Tuesday, 22 April 2025
รถยนต์

‘หนุ่ม’ แชร์อุทาหรณ์ ‘จอดรถตากแดด’ ไฟลุกพรึ่บ หวิดไหม้ทั้งคัน ชี้จุดฉนวนต้นเพลิง ‘ทิชชู-กล่องไม้จิ้มฟัน’ เตือน!! ถ้ามีในรถรีบเคลียร์ออก

(2 เม.ย. 67) จากกรณีหนุ่มรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปลงบนติ๊กต็อกช่อง @tawan_pick เป็นสภาพรถยนต์ไฟไหม้เบาะคนนั่งข้างหลัง ประกอบกับแดดร้อนจัด ทำให้กล่องพลาสติกไม้จิ้มฟันละลายไปกับเบาะ ซึ่งเป็นเหตุให้ไฟลุกไหม้

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 เม.ย.67 เจ้าของโพสต์ ได้เผยว่า หลังจากจอดรถเอาไว้กลางแดด แต่รถไหม้เกือบทั้งคัน เพียงเพราะว่ามีทิชชูแห้งและไม้จิ้มฟัน โชคดีเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยดับไฟสำเร็จ

โดยเจ้าของโพสต์ กล่าวว่า จอดรถไว้ในซอยบ้าน ซึ่งจอดเอาไว้ตั้งแต่เช้าและก็ขับรถจักรยานยนต์ไปทำงาน ซึ่งบริเวณดังกล่าวจอดไว้มานานมากแล้ว จากนั้นตนเลิกงานตอนเที่ยงตรง แม่ก็โทรมาบอกว่า “ให้รีบกลับบ้านเพราะไฟไหม้”

ตอนนั้นตกใจมาก จึงรีบขับรถกลับบ้านโดยด่วน เมื่อมาถึงก็ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของราษฎร์บูรณะ ได้ดับเพลิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเปิดรถเข้าไปดูปรากฏว่า จุดที่เกิดไฟมันคือด้านเบาะหลัง เป็นที่ที่วางกระดาษทิชชูและไม้จิ้มฟันเอาไว้ จึงคิดว่าเกิดจากความร้อน

เนื่องจากเมื่อวานอากาศร้อนมาก ประกอบกับเป็นตอนเที่ยง และแสงมันลงมากระทบกับกระจกรถด้านหลังตรงคนนั่งฝั่งซ้าย มันก็อาจจะทำให้อากาศแห้งแล้วเกิดไฟไหม้ โชคดีที่จอดรถใกล้กับสถานีดับเพลิง พี่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงรีบช่วยกันดับเอาไว้ก่อน ทำให้ไฟไหม้ไม่บานปลาย เชื่อว่าถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่มาเห็น รถคงไม่ทั้งคันไปแล้ว

ตอนนี้จะต้องนำรถไปตรวจสภาพและเปลี่ยนเบาะทั้งหมด ทำความสะอาดรถใหม่ด้วย ซึ่งมูลค่าความเสียหายน่าจะ 20,000 บาท ทั้งนี้ อยากเตือนภัยสำหรับทุกคน ที่จำเป็นต้องจอดรถกลางแดด ให้เคลียร์ของในรถ พวกของแห้งที่เป็นทิชชู ไม้จิ้มฟัน หรืออะไรที่มันไวต่อไฟ ก็ให้หลีกเลี่ยงจะดีที่สุด

สาวเซ็ง!! ถูกเขียนรถ ‘ปิดทางออก’ หลังไปเที่ยวงานขึ้นถ้ำรับร่อ ถาม? “มีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้” ทั้งที่จอดในจุดจอด-มีคนโบกรถให้

(2 พ.ค. 67) ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ ‘Pitrapon Phonphet’ ได้โพสต์ภาพและวิดีโอพร้อมข้อความระบุว่า…

"ไปเที่ยวงานประจำปี ขึ้นถ้ำรับร่อ เจอเหตุการณ์แบบนี้ คุณมีสิทธิอะไรหรือใช้สิทธิอะไรในการกระทำเช่นนี้ เหตุเกิดเวลา 19:55 น. วันที่ 01/05/67 แล้วแบบนี้ใครจะรับผิดชอบคะ เสียความรู้สึกสุด ๆ มาเห็นรอยเขียนที่บ้านตอนลงจากรถแล้ว ให้โอกาสทักมาคุยก่อนนะคะ ก่อนที่เรื่องจะยาวไปมากกว่านี้

#ของของคุณคุณก็รักก็หวง เราก็เช่นกัน #จอดในที่ ที่เค้าให้จอด มีคนโบกรถเรียบร้อย รถข้าง ๆ ก็มีคนอยู่ที่รถ"

สหรัฐฯ เล็งขึ้นภาษีนำเข้ารถ EV จากจีน 4 เท่าตัว เพิ่มจาก 25% เป็น 100% ขวางทางโต EV ขั้นสุด

(11 พ.ค.67) TechHangout รายงานว่า สหรัฐฯ กำลังจะประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายประเภท รวมถึงสินค้ารักษ์โลกต่าง ๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ เวชภัณฑ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน จาก 25% เป็น 100%

ปัจจุบัน รถยนต์ที่ผลิตในจีนทั้งหมดต้องเสียภาษีนำเข้า 25% เมื่อนำเข้ามายังสหรัฐฯ นอกเหนือจากภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศอีก 2.5% ซึ่งรวมเป็น 27.5% ภาษีที่สูงนี้ส่งผลกระทบต่อการนำเข้ารถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำกว่าเป็นเรื่องง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีราคาไม่แพง แม้จะมีภาษี 25% ราคาก็ยังคงแข่งขันได้ ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่า ไม่ว่าอย่างไร รถยนต์ไฟฟ้าจีนก็อาจเข้ามาทำตลาดในสหรัฐฯ อยู่ดี

ทางการสหรัฐฯ จึงมองว่าภาษี 25% ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าจีน ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะขึ้นเป็น 100% ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะมีราคาขายเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อนำเข้ามาสหรัฐฯ 

ทั้งนี้ นโยบายนี้ยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีการประกาศเกี่ยวกับภาษีใหม่ในวันอังคารนี้ (14 พ.ค.67)

ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ และยุโรป หลายรายเรียกร้องให้มีการขึ้นภาษี เนื่องจากการผลิต รถยนต์ไฟฟ้าจีน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดยในปี 2015 ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าของจีนอยู่ที่เพียง 0.84% ซึ่งใกล้เคียงกับส่วนแบ่งการตลาดของสหรัฐฯ ที่ 0.66% แต่ในปี 2023 แม้ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นเพียง 7.6% แต่ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกลับพุ่งสูงไปถึง 37% แซงหน้าหลายประเทศในอุตสาหกรรมนี้

ปัจจุบันภายใต้ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้การผลิตยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีรถล้นตลาดและพอที่จะทำให้มีรถเหลือเฟือสำหรับการส่งออก และผู้ผลิตรถจีนก็ได้เริ่มส่งออกไปยังยุโรปจำนวนมาก จนถึงขั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาเรือขนส่งได้เพียงพอ

ฉะนั้นเพื่อไม่ให้โอกาสการขยายตัวของรถไฟฟ้าจีนเพิ่มไปกว่านี้ การขึ้นภาษีรถไฟฟ้าจีนที่จะเข้ามาในสหรัฐฯ จึงเป็นเกมกีดกันการค้าที่ดุเอาเรื่อง และนั่นก็จะส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีโอกาสได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาประหยัดและเทคโนโลยีล้ำสมัยน้อยลงด้วยไปโดยปริยาย

'จีน' ร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ จนฟิล์มแรปปกป้องสีรถยนต์บวมเป่ง แต่ไม่ก่อความเสียหาย 'ด้านกลไก' หรือข้อบกพร่อง 'ด้านการผลิต'

ท่ามกลางอุณหภูมิที่พุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในจีน ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่รู้สึกถึงความร้อน รถยนต์ก็เช่นกัน หลังปรากฏภาพรถยนต์หลายคันสีบวมเป่ง สืบเนื่องจากอากาศอันร้อนระอุ ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์เรียกขานมันว่า ‘รถตั้งครรภ์’

ผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับคลิปวิดีโอหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพรถยนต์หลายคันบวมโป่งขึ้นมา คล้ายกับกำลังตั้งท้อง

ปรากฏการณ์ที่เรียกขานกันว่า ‘รถตั้งครรภ์’ เร้าความอยากรู้อยากเห็นและความกังวลแก่ผู้คนในวงกว้าง กระตุ้นให้หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้

ในวิดีโอเผยให้เห็นว่ารถยนต์หลายคันบวมจากภายนอก ทำให้พวกมันรูปร่างเหมือนกับตั้งท้อง ขณะที่ เจนนิเฟอร์ เจิง ผู้สื่อข่าวที่มีถิ่นฐานในสหรัฐฯ แต่ปัจจุบันอยู่ในจีน แชร์วิดีโอลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมเขียนว่า "ไม่ใช่เรื่องตลก! รถยนต์ผลิตในจีนตั้งครรภ์ เมื่อสภาพอากาศมันร้อนเกินไป"

วิดีโอนี้กลายเป็นที่พูดถึงและส่งต่อกันอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีผู้เข้าชมแล้วอย่างน้อย 757,000 วิว ในนั้นรวมไปถึงคลิปรถออดีคันหนึ่ง ซึ่งจอดในที่โล่งแจ้ง มีสภาพฟิล์มปกป้องหรือฟิล์มแรปรถโป่งพองขึ้นมา

รายงานข่าวสันนิษฐานว่า ท่ามกลางอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในจีน ฟิล์มแรปปกป้องสีรถยนต์เกิดบวมขึ้นมา และผู้คนพากันเรียกขานมันว่า ‘รถตั้งครรภ์’

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายคนทั้งแสดงความคิดเห็นติดตลก แสดงความกังวลและคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ในนั้นรวมถึงรายหนึ่งซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณภาพของกาวที่ใช้ในการแรป บางคนสอบถามเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้ฟิล์มแรปที่บวมขึ้นมาแฟบลง ท่ามกลางความกังวลว่าอาจเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็เบาใจได้ประมาณหนึ่ง เนื่องจากภาพเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายด้านกลไกหรือข้อบกพร่องด้านการผลิตรถยนต์ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในจีน

แม้ฟิล์มแรปรถยนต์จะมีชั้นปกป้องรังสียูวี สำหรับปกป้องสีรถจากปัญหาดังกล่าว แต่อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในจีน พิสูจน์แล้วว่ามันหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับฟิล์มแรปบางยี่ห้อ

เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนจัด พวกผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เจ้าของรถใช้ฟิล์มแรกคุณภาพสูงและกาวคุณภาพดี รวมถึงหลีกเลี่ยงจอดรถตากแดดในชั่วโมงที่มีสภาพอากาศร้อนจัด

นิสสันเล็งลดหรือย้ายพนักงานในไทย ตามแผนลดกำลังการผลิตในอาเซียน

(22 พ.ย.67) นิสสัน มอเตอร์ ค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เตรียมปรับลดหรือโอนย้ายพนักงานประมาณ 1,000 ตำแหน่งในประเทศไทย ตามแผนลดกำลังแรงงานทั่วโลกที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการลดกำลังการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

แหล่งข่าววงใน 2 รายที่ไม่เปิดเผยตัวตน เปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า นิสสันวางแผนหยุดการผลิตบางส่วนที่โรงงานหมายเลข 1 ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โรงงานของบริษัทในประเทศไทย โดยสายการผลิตที่เหลือจะถูกย้ายไปยังโรงงานหมายเลข 2 ภายในเดือนกันยายนปีหน้า  

โฆษกนิสสันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลดจำนวนพนักงาน แต่ยืนยันว่าการรวมโรงงานเป็นบางส่วนกำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ และจะไม่มีการปิดโรงงานในไทยแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า โรงงานหมายเลข 1 จะยังคงเป็นโรงงานหลักของนิสสันในไทย  

ปัจจุบัน โรงงานหมายเลข 1 ของนิสสันมีกำลังการผลิตรถยนต์ราว 220,000 คันต่อปี ส่วนโรงงานหมายเลข 2 มีกำลังผลิต 150,000 คันต่อปี ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนสำหรับนิสสัน  

ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์นิสสันในประเทศไทยลดลง 30% เหลือเพียง 14,000 คัน ในปีงบประมาณที่ผ่านมา โรงงานในไทยยังคงผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) เช่น รุ่น 'คิกส์' สำหรับตลาดอาเซียน และรุ่น 'เทอร์รา' เพื่อส่งออกไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกา  

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นิสสันได้ประกาศแผนปรับลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่งทั่วโลก หลังผลประกอบการครึ่งปีแรกต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

Skoda รถสัญชาติเช็ก โผล่วิ่งทดสอบในไทย หลังโรงงานในเวียดนามเริ่มผลิต เล็งเจาะขายอาเซียน

(26 พ.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งได้โพสต์ภาพและข้อความในกลุ่ม EV Club Thailand Group หลังพบรถยนต์แบรนด์ใหม่ไม่คุ้นเคย ติดป้ายทะเบียนรถทดสอบ กำลังวิ่งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ มีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ระบุว่ารถยนต์ดังกล่าวคือ Skoda แบรนด์รถยนต์จากสาธารณรัฐเช็ก รุ่นที่กำลังทดสอบคือ Skoda Superb รถเก๋ง 4 ประตู D-segment ที่มีขนาดใกล้เคียงกับ Toyota Camry หรือ Honda Accord  

หาก Skoda เข้าสู่ตลาดไทยจริง คาดว่าจะดำเนินการผ่านตัวแทนจำหน่ายของ Audi ซึ่งอยู่ในเครือ Volkswagen Group  

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากสื่อเวียดนามว่า Skoda Auto เตรียมเปิดโรงงานผลิตแห่งแรกในเวียดนาม เพื่อรองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานตั้งอยู่ในจังหวัดกวางนิญทางภาคเหนือของเวียดนาม ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว 90% และเริ่มทดลองใช้งานบางส่วนในเดือนพฤษภาคม คาดว่าโรงงานขนาด 36.5 เฮกตาร์แห่งนี้จะมีกำลังการผลิตสูงถึง 120,000 คันต่อปี โดยการประกอบรถยนต์จะเริ่มในช่วงปลายปี 2024 และวางจำหน่ายในปี 2025  

ในช่วงแรก โรงงานจะผลิตรถซีดานและ SUV ระดับ B ก่อนขยายสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อรุกตลาดอาเซียน Skoda เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเวียดนามเมื่อกันยายน 2023 และตั้งเป้าขยายตัวแทนจำหน่ายเป็น 20 รายภายในปี 2025 และ 30 รายภายในปี 2028 พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีละ 40,000 คันในปี 2030 โดยมองว่าเวียดนามเป็นประตูสำคัญสู่ภูมิภาคอาเซียน

อนึ่ง ก่อนหน้า Skoda เคยทำตลาดในไทยโดยมีดีลเลอร์ผู้จัดจำหน่ายคือ ยนตรกิจ เมื่อหลายสิบปีก่อนจะออกจากตลาดประเทศไทยไป

ตำรวจเตือน 'เขากวางเรนเดียร์-ไฟหลากสี' เสี่ยงอุบัติเหตุ เจอที่ไหนแจ้งเบาะแสได้ทันที

(16 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน โดยพบว่ามีประชาชนบางส่วนประดับตกแต่งยานพาหนะในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการประดับตกแต่งยานพาหนะตามแฟชั่นหรือเทศกาล เช่น การติดเขากวางเรนเดียร์ เนื่องจากลักษณะดังกล่าวยื่นออกมาเกินขอบเขตของตัวรถ หรืออาจหลุดร่วงระหว่างการขับขี่ การติดไฟหลากสี เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนหรือทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตสัญญาณไฟจากรถของท่านได้อย่างชัดเจน

การตกแต่งยานพาหนะในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ซึ่งอาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากนี้ หากการกระทำดังกล่าวนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับกรณี

หากประชาชนพบเห็นผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประดับตกแต่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและแจ้งเบาะแสการกระทำผิดได้ที่สายด่วน 191, สายด่วนตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘ทรัมป์’ ประกาศเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้า ยกเว้นเพื่อนบ้านแคนาดาและเม็กซิโก

(27 มี.ค. 68) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% สำหรับรถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ โดยมาตรการนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 และเริ่มเก็บภาษีในวันที่ 3 เมษายนนี้ 

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาได้นำเข้ารถยนต์ประมาณแปดล้านคัน คิดเป็นมูลค่าการค้าประมาณ 240,000 ล้านดอลลาร์ (186,000 ล้านปอนด์) และเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด

โดยมีเม็กซิโกเป็นซัพพลายเออร์รถยนต์ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น แคนาดา และเยอรมนี ซึ่งการเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อการค้ารถยนต์และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

ทรัมป์ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ของอเมริกาและกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ พร้อมยืนยันว่า “รถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ จะไม่มีการเก็บภาษีศุลกากรเลย”

“เราต้องการให้บริษัทผลิตรถยนต์ในอเมริกา และสร้างงานให้กับชาวอเมริกัน” ทรัมป์กล่าวขณะลงนามคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวกล่าวว่าคำสั่งดังกล่าวจะใช้ไม่เฉพาะกับรถยนต์สำเร็จรูปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชิ้นส่วนรถยนต์ด้วย ซึ่งมักจะถูกส่งจากประเทศอื่นก่อนที่จะมาประกอบในสหรัฐฯ แต่ภาษีศุลกากรใหม่นี้สำหรับชิ้นส่วนจากแคนาดาและเม็กซิโกจะได้รับการยกเว้น

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า นโยบายดังกล่าวอาจทำให้ราคารถยนต์นำเข้าสูงขึ้น กระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อวันพุธที่ป่านมา หุ้นของ เจเนรัลมอเตอร์ ร่วงลงราว 3% การเทขายหุ้นดังกล่าวได้ลามไปยังบริษัทอื่นๆ รวมถึง ฟอร์ด หลังจากที่ประธานาธิบดีได้กล่าวยืนยันถึงมาตรการภาษีดังกล่าว

ขณะที่ หลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เช่น โตโยต้า, บีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์ กำลังจับตาดูผลกระทบของมาตรการนี้ โดยบางบริษัทอาจต้องพิจารณาย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

ส่วนประชาชนสหรัฐฯ บางส่วนกังวลว่ามาตรการนี้จะทำให้ราคารถยนต์สูงขึ้น แต่บางกลุ่มสนับสนุน โดยมองว่าเป็นแนวทางที่ช่วยส่งเสริมการผลิตในประเทศ

นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่น กล่าวว่ารัฐบาลของเขาจะ “นำทุกทางเลือกมาพิจารณา” เพื่อตอบสนองต่อภาษีนำเข้าดังกล่าว

สำหรับญี่ปุ่นซึ่งมีโรงงานและบริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์หลายแห่ง ถือเป็นผู้ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับสองของโลก โดยหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่ประกอบด้วย โตโยต้า, นิสสัน, ฮอนด้า ร่วงลงในการซื้อขายช่วงเช้านี้ที่โตเกียว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top