Sunday, 8 June 2025
ริชีซูนัค

5 ความท้าทาย พิสูจน์กึ๋นนายกฯ หนุ่ม 'ริชี ซูนัค' ภายใต้รัฐบาลใหม่ ความหวังใหม่ที่ประชาชนรอชม

"I will place economic stability and confidence at the heart of this government's agenda.
“เสถียรภาพและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจคือหัวใจของนโยบายของรัฐบาลชุดนี้”

นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำปราศัยยาวหกนาทีของนายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาด ๆ ของอังกฤษอย่าง นายริชี ซูนัค หน้าบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวท์นิ่ง ซึ่งจะเป็นที่พักของเขาหลังจากนี้

นายริชีแถลงต่อสื่อมวลชนหลังจากที่เข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในตอนเช้าของวันอังคารที่ 25 กันยายนที่มีรับสั่งให้เขาจัดตั้งรัฐบาล นายริชีรู้ดีว่าการล่มสลายภายใน 45 วันของรัฐบาลของนางลิซ ทรัสส์มาจากอะไร เขาจึงบอกกับคนอังกฤษว่า รัฐบาลของเขาจะมีความซื่อสัตย์, เป็นมืออาชีพและรับผิดชอบในทุกระดับ และชาวอังกฤษจะได้รับความเชื่อมั่นนี้

พร้อมกันนี้นายริชียังให้คำมั่นสัญญาต่อไปว่า การบริการทางสาธารณะสุขจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น, โรงเรียนจะดีกว่าเดิม, ถนนหนทางจะปลอดภัย, การควบคุมชายแดนของประเทศจะรัดกุมยิ่งขึ้น, คุ้มครองรักษาสิ่งแวดล้อม, ให้การสนับสนุนกองทัพ,ยกระดับและเสริมสร้างเศรษฐกิจที่จะก่อให้เกิดโอกาสของการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป อันจะนำไปสู่การลงทุนทางธุรกิจ, การคิดค้นสิ่งใหม่และการสร้างงาน

สิ่งที่นายริชีกล่าวมา ตามภาษาอังกฤษที่ว่า it’s too good to be true มันดูจะดีเกินจริงไปหน่อยมั้ย ซึ่งเขาก็ดูจะรู้ดี จึงย้ำว่า...

"ข้าพเจ้ายืนอยู่ต่อหน้าท่านขณะนี้และพร้อมที่จะนำประเทศของเราไปสู่อนาคต จะทำให้ความต้องการของท่าน (ให้ความสำคัญของประชาชน) อยู่เหนือการเมือง, และสร้างรัฐบาลที่แสดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพพรรคการเมืองดังเช่นพรรคของข้าพเจ้า"

"So I stand here before you, ready to lead our country into the future, to put your needs above politics, to reach out and build a government that represents the very best traditions of my party.”

นี่ถือเป็นคำมั่นสัญญาของนายกรัฐมนตรีหนุ่มวัย 42 ปีเชื้อสายอินเดียต่อประเทศที่เขาบอกว่ามีบุญคุณที่ต้องตอบแทน

ว่าแต่รัฐบาลของนายริชีจะมีหน้าตาอย่างไร?

บีบีซีภาษาอังกฤษได้รวบรวมมาให้ดู ซึ่งก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก นายเจเรมี่ ฮันท์ยังคงเป็นรมต.คลังต่อไป, นายโดมินิค ลัปป์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมต.ยุติธรรม, นางซูเอลล่า บลาเวอแมน กลับมาเป็นรมต. มหาดไทย หลังจากประกาศลาออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเธอยอมรับผิดว่าใช้อีเมล์ส่วนตัวส่งเอกสารราชการให้คนรู้จัก ข่าวบอกว่าเธออาจเป็นเป้าของพรรคฝ่ายค้านที่จะโจมตีรัฐบาล, รมต.ต่างประเทศ และ รมต.กลาโหมคนเดิมไม่เปลี่ยน เช่นเดียวกับนางเพนนี มอร์ด้อนน์ ผู้ที่ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายริชชี่ แต่ต้องถอนตัวออกเพราะคะแนนเสียงไม่พอ เธอยังคงได้ตำแหน่งประธานสภาสามัญเช่นเดิม 

แต่มีตำแหน่งหนึ่งที่คนค่อนข้างแปลกใจคือ นายไมเคิล โกรฟ  Michael Gove กลับมาเป็นรมต. ที่เรียกว่า The Levelling Up Secretary โดยตำแหน่งนี้ พรรคคอนเซอร์เวทีฟตั้งขึ้นมาไม่นานนักและนายโกรฟ เคยเป็นมาก่อนและถูกนายบอริส จอนห์สันไล่ออกเพราะความขัดแย้งที่นายโกรฟขอให้นายบอริสลาออกหลังจากความผิดพลาดหลายอย่าง ซึ่งหน้าที่ของ รมต.นี้ คือ ทำหน้าที่ที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนในประเทศ

เหล่านี้ ก็เป็นไปตามกฎที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีได้ 22 คน

อย่างไรเสีย พรรคเลเบอร์ก็วิจารณ์คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ว่าส่วนใหญ่ก็หน้าเดิมๆ ที่หน้าเดิมนี้อาจตีความหมายได้ว่า นายริชีต้องการประนีประนอมภายในพรรคให้เกิดความสามัคคี แต่รมต.ที่จะทำให้รัฐบาลอยู่รอดปลอดภัยก็คือ นายเจเนมี่ ฮันต์ ผู้ที่จะต้องเสนอแผนงบประมาณชุดเล็ก Mini-budget ต่อสภาในวันที่ 31 ต.ค. นี้

'ไบเดน' เรียกชื่อนายกฯ ใหม่อังกฤษผิด จาก 'ริชี ซูนัค' เป็น 'ราชี ซานุก'

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เอ่ยชื่อ ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษผิดพลาดในวันจันทร์ (24 ต.ค.) ระหว่างแสดงความคิดเห็นกรณีที่เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ เหตุเลอะเลือนล่าสุดที่พบเห็นบ่อยครั้งขึ้นของผู้นำสหรัฐฯ

ระหว่างกล่าวปราศรัยในวาระเทศกาลดิวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างของอินเดีย ไบเดน ยกย่องการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรของ ซูนัค นักการเมืองเชื้อสายอินเดีย ว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ที่มีความสำคัญอย่างแท้จริง

"เราได้รับข่าวว่า ราชี ซานุก (Rashee Sanook) ตอนนี้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี" ผู้นำสหรัฐฯกล่าว "อย่างที่พี่น้องผมมักพูดว่า ไม่น่าเชื่อเลย"

ในวันอังคาร (25 ต.ค. 65) ซูนัค กล่าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ หลังเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 หลังจากพระองค์ทรงตอบรับการลาออกของอดีตนายกรัฐมนตรี ลิส ทรัสส์ อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ทรัสส์ มีเวลาอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 44 วัน กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

ซูนัค อดีตรัฐมนตรีคลังวัย 42 ปีและผู้จัดการกองทุนเฮลจ์ฟัน เป็นบุคคลผิวสีและชาวฮินดูรายแรกที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของสหราชอาณาจักร เขาคว้าชัยในศึกชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษนิยมหลัง เพนนี มอร์ดันท์ คู่แข่งคนสำคัญ รวบรวมคะแนนเสียงจากบรรดาส.ส.ของพรรคอนุรักษ์นิยมได้ไม่มากพอ ในขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน อีกหนึ่งคู่แข่ง เลือกที่จะถอนตัวไปก่อนหน้านี้

ขณะที่ ไบเดน กำลังขบคิดว่าจะลงสมัครกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยหรือไม่ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ตัวเขาเองกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์เหน็บแนมอย่างกว้างขวาง จากอาการหลงลืมต่างๆนานา ที่ตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายและสุขภาพจิตของเขา

ในวันจันทร์ (24 ต.ค. 65) เช่นกัน ไบเดน มีท่าทีเหมือนคนหลงทิศ เดินกลับอาคารหลักไม่ถูก หลังออกมาร่วมพิธีปลูกต้นไม้ที่สนามหญ้าทางทิศใต้ของทำเนียบขาว จนเจ้าหน้าที่ต้องชี้ทาง แนะให้เขาเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

เมื่อเดือนที่แล้ว ไบเดน ก็เพิ่งแสดงอาการหลงและสับสน หลังจากเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์ในนิวยอร์ก

ประธานาธิบดีรายนี้ ซึ่งจะอายุครบ 80 ปีในเดือนหน้า หันรีหันขวางอยู่บนเวที ดูเหมือนกำลังมึนงงว่าจะลงจากเวทีอย่างไร ระหว่างนั้นพิธีกรได้กล่าวขอบคุณ ซึ่งดึงดูดความสนใจของ ไบเดน กลับไปยังพิธีการบนเวทีแทน

ในเดือนกันยายน ไบเดน สร้างความสับสนแก่สักขีพยานและเจ้าหน้าที่อีกครั้ง หลังจู่ๆเขาก็เดินออกจากโพเดียม ขณะกำลังกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับหายนะภัยจากเฮอร์ริเคนเอียน ที่สำนักงานใหญ่ของสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง(FEMA)

‘ซูนัค’ เล็งคืนชีพ ‘เกณฑ์ทหารภาคบังคับ’ หากชนะเลือกตั้งสมัย 2 หวังให้ ‘หนุ่ม-สาว’ เป็นกำลังสำคัญต่อสู้ภัยคุกคามจากนอกประเทศ

‘ริชี ซูนัค’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมที่จะนำกฎหมายการเกณฑ์ทหารภาคบังคับกลับมาใช้อีกครั้งหากพรรคอนุรักษ์นิยมสามารถชนะการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นี้ โดยยกเหตุจำเป็นผลด้านความมั่นคงเป็นหลักจากสถานการณ์ปัจจุบันที่อังกฤษกำลังเผชิญภัยคุกคามที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม

นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวผ่านสื่อเมื่อวันเสาร์ (25 พ.ค.67) ที่ผ่านมาว่า “ในสหราชอาณาจักรตอนนี้ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ยังไม่เคยได้โอกาสที่พวกเขาสมควรได้รับ และมาตรการนี้จะช่วยให้สังคมอังกฤษมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้สถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น”

ซึ่งผู้นำอังกฤษคาดหวังว่าการออกกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ครั้งนี้จะสามารถส่งเสริมจิตวิญญาณแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความภาคภูมิใจในประเทศ ในกลุ่มคนหนุ่มสาวให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

แผนบังคับการเกณฑ์ทหารใหม่นี้ จะกำหนดให้หนุ่ม-สาว ชาวอังกฤษ ที่มีอายุ 18 ปี มาลงทะเบียนเข้ารับการฝึกทหาร โดยแบ่งเป็น 2 โปรแกรมให้เลือกดังนี้

1. โปรแกรมอาสาสมัครชุมชน: กำหนดให้หนุ่มสาวทำงานอาสาสมัครในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้งต่อเดือนเป็นเวลา 12 เดือน รวม 25 วัน ในหน่วยงานสาธารณะต่าง ๆ อาทิ สถานพยาบาล หน่วยดับเพลิง หน่วยฉุกเฉิน สำรวจ และ กู้ภัย และ หน่วยงานสาธารณะที่จำเป็นอื่น ๆ ในชุมชน 

2. โปรแกรมฝึกทหาร: เปิดรับสมัครจำนวน 3 หมื่นคน โดยการคัดเลือกคนหนุ่ม-สาว ที่หน่วยก้านดี มีทักษะไหวพริบ เพื่อฝึกฝนเพิ่มพูนความรู้ด้านโลจิสติกส์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การจัดซื้อจัดจ้าง หรือการตอบสนองต่อแผนปฏิบัติการพลเรือน

ริชี ซูนัค ย้ำว่า แผนการนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การฝึกทหารอย่างเดียว ‘หนุ่ม-สาว’ ส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดถูกส่งไปทำงานอาสาสมัครชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะในโลกแห่งความเป็นจริง และมีโอกาสได้อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติสักครั้งในชีวิต

พรรคอนุรักษ์ ต้นไอเดียนี้กล่าวว่า โครงการนี้นอกจากจะช่วยส่งเสริมทักษะ และหัวใจรักชาติของหนุ่มสาวอังกฤษแล้ว ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหนุ่ม สาวในวัยหัวเลี้ยว หัวต่อ ที่ยังไม่มีที่เรียน หรือยังว่างงาน ให้มาทดลองทำงานอาสาสมัคร ก็จะช่วยให้พวกเขาได้ใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และลดการก่อคดีอาชญากรรมของหนุ่มสาวได้

ถึงจะเรียกว่าเป็น ‘งานอาสาสมัคร’ แต่หนุ่มสาววัย 18 ต้องลงทะเบียนทุกคนตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลจะจับใครส่งเข้าคุกเพราะไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมการเกณฑ์ทหารภาคบังคับนี้ เพียงแต่จะติดประวัติขาดการเกณฑ์ทหารในฐานข้อมูลส่วนบุคคล ที่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรในภายหน้า 

สำหรับที่อังกฤษ เคยมีการเกณฑ์ทหารภาคบังคับมาก่อนในช่วงปี 1947 - 1960 โดยกำหนดให้ชายอายุระหว่าง 17 - 21 ปี ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 18 เดือน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการบังคับเรียกเกณฑ์อีกและได้ลดขนาดกองทัพลงเรื่อย ๆ จาก 1 แสนนาย เหลือ 7.3 หมื่นนายในปัจจุบัน 

แต่นโยบายนี้ ถูกคัดค้านโดยพรรคแรงงานที่เป็นฝ่ายค้านว่า การออกกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ของพรรคอนุรักษ์ในครั้งนี้ ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 2.5 พันล้านปอนด์ ที่ต้องเจียดงบประมาณจากโครงการอื่น เช่น จากกองทุน UK Shared Prosperity Fund 1.5 พันล้านปอนด์ และ การไล่บี้เอาจากแผนปราบปรามการทุจริต หลบเลี่ยงภาษีอีก 1 พันล้านปอนด์ 

และจะกลายเป็นอีกหนึ่งนโยบายละลายน้ำพริกลงแม่น้ำของพรรคอนุรักษ์นิยม ที่ทำแล้วไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หรือปัญหาหนี้เสียจากภาคอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด แถมยังสร้างปัญหาให้เลวร้ายหนักลงไปอีก ด้วยการบั่นทอนกำลังพลในกองทัพ แทนที่จะได้จำนวนพลทหารที่เต็มใจเข้ารับการฝึกเต็มรูปแบบกลับต้องแบ่งงบประมาณไปลงให้กับโครงการจิตอาสา ที่ไม่รู้แน่ชัดว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ 

แต่ถึงจะมีเสียงคัดค้าน ด้านนายกรัฐมนตรี ริชี ซูนัค มุ่งมั่นตั้งใจว่าจะผลักดันนโยบายทหารเกณฑ์จิตอาสาภาคบังคับให้ได้ โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้

หากพรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะเริ่มโปรแกรมเกณฑ์ทหารรุ่นนำร่องได้ทันนี้ภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งจากฐานข้อมูลประชากรสหราชอาณาจักรพบว่า จะมีหนุ่ม-สาว ชาวอังกฤษในวัย 18 ปี ที่อาจต้องลงทะเบียนเข้าโครงการภาคบังคับนี้มากกว่า 7 แสนคนใน

ถือว่าเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติของอังกฤษ ที่เป็นการเกณฑ์ทหารในรูปแบบงานอาสาสมัคร ซึ่งหลายประเทศในยุโรป อาทิ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ก็มีรูปแบบการเกณฑ์ทหารในลักษณะใกล้เคียงกัน โดยกำหนดให้หนุ่ม-สาวต้องเข้ารับใช้ชาติในเครื่องแบบภายในระยะเวลาที่กำหนด ที่จะต้องผ่านการฝึกทหาร เพื่อสามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายในฐานะหน่วยสำรองหากเกิดสงคราม หรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้

ทั้งนี้ หนุ่ม-สาวอังกฤษ วัย18 จะต้องไปลงทะเบียนเข้ากรมเกณฑ์ทหารหรือไม่ หลังเลือกตั้ง 4 กรกฎาคมนี้ รู้กัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top