Monday, 21 April 2025
วันผู้สูงอายุแห่งชาติ

วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็น 'วันผู้สูงอายุแห่งชาติ' ร่วมแสดงความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่

คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2525 อนุมัติให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปีให้เป็น 'วันผู้สูงอายุแห่งชาติ' เป็นวันที่ถูกผูกรวมไว้กับวันขึ้นปีใหม่ไทยหรือก็คือ 'วันสงกรานต์' เพื่อร่วมรณรงค์ให้ประชาชนทุกกลุ่มให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ และญาติผู้ใหญ่

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ตามศักยภาพของตนเองอย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี ส่งเสริมการเรียนรู้และการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศไทยมีผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นหลักชัยของสังคมต่อไป

13 เมษายน ของทุกปี ครม.กำหนดให้เป็น 'วันผู้สูงอายุแห่งชาติ' ชวนคนไทยร่วมแสดงความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่

วันนี้ 13 เมษายน ของทุกปี นอกจากจะเป็น ‘วันสงกรานต์’ หรือ ‘วันปีใหม่ไทย’ แล้ว รัฐบาลไทยกำหนดให้เป็น ‘วันผู้สูงอายุแห่งชาติ’ อีกด้วย เพื่อให้ลูกหลานได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่บุพการี ญาติพี่น้อง ผู้อาวุโส หรือผู้ใหญ่ในชุมชนที่เคยทำคุณประโยชน์แก่สังคม

หากย้อนกลับไปในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพ และดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข

จึงได้มอบให้กรมประชาสงเคราะห์ จัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชราขึ้น เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ที่เดือดร้อนมีความทุกข์ยาก ประสบปัญหาและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง (แต่ในยุคนั้นยังไม่มีการกำหนด ‘วันผู้สูงอายุ’ ขึ้นมา)

กรมประชาสงเคราะห์จึงได้จัดตั้ง ‘สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค’ ขึ้นมาเป็นแห่งแรกในปี พ.ศ. 2496 โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

- ให้การสงเคราะห์คนชราที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หรือประสบปัญหาความทุกข์ยาก ไม่มีที่อยู่อาศัย หรือไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้
- ให้บริการแก่คนชราที่อยู่กับครอบครัวของตน แต่มีความต้องการ บริการสงเคราะห์คนชราบางอย่าง เช่น การรักษาพยาบาล กายภาพบำบัด นันทนาการ
- แบ่งเบาภาระของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย หรือยากจน ที่ไม่สามารถจะอุปการะเลี้ยงดูคนชราไว้ในครอบครัวได้
- ป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมอันเกี่ยวกับคนชรา ไม่ให้เร่ร่อน ทำความเดือดร้อนรำคาญแก่สังคม และให้สามารถอยู่ในสังคม ได้อย่างผาสุกตามอัตภาพ
- เป็นการตอบแทนคุณความดีที่คนชราได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ
- ช่วยให้ผู้สูงอายุได้คลายวิตกกังวล เมื่อชราภาพ ทางรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะเป็นผู้อุปการะคุณเลี้ยงดู

ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้จัดประชุมสมัชชาโลกเกี่ยวกับ ‘ผู้สูงอายุ’ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย และได้ให้ความหมายของคำว่า ‘ผู้สูงอายุ’ ไว้ว่า หมายถึง บุคคลทั้งเพศชายและเพศหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป 

อีกทั้งได้พิจารณาประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ไว้ 3 ประการ คือ ด้านมนุษยธรรม ด้านการพัฒนา และด้านการศึกษา 

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้กำหนดให้ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีรณรงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ โดยกำหนดคำขวัญไว้ว่า ‘Add life to years’ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ช่วยกันส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ

หลังจาก WHO ประกาศให้รัฐบาลทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ประเทศไทยเองก็ได้ตอบรับการรณรงค์เรื่องนี้ด้วย โดยสมัยนั้นตรงกับรัฐบาลของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ และปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ และคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะให้ลูกหลานได้กลับมารวมตัวกันในวันสำคัญเช่นนี้

ต่อมามีการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงประเด็นดังกล่าว และที่ประชุม ครม. ได้มีมติเมื่อ วันที่ 14 ธันวาคม 2525 อนุมัติให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็น ‘วันผู้สูงอายุแห่งชาติ’

สำหรับสาเหตุที่เลือกวันที่ 13 เมษายน เนื่องจากเป็นวันที่ตรงกับวันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย ซึ่งถือเป็นเสมือนวันรวมญาติ ทางรัฐบาลเองมองว่ามีความสำคัญและมีความสอดคล้องกัน จึงกำหนดวันสงกรานต์ให้เป็นวันผู้สูงอายุร่วมด้วย

โดยกระทรวงสาธารณสุขไทยในขณะนั้น ได้มีมติให้ใช้ คำขวัญวันผู้สูงอายุ เป็นภาษาไทยว่า ‘ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน’ 

นอกจากนี้ รัฐบาลในสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ได้เลือก ‘ดอกลำดวน’ เป็นดอกไม้แทนสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุด้วย สาเหตุที่เลือกดอกไม้ชนิดนี้ เนื่องจากว่าต้นลำดวนเป็นพืชยืนต้นที่มีอยู่มากในสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่สำคัญ.. สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงดำริให้จัดสวนแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้สูงอายุ

'วราวุธ' เผย พม. จัดงาน วันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 

เมื่อวันที่ (8 เม.ย.68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า จากที่กำหนดวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็น 'วันผู้สูงอายุแห่งชาติ' เพื่อให้ประชาชนและสังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญผู้สูงอายุที่ทรงคุณค่า อันเป็นองค์ความรู้และภูมิปัญญาของประเทศ อีกทั้ง กำหนดให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปีเป็น 'วันแห่งครอบครัว' เพื่อให้ประชาชนและสังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของสถาบันครอบครัวที่อบอุ่นและเข้มแข็งในการหล่อหลอมประชากรที่มีคุณภาพของประเทศ 

ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงได้กำหนดจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ภายใต้แนวคิด 'คุณค่าผู้สูงวัย สานสายใยพลังครอบครัว' ในวันที่ 10 เมษายน 2568 ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ 

นายวราวุธ กล่าวว่า ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย 1. การกล่าวสารนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เนื่องในโอกาส 'วันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว' ประจำปี 2568 2. พิธีถวายรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2568 แด่สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย ป.ธ.8) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร 3. พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บุคคล ครอบครัว หน่วยงานองค์กร และสื่อดีเด่นด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุและครอบครัว 4. บูธนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ ประวัติผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2568 นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร กระทรวง พม. ผลงานของหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. และหน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ กรมกิจการผู้สูงอายุ , กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว , OPPY (โอพีพีวาย) สังคมอายุยืน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ และกองทุนการออมแห่งชาติ และ 5. บูธแสดงการสาธิตและผลิตภัณฑ์สินค้าจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่ง และศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวทั่วประเทศ 

13 เมษายน ของทุกปี ‘วันผู้สูงอายุแห่งชาติ’ และ ‘วันสงกรานต์’ ร่วมสืบสานประเพณีไทย

อย่างที่ทราบกันดีว่าวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี คือวันมหาสงกรานต์ ตามประเพณีไทยที่สืบทอดมายาวนาน ขณะเดียวกันในวันนี้ ยังถือเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติอีกด้วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2525 ได้มีการประชุมสมัชชาโลกว่าด้วยผู้สูงอายุ (World Assembly on Aging) ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผู้สูงอายุไว้ 3 ประการ คือ ด้านมนุษยธรรม ด้านการพัฒนา และด้านการศึกษา พร้อมกำหนดให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นผู้สูงอายุ (Elderly) ซึ่งใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ดังนั้น ทางคณะรัฐมนตรีไทยจึงได้ลงมติ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2525 อนุมัติให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปีเป็น วันผู้สูงอายุแห่งชาติ พร้อมทั้งได้กำหนดให้ “ดอกลำดวน” เป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุ เนื่องจากต้นลำดวน หรือ หอมหวล (Melodorum fruticosum Lour) ตามชื่อไทยพื้นเมือง เป็นพืชยืนต้นที่ให้ความร่มเย็น ลำต้นมีอายุยืน มีใบเขียวตลอดปี ดอกสีเหลืองนวล กลิ่นหอมเย็น กลีบแข็งแรงไม่ร่วงง่าย เปรียบเสมือนกับผู้ทรงวัยวุฒิที่คงคุณธรรม คุณงาม ความดีให้กับลูกหลานไว้เป็นแบบอย่างสืบต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top