Friday, 6 June 2025
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงาน

‘ต่อตระกูล ยมนาค’ ชม ‘พีระพันธุ์’ เปาะ นัก กม. สู้คดีโฮปเวลล์ สู่ภารกิจพลังงาน

(31 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตัวอย่างนักกฎหมายที่ดี เขาทำประโยชน์ให้ชาติ เป็นหมื่นล้าน ไม่เรียกร้องเปอร์เซ็นต์

ไม่เหมือน นักกฎหมายชื่อดัง ๆในหน้าข่าวทุกวันนี้ เรียกเงิน ทีละเป็นสิบล้าน 10 %ของจำนวนเงิน 100 ล้านที่จะเรียกคืนจากสามี ให้บริการแค่ให้คำปรึกษาสั้น ๆ ทางโทรศัพท์และเจอตัวกันแค่ 3 ครั้ง อ่านแล้วเศร้าใจ

ส่วน พีระพันธุ์ นักกฎหมายเพื่อประชาชนตัวจริง ต่อสู้ ค่าโง่โฮป เวลล์ ที่คณะอนุญาโตตุลาการตัดสินแล้ว สั่งให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินค่าเสียหาย25,000 ล้านบาท จนชนะความ รัฐบาลไทยไม่ต้องจ่ายสักบาทเดียว

ผมได้เคยเจอนั่งคุยกับคุณพีระพันธุ์ ในงานสวดครั้งหนึ่งที่วัดธาตุทอง ช่วงนั้น คุณพีระพันธุ์ อดีตสส. ปชป. 7 สมัย ว่างงาน ปชป.ไม่ได้เป็นรัฐบาล ผมรู้ได้จากการพูดคุยว่า คุณพีระพันธุ์ เป็นคนที่ลงมือค้นหาข้อมูลมาต่อสู้เรื่องทาง กฎหมายต่าง ๆ ด้วยตัวเองทุก ๆ เรื่อง และเป็นคนที่คิดแต่จะให้ พอรู้ว่าผมเป็นวิศวกร ก็เลยขอปรึกษาเรื่องการสร้างศาลา ใหม่มอบให้วัดธาตุทอง

ซึ่งคุณพีระพันธุ์ ได้ออกแบบเองไม่เหมือนศาลาสวดศพทั่วไป บอกว่าจะใช้โครงสร้างเหล็กจะได้เสร็จเร็ว เสียดายที่งานได้เริ่มไปแล้ว ถ้าผมรู้เร็วกว่านี้ ผมจะแนะให้สร้างง่าย ๆ ด้วยโครงสร้างคอนกรีตธรรมดานี่แหละ ช่างที่ทำตามวัดเขาจะสร้างได้ชำนาญกว่า และผมจะร่วมทำบุญ ดูแลงานก่อสร้างให้ด้วย ตอนนี้ผ่านมากว่า 4 ปี ศาลาก็ยังไม่เสร็จ

มาถึงวันนี้ คุณพีระพันธุ์ มาเป็น รมต.พลังงาน ในรัฐบาลปัจจุบัน ตำแหน่งที่มีโอกาสหาเงินได้ ไม่ต้องเรียกก็จะมีบริษัทพลังงานต่าง ๆ ยินดีมามอบเงินให้เป็น 100 เป็น 1,000 ล้านสบาย ๆ 

แต่คุณพีระพันธุ์ กลับเลือกที่จะอยู่ข้างประชาชน ประกาศจะลดค่าน้ำมัน ให้ได้อย่างถาวร เลิกอ้างอิงต้นทุนจากราคาของสิงคโปร์ แล้วร่างระเบียบ กฎหมายใหม่ให้เป็นธรรมขึ้น

ผมจึงติดตามอยู่ ว่าจะคุณพีระพันธุ์ จะทำได้แค่ไหน เมื่อได้เห็นจดหมายรายงานการทำงานครบ 1 ปี ในเว็บไซต์ของคุณพีระพันธุ์ ได้อ่านแล้วรู้สึกดีใจ ว่าประเทศไทยยังมีนักการเมืองที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนดีอยู่บ้าง

พีระพันธุ์ เดินหน้า!! ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป เพื่อคนไทยทุกคน

ขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็ก ให้ผมพิงในการทำงาน!!
‘พีระพันธุ์’ อวยพรคนไทย ให้มีความสุข สมหวัง สำเร็จ ในปี 2568 ย้ำ!! ยังคงเดินหน้า เรื่องพลังงาน เพื่อประโยชน์ ของชาติบ้านเมือง

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 

2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 

3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย 

ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

‘พีระพันธุ์’ เดินหน้า!! ลดราคาพลังงานไฟฟ้า ให้พี่น้องประชาชน ล่าสุด!! เหลือ 3.99 บาท/ต่อหน่วย สำหรับงวดเดือน พ.ค.- ส.ค.68

(26 เม.ย. 68) เพจ ‘พีระพันธุ์ FC’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ขอบคุณ พี่ตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ทุ่มเทแสวงหาทุกช่องทางในการลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้พี่น้องประชาชนมาตลอด โดยล่าสุดจะสามารถลดค่าไฟลงเหลือ 3.99 บาท/ต่อหน่วย สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.68 ตามมติ ครม. ที่กระทรวงพลังงานนำเสนอ และจะเร่งบริหารจัดการให้ค่าไฟลดลงได้อีกอย่างต่อเนื่อง คนไทยเตรียมรับข่าวดีอีกครับ!!

'ศศิกานต์ วัฒนจันทร์’ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย!! ‘ค่าไฟไม่ได้แพงขึ้น แต่ลดลงต่อเนื่อง’

(26 เม.ย. 68) กระทรวงพลังงานภายใต้การนำของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ คุมเข้มค่าไฟปี 2567 ตรึงราคาไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 68 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย และข่าวดี!!! งวด พ.ค.-ส.ค. ตั้งเป้าลดลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย 

สำหรับการเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเริ่มโครงการมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน มีการเซ็นสัญญาไปแล้วถึง 67 โครงการ และเซ็นสัญญาในวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมาเพียง 3 โครงการ และอีก 13 โครงการยังไม่ได้เซ็นสัญญาซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบสัญญาอย่างละเอียด 

แม้สัญญาจะมีการเซ็นไปแล้ว แต่หากตรวจสอบพบความผิดปกติในการประมูล มีความไม่ชอบมาพากล หรือการทำผิดกฎหมาย สามารถยกเลิกสัญญาได้ในทันที ไม่ต้องรอหมดสัญญา

ย้ำ!! ทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เป็นประโยชน์กับทุกคน

‘พิชัย-พีระพันธุ์’ ร่วมย้ำ ค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. เหลือ 3.99 บาท/หน่วย ไม่ใช้งบหลวง เว้นแต่ราคาพลังงานเปลี่ยนแปลงรุนแรง

(6 พ.ค. 68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบลดค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2568 จาก 4.15 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยย้ำว่ารัฐบาลมั่นใจจะควบคุมค่าไฟให้อยู่ในกรอบนี้จนถึงสิ้นปี เว้นแต่มีการเปลี่ยนแปลงต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ภายใต้แผนพลังงานสะอาดปี 2566–2573

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่า การกำหนดเพดานค่าไฟไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย เป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาภาระประชาชน พร้อมเฝ้าระวังต้นทุนพลังงานอย่างใกล้ชิด

'พีระพันธุ์' เตรียมจับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเตรียมออกกฎหมายควบคุมกิจการน้ำมัน

(31 พ.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระแรก โดยได้ชี้แจงเกี่ยวกับราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำว่า การกำหนดราคาน้ำมันปาล์มไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบหลักของกระทรวงพลังงาน แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ให้การช่วยเหลือในยามที่ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ โดยการนำน้ำมันปาล์มมาผสมในน้ำมันดีเซลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งกระทรวงพลังงานก็ได้ดำเนินการช่วยเหลือมาโดยตลอด และเตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำในรูปแบบเดียวกับอ้อยและน้ำตาล นอกจากนั้น เร็วๆ นี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมเสนอกฎหมายควบคุมกิจการน้ำมัน เพื่อให้ราคาน้ำมันขายปลีกอยู่ในราคาที่เหมาะสม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ในส่วนของการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ กระทรวงพลังงานได้เร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลดขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ตามบ้านอยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน และเตรียมจัดหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะ Inverter ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญและมีราคาสูง กระทรวงพลังงานก็จะเตรียมประสานกับผู้ผลิตให้สามารถจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด และในส่วนของเกษตรกร กระทรวงพลังงานจะใช้กลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้เตรียมงบประมาณเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้เข้าถึงการใช้โซลาร์เซลล์กับเครื่องสูบน้ำทางเกษตรเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนในการทำการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

และในเรื่องสุดท้าย แม้กระทรวงพลังงานจะไม่มียุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม แต่ในทางปฏิบัติ กระทรวงพลังงานก็พร้อมดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานภาคพลังงานตอบสนองกับนโยบาย Carbon Neutrality และ Net Zero ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศและของโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top