Sunday, 20 April 2025
รวมไทยสร้างชาติ

‘สส. รทสช.’ ร่วมให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ ตอกย้ำหนักแน่น พร้อมขอเดินเคียงข้างพรรคเสมอ

กลมเกลียวเป็นหนึ่ง ‘อัครเดช’ เผย สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ เดินหน้าทำสิ่งที่ถูกต้อง ย้ำหนักแน่นเคียงข้างพรรคเสมอ

เมื่อวันที่ (24 ธ.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะโฆษกพรรค แถลงผลการประชุมประจำสัปดาห์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า ในวันนี้ทั้งผู้บริหารพรรค สส.พรรคได้เดินทางมาประชุมร่วมกันอย่างพร้อมเพรียงและพร้อมใจกันให้กำลังใจนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ยึดมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป เนื่องจากเข้าใจดีว่า การทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน แต่ไปขัดขวางผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ย่อมทำให้เกิดกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์และผู้ไม่หวังดีที่พยายามปล่อยข่าวดิสเครดิต เพื่อหวังให้พรรคเสียหาย ซึ่งในที่ประชุมทั้งผู้บริหารพรรค สส. และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ยืนยันตรงกันอีกครั้งว่า จะขออยู่เคียงข้างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และพร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นความหวังของพ่อแม่พี่น้องประชาชนและประเทศไทยต่อไป

ด้านนายพีระพันธุ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมด้วยว่า ขณะนี้พรรคได้คะแนนนิยมและเสียงตอบรับที่ดีขึ้นจากประชาชน เห็นได้จากยอดเงินบริจาคที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้สส. พรรคทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน และขอให้ทุกคนเดินเคียงข้างไปพร้อม ๆ กันกับตนเองและเลขาธิการพรรค เพื่อพัฒนาพรรคให้เติบโต แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไปให้เหมาะสมกับคำขวัญของพรรคที่ว่า “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง”

ขณะเดียวกันในวันที่ 25 ธ.ค. 67 เวลา 11.00 น. จะมีการแถลงข่าวมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย นำโดยนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏ และสส. พรรค เกี่ยวกับการปลดล็อก “โซลาร์รูฟท็อป” ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดได้ในราคาที่ถูกและเป็นธรรมด้วย

‘พีระพันธุ์’ พังอุปสรรคพลังงานเพื่อประชาชน ผนึก ก.อุตฯ เสนอร่าง กม. ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปช่วยลดภาระค่าไฟ

‘พีระพันธุ์’ พังอุปสรรคพลังงานเพื่อประชาชน  ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เสนอร่างกฎหมายปลดล็อค ‘โซลาร์รูฟท็อป’ อย่างครบวงจรครั้งแรกของประเทศ  เลิกระบบขออนุญาต  มุ่งลดภาระค่าไฟให้ประชาชน  พร้อมสร้างอาชีพใหม่  ธุรกิจใหม่ 

(25 ธ.ค. 67) ที่รัฐสภา  นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงข่าวร่วมกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ  โดยเปิดเผยว่า  พรรครวมไทยสร้างชาติกำลังเตรียมนำเสนอร่างกฎหมายสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานจากแสงอาทิตย์  ที่เรียกว่า ระบบโซลาร์รูฟท็อป เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันนี้  ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากภาระค่าไฟฟ้าแพง  และเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่มุ่งลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน  และเป็นการร่วมทำงานระหว่างกระทรวงเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ปัจจุบันการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ในประเทศไทย ยุ่งยาก ซับซ้อน และมีราคาแพง อีกทั้งยังมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องถึง 5 แห่ง  พรรครวมไทยสร้างชาติในฐานะที่ดูแลกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งกำกับดูแลหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้  จึงได้ดำเนินการประสานกันระหว่างทั้งสองกระทรวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลดล็อคให้ประชาชนสามารถติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น  โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีให้ยกเว้นการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปทุกกำลังการผลิตที่ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน ไม่ต้องขอใบอนุญาตอีกต่อไป  ในขณะที่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ก็กำลังเร่งรัดการออกกฎหมายเพื่อปลดล็อคเรื่องการขออนุญาตติดตั้งเช่นกัน

“เรามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 5 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งต่างก็มีกฎหมายของตนเองที่ตีความว่าการจะติดตั้งระบบโซลาร์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของหน่วยงานตน  เรามีกฎหมายเยอะมาก แต่ที่ไม่เคยมีก็คือ กฎหมายที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานจากแสงแดด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย  วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติได้ยกร่างกฎหมายซึ่งไม่เคยมีในประเทศไทยให้กับพี่น้องประชาชน คือ กฎหมายเกี่ยวกับการสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสภาผู้แทนราษฎร และกฎหมายฉบับนี้จะปลดล็อคอย่างถาวรจากฎหมายอื่นๆ ที่เคยนำมาอ้างอิง ” นายพีระพันธุ์กล่าว 

นายพีระพันธุ์ยังได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้สนับสนุนในการดำเนินการดังกล่าว พร้อมระบุว่ากฎหมายฉบับนี้จะทำให้พี่น้องประชาชนมีค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานไฟฟ้าถูกลง และเป็นการทำตามนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และส่งเสริมให้ภาครัฐเป็นผู้ให้บริการ โดยเปลี่ยนจากการขออนุญาตติดตั้งอุปกรณ์โซลาร์เป็นการแจ้งให้ทราบ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการติดตั้งได้เร็วขึ้น โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องจะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบการติดตั้งในภายหลังเท่านั้น ซึ่งจะลดความล่าช้าในการติดตั้ง รวมถึงการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐได้ 

นายพีระพันธุ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผลของกฎหมายฉบับนี้ยังช่วยสร้างอาชีพใหม่ โดยเฉพาะอาชีพการติดตั้งโซลาร์เซลล์-โซล่าร์รูฟท็อป  ซึ่งตนได้เตรียมความพร้อมในการเสริมสร้างทักษะอาชีพด้านนี้ผ่านการอบรมโดยกระทรวงพลังงาน  รวมถึงเตรียมที่จะปรับปรุงเงื่อนไขของกองทุนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความต้องการติดตั้งพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ 

สำหรับปัญหาราคาในการติดตั้งอุปกรณ์โซลาร์ที่มีราคาแพงนั้น  กระทรวงพลังงานได้มีการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ซึ่งผ่านการทดสอบคุณภาพจาก สวทช. ในขั้นตอนแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ทางกระทรวงพลังงานยังมีการวิจัยการประดิษฐ์แบตเตอรีสำหรับกักเก็บพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกด้วย 

“ทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่ทุกอย่างที่หมักหมมมาหลายสิบปีจะได้รับการพังทลายโดยพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน พลังงานจะต้องดีกว่าที่เคยเป็นแน่นอน ในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่ง ประชาชนและประเทศชาติจะต้องได้รับประโยชน์มากที่สุด” นายพีระพันธุ์กล่าว

‘รมว.ขิง’ โพสต์เฟซ!! ขอบคุณทุกฝ่ายที่คอยสนับสนุน พีระพันธุ์ เเละ รทสช. ในการทำงาน ชี้!! ‘นิด้าโพล’ เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าทุ่มเท พังทุกปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศ

(29 ธ.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า …

เดินหน้าทำงาน…

วันนี้ เมื่อเทียบเวลาเดียวกันกับปลายปีที่แล้ว คะแนนนิยม วัดโดยนิด้าโพล เพิ่มขึ้น
ของ #หัวหน้าพี จาก 2.4% เป็น 10.25%
ของพรรค #รวมไทยสร้างชาติ จาก 3.2% เป็น 10.6%
ล่าสุดทะลุ 10% ทั้งคู่แล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเรา คอยช่วยสื่อสารประชาสัมพันธ์ผลงานของพรรคและหัวหน้า #พีระพันธุ์
เราจะเดินหน้าทุ่มเททำงาน แก้ปัญหา พัฒนาประเทศ ด้วยจุดยืนที่มั่นคง ตามแบบ #DNAลุงตู่

‘รทสช.’ ปลื้มเรตติ้ง ‘พีระพันธุ์ - พรรค’ พุ่ง ยันสืบทอด DNA ลุงตู่ ยึดมั่น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

(2 ม.ค. 68) โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอบคุณแรงเชียร์ ชี้โพลล่าสุดทะลุเกิน 10 %  ผสานกำลัง รมต.และ สส. มุ่งมั่นทำงานเพื่อคนไทย ย้ำนโยบาย 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' พลังงานไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง ยันสืบทอด DNA ลุงตู่ ยึดมั่น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 

วันที่ 2 มกราคม 2568 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและความไว้วางใจจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนในปีที่ผ่านมา ที่ให้การสนับสนุนและให้ความไว้วางใจพรรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเห็นได้จากคะแนนความนิยมทางการเมืองล่าสุดของผลสำรวจนิด้าโพลที่คะแนนความนิยมของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พุ่งขึ้นเป็น 10.25% ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 10.6% ได้รับคะแนนนิยมเกิน 10% ทั้งสองส่วน

ส่วนในปี 2568 ยืนยันว่า พรรคจะยังมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติและพี่น้องชาวไทยทุกคนอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยในส่วนของกระทรวงพลังงาน ภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน จะเดินหน้า 'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' พลังงานไทย เพื่อให้คนไทยได้ใช้พลังงานอย่างเป็นธรรม เป็นนโยบายเป้าหมายหลักที่สำคัญของนายพีระพันธุ์ 

ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรมว.อุตสาหกรรม ก็จะเดินหน้าตามแผนงาน 'สู้ เซฟ สร้าง ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย' และจัดการกับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำผิดกฎหมายด้วยชุดปฏิบัติการทีมสุดซอยของทีมรัฐมนตรีเอกนัฏ อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งการเร่งส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในยุคอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อพาอุตสาหกรรมไทยเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เช่นเดียวกับอีก 2 รัฐมนตรี คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะเดินหน้าตั้งใจทำงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มความสามารถเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

นายอัครเดช ย้ำในส่วนบทบาทของ สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ในปี 2568 นี้ ทุกคนก็จะมุ่งมั่นทำงานในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและคนไทยทุกคนควบคู่ไปกับการลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ตามสโลแกนของพรรคที่ว่า 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกที่' รวมถึงการสืบทอด DNA ของลุงตู่ คือ การยึดมั่นและสืบทอด 3 สถาบันหลักของชาติ อันประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคง

"พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานในหน้าที่อย่างดีที่สุดเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา เพื่อผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีนี้พรรคจะได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนด้วยดีและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่เชื่อมั่นพรรครวมไทยสร้างชาติเสมอมา" นายอัครเดช กล่าว

‘เอกนัฏ’ ซัด พวกไม่หวังดีปูดข่าวแตกคอ ‘พีระพันธุ์’ เคลียร์ชัด! ยังคุยกันดี พร้อมจับมือร่วมทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อวันที่ (2 ม.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ ทางสถานีโทรทัศน์ท็อป นิวส์ ถึงกรณีที่ยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยถึงการที่พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยย้ำว่า สาเหตุของการร่วมรัฐบาลเพื่อไทยก็คือ เพื่อทำตามนโยบายของพรรคในเรื่องการป้องกันการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาม.112, การป้องกันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และ 2 และเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ 

ดังนั้นตราบใดที่ตนเองและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังทำงานในรัฐบาล นายพีระพันธุ์ ตนเองและพรรคก็พร้อมจะเดินหน้าทำงานตามนโยบายที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนและรักษาซึ่งอุดมการณ์ที่มีอย่างเต็มที่เพื่อประเทศและคนไทย โดยไม่ขอสนใจการเล่นการเมืองหรือความที่ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามแต่ โดยเฉพาะการเมืองแบบเก่า ๆ และหากการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนเดิมหรือทำให้ใครไม่พอใจ ตนเองก็ต้องขอโทษด้วย แต่ถึงวันนี้ยังยืนยันว่า อุดมการณ์ของตนไม่เคยเปลี่ยน และทุกอย่างที่ทำล้วนมีเหตุมีผลและทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศยังเดินหน้าต่อไปได้

“ไม่ได้ทำการเมือง เพื่อให้ตนเองหรือนายพีระพันธุ์ ต้องเป็นหัวหน้าไปตลอดชีวิต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องรักษาศรัทธาของประชาชนเอาไว้และยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แค่เท่านั้นเอง” นายเอกนัฏ ระบุ

นายเอกนัฏ ย้ำด้วยว่า เป็นเรื่องไร้สาระกับข่าวที่ว่าพรรคกำลังแยกกันเดินออกเป็น 2 สาย คือ สายของตนเองและสายของนายพีระพันธุ์ โดยข่าวดังกล่าวเกิดจากผู้ไม่หวังดีที่ต้องการให้พรรคแตกแยกกัน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะทุกวันนี้ตนและนายพีระพันธุ์ ยังคุยกันดี ปรึกษากันทุกเรื่องและจับมือเดินหน้าทำงานไปด้วยกัน ส่วนกรณีที่มีรูปถ่ายใกล้ชิดกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นเกิดจากการที่ตนได้พานายอากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเรื่องการลงทุนของบริษัท โตโยต้า ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตนเองคาดหวังให้โตโยต้าลงทุนในไทยด้วยเม็ดเงินราว 100,000 ล้านบาท(หนึ่งแสนล้านบาท) แต่เบื้องต้นโตโยต้าได้ตอบตกลงที่จะลงทุนในไทยเพิ่มอีกอย่างน้อย 55,000 ล้านบาท(ห้าหมื่นห้าพันล้านบาท) และเตรียมที่จะส่งคนมาสำรวจวิจัยการลงทุนในไทยเพิ่มเติมตามที่ตนได้ร้องขอ

นายเอกนัฏ ยังระบุถึงการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือร่างพรบ.โซลาร์ โดยยืนยันว่า หากร่างพระราชบัญญัตินี้ผ่านสภา มีผลบังคับใช้ คนไทยจะได้ใช้ไฟในราคาที่ถูกลงอย่างแน่นอน ทั้งยังสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง โดยไม่ต้องขออนุญาตเหมือนเช่นในอดีต ทั้งนี้กระทรวงพลังงานจะนำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานมาช่วยอุดหนุนควบคู่ไปกับการผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งระบบโซลาร์แบบครบชุดในราคาที่ถูก เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟสำหรับใช้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ในราคาที่ย่อมเยาด้วย โดยตนเองมั่นใจด้วยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมคาดการณ์กรอบเวลาที่จะมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุด คือ ภายในไม่เกิน 1 ปีนับจากนี้

การสนับสนุนให้ภาคประชาชนสามารถติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ง่าย นอกจากส่งผลต่อบ้านเรือนที่ติดตั้งแล้ว ในภาพรวมยังสามารถลดค่าไฟฟ้าที่ทั้งประเทศจะต้องร่วมกันจ่ายได้ด้วย จากที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าน้อยลงเพราะมีการผลิตในภาคครัวเรือน ทำให้การตั้งกำลังไฟสำรองก็น้อยลงตามไปด้วย 

สำหรับการทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรมเป้าหมายของตนชัดเจนคือการทำให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยฟื้นกลับมาเข้มแข็ง เพื่อที่จะเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ผ่านการจัดระบบ ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมดี ๆ ในประเทศ ควบคู่กับการเดินหน้าจัดการกับโรงงานและอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ไม่มาตรฐาน รวมถึงการปกป้องอุตสาหกรรมสำคัญของไทยไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ 

“ไม่ได้บอกว่าตนไม่เคยทำอะไรผิดพลาดในชีวิต แต่ตนเป็นคนที่เตือนสติตัวเองอยู่ทุกวันทั้งก่อนนอนและตื่นนอน ด้วยความกลัวว่าจะเป็นคนที่ไม่ดี เป็นคนที่จะอ่อนข้อให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งผมมั่นใจว่าผมชนะมารในตัวผมได้ มั่นใจได้ว่าขิงยังเป็นขิงคนเดิม” นายเอกนัฏกล่าวในตอนท้าย

รับชมรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ ฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=tZJpugth0No

พีระพันธุ์ เดินหน้า!! ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป เพื่อคนไทยทุกคน

ขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็ก ให้ผมพิงในการทำงาน!!
‘พีระพันธุ์’ อวยพรคนไทย ให้มีความสุข สมหวัง สำเร็จ ในปี 2568 ย้ำ!! ยังคงเดินหน้า เรื่องพลังงาน เพื่อประโยชน์ ของชาติบ้านเมือง

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 

2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 

3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย 

ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

‘รมต.เอกนัฏ’ ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ เก็บหลักฐานตึก สตง. ถล่ม ชี้!! หากพบวัสดุก่อสร้างด้อยมาตรฐาน จะเอาผิดให้ถึงที่สุด

(29 มี.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีการก่อสร้างอาคารที่ถล่ม เป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญกับทุกประเด็นที่อาจเป็นสาเหตุ ทั้งเรื่องการออกแบบวิศวกรรมการก่อสร้าง หรือการใช้เหล็กด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงที่กระทรวงอุตสาหกรรมไม่อาจปล่อยผ่านได้

ที่ผ่านมาชุดสุดซอยได้ตรวจค้นปิดดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายไปแล้ว 7 ราย มูลค่าของกลางประเมินอยู่ที่ 361 ล้าน มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจปีละเป็นพันล้าน ไม่นับอันตรายที่เกิดขึ้นจากความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

นายเอกนัฏ ระบุว่า เคสหนึ่ง ที่ตนไปปิดตั้งแต่ปีก่อน เป็นบริษัทต่างชาติ ทุนจดทะเบียนมหาศาล อิทธิพลเยอะ อายัดของกลาง เรียกผลิตภัณฑ์ตกคุณภาพคืนมาทั้งหมด และหยุดประกอบกิจการจนถึงวันนี้ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ให้มีการเปรียบเทียบปรับ มีตัวแทนจากสำนักงานอัยการ และสำนักงานตำรวจ มาร่วมกับทาง สมอ.

ส่วนตึก สตง. ที่ถล่ม ตนก็จะส่งทีมสุดซอยพร้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บหลักฐาน หากพบว่ามีการใช้เหล็กหรือวัตถุก่อสร้างด้อยคุณภาพก็จะดำเนินการจัดการให้ถึงที่สุดเหมือนอย่างที่ผ่านมาแน่นอน

‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยันสอยร่วง!! ร่างกม. นิรโทษกรรม ฉบับพรรคส้ม ภาคประชาชน ลั่น!! อยากให้สมานฉันท์ ประเทศไทยเดินหน้า แต่ไม่ขอล้างผิดให้ ‘คดี112 - คดีทุจริต’

(7 เม.ย. 68) นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร และวิปรัฐบาลจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะผู้เสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ ที่ใช้ชื่อว่า ร่างพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. ที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ วันพุธที่ 9 เม.ย.นี้ต่อจากร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ เปิดเผยว่า มีคำยืนยันแล้วว่า สภาฯ จะพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ วันพุธที่ 9 เม.ย.นี้ต่อจากร่างพรบ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ  ซึ่งร่างพรบ.นิรโทษกรรมที่เสนอเข้าสภาฯมา ที่เสนอมาสี่ร่างฉบับ จะมีเนื้อหาแตกต่างกัน แต่ในส่วนของร่างพรบ.นิรโทษกรรม ฯ ที่จะให้นิรโทษกรรมคดี 112 ด้วย ส.ส.รัฐบาลหลายคนไม่เห็นด้วย เราก็เข้าใจ น้องๆ นักศึกษาที่ถูกดำเนินคดี 112 แต่การจะให้ไปนิรโทษกรรม มันไกลเกินกว่าที่พวกเราจะตัดสินใจ

“ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำตัดสินเรื่องนี้มาแล้วสองครั้ง(คดีล้มล้างการปกครองฯ อดีตแกนนำม็อบสามนิ้ว กับคดียุบพรรคก้าวไกล) พวกเราส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติและส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่แสดงท่าทีเรื่องนี้เช่น ภูมิใจไทย ก็ทำให้เราไม่อยากไปแตะตรงนั้น รวมถึงของเพื่อไทยเอง เท่าที่ได้ฟัง ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้รวมคดี 112 เข้ามาด้วยเพราะเรื่องให้นิรโทษกรรมคดี 112 หากไปดูตอนที่นายชัยธวัช จากพรรคก้าวไกลยื่นร่างเข้าสภาฯ ตอนนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการชี้เรื่อง 112 ในคดียุบพรรคก้าวไกลออกมา  เมื่อตอนนี้ศาลชี้ออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพศาลรัฐธรรมนูญ”

เมื่อถามว่าในการโหวตวาระแรก หลังอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว การโหวตจะโหวตอย่างไร เพราะมีเสนอเข้าไปสี่ฉบับ จะโหวตเห็นชอบทีละฉบับหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า คงต้องคุยกันในวิปรัฐบาลวันพุธนี้ก่อน แต่เท่าที่เคยคุยกัน พรรคร่วมรัฐบาล คงจะให้นำร่างพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นร่างหลักในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่จะตั้งขึ้น หลังผ่านวาระแรก อันนี้คือที่ได้รับแจ้งมา

“เรื่องการโหวตร่างพรบ.นิรโทษกรรมทีละฉบับ อาจเป็นไปได้ การให้นิรโทษกรรมคดีการชุมนุมทางการเมือง เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยที่ผ่านมา มีความเห็นแตกต่างในเรื่องการแสดงออกทางการเมืองเป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว ประเทศไทยถึงเวลาแล้วที่ต้องละลายเรื่องสีเสื้อ เพื่อกลับมาสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อนำพาประเทศไทยให้เดินไปได้ และเรื่องนี้ก็เป็นนโยบายรัฐบาลในเรื่องการสร้างปรองดอง ผมคิดว่าส.ส.ทุกคน อยากให้ประเทศไทยเดินหน้าภายใต้ความปรองดองสมานฉันท์ เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ส.ส.หลายคน ทั้งจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ได้นั่งคุยกัน  ต่างก็เห็นด้วยกับการให้ออกกฎหมาย ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ผมกับคณะ ยื่นเข้าไป มีเนื้อหาคือไม่ให้นิรโทษกรรมคดี 112 รวมถึงคดีทุจริต”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top