Wednesday, 23 April 2025
วันกองทัพไทย

18 มกราคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันกองทัพไทย’ รำลึกพระนเรศวรทำยุทธหัตถีมีชัยต่อทัพพม่า

วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีและมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทยตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก ปีเถาะ พ.ศ. 2098 ทรงมีสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระบิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิอีกด้วย

ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า องค์พระนเรศวรได้ถูกนำเป็นองค์ประกัน ณ เมืองหงสา และได้ร่ำเรียนวิชาความรู้ ความสามารถต่างๆ เพื่อรอวันที่จะได้กลับมากู้ชาติกู้แผ่นดินอีกครั้ง แต่ด้วยความกตัญญูของสมเด็จพระนเรศวร ที่มีต่อพระเจ้าบุเรงนอง ที่ชุบเลี้ยงดูแลจนเติบใหญ่ จึงไม่ทำการขัดขืนใดๆ เมื่อพระเจ้าบุเรงนองยังมีชีวิตอยู่ แต่ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบุเรงนอง สมเด็จพระนเรศวรได้กลับมาปกครองยังพระนครกรุงศรีอยุธยา และด้วยวิชาความรู้และความสามารถของพระองค์ ได้ทำการรบข้าศึกต่างๆ และชนะเรื่อยมา จนเป็นที่เกรงกลัวของข้าศึกเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรได้ทำการยุทธหัตถีกับสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่าและเอาชนะได้ในที่สุด โดยการยุทธหัตถีนั้น หมายถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการต่อสู้ของกษัตริย์เพราะต่อสู้ตัวต่อตัว ตัดสินแพ้ชนะกันที่ความคล่องแคล่ว แกร่งกล้า และผู้ใดที่ทำการยุทธหัตถีชนะ จะได้รับการยกย่องพระเกียรติยศสูงสุดอีกด้วย

และอีกเหตุการณ์หนึ่งของพระนเรศวรมหาราชคือการยิงปืนข้ามแม่น้ำสโตงถูกสุรกรรมาจนตาย ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ 35 พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาสวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกองค์หนึ่ง ครั้นพระชนมายุ 37 พรรษา ก็ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พระชนมายุ 40 พรรษา เสด็จยกทัพไปตีเมืองเขมรและแม้แต่ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปี พ.ศ. 2148 รวมสิริพระชนมายุได้ 50 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 15 ปี

(สุรินทร์)มณฑลทหารบกที่ 25 จัดพิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน ผู้ก่อตั้งค่ายวีรวัฒน์โยธิน และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย

วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 07.30 น. ที่ ค่ายวีระวัฒน์โยธิน พลตรี ชินวิช  เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาสักการะ พร้อมกล่าวคำสดุดีต่อหน้าอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน ผู้ก่อตั้งค่ายวีรวัฒน์โยธิน เนื่องในวันกองทัพไทย โดยมีกำลังพลหน่วยขึ้นตรง ข้าราชการบำนาญ กองกำลังสุรนารี หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 25 กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 พร้อมใจกันร่วมนำพวงมาลาวางสักการะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงดวงวิญญาณ อันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทหารกล้า ในฐานะวีรชนผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของชาติไทย  โดยในช่วงบ่าย เวลา 15.00 น. พลตรี ชินวิช  เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธี ทางพุทธศาสนา และ พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ประจำปี 2567 เนื่องในวันกองทัพไทย 

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล วันกองทัพไทย

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.67 ที่บริเวณลานทรงพล ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยมี พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน เนื่องในวันกองทัพไทย ซึ่งเป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า และทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย ตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม 2135 

ทั้งนี้ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอดีตวีรมหากษัตริย์ และเหล่าทหารหาญที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตย และแผ่นดินไทย อีกทั้ง ยังเป็นวันที่กำลังพลบรรจุเข้ารับราชการใหม่ ทหารใหม่ทุกนายที่ยังไม่เคยกระทำสัตย์ปฏิญาณ จะได้เปล่งสัจจะวาจาปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลอันศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงความพร้อมเป็นทหารของชาติโดยสมบูรณ์ ที่มีเกียรติ ศักดิ์ศรี และอุดมการณ์อันแน่วแน่

นอกจากนี้ การสวนสนาม ยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง มีระเบียบวินัย และความสง่างาม พร้อมทั้งเป็นการย้ำเตือนให้ทหารทุกคนได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และประชาชน

โดยในช่วงเช้าวันเดียวกัน พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กระทำพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หน้าโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พลับพลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้านหลังกองบังคับการกองพันทหารเสนารักษ์ที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พิพิธภัณฑ์ทหารกองทัพภาคที่ 3และพิธีวางพานพุ่มและบวงสรวงถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ พระรูปพระสุพรรณกัลยา บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3

พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องใน 'วันกองทัพไทยประจำปี 2567'

พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งร่วมกับหน่วยทหารเรือในฝั่งอันดามันจัดกำลังพลร่วมพิธีสวนสนามกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลประจำปี 2567 ณ ลานสวนสนาม ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 กำลังพลที่ร่วมกระทำพิธีครั้งนี้ มีจำนวน 1 กองพัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 269 นาย โดยมี พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช เป็นประธานในพิธี ซึ่งในปีนี้ได้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพลประกอบพิธีเป็นธงชัยเฉลิมพลประจำกองพันต่อสู้อากาศยานที่22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมีนาวาโท ศักรินทร์ ชื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 เป็นผู้บังคับกองพันสวนสนาม และประกอบด้วยกำลังพลสวนสนามจำนวน 4 กองร้อย ดังนี้  บก.พัน. สวนสนาม,กองร้อยสวนสนามจากกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ,กองร้อยสวนสนามจากกรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน ม ,กองร้อยสวนสนามจากกองพันรักษาฝั่งที่ 11 กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ,กองร้อยสวนสนามจากกองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือพังงา กองพลนาวิกโยธิน

พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงวีรกรรมของวีรกษัตริย์ไทย รวมทั้งบรรพบุรุษไทยผู้กล้าหาญทั้งหลายที่ได้สละชีวิตเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยให้ดำรงความเป็นชาติที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นมรดกตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ,เพื่อแสดงออกถึงความรักความสามัคคีของกำลังพลในกองทัพ ,เพื่อเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนาและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ,เพื่อแสดงออกถึงแสนยานุภาพแห่งกองทัพ ให้ขจรขจายไปทั่วโลก

พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทยประจำปี 2567 ในวันนี้จัดให้มีขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเพื่อให้ทหารใหม่ทุกนาย กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลธงชัยเฉลิมพล อันถือเป็นเครื่องหมายแทนองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นจอมทัพ ที่เสมือนหนึ่งเสด็จพระราชดำเนินมาประทับเป็นหลักชัยอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารทั้งปวง ทั้งยังเป็นเครื่องหมายของสามสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ อันเป็นปัจจัยอันสำคัญของบ้านเมือง ที่ทหารจักต้องรักษาไว้เพื่อประโยชน์สุขแห่งประเทศชาติและประชาชน 

ทหารใหม่ทุกนายจะต้องผ่านการเข้าร่วมพิธี จึงจะถือได้ว่าเป็นทหารอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ มีความรัก ความสามัคคี พร้อมอุทิศตนเพื่อปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศชาติ เทิดทูน และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ยิ่งชีพ รวมทั้งยึดมั่นในการปฏิบัติตามคำสัตย์ปฏิญาณตนไว้อย่างมั่นคงตลอดไป

18 มกราคม ของทุกปี 'วันกองทัพไทย' สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีชัยชนะยุทธหัตถี และวันรำลึกถึงวีรกรรมของทหารไทย

วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย นั่นคือ การทรงกระทำยุทธหัตถีและชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงแสดงพระสติปัญญาและความกล้าหาญอย่างยอดเยี่ยม

ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรงทรงให้พระมหาอุปราชานำทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทราบข่าว จึงทรงยกทัพหลวงไปตั้งรับที่หนองสาหร่ายและไล่ต้อนศัตรูจนออกนอกเขตแดน

ระหว่างการรบ ช้างพระที่นั่งของพระองค์และพระเอกาทศรถได้ไล่ล่าศัตรูไปจนตกไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยไม่รู้ตัว แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่พระองค์ทรงใช้พระสติและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยเสนอให้พระมหาอุปราชามาทำยุทธหัตถี จนสามารถเอาชนะได้ในที่สุด

การทำยุทธหัตถีครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และเป็นการรบบนบกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

วันกองทัพไทยที่เป็นวันที่ระลึกถึงเหตุการณ์นี้เดิมกำหนดเป็นวันที่ 8 เมษายนของทุกปี แต่ในปี พ.ศ. 2523 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นวันที่ 25 มกราคม ต่อมานักประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ว่า วันที่จริงที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีคือวันที่ 18 มกราคม

ในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2549 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้กำหนด 'วันกองทัพไทย' เป็นวันที่ 18 มกราคมของทุกปี เพื่อน้อมรำลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และทหารไทย

กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพบก และกองทัพไทย

เมื่อวันที่ (18 ม.ค 68) ที่ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล วันกองทัพไทย ซึ่งเป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า และทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพบก และกองทัพไทย ตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม 2135 ในการนี้ กองทัพภาคที่ 3 จึงได้ประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ประจำปี 2568 เนื่องในวันกองทัพไทย ณ ลานอเนกประสงค์ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอดีตวีรมหากษัตริย์ และเหล่าทหารที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตย และแผ่นดินไทย อีกทั้ง ยังเป็นวันที่ทหารใหม่ทุกนาย จะได้เปล่งสัจจะวาจาปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลอันศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงความพร้อมเป็นทหารของชาติโดยสมบูรณ์ ที่มีเกียรติศักดิ์ศรี และอุดมการณ์อันแน่วแน่

นอกจากนี้ การสวนสนาม ยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง มีระเบียบวินัย และความสง่างาม พร้อมทั้งเป็นการย้ำเตือนให้ทหารทุกคนได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และประชาชน โดยมี พลโท กิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ประธานในพิธี พันเอก  ประสาน  เห็นประเสริฐ ผู้บังคับกองผสม ตำแหน่งปกติ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบบที่ 4 กล่าวรายงาน และนำประธานตรวจพลสวนสนาม และรับความเคารพ เชิญธงชัยเฉลิมพลเข้าปะรำพิธี ประธานนำกล่าวปฏิญาณตน และอ่านโอวาทของ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เชิญธงชัยเฉลิมพลกลับเข้าประจำแถว และสวนสนาม สำหรับกำลังพลที่สวนสนามในวันนี้ จัดจากหน่วยทหารในพื้นที่ จ.พิษณุโลก รวม 4 กรมสวนสนาม และ 1 กองพัน  สวนสนามยานยนต์

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top