Friday, 5 July 2024
ระเบิด

ระเบิด 'โรงพยาบาลฉนวนกาซา' ดับครึ่งพัน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก 'ฮามาส' ชี้!! นี่คืออาชญากรรมสงคราม ฟากอิสราเอลปัดเอี่ยว

(18 ต.ค. 66) เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซาซึ่งเต็มไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บรวมถึงชาวปาเลสไตน์อื่น ๆ ที่หาพี่พักพิงเพื่อหลบหนีความรุนแรง เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 500 ราย

เหตุระเบิดโรงพยาบาลที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นที่อัล-อะห์ลี ซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากโรงพยาบาลอื่น ๆ ในฉนวนกาซาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยชาวปาเลสไตน์จำนวนมากซึ่งพากันลี้ภัยไปอยู่ในโรงพยาบาล โดยหวังว่าพวกเขาจะรอดพ้นจากการทิ้งระเบิด หลังจากอิสราเอลได้สั่งให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหมดรวมถึงพื้นที่โดยรอบทางตอนเหนืออพยพลงไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

ภาพวิดีโอที่ได้รับการยืนยันว่า มาจากโรงพยาบาลที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นเพลิงไหม้ลุกท่วมอาคาร ขณะที่บริเวณโรงพยาบาลเต็มไปด้วยศพผู้คนที่ฉีกขาดจากแรงระเบิด ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นเพียงเด็กเล็ก ซึ่งรอบศพของพวกเขาที่อยู่บนพื้นหญ้ามีผ้าห่ม เป้สะพายหลังของโรงเรียน และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ กระจัดกระจายอยู่

หลังเกิดเหตุระเบิดทั้งรถพยาบาลและรถยนต์ส่วนตัวได้เร่งนำผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 350 คนไปยังโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในฉนวนกาซาที่เต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บจากการโจมตีจากที่อื่นๆ อยู่แล้ว โดยสภาพภายในโรงพยาบาลผู้บาดเจ็บต่างนอนจมกองเลือดบนพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ด้าน อิสราเอลและปาเลสไตน์ ต่างกล่าวโทษกันและกันว่าเป็นฝ่ายยิงจรวดใส่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยฮามาสอ้างว่าเป็นการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล และเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการสังหารหมู่ที่น่าสยดสยอง

ขณะที่ กองทัพอิสราเอล ก็กล่าวโทษว่าโรงพยาบาลถูกโจมตีจากจรวดที่ยิงพลาดเป้าของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตล์ ที่ได้ทำการยิงจรวดจำนวนมากใกล้กับโรงพยาบาลในขณะนั้น โดยอ้างข่าวกรองจากหลายแหล่งที่อิสราเอลมีในมือซึ่งบ่งชี้ว่า กลุ่มญิฮาดอิสลามเป็นผู้รับผิดชอบต่อการยิงจรวดที่ล้มเหลวครั้งนี้

ในเวลาต่อมาฝ่ายสื่อของรัฐบาลฮามาสได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เพราะโรงพยาบาลเป็นที่พักพิงของผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน รวมถึงผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากบ้านเรือนของตนเอง และขณะนี้มีเหยื่อหลายร้อยคนยังคงติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของโรงพยาบาลดังกล่าว

ขณะที่โฆษกของกองทัพอิสราเอลไม่สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดขึ้น หรือไม่โดยบอกเพียงว่ากำลังตรวจสอบอยู่

นอกจากเหตุโจมตีโรงพยาบาลแล้ว องค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยสำหรับขาวปาเลสไตน์ของยูเอ็นยังระบุด้วยว่า รถถังของอิสราเอลได้ยิงจรวดโจมตีโรงเรียนของยูเอ็นในตอนกลางของฉนวนกาซา ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ลี้ภัยอยู่ราว 4,000 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายและได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานของยูเอ็นในพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างน้อย 24 แห่งที่ถูกโจมตีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 14 ราย

‘ไบเดน’ กร้าว!! ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มซีเรีย ‘จำเป็น-สมน้ำสมเนื้อ’ เพื่อตอบโต้หลังกำลังพลสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยโดรน-จรวดหลายครั้ง

(29 ต.ค. 66) ‘ประธานาธิบดีโจ ไบเดน’ ยืนยันว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ถล่มภาคตะวันออกของซีเรียในสัปดาห์นี้มีความชอบธรรมทางกฎหมาย ระบุปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการตอบโต้ที่เหมาะสมต่อเหตุใช้โดรนและจรวดเล่นงานกำลังพลสหรัฐฯ รอบแล้วรอบเล่าในภูมิภาคแถบนี้

ในหนังสือที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) ที่ผ่านมา ทางทำเนียบขาวระบุว่า ปฏิบัติการทางอากาศเป็นไปตามกรอบอำนาจทำสงครามของประธานาธิบดี และมีขึ้นตามหลังเหตุโจมตีกำลังพลและที่ตั้งทางทหารของสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเดือนที่ผ่านมา

“ตามคำสั่งของผม ในค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2023 กองกำลังสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมาย เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ทางภาคตะวันออกของซีเรีย” ไบเดนกล่าว พร้อมระบุว่า โกดังทั้งหลายที่ถูกโจมตีนี้ถูกใช้งานโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

“การโจมตีมีเจตนาเพื่อตั้งมั่นป้องกันตนเองและดำเนินการในแนวทางที่จำกัดความเสี่ยงของสถานการณ์ลุกลามบานปลาย และหลีกเลี่ยงไม่ให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต” หนังสือระบุ พร้อมบอกว่าปฏิบัติการนี้ “เป็นสิ่งจำเป็นและสมน้ำสมเนื้อ”

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวครั้งแรกเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) โดยบอกว่ามันเป็นภารกิจป้องกันตนเองและมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเพื่อปกป้องและคุ้มกันบุคลากรของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย

ทั้งนี้ ทาง ‘พลจัตวา แพท ไรเดอร์’ แห่งกองทัพอากาศ บอกในเวลาต่อมา ว่า เครื่องบินรบของอเมริกาโจมตีโกดังเก็บอาวุธและกระสุน ใกล้เมืองอัล-บูคามาล ตามแนวชายแดน พร้อมอ้างว่าโกดังทั้ง 2 ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘จอห์น เคอร์บี’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เน้นว่า พวกเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างประเมินปฏฺิบัติการ และเตือนว่ากองกำลังอเมริกาจะไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมในการป้องกันตนเอง

ฐานทัพต่างๆ ของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียถูกโจมตีมาแล้วอย่างน้อย 16 รอบ นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา จากข้อมูลของกองบัญชาการสหรัฐฯ มีทหารหลายนายได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังมีพนักงานสัญญาจ้างที่เป็นพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิต สืบเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว ระหว่างที่ถูกโจมตี

ปัจจุบันมีทหารสหรัฐฯ ราว 1,000 นาย ประจำการอยู่ในซีเรีย ยึดครองบ่อน้ำมันสำคัญๆ และทางข้ามแม่น้ำยูเฟรทีสหลายแห่ง ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มติดอาวุธที่นำโดยพวกเคิร์ด แม้ว่ารัฐบาลในดามัสกัส ส่งเสียงประท้วงซ้ำๆ ว่า การปรากฏตัวของทหารสหรัฐฯ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

เหตุโจมตีด้วยจรวดและโดรนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์เป็นไปอย่างดุเดือด เข่นฆ่าชีวิตในทั้ง 2 ฟากฝั่งแล้วมากกว่า 9,000 ราย

วอชิงตันตอบสนองสถานการณ์ความตึงเครียดที่พุ่งสูง ด้วยการประจำการทหารอย่างมีนัยสำคัญ ในนั้นรวมถึงกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี 2 กอง ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่นเดียวกับเรือยกพลขึ้นบกจู่โจม ที่บรรทุกกำลังพล 2,000 นาย ใกล้กับชายฝั่งอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังมีทหารสหรัฐฯ อื่นๆ อีก 900 นาย ถูกส่งเข้าไปประจำการในจุดต่างๆ ที่ไม่มีการเปิดเผยในตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่อเมริกาอ้างว่าความเคลื่อนไหวนี้มีเจตนาเสริมการป้องกันกองกำลังของตนเองในภูมิภาค และป้องปรามไม่ให้ตัวละครภายนอกเข้าเกี่ยวพันในสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส

‘สื่อตะวันตก’ เผยผลสืบสวนพบ 'ยูเครน' อยู่เบื้องหลังบึ้มท่อนอร์ดสตรีม ผู้กระทำอ้าง!! คอยรับคำสั่งมาจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกทอด

(12 พ.ย.66) หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ และเยอรมนี อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิด ระบุว่า โรมาน เชอร์วินสกี พันเอกแห่งกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของยูเครน คือผู้ประสานงานของปฏิบัติการโจมตีท่อลำเลียงน้ำมันนอร์ดสตรีม ทั้งนี้ ผลการสืบสวนร่วมของวอชิงตัน โพสต์กับแดร์ ชปีเกิล อ้างอิงคำบอกเล่าของพวกเจ้าหน้าที่ในยูเครนและที่อื่นๆ ในยุโรป เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่รับรู้เกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าว แต่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม

สื่อมวลชนสหรัฐฯ ให้รายละเอียดว่า เชอร์วินสกี ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านโลจิสติกส์และควบคุมทีมงานที่ประกอบด้วยสมาชิก 6 คน ซึ่งเช่าเรือใบลำหนึ่งภายใต้ชื่อปลอมและใช้อุปกรณ์ดำน้ำสำหรับดำลงไปวางวัตถุระเบิดที่ท่อทำเลียง ทั้งนี้เขาไม่ได้วางแผนปฏิบัติการหรือลงมือเพียงลำพัง แต่คอยรับคำสั่งมาจากพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกทอด

รอยรั่วขนาดใหญ่ 4 รู ถูกพบบนท่อลำเลียง 2 เส้นของท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม นอกชายฝั่งเกาะบอร์นโฮล์มของเดนมาร์ก ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2022 ซึ่งสถาบันธรณีวิทยาหลายแห่งตรวจพบแรงระเบิดใต้น้ำ 2 รอย ก่อนที่ท่อลำเลียงจะเกิดการรั่วไหล

ท่อลำเลียงแห่งนี้ตกอยู่ในแก่นกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยุโรป โดยรัสเซียตัดการส่งมอบก๊าซป้อนสู่ยุโรป ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเป็นการแก้แค้นมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานมอสโกต่อกรณีรุกรานยูเครน

เชอร์วินสกี ให้การปฏิเสธผ่านทนายความส่วนตัว บอกกว่าเขาไม่ได้มีบทบาทใดๆ ในการลอบก่อวินาศกรรมโจมตีท่อลำเลียง "ทุกข่าวลือเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของผม ในเหตุโจมตีท่อนอร์ดสตรีม ถูกเผยแพร่ออกมาโดยโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย โดยปราศจากพื้นฐานใดๆ รองรับ" เขาเขียนถ้อยแถลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรส่งถึงวอชิงตัน โพสต์กับแดร์ ชปีเกิล

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ปฏิเสธซ้ำๆ ว่าประเทศของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดท่อลำเลียง "ผมจะไม่มีวันทำเช่นนั้น" เขาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

อ้างอิงหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพต์ ระบุว่าปฏิบัติการก่อวินาศกรรมถูกคิดค้นขึ้นมาโดยปราศจากการรับรู้ของเซเลนสกี

วอชิงตัน โพสต์กับแดร์ ชปีเกิล เผยว่าพวกเขาได้ติดต่อไปยังรัฐบาลยูเครน เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับผลการสืบสวนร่วมของพวกเขา แต่ทางเคียฟไม่ได้ให้คำตอบกลับมาแต่อย่างใด

‘กลุ่ม IS’ ยอมรับ!! อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด 2 ครั้ง ในวันงานพิธีรำลึก ‘นายพล กาเซม โซเลมานี’

(5 ม.ค. 67) สื่อต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนในพิธีรำลึกครบรอบวันตายของ พล.อ.กาเซม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ (Quds) ของอิหร่าน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 100 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

ในถ้อยแถลงที่โพสต์เทเลแกรม ไอเอสอ้างว่าสมาชิกนักรบ 2 รายได้จุดชนวนเข็มขัดระเบิดท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเข้าร่วมพิธีรำลึก บริเวณสุสานในเมืองเคอร์มาน (Kerman) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่านเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

พิธีรำลึกครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปีการเสียชีวิตของ โซเลมานี ซึ่งถูกกองทัพสหรัฐฯ ส่งโดรนเข้าไปลอบสังหารที่อิรักเมื่อปี 2020

จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกทำเนียบขาว บอกกับสื่อมวลชนว่า สหรัฐฯ “ไม่อยู่ในสถานะที่จะตั้งข้อสงสัย” กับคำกล่าวอ้างผลงานของไอเอส ขณะที่เตหะรานประกาศจะแก้แค้นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายซึ่งทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายมากที่สุดในยุคหลังการปฏิวัติอิสลามปี 1979

เหตุระเบิดครั้งนี้นอกจากจะคร่าชีวิตคนไปเกือบร้อย ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 284 คน รวมถึงเด็กๆ

“ทหารของ โซเลมานี จะหยิบยื่นการแก้แค้นที่สาสมต่อพวกเขา” โมฮัมหมัด มอคเบอร์ รองประธานาธิบดีคนที่หนึ่งของอิหร่าน ให้สัมภาษณ์สื่อที่เมืองเคอร์มาน

ทางการอิหร่านยังเรียกร้องให้ผู้คนออกมารวมตัวกันครั้งใหญ่ในวันศุกร์ ซึ่งจะมีการจัดพิธีศพให้แก่เหยื่อจากเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อน

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติแห่งอิหร่าน (IRGC) ประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำอัน “ขี้ขลาดตาขาว” ที่ “หวังสร้างความระส่ำระสาย และบ่อนทำลายความรักและการอุทิศตนที่คนอิหร่านมีต่อสาธารณรัฐอิสลาม”

ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี แห่งอิหร่าน ประณามเหตุระเบิดครั้งนี้ว่าเป็น “อาชญากรรมที่ชั่วร้ายและไร้ความเป็นมนุษย์” ขณะที่ อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านก็ประกาศกร้าวว่าจะต้อง “แก้แค้น”

ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้แถลงประณาม “การก่อการร้ายที่ขี้ขลาดตาขาว” ในอิหร่าน พร้อมแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต และรัฐบาลอิหร่านด้วย

แม้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้บงการและแรงจูงใจในการก่อเหตุยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัด แต่ แอรอน เซลิน (Aeron Zelin) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ (Washington Institute for Near East Policy) ระบุว่า ตนจะไม่ประหลาดใจเลยหากสุดท้ายพบว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม ISIS-Khorasan หรือ ISIS-K ซึ่งเป็นเครือข่ายไอเอสที่มีฐานอยู่ในอัฟกานิสถาน

เซลิน ชี้ว่า รัฐบาลอิหร่านเคยออกมากล่าวหา ISIS-K ว่าอยู่เบื้องหลังแผนโจมตีหลายครั้งที่ถูกสกัดเอาไว้ได้ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกจับกุมจะเป็นชาวอิหร่าน ชาวเอเชียกลาง และชาวอัฟกันที่มาจากเครือข่ายไอเอสในอัฟกานิสถาน มากกว่าเครือข่ายไอเอสในอิรักและซีเรีย

กลุ่มไอเอสมีความชิงชังชาวชีอะห์ซึ่งเป็นศาสนาอิสลามนิกายหลักในอิหร่าน และมุสลิมชีอะห์ก็ตกเป็นเป้าหมายโจมตีบ่อยครั้งในอัฟกานิสถาน เนื่องจากไอเอสมองว่าเป็นพวกละทิ้งศาสนา (apostates) อีกทั้งนักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ก็ข่มขู่โจมตีอิหร่านมานานหลายปีแล้ว

การถูกกลุ่มตอลิบานไล่กวาดล้างส่งผลให้ ISIS-K อ่อนกำลังลงมากในอัฟกานิสถาน และสมาชิกบางส่วนต้องอพยพย้ายไปยังประเทศข้างเคียง ทว่ากลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ยังคงวางแผนปฏิบัติการภายนอกประเทศอยู่ ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 

ไฟไหม้ คอนโดหรู 31 ชั้น นทท.แตกตื่น หนีตาย ก่อนจะคุมเพลิงไว้ได้ พบสาเหตุ เพลิงไหม้ มาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ชั้น 11

(16 มี.ค.67) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คอนโดหรู ริมถนนพัทยาสายสอง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบส่งนักดับเพลิง รถดับเพลิง 3 คัน รถกระเช้า 1 คัน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมือง พัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาบริเวณระเบียงชั้นที่ 11 ทำให้ผู้ที่พักอยู่ในคอนโด รวมถึงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในละแวกดังกล่าว ต่างพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงขึ้นไปใช้น้ำฉีดสกัดกั้นเพลิง เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ตั้งอยู่บริเวณนอกระเบียง ชั้น 11 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ

แม่บ้านของคอนโด เล่าว่า ภายในห้องดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัย โดยต้นเหตุเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกระเบียง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งจะประสานตำรวจกองวิทยาการเข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เพิ่มเติมต่อไป

'นปพ.นราธิวาส' เจ็บเล็กน้อย 4 ราย หลังถูกคนร้ายลอบจู่โจม โชคดี!! รถหุ้มเกราะช่วยไว้ เซฟชีวิตจากทั้ง 'ระเบิด-กระสุน'

(29 เม.ย.67) เวลาประมาณ 24.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงปะทะเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) นราธิวาส 33 บริเวณบ้านกวาลอซีรา หมู่ 7ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ อินทร์ประพันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า เหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ นปพ.นราธิวาส 33 จำนวน 4 นาย เตรียมเดินทางไปเข้าเวรที่จุดตรวจในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบนถนนใหญ่ ห่างจากฐานปฏิบัติการ นปพ.นราธิวาส 33 ประมาณ 200 เมตร คนร้ายได้กดระเบิดทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ใช้รถหุ้มเกราะจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายได้ลงจากรถและยิงปะทะกับคนร้ายที่มีการดักซุ่มยิงระยะไกลจากถนนฝั่งตรงข้าม

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าวว่า ในห้วงเวลาดังกล่าวคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบบนถนนใกล้จุดเกิดเหตุ และเผายางรถหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาขาสุไหงโก-ลก เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่จากภายนอกเข้าไปให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ประสบเหตุ ซึ่งหลังเหตุปะทะสงบลงพบว่าเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิด

ส่วนมาตรการของฝ่ายความมั่นคงได้มีการประสานหน่วยกำลังของทุกชุดปฏิบัติการตามแผนรักษาความปลอดภัยเมือง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดเส้นทางฝั่งขาเข้าเมืองสุไหงโก-ลก ทั้ง 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่านน้ำตก ด่านบุญลาภนฤมิตร ด่านบ้านน้ำขาว และปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก พร้อมทั้งมีการลาดตระเวนเส้นทางตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียงทั้งหมด อีกทั้งได้มีการใช้โดรนสำรวจในพื้นที่เกิดเหตุด้วย

“ดังนั้น สำหรับประชาชนขอให้งดการเดินทางออกจากบ้าน รวมทั้งการใช้เส้นทางในพื้นที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางสุไหงโก-ลก-มูโนะ ที่จำเป็นต้องเคลียร์รถยนต์ต้องสงสัย ตะปูเรือใบ และการเผายางรถในพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมหวั่นการก่อเหตุซ้ำ” พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าว

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าวว่า จากเดิม นปพ.นราธิวาส 33 มีรถยนต์หุ้มเกราะ จำนวน 1 คัน แต่เนื่องจากห้วงที่ผ่านมาได้รับความเสียหายขณะเข้าตรวจค้นจับกุมเหตุผู้ต้องหาพร้อมของกลางคดียาบ้าล็อตใหญ่ โดยรถยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม จึงได้สั่งการให้นำรถหุ้มเกราะของ สภ.สุไหงโก-ลกไปใช้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง จึงทำให้เรารักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ นปพ.นราธิวาส 33 ที่ประสบเหตุไว้ได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top