Sunday, 20 April 2025
ยาบ้า

รัฐบาล-สธ. ลุยเอาจริง ! โฆษก สธ.เตือนคนขาย -คนเสพยาบ้ากลับตัวกลับใจ หลังครม.เห็นชอบแก้กฏกระทรวงครอบครองยาบ้าจาก 5 เม็ดเป็น 1 เม็ดเข้าข่ายผู้เสพ-ผู้ขาย ประเทศไทยต้องปลอดยาเสพติด

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เห็นชอบอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ โดยแก้ไขจากเดิมที่กำหนดยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม มาเป็นไม่เกิน 1 เม็ด น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 100 มิลลิกรัม คือ ถ้าครอบครองยาบ้าเกินกว่า 1 เม็ดและน้ำหนักสุทธิเกิน 100 มิลลิกรัมให้ถือว่า มีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้ เมื่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามในกฎกระทรวง นำไปประเทศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด วันรุ่งขึ้นก็จะมีผลบังคับใช้ทันที น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า การสันนิษฐานให้ผู้ครอบครองยาบ้าไม่เกิน 1 เม็ดและน้ำหนักสุทธิ์ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมเป็นผู้ครอบครองไว้เพื่อเสพ ส่วนที่เกินจากนี้ให้ถือว่าครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย เป็นการปรับมาตรการทางกฎหมายให้เข้มข้น ซึ่งเป็นข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้กระทรวง สธ.ดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวง ต่อมา กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้่งคณะทำงานขึ้นมาทบทวนกฎกระทรวง กระทั่ง ครม.มีมติเห็นชอบดังกล่าว เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดประเภทยาบ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย” โดยผู้เสพจะถูกนำตัวไปบำบัดรักษา ให้หายเป็นปกติกลับไปอยู่กับครอบครัวและญาติพี่น้องต่อไป โฆษก สธ. ฝ่ายการเมืองกล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สธ. เดินหนัาตามเปัาประสงค์ของรัฐบาลเพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากประทศไทย สร้างอนาคตเยาวชน เตือนไปถึงผู้ที่กำลังลักลอบผลิตยาบ้า ค้ายาบ้าทั้งรายใหญ่ รายเล็ก รวมทั้งยาเสพติดชนิดอื่นๆ ด้วยเช่น เฮโรอีน ยาไอซ์ ฯลฯ ขอให้หยุดได้แล้ว นับจากนี้คนที่มียาบ้าอยู่กับตัวเกิน 1 เม็ดจะถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กฎกระทรวงฉบับนี้ถือเป็นยาแรง เพื่อดำเนินการจัดการยาเสพติดขั้นเด็ดขาด โดยเป็นการทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ปปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น “หลังจากที่กฎกระทรวงฉบับนี้ประกาศใช้ จะทำให้ผู้ที่คิดกระทำความผิดทั้งผู้ค้า-ผู้เสพ เกิดความหวาดกลัวการกระทำความผิด เพราะเป็นการจัดการขั้นเด็ดขาดเหมือนในยุคพรรคไทยรักไทยที่เคยจัดการยาเสพติดสำร็จมาแล้ว  คืนลูกหลานสู่อ้อมกอดครอบครัว ผู้ค้าเลิกการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง เพราะหากถูกตำรวจจับติดคุกเสียอนาคต ครอบครัวญาติพี่น้องก็ลำบาก ”น.ส.ตรีชฎากล่าว

‘สมศักดิ์’ ย้ำ!! ครอบครอง ‘ยาบ้า 1 เม็ด’ ก็จับ แต่มีสิทธิ์ขอบำบัดได้ หากพิสูจน์ว่าเป็นผู้ติดยาจริง

(18 มิ.ย. 67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการครอบครองยาบ้า 1 เม็ด ว่า เมื่อวานนี้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หากมียาบ้าในครอบครอง 1 เม็ดก็จับ แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะขอบำบัดได้ โดยต้องพิสูจน์ว่าตนเองเป็นผู้ติดยา ซึ่งการพิสูจน์เป็นหน้าที่ของตำรวจ โดยมติคณะรัฐมนตรีได้ขอให้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ครอบคลุมในประเด็นที่ว่าถ้ามีผู้เสพต้องรู้ว่าเอายาบ้ามาจากไหน 1 ผู้เสพต้องมี 1 ผู้ขาย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ครบวงจร ตนเชื่อว่ายาบ้าจะลดน้อยลงทันที ถ้าไม่มีผู้ขาย ผู้เสพก็ลดลง ซึ่งปัจจุบันผู้เสพที่เข้าบำบัดในโรงพยาบาล สีเหลืองสีแดง ประมาณ 110,000 คน ก็จะลดลงทันที แต่ขอให้มีกระบวนการยึดทรัพย์ ถ้าไม่มีก็แก้ไม่หาย หากเราแก้แต่ปลายน้ำ ก็ขอให้ต้นน้ำช่วยกันด้วย แม้จะจับรายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้ ก็ขอให้จับผู้เสพและผู้ขาย 

ส่วนการยึดทรัพย์คนที่ชี้เบาะแสก็จะมีส่วนแบ่ง 5% ขณะที่คนที่ทำคดีตั้งแต่ต้นจนถึงชั้นอัยการที่ส่งฟ้อง จะได้ส่วนแบ่ง 25% ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่จะดำเนินคดีได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 2 ปี ก็น่าจะยึดทรัพย์ได้ทั้งหมด

ส่วนการเปิดรับฟังความคิดเห็นกรณีการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด มีประชาชนเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหนนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงแรกคนไม่เห็นด้วยกับตนที่จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจำนวนมาก แต่ตอนนี้ความเห็นเริ่มใกล้เคียงกันแล้ว ซึ่งจะครบกำหนดการรับฟังในวันที่ 25 มิถุนายนนี้

เมื่อถามว่าจะนำผลรับฟังความคิดเห็นนี้มาตัดสินเลย หรือ จะต้องฟังผลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จะมีการประชุมกันอีกครั้ง นำข้อมูลมาคุยกันให้ตกผลึก ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ยังสามารถปรับปรุงได้ ถ้าหากมีคำแนะนำจากประชาชนในลักษณะของการทำประชาพิจารณ์

นครพนม-ฉก.ทพ.21 โชว์ฝีมือตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 109 มัด ประมาณ 218,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม  พ.อ. อินทราวุธ ทองคำ ผบ.กรม ทพ.21/ผบ.ฉก.ทพ.21, พ.ต.อ.สุนันท์  สร้อยสุด  ผกก.สภ.บ้านแพง, น.ท.ไพโรจน์  แก้วพลอย  หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง, ร.ท.วันชาติ  เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 และฝ่ายปกครองอำเภอบ้านแพง  หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่แถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่จากขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติ ใช้การขนมาแบบกองทัพมด จำนวน 109 มัด ประมาณ  218,000 เม็ด โดยตรวจยึดได้ในพื้นที่บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.แพงใต้ ม.11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม

โดยเมื่อ วันที่ 20 มิ.ย.67 เวลา ประมาณ 00.45 น. พ.อ. อินทราวุธ ทองคำ ผบ.กรม ทพ.21/ผบ.ฉก.ทพ.21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไม่ทราบจำนวน จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติล็อตใหญ่จากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังฝั่งประเทศไทย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณพื้นที่บ้านแพงใต้ หมู่ที่ 11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพื่อลำเลียงขนส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในให้กับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดภายในประเทศ                    

จึงสั่งการให้ ร.ท.วันชาติ  เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 วางแผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทำการลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจตามภาพข่าวที่ได้รับแจ้งตรวจพบการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด และตรวจยึดของกลาง ยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า) หน่วยจึงจัดกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ตามพื้นที่เพ่งเล็งจุดเสี่ยงตามภาพข่าว กำลังพลที่ทำการเฝ้าตรวจได้ตรวจการณ์ด้วยกล้องตรวจการณ์กลางคืน สังเกตุเห็นราษฎรชาย จำนวน 3 คน แบกสิ่งของต้องสงสัยเดินมาในเส้นทางตามภูมิประเทศ ห่างจากจุดที่ กำลังพลของหน่วยทำการเฝ้าตรวจอยู่ ประมาณ 200 เมตร จึงได้ทำการคืบคลานเข้าไปยังพื้นที่ใกล้กับเส้นทางที่ราษฎรชายต้องสงสัยเดินอยู่  ครั้นเมื่อเข้าไปได้ระยะประมาณ 100 เมตร ราษฎรชายทั้ง 3 คนได้สังเกตเห็น 

จึงได้ทิ้งสิ่งของที่แบกมา แล้วทำการวิ่งกระโดดลงแม่น้ำโขง ว่ายหลบหนีไปกับความมืด หน่วยจึงเข้าตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัย จำนวน 2 กระสอบ พบว่าสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในเป็น ยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า) ห่อหุ้มด้วยกระดาษไขพันทับด้วยเทปกาวพิมพ์อักษร  Y1 อยู่ในถุงพลาสติกสีดำ ใส่ไว้ในถุงกระสอบอีกชั้นหนึ่ง หน่วยจึงได้ทำการตรวจยึดของกลางมายัง บก.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจนับของกลางอย่างละเอียด จำนวน 109 มัด ประมาณ  218,000 เม็ด  จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงผลการตรวจยึดในครั้งนี้ และถ่ายภาพการตรวจยึดพร้อมทั้งได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ภ.2 โชว์ผลงาน ...รับลูก สนองนโยบายรัฐบาล เร่งปราบยา ตามที่ ตร.กำชับ ผู้บัญชาการภาค 2 บี้ทีมสืบนครนายก ลุยขบวนการค้ายายึด 4 แสนเม็ด พร้อมของกลางเพียบ

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.67) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ช่วยราชการ ตำรวจภูธรภาค 2,โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เย็นวานนี้(เวลาประมาณ 17.00 น) ภายใต้อำนวยการของ  พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท่วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 , พล.ต.ต.จักษ์ จิตธรรม ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช รอง ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.กฤตพงศ์ โรจน์รุ่งศศิธร รอง ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.สุดเขตต์ บุญญนานันท์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.นครนายก วางแผนจับกุมขบวนการค้ายาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่ายในพื้นที่ตอนใน พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คน จับกุมผู้ต้องหา 5 คน
(1.) น.ส.กิตติยา (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ที่อยู่ 148/1 ม.1 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(2.)น.ส.ธารทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปีที่อยู่ 80/4 ม.1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(3.)นางฐานิตา (นามสมมุติ)อายุ 32 ปี ที่อยู่ 15/ช ม.1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 
(4.) นายบรรจง (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ที่อยู่ 166/9 ม.3 ต.ปากแพรก อ.เมืองจ.กาญจนบุรี 
(5.) นายกมล วังแก้ว อายุ 42 ปีที่อยู่ 302/3 ม.3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

พร้อมด้วของกลาง
1.ยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด และได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน 1.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ้นรีโวร๊อคโค สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขศ 169 กทม. มูลค่า 1,200,000 บาท
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 938 ราชบุรี มูลค่า 800,000 บาท

ซึ่งเป็นความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้าการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามจำหน่ายยาเสพติตให้โทษประเกท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป 

ผู้ต้องหารับว่าลำเลียงยาบ้ามาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้ลูกค้า ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ซึ่งทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และได้หยุดไปนานแล้ว และจึงหวนกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้ สถานที่จับกุม บริเวณห้างโลตัสนครนายก ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก  จะได้ดำเนินการขยายผลถึงขบวนการทั้งหมดทั้งต้นทางและลูกค้าปลายทางและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป

บึงกาฬ ยาบ้าไปยาไอซ์มา 5 กระสอบ 220 กก.ค่ากว่า 55 ล้านบาท

ปราบยังไงก็ยังเอาไม่อยู่หลังจากยาบ้าทะลักเข้ามาซาไปพักหนึ่ง เลขาธิการปปส. ลงมาเล่นเองขอเสนองบรัฐบาลไป 60 ล้านบาทเพื่อให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นหัวหอกสกัดกั้นยาเสพติดทุกชนิดโดยที่ผ่านมาต้นปียาบ้าทะลักเข้ามา กว่า 6 ล้านเม็ด ทหารพรานร่วมหน่วยความมั่นคงเข้าสกัดจับได้ ก่อนที่จะข้ามน้ำโขงเข้าไทย คราวนี้เป็นไอซ์ที่ทะลักข้ามน้ำโขงเข้ามา5 กระสอบกว่า 220 กิโลกรัมคาดว่าจะเป็นทางผ่านเข้าสู่ตอนในของประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ก.ค ที่กองร้อยทหารพราน 2108 อำเภอบุ่งคล้าจังหวัดบึงกาฬ พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,พล.ต.พรชัย มาหลิน รอง มทภ.2,พล.ต.นรธิป โพยนอก ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.บึงกาฬ,พ.อ.ชูชาติ นนทบุตร ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13)กกล.สุรศักดิ์มนตรี,พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ นายภิญโญ โฆสิต ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส.ภาค 4.น.ท.ธนชัย รอดทัศนา หน.สน.เรือบึงกาฬ และปลัดฝ่ายป้องกันร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายธนวัฒน์ แสงจันทร์ อายุ 19 ปีชาว กรุงเทพมหานคร ขณะขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียน ฒง 3107 กทม.ที่ต่อเป็นโคลงเหล็กด้านข้างทั้ง 2 ด้านคล้ายรถบรรทุกสินค้า ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานและฝ่ายความมั่นคงสะกดรอยติดตามจับกุมได้ที่ถนนสาย 2026 ดงบัง-บึงโขงหลง ตรวจค้นภายในกระบะหลังรถที่มีภายใบคลุมกันฝน พบกระสอบที่มีถุงพลาสติกห่อหุ้มจำนวน 5 กระสอบ ด้านในพบเป็นไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกคล้ายถุงกาแฟ จำนวน 220 กิโลกรัม จึงถูกควบคุมตัวพร้อมของกลางไปตรวจนับอย่างละเอียดที่กองร้อยทหารพราน 2108 

ทั้งนี้เมื่อกลางดึกคืนผ่านมาพ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 ได้สั่งการให้ ร.ท.โกวิทย์ วงษ์แสง ผบ.ร้อยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2018 ได้ประสานหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) ตำรวจสืบสวน บก. สส.ภ.จว.บึงกาฬ ตชด.244 ตม.บึงกาฬ ตร.น้ำบึงกาฬ ด่านศุลกากรบึงกาฬ ดักซุ่มตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะขนยาผ่าน โดยเริ่มต้นจากริมน้ำโขงจุดทีมีการขออนุญาคดูดทรายบ้านดอนใหญ่ ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จนท.สักเกตุเห็นรถเก๋งต้องสงสัยวิ่งน้ำหน้ารถกระบะบรรทุก จึงสะกดรอยติดตาม ถนนสาย 212 บุ่งคล้า-บ้านแพง ถึงไฟแดงสี่แยกบ้านดงบังเลี้ยวข้าวเข้าถนน 2026 ดงบัง-บึงโขงหลง ถึงบ้านดงชมภู หมู่ 7 ต.โพธิ์หมากแข้ง จึงตัดสินใจขับแซงขึ้นหน้าส่งสัญญาณให้คนขับรถกระบะหยุดรถเพื่อตรวจค้น จึงพบของกลางไอซ์จำนวน 220 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 55 ล้านบาท

สอบสวนนายธนวัฒน์ แสงจันทร์ รับว่ารับจ้างจากเจ๊แต๋ว ชาวลาวเป็นเงิน 1.5 แสนบาท เพื่อบรรทุกไปส่งในกรุงเทพฯ รับมาแล้ว 2 หมื่นบาท โดยตนจะได้ส่วนแบ่ง 8 หมื่นบาท ส่วนชุดนำทาง(ขับเก๋งสเกาท์หน้า)จะได้ 7 หมื่นบาทหลังจากทำงานสำเร็จ จึงถูกแจ้งข้อหาว่า "ร่วมกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่(รถยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย" ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บึงโขงหลงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน 16 ก.พ.ทหารพรานชุดนี้ก็จับยาบ้าได้ 6 ล้านเม็ด และ31 มี.ค.จับยาบ้าได้ 1.58 แสนเม็ด นอกจากนี้ยังมีหน่วยอื่น เช่น ทหารเรือจับ 1.2 แสนเม็ด เมื่อ พ.ค.ผ่านมาต้นปีนี่เอง และส่วนที่จับไม่ได้ก็มีมากมาย จึงอยากฝากรัฐบาลได้ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ก่อนที่ลูกหลานชาวไทยจะเป็นบ้าหลอนจนฆาตกรรมพ่อแม่หรือเผาบ้านตัวเองไปมากกว่านี้

มุกดาหาร ตร.นิคมคำสร้อยขับรถไล่ล่าแกงค์ยาบ้า เส้นทางลัดร่วม 20 กม. ยึดยาบ้า 240,000 เม็ด ผู้ต้องหา 2 คนหนีได้ 1 คน

สภ.นิคมคำสร้อย ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 240,000 เม็ด ผู้ต้องหา 2 คน จับได้ 1 หลบหนีไป 1 คนร้ายขับรถหนีไปร่วม 20 กม. ขณะ จนท. ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณจุดตรวจโชคชัย ถนนชยางกูร 212 (มุกดาหาร – ยโสธร- อุบลราชธานี) อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร 

วันที่ 17 ก.ค. 67 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, พล.ต.ต. ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง รองผู้บังคับการตำรวจภูธร, พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ โพธิ์จันทร์ ผกก.สภ.นิคมคำสร้อย, นายชายสิทธิ์ สุวรรณโชติ นายอำเภอนิคมคำสร้อย, พร้อมตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร, ปกครอง, กอ.รมน., เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแกงค์ค้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รายใหญ่ ภายใต้อำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต. ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอำเภอคุมเข้มตรวจสอบกลุ่มแกงค์ยาเสพติดในจังหวัด โดยมี พ.ต.ท.พลไชย ภูจอมจิตร รองผกก.ป.สภ.นิคมคำสร้อย พ.ต.ต.ประดิษฐ์ วงชารี สวป.สภ.นิคมคำสร้อย มอบหมายให้ร.ต.ท.อิทธิฤทธิ์ แซ่ลิ้ม รอง สวป.สภ.นิคมคำสร้อย หัวหน้าชุด พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจตำบลโชคชัย ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สิ่งของผิดกฎหมาย และยาเสพติด 
กระทั่งช่วงระหว่างเวลาประมาณ 20.30 น. ของคืนวันที่ 16 กค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจตู้ยามโชคชัย สภ.นิคมคำสร้อย พบรถยนต์กระบะอีซูซุ สีขาว 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กต – 4097 ศรีสะเกษ ขับมาจากเส้นทางในตัวเมืองผ่าน อ.นิคมคำสร้อย มุ่งหน้าไปเส้นทางอำเภอเลิงนกทา จ.ยโสธร - อุบลราชธานี เมื่อคนขับมองเห็นจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ ได้กลับรถบริเวณจุดกลับอย่างกระทันหัน ก่อนเร่งความเร็วรถเพื่อหลบหนีกลับไปทางเดิมก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางลัด นิคมคำสร้อย - หนองสูง - ขอนแก่น เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ติดตามพร้อมส่งสัญญาณไฟและเสียงไซเรนเพื่อให้รถกระบะหยุด แต่รถคันดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกลับเร่งเครื่องขับหลบหนีอย่างรวดเร็ว 

จนท.ขับไล่ติดตามกระทั่งถึงบริเวณเส้นทางหนองนกเขียน - โคกหินกอง ผู้ที่นั่งมาในรถได้โยนวัตถุบางอย่างออกจากตัวรถแต่ยังคงขับรถหลบหนีอย่างไม่ลดละ เจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดตามข้ามอำเภอจนถึงบ้านโคกหินกอง ต.หนองสูงใต้ ระยะทางประมาณ 20 กม. คนขับรถได้จอดรถ ตรวจสอบทราบชื่อนายวิลาศักดิ์ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ที่อยู่ ต.หนองแวง อ.เกษตรวิสัย  จ.ร้อยเอ็ด ผู้ขับรถยนต์ ขณะที่ผู้ที่นั่งมาด้วยเป็นชายรูปร่างปราดเปรียวเปิดประตูรถวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะใกล้หมู่บ้านแม้เจ้าหน้าที่จะไล่ติดตามแต่ก็หาตัวไม่พบ จากการตรวจสอบในรถพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ และยึดวัตถุที่โยนลงข้างถนนตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นยาบ้า จนท.จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมาที่ สภ.นิคมคำสร้อย เพื่อตรวจนับให้ละเอียดทราบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ถูกห่อด้วยกระดาษใขสีเหลือง เม็ดยาสีส้มเข้มมีสัญลักษณ์ตัวอักษร Y 1 ประทับที่หีบห่อ รวมจำนวน 20 แพ็ค และห่ออยู่ในถุงพลาสติกสีดำ 20 ก้อน ตรวจนับเป็นยาบ้าประมาณ 240,000 เม็ด พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง คาดเป็นแกงค์ค้ายารายใหญ่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสน สภ.นิคมคำสร้อย เพื่อสอบสวนขยายผลหาแกงค์ผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เลย - รมว.กลาโหม "แถลงข่าว" ตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2567เวลา 18.00 น. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานแถลงข่าวตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1 ล้านเม็ด พร้อมด้วย นายจำนงค์ ไชยมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม , พล.ต.นรธิป โพยนอก ผู้บัญชาการ กกล.สุรศักดิ์มนตรี , นายกิตติคุณ บุตรคุณ  รอง ผวจ.เลย , พ.ต.อ.ยุทธวัฒน์ โชคชัย  รอง ผบก.ภ.จว.เลย , พ.ต.อ.นิพนธ์ สมานชาติ ผกก.สภ.ปากชม , นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอปากชม , พ.ต.ท.อภิรักษ์ อังคศิริสรรพ รอง ผกก.สส.สภ.ปากชม , พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ปราบคนชั่ว สว.สส.สภ.ปากชม , พ.อ.คมศักดิ์ พราวศรี รองผู้บังคับการควบคุมที่ 3 (ร.8) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี , พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.กรม.ทพ.21 , พ.ต.ต.สุเมธ พลเยี่ยม ผู้บังคับกองร้อย ตชด.ที่246 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติด ที่สถานีตำรวจภูธรปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย โดยในห้วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 21 กรกฎาคม 2567 มีรถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถกระบะอีซูซุ สีบรอนด์เงิน ทะเบียน ผค 9273 เพชรบูรณ์ ขับมาที่ด่านตรวจลักษณะต้องสงสัย จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น ทราบชื่อว่า นายถิรายุ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี คนขับรถกระบะ นายจีรวุธ (นามสมมุติอายุ 23 ปี นายวัชรินทร์ (นามสมมุติอายุ 20 ปี ขี่รถ จยย. จากการตรวจค้นพบยาบ้า 5 กระสอบ รวม 1,000,000 เม็ด จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง มาขยายผลที่ สภ.ปากชม

จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้ถ้อยคำว่าตนได้มารับยาบ้าของกลางดังกล่าวที่เขตอำเภอปากชม เพื่อนำไปส่งที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทั้งสามทราบ ผู้ต้องหาทั้งสามทราบข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ในการกระทำความผิดโดยละเอียดแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน  สภ.ปากชม  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว นายพรพิพัฒน์  เพ็ชรสังหาร
เดวิท โชคชัย มุกดาหารรายงาน 092-5259777

'เชียงราย' ฉก.ทัพเจ้าตาก ยิงปะทะเดือด กลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด กลางป่าชายแดนแม่สายตรวจยึดยาบ้า 1 ล้านเม็ด

ในห้วงกลางดึกของวันที่ (5 ก.ย.67) เวลา 23.10 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังจาก กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการ ลาดตระเวนเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณ บ้านผาแตก หมู่ที่ 10 ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 2-3 คน นั่งอยู่บริเวณแนวชายป่า มีลักษณะและพฤติกรรมต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ขัดขืนการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่และได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเราจึงเกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย เนื่องจากเป็นห้วงเวลากลางคืน ไม่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ได้ จึงได้จัดกำลังเพิ่มเติมจำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ เข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุไว้

จนกระทั่งในห้วงเช้าของวันที่ 6 กันยายน 2567 พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้สั่งการให้จัดกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว ผลการปฏิบัติ ตรวจพบเป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 5 เป้ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เป้ละ 200,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 1,000,000 เม็ด และ ปลอกกระสุนปืนลูกซองของกลุ่มขบวนการ จำนวน 1 ปลอก

ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 นาฬิกา พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมืองได้มอบหมายให้ พันเอก มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สายโดย นาย ณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สายได้ลงพื้นที่เพื่อแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้นำของกลางส่งให้ สถานีตำรวจภูธรแม่สายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจ ปส. แถลงผลงานปิด Job “ปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย“ ในรอบ 1 ปี ยึดยาบ้ากว่า 380 ล้านเม็ด, ไอซ์ 13,170 กก. คีตามีน 2,388 กก. และยึดทรัพย์กว่า 4,100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ (30 ก.ย. 67) ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ขยายผลเครือข่ายเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่ ควบคู่ไปกับการทำชุมชนบำบัดเพื่อให้ผู้เสพกลับคืนสู่สังคม เลี้ยงตน เลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง

วันนี้ 30 ก.ย.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ /รรท. รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ได้ร่วมแถลงผลการสกัดกั้นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 4 เครือข่าย ผู้ต้องหา 9 คน ยึดยาบ้า 6,600,000 เม็ด, ไอซ์ 565 กก. และเฮโรอีน 6.98 กก. ดังนี้

บก.ปส.3
คดีที่ 1
จากการขยายผลการตรวจยึดไอซ์ 7.58 กก. เมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 ถูกซุกซ่อนในขวดโรออน ระงับกลิ่นกาย พยายามลักลอบส่งไปประเทศออสเตรเลีย และพบว่าผู้ส่งคือหญิงสาวสัญชาติลาว จากนั้นตำรวจชุดจับกุมจึงสืบสวน และติดตามพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งพบว่าจะมีการส่งพัสดุในลักษณะเดิมอีกครั้ง โดยกลับเข้ามาพักอาศัยที่อพาร์ทเม้นท์เดิม ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติออกหมายจับ กระทั่ง วันที่ 17 ก.ย.67 หน่วยปราบปรามยาเสพติดสุวรรณภูมิ กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ป.ป.ส. และศุลกากร นำกำลังเข้าตรวจค้นที่ ห้องพัก 514 อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ถ.รัชดาภิเษก แขวง-เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พบ น.ส.ติ่ง พันทะวง อายุ 31 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 506/2567 ลง 17 กันยายน 2567 ในข้อหา “พยายามส่งออกฯ” และพบกล่อง 2 กล่อง ภายในเป็น ขวดโรลออน และยาสีฟัน จากการตรวจสอบมี เฮโรอีน ซุกซ่อนอยู่ น้ำหนัก 6.98 กก.  นอกจากนี้ยัง ตรวจยึดทรัพย์สิน กระเป๋าแบรนเนม 1 ใบ ราคาประมาณ 70,000 บาท จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2
ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ส่งออกต่างประเทศ โดยอำพรางไปกับสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ จนทราบว่าจะนำยาเสพติดที่ซุกซ่อนไปกับเฟอร์นิเจอร์มาพักเก็บในพื้นที่ อ.แม่สาย   จ.เชียงราย ตำรวจจึงทำการวางแผนจับกุม กระทั่งวันที่ 19 ก.ย.67 เวลาประมาณ 10.00 น. พบว่าเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวได้นำมาเก็บพักคอยที่บ้านเช่าเลขที่ 112/6 ม.2 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเตรียมส่งต่างประเทศ จึงนำกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบ ภายในบ้านพบเป็นโต๊ะ และเก้าอี้ ตรวจสอบภายใน พบยาเสพติดเป็นไอซ์ ลักษณะเป็นก้อนคล้าย ดินน้ำมันสีขาว และ สีชมพู คละกัน มีผงลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวใสผสมอยู่ ซุกซ่อนอำพรางในช่องลับภายในแผ่นรองนั่งของเก้าอี้ น้ำหนัก 325 กก. และ ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับภายในแผ่นหน้าโต๊ะ น้ำหนัก 240 กก. รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 565 กก. จากการสอบถามผู้ดูแลแจ้งว่าเป็นสินค้าที่มีลูกค้านำมาฝากไว้กับทางร้าน จากนั้นจึงนำของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และ จะทำการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มเจ้าของยาเสพติดต่อไป

คดีที่ 3
ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดเชียงราย กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ จ.เชียงราย จนทราบว่า นายอาตี๋ ชนเผ่าอาข่า จะลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ บ้านผาหมี อ.แม่สาย จ.เชียงราย กระทั่ง วันที่ 25 ก.ย. 67 เวลาประมาณ 21.30 น. ขณะตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกับทหาร ออกสำรวจพื้นที่ ก็พบเข้ากับคารวานลำเลียงยาเสพติด ซึ่งเป็นกลุ่มชาย ฉกรรจ์ จำนวน 12 คนแบกสัมภาระเป็นกระเป๋าที่คาดว่ามียาเสพติดถูกบรรจุอยู่ด้านใน ขณะเดินลัดเลาะออกมาจากชายป่า ก่อนที่ทั้งหมดจะไปหยุดรวมตัวกันบริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้านผาหมี หน้าศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตำรวจจึงนำกำลังแสดงตัวเข้าตรวจสอบและตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย 

ซึ่งทั้งหมดเป็นคนสัญชาติเมียนมาร์ ส่วนคนที่เหลือวิ่งหลบหนีไปได้ ตรวจค้นในกระเป๋าพบกระสอบ 11 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้ารวมทั้งสิ้น ประมาณ 1,600,000 เม็ด โดยตำรวจเตรียมขยายผลหาเพื่อนร่วมขวนการที่สามารถหลบหนีไปได้ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บก.สกส.
คดีที่ 4
เมื่อวันที่ 6 ก.ย.67 เวลาประมาณ 20.00 น. – 23.50 น. ต่อเนื่องกัน ตำรวจ บก.สกส., ตำรวจด่านพยุหะคีรี บก.ปส.3 ตำรวจ สภ.วังทอง ภ.จว.พิษณุโลก และ หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองกำลังนเรศวร ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 2 คน หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาเสพติดเมื่อวันที่ 31 มี.ค 60 ของกลางยาบ้า 500,000 เม็ด ก่อนจะขยายผลพบว่ายังมีเครือข่ายซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลงมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ ภาคกลาง  กระทั่ง พบความเคลื่อนไหวของเครือข่ายอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จึงจัดชุดติดตามจนมาถึงพื้นที่ ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พบว่า รถทั้ง 2 คัน คือ รถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 71 21xx เชียงใหม่ และ รถยนต์ หมายทะเบียน 8กข 31xx กรุงเทพฯ ขับเข้าไปในปั๊มน้ำมัน ปตท.วังทอง ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบนายสมศักดิ์ และนายสุทธิศักดิ์ พี่น้องกัน จึงเชิญตัวทั้ง 2 คน และนำรถมายังด่านตรวจยาเสพติดพยุหะคีรี เพื่อเข้าเครื่อง X-Ray ตรวจค้นโดยละเอียด ปรากฏว่าพบวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ในช่องลับผนังด้านข้างทั้ง 2 ข้าง ของรถบรรทุก  ตรวจสอบพบเป็นยาบ้า 2,500 มัด จำนวนรวมทั้งสิ้น 5,000,000 เม็ด เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกัน จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือ เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน หรือ เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

นอกจากนี้ บช.ปส. ยังได้สรุปภาพรวมการปราบปรามยาเสพติดในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ภายใต้การขับเคลื่อนของ พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ถูกกำหนดให้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งแผนงานและภารกิจ ให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและ  ตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด ซี่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บช.ปส. ได้ขับเคลื่อนการปราบปราม การสกัดกั้นการลำเลียง และการขยายผลจับกุมยึดทรัพย์เพื่อทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด  อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยกำหนด “แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย” เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ ตอนในและพื้นที่ปลายทาง และทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่เป้าหมาย ส่งผลให้ปีงบประมาณ พ.ศ.2567

สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ถึง 1,322 คดี เพิ่มขึ้น 427 คดี มีผู้ต้องหา 1,729 คน เพิ่มขึ้น 518 คน  ตรวจยึดยาบ้าได้ 380,317,464 เม็ด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 137,871,101 เม็ด คิดเป็น 56.87%  และคิดเป็น 41.05% ของ ตร., ไอซ์ 13,170 กก. คิดเป็น 58.34% ของ ตร. คีตามีน 2,388 กก. คิดเป็น 47.09% ของ ตร. ในส่วนการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดทั้งตามแนวชายแดน และพื้นที่ตอนใน โดยเฉพาะยาบ้า สามารถจับกุมผู้ค้ารายสำคัญรายใหญ่ ยาบ้า 500,000 เม็ดขึ้นไป จำนวน 90 คดี สกัดกั้นยาบ้าได้ 361,853,712 เม็ด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว คิดเป็น 87.24 %                 

โดยภารกิจสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และพื้นที่ปลายทาง รวมทั้งทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ในพื้นที่เป้าหมาย ถือเป็นภารกิจสำคัญของ “แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย” ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มีผลการดำเนินการที่น่าสนใจ ได้แก่ วันที่ 20 เม.ย.2567 จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า 14,648,000 เม็ด  ขณะลักลอบลำเลียงจากแนวชายแดนเข้ามาส่งต่อให้เครือข่ายในพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นับเป็นการสกัดกั้นการขนลำเลียงยาบ้าที่มีปริมาณมากที่สุดของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่จับกุมได้ในปีนี้ และล่าสุดเมื่อ 23 ส.ค.2567 ยังจับกุมผู้ต้องหาขณะลำเลียงยาบ้า 14,000,000 เม็ด จากพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ชั้นในได้อีกด้วย ปฏิบัติการ“ ตามล่าเครือข่าย VUITTON วิตตอง” เป็นปฏิบัติการสำคัญที่สามารถสืบสวนจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ตอนใน ได้อย่างต่อเนื่องถึง 11 คดี จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายไปแล้วกว่า 50 ราย ยึดยาบ้า กว่า 46 ล้านเม็ด ไอซ์และ คีตามีนรวมกว่า 100 กิโลกรัม ยึดทรัพย์กว่า 26 ล้านบาท

ผลงานสำคัญในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ  ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านลำเลียงยาเสพติดไปต่างประเทศ วันที่ 4 ธ.ค.2566 ได้เปิดปฏิบัติการสยบไพรีปราบสมุทร “Operation Poseidon ” จับกุมผู้ต้องหา             พร้อมไอซ์และเคตามีนกว่า 2,200 กก. การขยายผลนำไปสู่การออกหมายจับนายชาญชัยหรือกัปตันตุ้ยฯ พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 150 ล้านบาท จากการแกะรอยไล่ล่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าว นำไปสู่การจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางทะเลได้เพิ่มเติมอีก 2 คดี ได้แก่ วันที่ 8 ก.ย.67 จับกุมผู้ต้องหาพร้อมไอซ์ 600 กก.ที่ท่าเรือริมแม่น้ำท่าจีน จ.สมุทรสาคร และ วันที่ 10 ส.ค.2567 จับกุมผู้ต้องหาพร้อมไอซ์ 1,500 กก. ที่ท่าเรือในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ทั้ง 3 ปฏิบัติการสำคัญนี้สามารถสกัดกั้นการพยายามลักลอบลำเลียงไอซ์และคีตามีนข้ามชาติได้ถึง 4,300 กก. หรือ 4.3 ตัน

ผลงานสำคัญในการสกัดกั้นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ที่มีการลักลอบนำเข้าและส่งออกไปยังแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อ 12 ก.ค.2567 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจยึดสารโทลูอีน (Toluene) 90 ตัน ลักลอบนำเข้าจากเกาหลีใต้มาที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เตรียมส่งไปแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน สารโทลูอีนที่ยึดได้ หากหลุดรอดไปถึงแหล่งผลิต จะใช้ผลิตยาบ้าได้จำนวนมหาศาลถึง 270 ล้านเม็ด ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เดินทางไปร่วมตรวจสอบและแถลงข่าวผลการตรวจยึดด้วยตนเอง ผลงานสำคัญในการยึดและอายัดทรัพย์สินปีงบประมาณ2567 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 4,096,626,323 ล้านบาท  หรือคิดเป็น 32.78% ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีปฏิบัติการที่สำคัญในการยึดทรัพย์สิน ได้แก่  ช่วงเดือน พ.ค.2567 เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “ใหม่ Logistics” ของ บก.ปส.2 ที่ปูพรมตรวจค้นในพื้นที่ 8 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจับกุมกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่ง จากพื้น

(อุบลราชธานี) ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 300,000 เม็ด ที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี

เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.67) ที่ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดยพลตรี สมภร ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก หมวดลาดตระเวนระยะไกลที่ 1 กองกำลังสุรนารี หมวดเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังสุรนารี หน่วยเฝ้าตรวจชายแดนที่ 22 ชุด ลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ ที่บัญชาการกองกำลังสุรนารี (UAV) และชุด สุนัขทหารที่ 7 กองกำลังสุรนารี ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานีและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี สามารถตรวจยึดยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด และได้ส่งมอบของกลางให้กับ สถานีตำรวจภูธรเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี  เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top