Tuesday, 6 May 2025
วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก

3 พฤษภาคม ของทุกปี วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ตระหนักถึงเสรีภาพการแสดงออกของสื่อมวลชน

ย้อนเวลากลับไปราว 30 ปีก่อน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1991 (หรือ พ.ศ.2534) องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้เสนอให้สมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (UN) ประกาศให้วันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก

สาเหตุของการมีวันสำคัญนี้ เกิดจากการที่มีนักข่าวภาคสนามมากมาย ต้องเสียชีวิต หรือถูกจับเป็นตัวประกัน และรวมไปถึงถูกคุกคาม จากการทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง จึงเป็นที่มาของการสร้างสัญลักษณ์ของความมีเสรีภาพในการทำงานของสื่อมวลชน โดยจัดตั้งให้ทุก ๆ วันที่ 3 พฤษภาคม เป็นวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก

3 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 'องค์การสหประชาชาติ' กำหนดให้เป็น 'วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก' ปกป้องสิทธิเสรีภาพ-ความปลอดภัยในการแสดงออกของสื่อมวลชน

3 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้เสนอให้สมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (UN) ประกาศให้วันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปีเป็น 'วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก' (World Press Freedom Day) เพื่อย้ำเจตนารมณ์และหลักการที่เป็นพื้นฐานของเสรีภาพสื่อมวลชนทั่วโลก คือเสรีภาพในการคิดและการแสดงออก เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เสนอข้อเท็จจริงโดยเสรีและปลอดภัย เพราะในระยะหลัง ๆ นักข่าวที่ลงพื้นที่ภาคสนามได้มีจำนวนผู้เสียชีวิต ถูกจับเป็นตัวประกัน และถูกจับกุมเพิ่มมากขึ้น 

ต่อมาจึงได้ถือเอาวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปีเป็น 'วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก' เพื่อระลึกถึงข้อปฏิบัติว่าด้วยเสรีภาพสื่อ และเพื่อเป็นการปกป้องนักข่าวที่ถูกโจมตีเพียงเพราะพวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น ซึ่งการปกป้องสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกนั้นถือเป็นงานที่หนักพอสมควร

3 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก เพื่อย้ำบทบาทของสื่อในฐานะรากฐานประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน

วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นเพื่อตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นรากฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตย วันนี้เป็นโอกาสให้ทั่วโลกได้ร่วมกันรำลึกถึงหลักการพื้นฐานของเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล และบทบาทอันสำคัญยิ่งของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารที่เป็นจริงและรอบด้านแก่ประชาชน

วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) โดยสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 3 พฤษภาคมเป็นวันสำคัญดังกล่าว ตามข้อเสนอแนะที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโก ครั้งที่ 26 ในปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) ซึ่งเป็นผลมาจากการเรียกร้องของนักข่าวชาวแอฟริกันในการประชุมที่เมืองวินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย ในปีเดียวกัน

วัตถุประสงค์หลักของการกำหนดวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกคือการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องสื่อมวลชนจากการถูกคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การจับกุม หรือการเซ็นเซอร์ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้รัฐบาลและสังคมตระหนักถึงหน้าที่ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานของสื่อมวลชนอย่างอิสระและปลอดภัย เพื่อให้สื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบอำนาจ เปิดโปงการทุจริต และเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ที่ไม่มีเสียงได้อย่างเต็มที่ วันนี้ยังเป็นโอกาสในการประเมินสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนทั่วโลก และให้การสนับสนุนสื่อที่ตกเป็นเป้าของการจำกัดเสรีภาพ รวมถึงเป็นการรำลึกถึงนักข่าวที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่

ความสำคัญของเสรีภาพสื่อมวลชนนั้นมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในแวดวงสื่อเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคน สื่อมวลชนที่เสรีและเป็นอิสระมีบทบาทในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและหลากหลายแก่ประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งในระดับส่วนตัวและระดับสังคม นอกจากนี้ สื่อยังเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการถกเถียงในประเด็นสาธารณะ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อจึงเป็นรากฐานสำคัญของการมีสังคมที่เปิดกว้างและตรวจสอบได้

ในปัจจุบัน สื่อมวลชนทั่วโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งจากการแทรกแซงทางการเมืองและเศรษฐกิจ การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (Disinformation) และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การเฉลิมฉลองวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกจึงเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสนับสนุนและปกป้องเสรีภาพของสื่อ เพื่อให้สื่อสามารถทำหน้าที่ในการนำเสนอความจริงและเป็นปากเสียงให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน ยูเนสโกยังได้มอบรางวัลเสรีภาพสื่อโลกยูเนสโก/กีลเลร์โม กาโน (UNESCO/Guillermo Cano World Press Freedom Prize) เป็นประจำทุกปี เพื่อยกย่องบุคคล องค์กร หรือสถาบันที่มีผลงานโดดเด่นในการปกป้องและส่งเสริมเสรีภาพสื่อมวลชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top