Sunday, 8 June 2025
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เชียงใหม่-คณะพยาบาล มช.ฉลองปีใหม่ รื่นเริงสดใสรับปี 2568

คณะกรรมการที่ประชุมอาจารย์และบุคลากรสมัยที่ 8 ร่วมกับ สโมสรนักศึกษา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานสานสัมพันธ์อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา "Happy New Year 2025: New Year New You, Together We're Happy" สวัสดีปีใหม่ 2568: ปีใหม่สุขสดใสรับสิ่งใหม่ไปด้วยกัน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภารัตน์ วังศรีคูณ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธานกล่าวเปิดงานและอวยพรปีใหม่ ณ บริเวณสนามกีฬาด้านหลังหอพักนักศึกษาพยาบาล  เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567

วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา รวมทั้งเพื่อให้ได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน กิจกรรมประกอบด้วย การรับประทานอาหารเย็น การแข่งขันเกมส์มหาสนุก การแสดงโชว์สุดพิเศษ และ จับฉลากมอบของขวัญปีใหม่ 2568 ช่วงท้ายร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ 'พรปีใหม่' ก่อนปิดงานอย่างมีความสุข

เชียงใหม่-เปิดกิจกรรม “ADVOCATE 2025”และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 14 ตำบลต้นแบบ

วันที่ (16 ก.พ. 68) เวลา 16.00 น. วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรม “ADVOCATE 2025” โดยได้รับเกียรติจากนายกู้เกียรติ นิ่มเนียม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 14 ตำบลต้นแบบ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน และคุณศิรินทร์พร เดียวตระกูล ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรการวิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยเเห่งชาติ ร่วมกล่าวแสดงความยินดีต่อผลสำเร็จการดำเนินงาน  ณ ลานประตูท่าแพ

กิจกรรม “ADVOCATE 2025”  มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการการยกระดับศักยภาพผู้นำชุมชนต้นแบบ ADVOCATE และนวัตกรรมการเรียนรู้มีดี เพื่อสร้างกลไกการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยในชุมชนแบบมีส่วนร่วม โดยสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 14 แห่งในภาคเหนือตอนบน สู่การพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills และ Management Skills แก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นำร่อง พร้อมฝึกปฏิบัติเสริมทักษะการทำงานและบริหารโครงการของบุคลากรผู้เข้าร่วมโครงการ ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้สูงวัยในชุมชน และระบบหนุนเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดของสินค้าชุมชน

นายกู้เกียรติ นิ่มเนียม  หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมระดับฐานราก โดยบุคลากรท้องถิ่นเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักร่วมกับภาคีเครือข่าย ความสำเร็จของโครงการจะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้ท้องถิ่นไทย พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนทุกวัย เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตในยุคใหม่ ต่อสู้กับความยากจน และขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มุ่งมั่นผลักดันวิสัยทัศน์การเป็น "มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม" โดยวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิตเป็นหน่วยงานสำคัญในการริเริ่มและเปิดโอกาสทางการศึกษา "โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เน้นการส่งมอบองค์ความรู้และพัฒนาทักษะให้แก่คนทุกช่วงวัย ผ่านความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม" 

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.นัทธี สุรีย์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญยิ่งในการพัฒนาและดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น โดยเฉพาะการสนับสนุนและส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุ ทางวิทยาลัยจึงสร้างความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ในการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills และ Management Skills แก่บุคลากรและผู้นำชุมชนของ อปท. จำนวน 140 คน ใน 14 พื้นที่นำร่อง จาก 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน ด้วยกระบวนการฝึกปฏิบัติเสริมทักษะการทำงาน และการบริหารโครงการที่ส่งเสริมธุรกิจและผลิตภัณฑ์จากผู้สูงวัยในชุมชน เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน
    
การทำงานร่วมกันนี้ ก่อให้เกิดการหนุนเสริมกันและกันระหว่างบุคลากร อปท. กับผู้สูงวัยในการทำกิจกรรมร่วมกันผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน  อาทิ ในจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลป่าป้องพัฒนาข้าวแต๋นและข้าวเกรียบ เทศบาลตำบลเชิงดอยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรชาสามสหาย ขิงผง และหัวปลีผง ส่วนเทศบาลตำบลท่าวังตาลเน้นผลิตภัณฑ์กล้วยหนึบและโคมล้านนา
ในจังหวัดเชียงราย เทศบาลตำบลแม่คำพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งถุงหอม ลูกประคบ และยาดมสมุนไพร เทศบาลตำบลโยนกพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม และเทศบาลตำบลเวียงเน้นการพัฒนากระเป๋าและผลิตภัณฑ์จากผ้าที่หลากหลาย จังหวัดลำพูนโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมดินจากเทศบาลตำบลป่าไผ่ และผลิตภัณฑ์ถ่านรักษ์โลกจากเทศบาลตำบลวังดิน เทศบาลตำบลวังผางพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งถุงหอม ลูกประคบ และยาดมสมุนไพร 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอื่น ๆ ได้แก่ ผ้าปักลายอัตลักษณ์จากเทศบาลนครลำปาง ผลิตภัณฑ์จักสานและน้ำพริกจากเทศบาลตำบลป่าแมต จังหวัดแพร่ ผลิตภัณฑ์จากทางมะพร้าวจากเทศบาลตำบลบ้านใหม่ จังหวัดพะเยา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เทศบาลตำบลแม่ลาน้อยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากไม้กวาดและกุ๊บไต ส่วนองค์การบริหารส่วนตำบลฝายแก้ว จังหวัดน่าน ต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์ลายสีธรรมชาติสู่ของฝากอัตลักษณ์ท้องถิ่น 

ผลจากการร่วมโครงการนี้ มีผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการมากกว่าสองพันคน พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนรวม 69 ชิ้น สามารถสร้างรายได้รวมให้กับชุมชนทั้งหมดมากกว่า 2 ล้านบาท  การจัดกิจกรรมยังมี “ตลาดนัดสินค้าผู้สูงวัย” หรือ “MEDEE MARKET” ที่บริเวณลานประตูท่าแพ 

ภายในงานมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของผู้สูงวัยจำนวนมากกว่า 60 รายการจากพื้นที่ที่เข้าร่วมและหน่วยงานความร่วมมือของโครงการฯ กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (WORKSHOP) ระบายสีพวงกุญแจกุ๊บไตจากแม่ลาน้อย การสานดอกไม้จากไผ่ตอกบ้านป่าบง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และกิจกรรมแต่งหน้าข้าวแต๋น จาก ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมชมการแสดงร่วมสมัยจากศิลปินค่ายคนเมืองเรคคอร์ด และการแข่งขันประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่งพร้อมหางเครื่องจากนักเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ 

นอกจากนี้ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ณ โรงแรมอโมรา ท่าแพ จ.เชียงใหม่ วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังได้จัดเวทีแบ่งปันประสบการณ์และผลการนำความรู้ไปใช้ในพื้นที่ของผู้นำ ADVOCATE ทั้ง 140 คนจาก 14 ตำบล ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมนำเสนอโครงการเพื่อเสริมสร้างทักษะและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้สูงวัยในชุมชน และมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้ผ่านหลักสูตรนี้ 

ปัจจุบัน “โครงการการยกระดับศักยภาพผู้นำชุมชนต้นแบบ ADVOCATE และนวัตกรรมการเรียนรู้มีดี เพื่อสร้างกลไกการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยในชุมชนแบบมีส่วนร่วม” ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  เพื่อสร้างความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนาทักษะแก่บุคลากร เพื่อการพัฒนากิจกรรมพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากผู้สูงวัยในชุมชนแบบมีส่วนร่วม สร้างรายได้หรือเกิดการสนับสนุนรายได้ให้กับกลุ่มวัยก่อนสูงอายุ (Pre-aging) และผู้สูงอายุ อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในชุมชนอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Advocate CMU (www.facebook.com/AdvocateCMU) หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ร่วมโครงการฯ

คณะแพทยศาสตร์ มช.จัดงานวัน 'ต้อหินโลก' ภัยเงียบที่อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดถาวร

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยภาควิชาจักษุวิทยา จัดให้มีกิจกรรมงานวันต้อหินโลก เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจ ในเรื่องเกี่ยวกับต้อหิน ให้มีการตื่นตัว และทราบถึงความสำคัญของการตรวจตาในเวลาที่เหมาะสม ในวันที่ 13 มีนาคม 2568 ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระบารมี ระหว่างเวลา 08.00 - 12.00 น. โดยได้รับเกียรติจาก รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี

รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า "โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีนโยบายจัดกิจกรรมเนื่องในวันต้อหินโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับโรคต้อหินให้กับประชาชน กิจกรรมเหล่านี้มุ่งเน้นการป้องกันและลดภาวะตาบอดจากโรคต้อหิน 

โดยภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลักดันให้มีโครงการตรวจคัดกรองต้อหินประจำปี สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน พัฒนาแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยต้อหินให้เข้าถึงการรักษาได้รวดเร็วขึ้น บูรณาการการให้ความรู้เรื่องต้อหินในการอบรมบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและตรวจคัดกรองต้อหิน โดยหวังว่า มีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองต้อหินเพิ่มขึ้น สามารถพัฒนาแนวทางป้องกันและรักษาต้อหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลและเฝ้าระวังโรคต้อหิน"

ผศ.นพ.ดำรงค์ วิวัฒน์วงศ์วนา อาจารย์ประจำหน่วยต้อหิน ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์มช. เปิดเผยว่า "ในปัจจุบันโรคต้อหิน เป็นสาเหตุของภาวะตาบอดของประชากรในเมืองไทยและทั่วโลกคิดเป็นอันดับสองรองจากโรคต้อกระจก แต่ภาวะตาบอดที่เกิดจากโรคต้อหินไม่สามารถรักษาให้กลับมาเห็นได้ตามปกติหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะแรกของโรค อัตราความชุกของโรคต้อหินพบเพิ่มขึ้นตามอายุ 

ในประเทศไทย ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี พบมีความชุกของโรคร้อยละ 2 และเพิ่มเป็นร้อยละ 6 เมื่ออายุมากกว่า 60 ปี ผู้ป่วยต้อหินในระยะแรกจะไม่มีอาการผิดปกติ ไม่มีตามัว ไม่มีปวดตา ดังนั้นหากไม่ได้รับการตรวจตาเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยจะมีอาการตามัว มองเห็นภาพแคบลงเรื่อยๆจนกระทั่งตาบอดในที่สุด ปัจจุบันมีผู้ป่วยต้อหินเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น"

ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ เสวนาวิชาการ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคต้อหินและแนวทางป้องกัน นิทรรศการ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต้อหินและสุขภาพดวงตา บริการตรวจคัดกรองภาวะต้อหินและตรวจตาเบื้องต้น วัดความดันลูกตา ถ่ายภาพจอประสาทตา รับคำแนะนำจาก จักษุแพทย์ ตอบปัญหาชิงรางวัล และจับสลาก ชิงรางวัลฟรี! 

โรคต้อหินเป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดถาวร หากไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาอย่างทันท่วงที

เชียงใหม่-คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิด Innovation for a new life ห้องคลอดสวนดอกโฉมใหม่ มาตรฐานสากล พร้อมศูนย์วินิจฉัยทารกในครรภ์ระดับสูง ครบวงจร

(27 มี.ค. 68) คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดตัวห้องคลอดแห่งใหม่ ยกระดับมาตรฐานการดูแลแม่และทารกที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบายให้กับคุณแม่และทารกแรกเกิด โดยเน้นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานการดูแลระดับสูง เพื่อให้ประสบการณ์การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด ณ ชั้น 3 อาคารผ่าตัด สูติกรรม คณะแพทยศาสตร์ มช. ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568 ระหว่างเวลา 09.30-11.00 น. ณ ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมีคณะแพทยศาสตร์ มช.

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “ เนื่องมาจากห้องคลอดของหน่วยคลอดและหน่วยผ่าตัดสูตินรีเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้เปิดให้บริการแก่สตรีตั้งครรภ์และผู้ป่วยทางนรีเวชมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี จึงถึงเวลาต้องปรับปรุงทางกายภาย เพื่อให้รับบริการได้ประโยชน์สูงสุด 

โดยห้องคลอดปรับปรุงใหม่นี้ ถูกออกแบบตามแนวคิด “ระบบทางเดียว” โดยแยกของสะอาดและของสกปรกออกจากกัน ลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน พร้อมทั้งใช้วัสดุตกแต่ง เช่น ผนังและฝ้าเพดานที่มีพื้นผิวเรียบ รอยต่อน้อย เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแรงดันอากาศ รวมถึงระบบไหลเวียนและกรองอากาศ เพื่อให้บริเวณเตียงคลอดมีอากาศสะอาดปราศจากเชื้อโรค
 
นอกจากนี้ ห้องคลอดใหม่ยังมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัย รองรับการคลอดทุกรูปแบบ รวมถึงภาวะฉุกเฉิน ห้องพักสำหรับคลอดที่เป็นส่วนตัว ออกแบบให้เหมาะกับการผ่อนคลายของคุณแม่ โดยมีทีมแพทย์ และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบดูแลทารกแรกเกิดแบบครบวงจร ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด ภายในห้องคลอดยังติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัย ทั้งระบบไฟฟ้า หัวจ่ายแก๊ส และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมความปลอดภัยในการรักษาของผู้เข้ารับบริการเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอนทางการแพทย์ ให้ผู้เรียนและผู้ปฏิบัติงานสามารถฝึกปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและทันสมัย การเปิดตัวห้องคลอดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของคณะแพทยศาสตร์ มช. ในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์และการศึกษาด้านสูติศาสตร์ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพสูงสุดแก่ทั้งบุคลากรและผู้รับบริการ”

 รศ.นพ.กิตติภัต เจริญขวัญ หัวหน้าภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “หน่วยคลอดของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีความพร้อมในการให้บริการสตรีตั้งครรภ์ทุกรายที่มาคลอด ทั้งรายที่มีความเสี่ยงต่ำและความเสี่ยงสูง ทั้งการคลอดแบบธรรมชาติ การคลอดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษช่วย และการผ่าตัดคลอด ทั้งนี้ภาวะตั้งครรภ์เสี่ยงสูงหรือภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย 10 อันดับแรกในสตรีตั้งครรภ์ที่มาคลอดในปี พ.ศ. 2567 ได้แก่โรคเบาหวาน ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ความดันโลหิตสูง (ครรภ์เป็นพิษ) ทารกโตช้าในครรภ์ ทารกท่าก้น น้ำเดินก่อนกำหนด ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เนื้องอกมดลูก คอพอกเป็นพิษ และรกเกาะต่ำ  

บ่อยครั้งที่ภาวะเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 18  ของการคลอดทั้งหมดในปี พ.ศ.2567 รวมถึงเพิ่มความจำเป็นในการผ่าตัดคลอดอีกด้วย  ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมส่งมอบการดูแลที่ปลอดภัยให้กับมารดาและทารก รวมถึงผู้ป่วยทางนรีเวช ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า โดยทีมแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง”

ด้านรศ.พญ.เฟื่องลดา ทองประเสริฐ อาจารย์ประจำหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารก ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “ศูนย์วินิจฉัยทารกในครรภ์ (Fetal Diagnostic Center หรือ Fetal Center) เป็นศูนย์ที่ให้บริการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และดูแลรักษาทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงช่วงแรกหลังคลอดครอบคลุมทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูง พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านวิชาการและการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ทารกในครรภ์ และส่งเสริมการวิจัยอย่างต่อเนื่อง 

จุดเด่นของศูนย์ คือสามารถตรวจคัดกรองความผิดปกติของทารกตั้งแต่ไตรมาสแรก ตรวจโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย กลุ่มอาการดาวน์ และโรคหายากอื่น ๆ โดยการเจาะชิ้นเนื้อรก ทั้งนี้ศูนย์วินิจฉัยทารกในครรภ์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เป็นศูนย์ที่ให้บริการตรวจชิ้นเนื้อรกมากที่สุดในประเทศ 

ศูนย์ฯ ยังมีความเชี่ยวชาญด้านหัตถการเฉพาะทาง  เช่นการเจาะเลือดสายสะดือของทารกในครรภ์ เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อน โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์เดียวในภาคเหนือที่สามารถรักษาทารกในครรภ์โดยการเติมเลือด หรือ การส่องกล้องรักษาครรภ์แฝดที่มีภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้เพื่อให้มารดาที่ตั้งครรภ์ ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และดำเนินการคลอดอย่างปลอดภัยที่สุด

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดตัวคณบดีและแถลงแผนมุ่งสู่ 50 อันดับแรกของโลก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภารัตน์ วังศรีคูณ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวเปิดและเป็นวิทยากรในกิจกรรมการถ่ายทอดและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแผนพัฒนาการศึกษาของคณะฯ ระยะที่ 13 (2566-2570) ฉบับปรับปรุง ประจำปีงบประมาณ 2568 'Together We Rise: Building on Our Pride, Shaping Our Future' โดยมี คณะผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรเข้าร่วมรับฟัง 

ภายในงานคณบดีแถลงวิสัยทัศน์ใหม่ ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถาบันการศึกษาพยาบาลชั้นนำระดับสากล เพื่อสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน รวมทั้งชี้แจงเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนองค์กร เป้าหมายที่สำคัญ ประกอบด้วย เข้าสู่ 50 อันดับแรกของโลกในการจัดอันดับของ QS Ranking by subject , Socio-economic impact 300 ล้านบาท 

และ การได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ ในระดับ Thailand Quality Class Plus : TQC Plus จากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จและน่ายินดีที่เกิดขึ้นภายในคณะฯ ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา ตลอดจนร่วมพูดคุยแบบเป็นกันเองในการรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อการนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ร่วมกัน 

ช่วงท้ายแนะนำเพลงใหม่ประจำคณะฯ ใช้สำหรับการสร้างความรักความผูกพันและเป็นตัวแทนสื่อถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง บ้านสีแสด ร่วมแรงร่วมใจ ก่อนถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกันเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ ณ ห้องเอ็มเพรสแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top