(16 มี.ค. 68) หลังจากทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ได้แต่งตั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โค รูบิโอ เป็นรักษาการผู้อำนวยการองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) เหตุผลคือ ทรัมป์มองว่า “เงินทุนของ USAID โดยส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์หลักแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา” [1]
ผลคือ รูบิโอ ตัดทิ้งโครงการช่วยเหลือกว่า 83% [2]
เหลือโครงการอีกประมาณ 17% ที่มีความสอดคล้องกับกรอบนโยบาย “America First” ของทรัมป์ และคาดว่าโครงการที่เหลือคงต้องดำเนินงานตามแนวทางของ รูบิโอ อย่างไม่มีบิดพริ้ว
ถ้าไม่ทำตามก็ตัดเงินทุน ว่างั้นเถอะ
หลังจากเก็บกวาดหลังบ้านตัวเองเรียบร้อย จะเห็นว่าช่วงนี้สหรัฐฯและผองเพื่อนปล่อยหมัดใส่ไทยรัวๆเลย
หมัดแรก รัฐสภาอียูลงมติประณามไทยกรณีส่งกลับชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนเมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
หมัดที่สอง องค์กร Freedom Houseในสหรัฐ ปรับลดสถานะของประเทศไทยจากประเทศมีเสรีภาพบางส่วน กลายเป็นประเทศไม่เสรีอีกครั้ง (ขณะที่ Freedom House กำหนดสถานะอิสราเอลเป็นประเทศที่เสรี)
หมัดที่สาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โค รูบิโอ ออกแถลงการณ์ว่าด้วยนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าเพื่อตอบโต้กรณีผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน
เข้าใจว่าเป็นการส่งสัญญาณบีบไทยให้ถอยห่างจากอิทธิพลของจีน ซึ่งสหรัฐฯกำลังทำสงครามการค้าด้วย
ข้อสังเกตุคือ ในปี 2023 Freedom House นั้นรับเงินอุดหนุนจาก USAID กว่า 63 ล้านเหรียญ [3]
ในขณะที่ทางยุโรปนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปยอมรับว่าสหภาพยุโรปไม่สามารถเข้ามาแทนที่เงินทุน USAID ได้อย่างเต็มที่ [4]
ผมมองว่า โครงการ 17% ที่เหลือของ USAID นั้น จะช่วยให้ รูบิโอ สามารถกำหนดทิศทางของการดำเนินงานขององค์กรที่ได้รับเงินทุนได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
นั่นคงเป็นเหตุผลที่เห็นภาพหลายองค์กรหลายทิศทาง ออกมาขย่มไทยในแนวทางเดียวกัน ซึ่งสืบไปสืบมาก็คงไม่แคล้วไปเกี่ยวพันทางใดทางหนึ่ง กับ USAID ภายใต้การนำของ รูบิโอ
หันมาดูในส่วนขององค์กรภายในประเทศ ก็ได้แต่สงสัยว่า คนบางกลุ่มบางพวกที่ออกมาโจมตีประเทศของตัวเองในทิศทางที่สอดคล้องกับ “ผลประโยชน์หลักแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา”
คนพวกนี้มีความเกี่ยวพันกับ USAID อย่างไรบ้าง??