Monday, 21 April 2025
มาร์กซักเคอร์เบิร์ก

‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ลงแข่งยูยิตสูครั้งแรกในชีวิต คว้าเหรียญทอง-เงิน มาได้!! หลังซุ่มฝึกกับแชมป์โลก

(8 พ.ค. 66) มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เข้าร่วมการแข่งขันกีฬายูยิตสูครั้งแรก และสามารถคว้าทั้งเหรียญทอง และเหรียญเงิน มาครอบครองได้สำเร็จ

สำหรับซีอีโอหนุ่มวัย 38 ปี เริ่มต้นฝึกซ้อมศิลปะการป้องกันตัวแบบผสม หรือ MMA ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2022 ซึ่งเจ้าตัวหลงใหลในการต่อสู้เป็นอย่างมาก โดยมีการเปิดเผยว่าเขาซุ่มฝึกซ้อมกับแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพ อย่างมิคีย์ มูซูเมซี เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เพื่อเตรียมตัวสำหรับทัวร์นาเมนต์ล่าสุด

แน่นอนว่าความพยายามของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อเจ้าตัวอัพภาพ พร้อมบรรยายผ่านแคปชันบนเฟซบุ๊กว่าเข้าร่วมการแข่งขันยูยิตสูเป็นครั้งแรกในชีวิต และสามารถคว้าทั้งเหรียญทองกับเหรียญเงิน ไปครอง

‘สภาคองเกรส’ อัด!! ‘มาร์ก’ ปล่อยโฆษณายาเสพติดเกลื่อนเฟซบุ๊ก ด้าน Meta อ้าง!! ระบบถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับผิดอย่างแข็งขัน

(16 ส.ค.67) สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ส่งจดหมายถึง ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook ว่า ทางบริษัท ‘ล้มเหลว’ ในการป้องกันโฆษณายาเสพติดผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มบริษัท

สมาชิกรัฐสภาได้อ้างถึงรายงานล่าสุดจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Tech Transparency Project ซึ่งพบว่า มีโฆษณายาจำนวนมากบน Facebook และ Instagram ที่นำผู้ใช้ไปสู่บริการของบุคคลที่สาม ซึ่งผู้ใช้สามารถซื้อยาตามใบสั่งแพทย์ โคเคน และยาเสพติดเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจอื่น ๆ ได้

“เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2024 วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า อัยการสหรัฐกำลังสอบสวน Meta ในข้อหาอำนวยความสะดวกในการขายยาเสพติดผิดกฎหมาย” สมาชิกรัฐสภาเขียน “แทนที่จะแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วและลบเนื้อหาผิดกฎหมายออกไปทั้งหมด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2024 วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้รายงานอีกครั้งว่า Meta กำลังลงโฆษณาบน Facebook และ Instagram ที่นำผู้ใช้ไปสู่ตลาดออนไลน์สำหรับยาเสพติดผิดกฎหมาย”

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ สมาชิกรัฐสภาเขียนว่า Meta ยังคงลงโฆษณาต่อไป แม้ว่าบริษัทกำลังถูกอัยการสหรัฐสอบสวนในข้อหา “อำนวยความสะดวกในการขายยาเสพติดผิดกฎหมาย” ก็ตาม

เหล่าสมาชิกรัฐสภาส่งคำถาม 15 ข้อไปยังซัคเคอร์เบิร์ก เพื่อเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของบริษัทแม่ Facebook และขอให้เขาตอบกลับภายในวันที่ 6 กันยายน

ด้าน Meta ยืนยันว่าได้รับจดหมายแล้ว โดยแถลงชี้แจงเรื่องนี้ว่า “ผู้ค้ายาเสพติดเป็นอาชญากรที่ทำงานข้ามแพลตฟอร์มและชุมชน เป็นเหตุผลที่เราทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อสู้กับกิจกรรมผิดกฎหมายเหล่านี้ ระบบของเราถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับ และบังคับใช้กับเนื้อหาที่ละเมิดอย่างแข็งขัน และเรายังปฏิเสธโฆษณาหลายแสนรายการที่ละเมิดนโยบายยาเสพติดของเรา เราลงทุนทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงการบังคับใช้กับเนื้อหาประเภทนี้ต่อไป เราขอร่วมไว้อาลัยกับผู้ที่ทุกข์ทรมานจากผลกระทบอันน่าเศร้าของการระบาดยาเสพติดเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อหยุดยั้ง”

'มาร์ก' แฉ!! 'รัฐบาลไบเดน' สั่งปิดกั้นข้อมูลโควิดช่วงปี 2021 บนเฟซบุ๊ก เพื่อช่วยรักษาคะแนนให้พวกเขาชนะการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ออกมาแฉว่า 'รัฐบาลไบเดน กดดันให้ Facebook/Meta ปิดข้อมูลข่าวสารหลายอย่างมาก เพื่อช่วยรักษาคะแนนให้ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน และตัวเขาเองเสียใจมากที่ไม่ได้ออกมาบอกความจริงให้เร็วกว่านี้

(28 ส.ค.67) Business Tomorrow เปิดเผยว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ผู้เป็นเบื้องหลังของแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook และ Instagram ได้ออกมาแสดงความเสียใจเมื่อคืนก่อน (26)

เขาอ้างว่า ตนไม่เคยเปิดเผยถึงแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิดที่ผ่านมา โดยในจดหมายถึงคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันจันทร์ (26) ซักเคอร์เบิร์ก เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไบเดนได้ 'กดดัน' ให้ Meta เซ็นเซอร์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับไวรัสระบาดในปี 2021

ซักเคอร์เบิร์ก ยอมรับว่า แรงกดดันนี้เป็นสิ่งที่ผิด และเขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างหนักแน่นเพื่อต่อต้านแรงกดดันจากรัฐบาลในขณะนั้น 

"ผมเชื่อว่าแรงกดดันจากรัฐบาลเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และผมเสียใจที่เราไม่ได้ออกมาต่อต้านอย่างแข็งขันมากกว่านี้" 

มาร์กกล่าวในจดหมายถึง จิม จอร์แดน ประธานคณะกรรมการตุลาการจากรัฐโอไฮโอ

นอกจากนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังเน้นย้ำว่า Meta ไม่ควรยอมเปลี่ยนแปลงมาตรฐานเนื้อหาของตนเพียงเพราะแรงกดดันจากรัฐบาลในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง และบริษัทพร้อมที่จะต่อสู้กลับหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ในจดหมายฉบับเดียวกัน ซักเคอร์เบิร์กยังกล่าวถึงกรณีที่ Meta ตัดสินใจปรับลดการเผยแพร่เนื้อหาของ New York Post ที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาทุจริตของครอบครัวประธานาธิบดีไบเดนก่อนการเลือกตั้งปี 2020 โดยเขายอมรับว่าบริษัท 'ไม่ควร' ลดระดับเนื้อหาดังกล่าวในขณะที่รอการตรวจสอบข้อเท็จจริง และ Meta ได้ปรับปรุงนโยบายใหม่ โดยไม่ลดระดับเนื้อหาในสหรัฐฯ ระหว่างรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกต่อไป

อีกประเด็นที่น่าสนใจในจดหมายนี้คือ ซักเคอร์เบิร์กประกาศว่า เขาไม่มีแผนที่จะบริจาคเงินสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานการเลือกตั้งในท้องถิ่นเหมือนที่เคยทำในช่วงการเลือกตั้งปี 2020 การบริจาคที่เขาตั้งใจให้เป็นกลางนี้กลับถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรมและถูกตั้งชื่อเล่นว่า 'Zuckerbucks' โดยกลุ่มพรรครีพับลิกัน

เรื่องราวนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความซับซ้อนในการจัดการเนื้อหาบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ แต่ยังเปิดเผยถึงความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในยุคของข้อมูลข่าวสารในวันนี้ 

"iPhone ถือเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่หลังจากนั้น Apple ดูเหมือนไม่มีนวัตกรรมใหม่ออกมาเลย สตีฟ จ็อบส์สร้าง iPhone ไว้ แล้ว 20 ปีผ่านไปก็ยังคงเหมือนเดิม"

(13 ม.ค. 68) มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก วิจารณ์แอปเปิล iPhone ขาดนวัตกรรม - ระบบปิดจำกัดการเติบโตของตลาด

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้ร่วมพูดคุยในรายการพอดคาสต์ Joe Rogan Experience โดยหัวข้อสนทนาครอบคลุมหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม การพบปะกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแอปเปิล  

ระหว่างการสนทนา โจ โรแกนเล่าว่าเขาเปลี่ยนจากการใช้ iPhone ไปเป็น Android เนื่องจากไม่อยากผูกติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง และยังแสดงความไม่พอใจกับนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียม App Store ของแอปเปิล  

ซักเคอร์เบิร์กได้เสริมมุมมองว่า แม้ iPhone จะเคยเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก แต่หลังจากนั้น แอปเปิลกลับไม่มีสิ่งใหม่ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอีกเลย เขาเปรียบว่า สตีฟ จ็อบส์ได้สร้าง iPhone ไว้แล้ว แต่หลังจากผ่านมา 20 ปี ทุกอย่างยังคงเดิม ทำให้เขาตั้งคำถามว่าแอปเปิลยังคงขาย iPhone ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ หรือไม่ เพราะโทรศัพท์มือถือมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่คนสร้างอัปเกรดอุปกรณ์ช้าลงเรื่อย ๆ ซักเคอร์เบิร์กยังมองว่าการเก็บค่าธรรมเนียม 30% เป็นวิธีที่แอปเปิลใช้รักษารายได้ให้เพิ่มขึ้นทุกปี  

นอกจากนี้ ซักเคอร์เบิร์กยังวิจารณ์แอปเปิลในเรื่องระบบปิด โดยยกตัวอย่าง AirPods ที่แม้จะเป็นสินค้าคุณภาพสูง แต่ถ้าหูฟังยี่ห้ออื่นสามารถใช้โปรโตคอลเชื่อมต่อกับ iPhone ได้แบบเดียวกัน ผู้บริโภคอาจมีทางเลือกที่หลากหลายและดียิ่งกว่าเดิม เขาเชื่อว่า ถ้าแว่นตา Ray-Ban Meta Glasses สามารถเชื่อมต่อในลักษณะเดียวกันได้ สินค้าจะมีความสะดวกและน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานมากขึ้น  

เขายังทำนายว่าแนวทางของแอปเปิลในปัจจุบันอาจทำให้บริษัทต้องเจอกับความท้าทายจากคู่แข่งในเร็ววัน เพราะขาดการพัฒนานวัตกรรมใหม่มาเป็นเวลานาน  

ซักเคอร์เบิร์กยังกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลในหลายแง่มุม เช่น iMessage ที่มีการแบ่งแยกผู้ใช้ผ่านกล่องข้อความสีน้ำเงิน และวิจารณ์ว่า Apple Vision Pro ที่มีราคาสูงนั้นไม่ได้มอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าเทียบเท่ากับ Quest ของ Meta  

ความขัดแย้งระหว่าง Meta และแอปเปิลไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ Facebook เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายใน iOS 14 ที่จำกัดการติดตามโฆษณา จนถึงขั้นซื้อโฆษณาประชดในหนังสือพิมพ์ และเมื่อปีที่ผ่านมา Meta ก็ได้ประกาศขึ้นราคาการบูสต์โพสต์บน iOS หลังจากที่แอปเปิลเริ่มคิดค่าธรรมเนียม 30% ในส่วนนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top