Wednesday, 23 April 2025
รังสิต

‘ฟิวเจอร์พาร์คฯ’ แจงปมเด็ก 4 ขวบถูกบันไดเลื่อนหนีบนิ้วหลุด ยัน!! ไม่นิ่งนอนใจ ย้ำ!! ระบบบันไดเลื่อนเป็นไปตามมาตรฐาน

จากกรณีที่เพจ ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ part6’ แชร์โพสต์ของกลุ่มข่าวถึงชาวรังสิตที่ระบุข้อความว่า “รบกวนพี่ ๆ ในกลุ่มนี้หน่อยนะคะ ลูกไปห้างชื่อดังย่านรังสิตกับแม่และพ่อ เหตุเกิดเมื่อประมาณวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม ที่ห้างดังกล่าว มีใครพอมีรูปหรือถ่ายภาพ เห็นผู้ชายอุ้มเด็กเลือดไหลไหมคะ พอดีลูกโดนบันไดเลื่อนที่ห้าง หนีบนิ้วขาด แล้วเด็กแค่ 4 ขวบเองค่ะ วอนพี่ ๆ ใครมีรูปหรือคลิปส่งให้หนูหน่อยนะคะ”

นอกจากนี้ เธอได้ระบุเพิ่มเติมว่า “วอนพี่ ๆ ส่งรูปหรือแชตส่วนตัวก็ได้ค่ะ หนูมีลูกคนเดียว หัวอกคนเป็นแม่ใจจะขาด” พร้อมกับโพสต์รูปเด็กชายวัย 4 ขวบ ที่มีการพันผ้าก๊อซพันแผลที่นิ้วมือข้างขวา

หลังจากที่โพสต์มี การเผยแพร่ออกไป ผู้สื่อข่าว พยายามติดต่อไปยังผู้ปกครองของเด็กชายผู้บาดเจ็บดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้และได้ไปติดตาม ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ก็ไม่พบว่า มีการไปลงบันทึกประจำวันหรือว่าแจ้งความไว้

ล่าสุด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ออกประกาศชี้แจงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า จากภาพที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ และสำนักข่าว ณ ขณะนี้ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ขอเรียนแจ้งให้ทราบ ว่าทางศูนย์การค้าฯ เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอุบัติเหตุบริเวณบันไดเลื่อน ในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 14.22 น.

ทางศูนย์ฯ มิได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้รับการแจ้งเหตุก็ได้รีบเข้าไปให้การช่วยเหลือทันที พร้อมทั้ง ประสานส่งตัวเด็กเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลเปาโล โดยมีเจ้าหน้าที่ทางศูนย์ฯ เข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกและได้ดูแลค่ารักษาพยาบาลเด็กอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ทางศูนย์ฯ ตระหนักและคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกท่านเป็นสำคัญ โดยมีมาตรการในการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์การใช้งานต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญ กรณีที่เกิดเหตุได้มีการประสานไปยังบริษัท ที่ดูแลเพื่อทำการตรวจเช็กระบบการทำงานซึ่งได้รับการยืนยันว่าการทำงานเป็นไปตามมาตรฐาน ‘ไม่ได้เกิดจากตัวอุปกรณ์แต่อย่างใด’

กรณีที่ทางศูนย์ฯ มิได้นำภาพวิดีโอขณะเกิดเหตุมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ด้วยศูนย์ฯ คำนึงถึงสิทธิเด็ก และสภาพจิตใจของครอบครัวที่ได้รับอุบัติเหตุในครั้งนี้

ทางศูนย์การค้าฯ ขอน้อมรับทุกความคิดเห็นและขอบคุณในคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาในการให้บริการในครั้งต่อไป    

'ไดโดมอน' ปิ้งย่างสุดฮิตยุค 80 ปิดสาขารองสุดท้ายที่ 'เซ็นทรัลอุบลฯ' เหลือสาขาเดียวที่ 'รังสิต' จากเคยบูมกว่า 60 สาขาเมื่อ 23 ปีที่แล้ว

(28 เม.ย. 67) เฟซบุ๊กเพจ ‘Daidomon’ ประกาศปิดสาขาเซ็นทรัลอุบล โดยจะให้บริการถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นวันสุดท้าย ระบุข้อความว่า “ขออภัยในความไม่สะดวก Daidomon Korean Grill สาขาเซ็นทรัลอุบล ขอแจ้งปิดบริการ โดยให้บริการถึงวันที่ 30 เม.ย. 67 เป็นวันสุดท้าย ขอขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนทางร้านมาด้วยดีเสมอ โดยท่านสามารถใช้บริการสาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต : ชั้น B โซนโรบินสัน ได้ตามปกติ”

สำหรับ ‘ไดโดมอน’ เป็นร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 นับเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแห่งแรกๆ ในไทย เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหนึ่ง ก่อนที่ บริษัท ฮอทพอท จำกัด (มหาชน) จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 เพื่อเติมพอร์ตร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่าง จากเดิมที่เน้นสุกี้-ชาบูเพียงอย่างเดียว

ไม่นานหลังจากนั้น บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) ของตระกูล “เตชะอุบล” ก็ทำการเข้าซื้อกิจการฮอทพอทในปี 2561 จึงมีการเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บริษัท เจซีเค ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด (มหาชน) โดยมีเป้าหมายในการบุกสมรภูมิร้านอาหารที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดเพียงบุฟเฟ่ต์ สุกี้ หรือปิ้งย่างอีกต่อไป หลังจากนั้นเราจึงได้เห็นความหลากหลายของพอร์ตธุรกิจในกลุ่มเจซีเคที่มีตั้งแต่อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน ไปจนถึงอาหารอิตาเลียน

อย่างไรก็ตาม หากดูผลประกอบการของกลุ่มเจซีเคที่ผ่านมาพบว่า ยังเผชิญกับภาวะขาดทุนทุกปี หากนับย้อนตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2565 พบว่า ขาดทุนสะสมกว่า 1.3 พันล้านบาท โดยมีรายละเอียดรายได้ 4 ปีหลัง ดังนี้

ปี 2562: รายได้ 1,397 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 158 ล้านบาท
ปี 2563: รายได้ 701 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 142 ล้านบาท
ปี 2564: รายได้ 440 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 257 ล้านบาท
ปี 2565: รายได้ 547 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 214 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจหลักของกลุ่มเจซีเค มี ฮอทพอท เป็น Core Business ครองสัดส่วนรายได้เกิน 50% ของโครงสร้างรายได้ทุกปี ทว่า ปัจจุบันร้านฮอทพอทมีเพียง 4 แห่งทั่วประเทศ โดยมีสาขาในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น จับตาดูสถานการณ์กันต่อไปว่า เจซีเคจะมีแผนปรับเกมเช่นไร ในช่วงเวลาที่ตลาดร้านอาหารแข่งขันกันดุเดือดเช่นนี้

‘ปริญญา’ แซะ!! แล้วลบโพสต์ ใจปลาซิว!! แล้วจะไปสอนเด็กได้ไง

(29 ธ.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Padipon Apinyankul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ผมเองก็ไม่ได้ด้อยค่าคุณปริญญา นะ

คุณปริญญาจะลบโพสต์ทำไม ในเมื่อทำไปแล้วอยากกระแซะนายกฯอันวาร์ ว่าแต่งตัวเหมือนคนขับรถสาธารณะของไทย
เมื่อจะด้อยค่าคนอื่น แต่ถูกคนโต้ตอบแล้วลบ .. ใจปลาซิวแล้วจะไปสอนเด็กให้เป็นเสือ ?

ยังจำปรากฏการณ์ม็อบ "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ได้ไหม ?
ผมจะทบทวนให้ฟัง .. 

การจัดครั้งนั้น ม็อบสามนิ้วนี้ได้รับ "การอนุญาตของคุณ" ให้ใช้สถานที่ใน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต

เหตุการณ์ก่อนหน้าวันนั้น .. ได้มีม็อบย่อยมาก่อน มีการปราศัยอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการพูดพาดพิงหมิ่นไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ 
ซึ่งคุณปริญญาย่อมรู้ดี และดูเหมือนจะเชียร์ม็อบสามนิ้ว แต่ไม่กล้าโจ๋งครึ่ม .. 

แล้วในคืนวันที่ 10 ส.ค. ณ ธรรมศาสตร์รังสิต ที่ผู้ชุมนุมอันประกอบด้วย อานนท์ นำภา , รุ้ง ปนัสยา, เพนกวิน พริษฐ์ ฯลฯ ได้ขึ้นเวทีหมิ่นสถาบัน
แล้วได้ให้ "กระเทยปวิณ" "สมศักดิ์ เจียม" ซึ่งล้วนมีคดี ม.112 หมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายต่อกษัตริย์ ขึ้นบนจอผ้าโปรเจคเตอร์กลางเวที เพื่อร่วมปราศัย

คำทุกคำ ล้วนพุ่งเป้าทำลายสถาบันกษัตริย์และโจมตีโดยตรงต่อรัชกาลที่ 10
พอจบการปราศัย วันต่อมา คุณปริญญากลับบอกว่า ไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมจะทำแบบนี้ .. 
ไม่ทราบจริงหรือ ? 

อ้าว ! แล้วที่ผ่านมา การชุมนุมต่าง ๆ พวกสามนิ้วก็ทำแบบนี้ตลอด .. คุณแกล้งไม่รู้ ?
สิ่งที่ทำได้แก้เกี้ยว ก็คือการออกมาขออภัย ว่าไม่ทราบ ถ้าทราบจะไม่ให้ใช้สถานที่
โถ เด็กน้อย .. 

การแสดงความรับผิดชอบในเรื่องใหญ่ ที่ได้มีส่วนทำให้เกิดขึ้นแล้ว ส่งผลไปแล้ว ก็คือแค่ขออภัย 
นึกว่าจะลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดี

ดังนั้น เมื่อคราวนี้เกิดกรณีการแซะนายอันวาร์ นายกฯมาเลเซีย ว่ามีรสนิยมการแต่งตัวเทียบกับคนขับรถสาธารณะของไทย 
พอข่าวกระจายได้ผล แล้วลบ 
แล้วมาบอกภายหลังว่า ไม่ได้ด้อยค่า
ก็เข้าใจธาตุแท้ของคนชื่อ ปริญญา ได้

ผมแค่มาพิมพ์เล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง ไม่ได้มาด้อยค่า .. 
เพราะคุณไม่มีค่าอันใด เพื่อจะให้ด้อย . 
คนชื่อปริญญา ก็ใช่ว่าจะมีปัญญา กันทุกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top