‘ธนาธร’ ปราศรัยร้อยเอ็ด ชู น้ำประปาดื่มได้-รถเมล์ไฟฟ้า ขอโอกาส ปชช. กา ‘ก้าวไกล’ นำพาความเจริญสู่ประเทศ
(30 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลุยหาเสียงเวทีปราศรัยย่อยทั่วจังหวัดร้อยเอ็ด ขอโอกาสเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล นำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย ไปสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย
โดยในระหว่างการหาเสียง นายธนาธรได้ยกบทเรียนจากไต้หวัน ว่าเมื่อ 45 ปีก่อน รายได้คนไทยกับคนไต้หวันใกล้เคียงกัน แต่ผ่านมา 45 ปี คนไต้หวันรวยกว่าคนไทย 5 เท่า อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น หากเรียนรู้จากไต้หวันหรือญี่ปุ่น จะเห็นคำตอบว่าเทคโนโลยีคือคำตอบ
“ลูกหลานคนอีสานที่ไปทำงานที่ระยอง ทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ แต่ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยเลย เมื่อไม่มีเทคโนโลยีของตัวเองก็แข่งขันไม่ได้ ดังนั้น เราต้องลงทุนในเทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างสินค้า และเอาส่วนแบ่งจากตลาดโลกมาให้คนไทย” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร เสนอบทเรียนจากเทศบาลตำบลอาจสามารถ ในฐานะความสำเร็จในการสร้างน้ำประปาดื่มได้ เพื่อย้ำว่า คณะก้าวหน้าไม่ได้ทำได้แค่น้ำประปาที่ใสสะอาด แต่เป็นน้ำประปาดื่มได้ ทั้งหมด วัดค่าเป็นวิทยาศาสตร์ และการจะควบคุมคุณภาพของน้ำประปาได้ ต้องมีเซนเซอร์และสมาร์ทมิเตอร์ ไม่จำเป็นต้องมีคนจดค่ามิเตอร์ แต่ส่งข้อมูลประมวลผลด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาสะอาดขึ้นมาได้ ให้คนไทยกว่า 66 ล้านคน ไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน มีสิทธิใช้น้ำประปาสะอาดเท่าเทียมกัน หากสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาดื่มได้ จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท
นายธนาธร กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า ที่คิดค้นด้วยวิศวกรคนไทย เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นทางเลือกของการเดินทางของคนไทยมากขึ้น ลดปัญหารถติด ค่าใช้จ่าย ฝุ่นควัน ฯลฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย หากใช้รถเมล์ไฟฟ้าเชื่อมโยงสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้เดินทางเข้าถึงสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และช่วยสร้างงานที่มีคุณภาพให้ลูกหลาน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นายธนาธร ทิ้งท้ายด้วยการขอโอกาสจากประชาชนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล โดยกล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เชื่อว่าจะนำความก้าวหน้ามาให้สังคมไทย และสิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจที่จะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในการสร้างสังคมที่ดีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเวลาของความทะเยอทะยาน ที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ เพราะหากทำแบบเดิม ก็ได้เช่นเดิม
