่ไปกับการพัฒนาตามแนวทางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ใช้จุดแข็งและความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ของประเทศเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงทางคมนาคม เพิ่มโอกาส ช่องทางการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งส่งเสริมบทบาทของไทย ทั้งในระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และทั่วโลกชื่นชมความสำเร็จผลงาน

ถนนสายเศรษฐกิจเส้นประวัติศาสตร์ ทางหลวงหมายเลข 12 สายกาฬสินธุ์-บรรจบทางหลวงหมายเลข 12 (บ้านนาไคร้) - อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่ง รองรับการเดินทางในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมุกดาหาร และส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Corridor)

รัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอย่างเชื่อมโยง โดยทางหลวงหมายเลข 12 แนวใหม่นี้ยังเชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียนเข้าด้วยกัน โดยเริ่มจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผ่านไปยังจังหวัดมุกดาหารเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในขณะที่อีกฝั่งสามารถวิ่งไปยังเมียนมาได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมทะเลจีนใต้กับมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกันอีกด้วย ถือเป็นทางเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งยังเป็นทางลัดเชื่อมจังหวัดกาฬสินธุ์-มุกดาหาร ให้ประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก และลดระยะการในการเดินทาง

ทางหลวงหมายเลข 12 ยังเป็นเส้นทางสนับสนุน และรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สายเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor–EWEC) ช่วยกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เพิ่มมูลค่าการค้าตามแนวชายแดน ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอีกด้วย

จากข้อมูลของกองยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหารมีการดำเนินการลงทุนแล้ว 3 โครงการ วงเงิน 392 ล้านบาท จากโครงการที่ขอรับการส่งเสริมฯจาก BOI 5 โครงการ วงเงิน 2,102 ล้านบาท และมีธุรกิจตั้งใหม่ 868 ราย วงเงิน 1,655 ล้านบาท

ซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต ได้รับการจัดอันดับที่ 19 ถนนที่สวยที่สุดในโลก

เฟซบุ๊ก ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 19 ถนนที่สวยที่สุดในโลก โดยมีใจความว่า ...
.
ซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต ได้รับการจัดอันดับที่ 19 ถนนที่สวยที่สุดในโลก (The World’s 20 Most Beautiful Streets) จาก Seasia.Stats สนับสนุนการอนุรักษ์ย่านเมืองเก่า โดยคงคุณค่ารากเหง้าทางประวัติศาสตร์
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ เว็บไซต์ยอดนิยมด้านการท่องเที่ยวอย่าง Seasia.Stats ได้จัดอันดับให้ ซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต ได้อันดับที่ 19

โดยเป็นการเผยแพร่ผ่าน Facebook ของ Seasia.Stats (https://www.facebook.com/photo/?fbid=287214243650434&set=pcb.287214280317097) เชื่อมั่นในความสวยงามทั้งทางธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมประเพณีของไทย 

การจัดอันดับ The World’s 20 Most Beautiful Streets ในครั้งนี้ดูจากรูปแบบรายละเอียดสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และความผสมผสานของสีสันและมนต์เสน่ห์ที่ลงตัว ซึ่งซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ตที่ได้อันดับที่ 19 ของการจัดอันดับถนนที่สวยที่สุดในโลก เนื่องจากซอยรมณีย์เป็นที่ตั้งของตึก และอาคารเก่าศิลปะชิโนโปรตุกีส (Sino-Portuguese) ที่เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของโปรตุเกสและจีน เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของศิลปะแบบภูเก็ต โดยความเก่าแก่ของตึกจะให้อารมณ์คลาสสิคและย้อนยุค ในปัจจุบันถนนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก เกสต์เฮาส์ รวมถึงที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่สวยงามมีเอกลักษณ์ และความโรแมนติกอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต

โดย 5 อันดับแรกของถนนที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก ได้แก่ 1. ถนน Symi Harbour เมือง Livadia ประเทศกรีซ 2. ถนน Acorn เมือง Boston สหรัฐอเมริกา 3. ถนน Bo-Kaap เมือง Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้ 4. ถนน Callejon El Asri เมือง Chefchaouen ประเทศโมร็อกโก และ 5. ถนน Rua Luis de Camoes เมือง Agueda ประเทศโปรตุเกส

นายกรัฐมนตรี ยินดีถึงการจัดอันดับถนนที่สวยที่สุดของโลกในครั้งนี้ แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ และการผสมผสานอย่างลงตัวของความเป็นตะวันตกและตะวันออก โดยรัฐบาลมีนโยบายด้านการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์พื้นที่เพื่อคงความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความสวยงามของประเทศไทย และรัฐบาลจะสืบสาน รักษา อนุรักษ์ความสวยงาม รวมทั้งประวัติศาสตร์ของประเทศให้คงอยู่สืบไป

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top