Tuesday, 22 April 2025
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

16 มกราคม พ.ศ. 2447 ‘กระทรวงเกษตราธิการ’ ได้ก่อตั้ง ‘โรงเรียนช่างไหม’ จุดกำเนิด 'มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์' ในยุคปัจจุบัน

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร ก่อตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ แรกเริ่มเป็น ‘โรงเรียนช่างไหม’ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2447 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม องค์อธิบดีกรมช่างไหม ในกระทรวงเกษตราธิการ ได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนช่างไหมขึ้น ณ ท้องที่ตำบล ทุ่งศาลาแดง กรุงเทพมหานคร ในบริเวณเดียวกันกับสวนหม่อนและสถานีทดลองเลี้ยงไหม 

โดยจัดการศึกษาหลักสูตร 2 ปี สอนเกี่ยวกับวิชาการ เลี้ยงไหมโดยเฉพาะ ต่อมาใน พ.ศ. 2449 ได้ขยายหลักสูตรเป็น 3 ปี โดยเพิ่มวิชาการเพาะปลูกพืชอื่นๆ เข้าในหลักสูตรตลอดจนได้เริ่มสอนวิชาสัตวแพทย์ด้วยและได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็นโรงเรียนวิชาการเพาะปลูกต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนการเพาะปลูก 

โดยในปี พ.ศ. 2451 กระทรวงเกษตราธิการ ได้รวมโรงเรียนที่อยู่ในสังกัด 3 โรงเรียนคือ โรงเรียนแผนที่ โรงเรียนกรมคลอง และโรงเรียนวิชาการเพาะปลูก เป็นโรงเรียนเดียวกัน เพื่อผลิตคนเข้ารับราชการในกรมกองต่างๆ ของกระทรวงเกษตราธิการ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่าโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการ และย้ายสถานที่ตั้งมารวมกัน ณ พระราชวังสระปทุม พร้อมกับได้ให้เรียบเรียงหลักสูตรใหม่ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักสูตรระดับอุดมศึกษาวิชาการเกษตรศาสตร์ หลักสูตรแรกของประเทศไทย

โดยได้เริ่มดำเนินการสอนหลักสูตรใหม่นี้ในปี พ.ศ. 2452 และในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลได้ยกโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการไปรวมเข้ากับโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ด้วยเหตุที่วัตถุประสงค์ของโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการตรงกับพระราชดำริในการจัดตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งได้ทรงจัดตั้งขึ้นในกระทรวงธรรมการ งานศึกษาวิชาเกษตรศาสตร์จึงมาสังกัดกระทรวงธรรมการ

ต่อมาได้รับการก่อตั้งอีกครั้งในปี พ.ศ. 2460 ในนามโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม และได้รับการยกฐานะเป็น วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถัดจากนั้นมา รัฐบาลได้ปรับปรุงและรวมกิจการของวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่เกษตรกลาง บางเขน กับโรงเรียนวนศาสตร์ จังหวัดแพร่ และสถาปนาเป็น ‘มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์’ ในปี พ.ศ. 2486 

ซึ่งในระยะแรกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดสอนเฉพาะด้านการเกษตรเท่านั้น แต่ต่อมาได้ขยายสาขาวิชาครอบคลุมทั้งเกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวกรรมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ บริหารธุรกิจ และงานบริการ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ

24 มีนาคม พ.ศ. 2565 ‘กรมพระศรีสวางควัฒนฯ’ พระราชทานพระโอวาทแก่บัณฑิต ม.เกษตรศาสตร์ “ผู้มีความกตัญญูรู้คุณ ย่อมปรารถนาที่จะตอบแทนคุณในทางที่ดีที่ชอบ”

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565 สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปยังคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตบางเขน ทรงเปิดอาคารศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ 60 พรรษา ซึ่งสร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงได้รับการยกย่องเป็นเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา รวมถึงในโอกาสการสถาปนา คณะวิทยาศาสตร์ครบรอบ 50 ปี โดยได้รับพระราชทานนาม จากสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พร้อมกับพระราชทานพระอนุญาต ให้เชิญอักษรพระนาม จภ. ประดับที่อาคาร โดยเป็นอาคารคู่ สูง 6 ชั้น และ 12 ชั้น ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561

ภายในมีการออกแบบ ให้เป็นอาคารต้นแบบประหยัดพลังงาน ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน รองรับงานปฏิบัติการค้นคว้าวิจัย และการจัดประชุมสัมมนา ตลอดจนการดำเนินงานอื่นๆ ของคณะวิทยาศาสตร์ ในการส่งเสริมการผลิตบัณฑิต ที่มีศักยภาพสูง มีความพร้อมในการทำงาน และสร้างสรรค์คุณค่าให้เกิดประโยชน์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ และการจัดการเทคโนโลยี ที่รวบรวมผลงาน ด้านวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ แก่บุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรมชุมชนและสังคม ให้นำความรู้ไปเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทางการเกษตร อาหาร พลังงาน สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนต่อไป

จากนั้น เวลา 13.37 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เสด็จแทนพระองค์ ไปยังอาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2563 เป็นวันที่ 4 โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีผลงานดีเด่น เข้ารับพระราชทานปริญญา ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 1 คน มีผู้สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี จากคณะศึกษาศาสตร์, คณะเศรษฐศาสตร์ ศรีราชา, คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศรีราชา, คณะพาณิชยนาวี-นานาชาติ, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์, คณะวิทยาการจัดการ และคณะวิทยาศาสตร์ ศรีราชา เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร รวม 1,714 คน

โอกาสนี้ พระราชทานพระโอวาท ความสำคัญตอนหนึ่งว่า "ในวันนี้ ใคร่จะกล่าวเพิ่มเติม ถึงคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง อีกประการหนึ่ง คือความกตัญญู ความกตัญญูนั้น หมายถึง ความตระหนักรู้ถึงคุณความดี ของบุคคลต่าง ๆ และสิ่งต่าง ๆ เป็นต้น ว่าบิดามารดาและผู้ปกครอง ซึ่งให้ชีวิตและเลี้ยงดูมา ครูบาอาจารย์ ซึ่งถ่ายทอดสรรพวิชา และอบรม บ่มนิสัย สังคมและชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นที่อยู่ที่อาศัย และประกอบอาชีพการงาน ผู้มีความกตัญญูรู้คุณ ย่อมปรารถนาที่จะตอบแทนคุณ ด้วยการประพฤติตน ปฏิบัติงานแต่ในทางที่ดีที่ชอบ ก่อให้เกิดผลดี ที่พึงประสงค์ คือความเจริญมั่นคง ทั้งในชีวิตและกิจการงาน พร้อมทุกส่วน จึงขอให้บัณฑิตทุกคน พิจารณาคุณค่าของความกตัญญู ให้ทราบชัด แล้วตั้งใจปลูกฝัง สร้างเสริมคุณธรรมข้อนี้ให้งอกงาม"

6 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ‘ในหลวง ร.9’ เสด็จฯ เปิด ‘สระสุวรรณชาด’ ม.เกษตรศาสตร์ โครงการช่วยบำบัด-ฟื้นฟู ‘สุนัข’ ให้พ้นจากอาการเจ็บป่วย

‘สระสุวรรณชาด’ โครงการจากทุนพระราชทานของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อรักษาสุนัขป่วย

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดสระสุวรรณชาด ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้ทรงพา ‘คุณทองแดง’ สุนัขทรงเลี้ยง มาร่วมในพิธีด้วย

ทั้งนี้ ‘สระสุวรรณชาด’ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณในล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ที่ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเป็น สระว่ายน้ำสำหรับการรักษาแบบธาราบำบัด ให้สุนัขที่ป่วยด้วยโรคข้อกระดูก และโรคระบบประสาท จำนวน 2 สระ ซึ่งพระองค์พระราชทานเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง จำนวน 2,131,351 บาท พร้อมทั้งพระราชทานชื่อสระว่ายน้ำว่า ‘สระสุวรรณชาด’ ตามชื่อของคุณทองแดงด้วย

โดยสระว่ายน้ำสุวรรณชาดเริ่มทำการก่อสร้างเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานคำแนะนำในการออกแบบตามหลักวิชาการ และได้ใช้สระว่ายน้ำของสุนัขทรงเลี้ยงมาเป็นต้นแบบ ซึ่งการก่อสร้างแล้วเสร็จราวปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2548 โดยแบ่งโครงสร้างเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนสระว่ายน้ำ ขนาด 15.35 เมตร X 3.80 เมตร มีความลึก 1.50 เมตร สำหรับสุนัขทั่วไปที่ต้องการออกกำลังกาย

และส่วนสระกายภาพบำบัด ขนาด 2.35 เมตร X 3.8 เมตร ลึก 1.50 เมตร ส่วนนี้จะประกอบไปด้วยหัวพ่นฟองอากาศจำนวน 4 หัว เพื่อให้เกิดการนวดตามกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและกระตุ้นระบบประสาทที่มีปัญหา โดยมีรอกที่ใช้ในการพยุงตัวสัตว์ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนนี้สำหรับสุนัขที่เป็นโรคข้อสะโพกหลวม โรคกระดูก หรือสุนัขที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น

ทั้งนี้ การบำบัดและฟื้นฟูสัตว์ที่สระว่ายน้ำแห่งนี้จะมีสัตวแพทย์คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งพิจารณาอาการเจ็บป่วยของแต่ละตัวว่าเหมาะสมที่จะรักษาด้วยวิธีธาราบำบัดนี้หรือไม่

‘ดร.ธรณ์’ เผยภาพ ‘นักท่องเที่ยวเหยียบถูกปะการัง’ ชี้!! ‘พวกเธอ’ กำลังอ่อนแอ-ฟอกขาว ควรช่วยกันระวัง

(4 พ.ค.67) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศน์ทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า ทราบดีว่าไม่มีใครอยากเหยียบปะการัง แต่คงต้องฝากช่วยดูแลกันให้มาก ตอนนี้พวกเธออ่อนแอสุดๆ ลำพังแค่ฟอกขาวก็แย่มากแล้วครับ

คงต้องฝากกรมทะเลพูดคุยกับผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว มิฉะนั้น ผลกระทบจากการท่องเที่ยวในช่วงปะการังฟอกขาว อาจทำให้เราต้องปิดพื้นที่ จะส่งผลต่อทุกคน

ผมถ่ายภาพนี้ด้วยตัวเอง เป็นภาพจากเกาะกูด ปะการังแถวนั้นกำลังฟอกขาวเยอะเลย

ยังรวมถึงทุกแห่งในทะเลไทยที่ปะการังฟอกขาวไปทั่ว ที่ไหนมีคนไปเที่ยว รบกวนระมัดระวังให้ถึงที่สุด

เหยียบ/โดนปะการัง ทิ้งสมอ ทิ้งขยะ น้ำเสีย คราบน้ำมัน กินปลานกแก้ว ฉลาม ฯลฯ พวกนี้ทำร้ายทะเลยามเธออ่อนแอทั้งนั้น

ทุกคนช่วยทะเลได้เสมอ ช่วยๆ กันนะครับ

‘อ.อ๊อด’ โพสต์เฟซประกาศ ขอยุติการตรวจสอบ ‘ข้าว 10 ปี’ ชี้!! มีผู้ใหญ่เตือน ไม่อยากให้ลุกลาม เป็นประเด็นทางการเมือง

(19 พ.ค.67) เฟซบุ๊ก ‘Weerachai Phutdhawong’ หรือ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ถึงกรณีข้าว 10 ปี โดยระบุข้อความว่า …

สวัสดีครับ อาจารย์อ๊อด เองครับ สืบเนื่องจากกรณีข้าว 1 ทศวรรษที่เป็นประเด็น ทางสังคมและตอนนี้เริ่มลุกลามเป็นประเด็นการเมือง

ห้องปฏิบัติการของทีมงานอาจารย์อ๊อด ได้รับคำแนะนำจากผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่าย รวมถึงทีมงานเองก็ไม่อยากให้เกิดประเด็นทางการเมืองที่ลุกลามไปมากกว่านี้ จึงขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า เราได้ยุติการตรวจสอบข้าว ในทุกกรณีแล้ว

ในส่วนของผลการตรวจสอบจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลางแห่งประเทศไทย ที่มีนักข่าว อีกช่องนำไปมอบให้นั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับตัวอย่างและผลการทดสอบของทีมงานอาจารย์อ๊อด รวมถึง ผลแล็บที่กำลังจะแถลงข่าวโดยอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในวันพรุ่งนี้ด้วย

ทีมงานอาจารย์อ๊อดขอกราบเรียนว่าทุกอย่างที่ดำเนินการมา โดยตลอดนั้นก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และไม่อยากให้เป็นประเด็นการเมืองต่อเนื่อง ในส่วนของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทั้ง 2 หน่วยข้างต้น ได้ออกมา Take Action แล้วก็เป็นเรื่องที่ดี หากข้าว 1 ทศวรรษนี้ สามารถสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติได้ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม ทีมงานอาจารย์อ๊อดก็ขอแสดงความยินดีมาล่วงหน้า

ด้วยจิตคารวะ

อาจารย์อ๊อด

‘วิชัย ทองแตง’ ร่วมปฐมนิเทศนิสิต ม.เกษตรฯ กำแพงแสน 5,300 คน มอบ 3 แนวทางให้คนรุ่นใหม่ ใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์ควบคู่คุณธรรม

(8 ก.ค. 67) จากช่อง ‘Godfather Of Startup’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอของ 'คุณวิชัย ทองแตง' Godfather of Startup ประธานมูลนิธิ หนึ่งน้ำใจ One Love Foundation ซึ่งได้ร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศนิสิตใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และร่วมบรรยายในหัวข้อ ‘นิสิตเกษตรยุคใหม่ ในสภาวะโลกรวน’ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

โดยระหว่างการบรรยายคุณวิชัยได้มอบ 3 คำปฏิญาณให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้แก่ (1) เราจะไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงหรือหลอกลวงผู้อื่น (2) เราจะเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีมีคุณธรรม และ (3) เราจะแบ่งปันความรู้และโอกาสให้แก่ผู้ที่ด้อยกว่า

ซึ่งภายหลังการบรรยาย คุณวิชัยได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในการเข้าร่วมปฐมนิเทศในครั้งนี้ว่า “ถือว่าวันนี้เป็นการมาครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กําแพงแสน แต่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เป็นเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิมคือเราปฐมนิเทศนักศึกษา 5,300 คน ที่เป็นนักศึกษาปี 1 ของกําแพงแสนของคณะเกษตรฯ…

“ความรู้สึกผมเหมือนกลับมาบ้านเดิม แม้ผมไม่ใช่เป็นคนเกษตร ไม่ใช่คนมหาวิทยาลัยเกษตรนะ แต่ผมเป็นลูกเกษตรผม ผมเห็นองค์ประกอบต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยนี้ สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศนี้ การเน้นในเรื่องการเกษตร นวัตกรรมใหม่ ๆ การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นแปลงทดลองให้กับเด็ก ๆ ได้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเอง ผมถือว่าเป็นการสร้างชาติอย่างหนึ่ง”

เมื่อถามถึงความรู้สึกที่มีต่อนิสิตเกษตรฯ ในครั้งนี้ คุณวิชัย กล่าวว่า… “นิสิตเกษตรที่ผมได้สัมผัสวันนี้มีพลังมากนะ ผมกล้าพูดได้ว่านี่คือพลังของแผ่นดินอย่างแท้จริง แล้วเด็กพวกเหล่านี้มีความมุ่งมั่นที่อยากเป็นเกษตรกร ปีนี้ผมทราบว่ามียอดผู้สมัครเข้าเรียนเกษตรเพิ่มมากขึ้นจากเป้าหมายเดิม 4,500 คน ตอนนี้เป็น 5,300 คน ผมตกใจมากเลย เพราะเวลาผมไปเดินสายบรรยายตามที่ต่าง ๆ เด็กเรียนเกษตรน้อยลง แต่อย่างน้อยที่สุดมีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นต้นแบบของประเทศ แล้วก็พร้อมที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาให้สืบทอดเจตนารมณ์ของแผ่นดิน”

นอกจากนี้ คุณวิชัย ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ‘ศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน’ ว่า “ศูนย์ผักฯ นี้ทําให้ผมเกิดความคิดใหม่ขึ้นเยอะเลย เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชที่เป็นพืชของของไทยแท้ ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณเก็บรักษาไว้อยู่ที่นี่ ผมเพิ่งรู้ว่าต้นแหล่งจริง ๆ อยู่ที่นี่ คุณค่าที่แท้จริงที่เป็นรากของแผ่นดินมันอยู่ที่นี่ ได้ความรู้จากคณะอาจารย์ที่นี่เยอะมาก ทำให้ผมมีไอเดียไปวางแผนใหม่ เพราะได้ความรู้ใหม่ ๆ จากที่นี้ นอกจากนี้ยังได้เก็บเกี่ยวความเป็นไป และประวัติศาสตร์ของเกษตรศาสตร์ ดื่มด่ำกับทุก ๆ บรรยากาศที่ได้เข้าไปสัมผัสด้วย”

'ม.เกษตรฯ' แจ้งระวัง!! 'มิจฉาชีพ' อ้างชื่อ 'คณะฯ-มหา’ลัย' จัดกิจกรรมรูดทรัพย์ หลอก!! จะมี 'แต้มต่อ' ในการเข้ามหาวิทยาลัยในรอบ TCAS1

(17 ก.ย. 67) ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความเตือน ระบุว่า...

สำหรับนักเรียนที่กำลังทำ Port อยู่นะ

ช่วงนี้ เห็นแล้วเศร้าใจ มีคนพยายามสร้างกระแสกันว่า การไปร่วมกิจกรรมของคณะที่เราสนใจ เช่น อบรม แคมป์ จะมี 'แต้มต่อ' ในการเข้ามหาวิทยาลัยในรอบ TCAS1 โดยมีการเรียกเก็บเงินการเข้าร่วมกิจกรรมหลายพันบาท ขอบอกว่า คณะต้องการคนที่มีความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ความสนใจที่หลากหลายจากการเข้าร่วม ซึ่งแต้มน้อยมาก

วิธีการง่าย ๆ อันนึงของคนเหล่านั้น คือ...
- ไปเช่าสถานที่ของคณะยอดฮิต เพื่อจัดกิจกรรม เพื่อจะได้ใช้ชื่อ และทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าคณะจัด
- เชิญอาจารย์บางท่านของคณะนั้นมาบรรยาย ซึ่งท่านก็อาจมาบรรยายโดยสุจริต
- ขอแปะโฆษณาภายในมหาวิทยาลัย
- แอบใส่ Logo และมหาวิทยาลัย ในโครงการ เช่น อ้างว่าเป็นอาจารย์ที่ไหน หรือนิสิตเรียนที่ไหน ใช้ภาพถ่ายอาคารหรือสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย

- อาจมีแจกประกาศ แต่ออกให้โดยองค์กรอื่นที่ไม่ใช่ มหาวิทยาลัย
- ใบเสร็จไม่ใช่ของมหาวิทยาลัย
- อ้างว่าเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยนั้น แต่ไม่ได้ทำงานกับมหาวิทยาลัย

ซึ่งจะดูเนียนเหมือนว่าคณะนั้นจัด แต่คณะก็แค่ให้เช่าสถานที่อบรม และการตรวจสอบเจตนาแฝงมันดูยาก

ที่แย่คือ คนอาจคิดว่า คณะหิวเงินโดยทำโครงการที่มี Conflict of interest 

ที่แย่กว่านั้น ก็คิดไปไกลว่า พยายามสร้างช่องรับ 'แป๊ะเจี๊ยะ'

โครงการดีๆ ก็มีเยอะแยะนะครับ แต่ข้อสังเกตที่สำคัญคือ...
- จะต้องเขียนชัดๆ เลยนะว่า 'จัดโดย คณะ... มหาวิทยาลัย...' ไม่ใช่บอกแค่ว่าจัดที่นั่น
- โครงการอาจมีค่าใช้จ่าย แต่ส่วนใหญ่เขาจะจัดเอาแค่คุ้มทุน ไม่แพงมาก
- ถ้าสงสัย สอบถามโดยตรงจากคณะ (ไม่ใช่ไปถามที่โครงการนั้นนะ) เลยว่า คณะเกี่ยวอย่างไร มีผลต่อ TCAS มากน้อยเพียงใด เดี๋ยวนี้ คณะมีช่องทางออนไลน์ให้ติดต่อกันทั้งนั้นแหละ อย่างเช่นที่นี่เลย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

มีลูกหลานก็ฝากแชร์ด้วยครับ สงสารเด็กๆ #dek67 #dek68 #dek69 #dek70

วิศวะ ม.เกษตร ลัดฟ้าสู่ประเทศญี่ปุ่น แชร์ความรู้สู้กับภัยพิบัติด้านน้ำ-ภูมิอากาศ

(16 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจของ ‘คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์’ ได้เผยแพร่การศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่นของภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ ว่า

ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมี รศ.ดร.สมปรารถนา ฤทธิ์พริ้ง ได้นำนิสิตภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ ระดับปริญญาตรีจำนวน 3 คน และระดับปริญญาโท จำนวน 4 คน เดินทางไปร่วมโครงการ Sakura Science แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติด้านน้ำ ณ มหาวิทยาลัย Chuo กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 6-12 ตุลาคม 2567

กิจกรรมภายในโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย การระดมสมองร่วมกันระหว่างนิสิตภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำกับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Chuo เรื่องแผนการลดผลกระทบและปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของทั้งสองประเทศร่วมกัน รวมทั้งการเข้าร่วมการจำลองสถานการณ์การเกิดสึนามิ (Tsunami) การใช้ Virtual Reality (VR) เพื่อจำลองการหนีภัยจากเหตุการณ์สึนามิ จัดขึ้น ณ ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมชายฝั่งและทะเล 

การจำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวระดับเดียวกันกับที่เกิดขึ้นทางฝั่งตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น เมื่อต้นปี 2567 จัดขึ้น ณ ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมแผ่นดินไหว คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย Chuo 

การเข้าศึกษาดูงานอุโมงค์เก็บกักน้ำชั่วคราวเพื่อบรรเทาน้ำท่วม โครงข่ายประตูระบายน้ำและผันน้ำบริเวณอ่าวโตเกียว รวมถึงงานพัฒนาระบบประปาของแห่งมหานครโตเกียว 

ที่มา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

29 พฤศจิกายน 2506 ในหลวงรัชกาลที่ 9 - พระราชินี เสด็จฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทรงปลูกต้นนนทรีจำนวน 9 ต้น ที่หน้าหอประชุมของมหาวิทยาลัย

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาทรงปลูกต้นนนทรี ๙ ต้น อันเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ณ บริเวณสระน้ำด้านหน้าหอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ทรงดนตรี ร่วมกับวง อส. วันศุกร์ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 เวลา 15.30 น.

สำหรับต้นนนทรีถือเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 สืบเนื่องจากการประชุมสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2506 มีมติเลือกต้นนนทรี เพราะเป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืน มีใบสีเขียวแก่ อันหมายถึง สีเขียวขจีของเกษตร และมีดอกสีเหลืองทอง อันหมายถึง สีเหลืองของคณะเกษตร ดังปรากฏในคำกราบบังคมทูลของคุณหลวงอิงคศรีกสิการ (อินทรี จันทรสถิตย์) ในฐานะอธิการบดี มีใจความสรุปดังนี้

“ต้นนนทรี เป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวนาน มีใบเขียวตลอดทั้งปี ลักษณะใบเป็นฝอยคล้ายใบกระถิน ดอกสีเหลืองประปรายด้วยสีขาว ช่อดอกเป็นพวงระย้า ฝักไม่ยอมทิ้งต้น ทนทานในทุกสภาพอากาศของเมืองไทย สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้เลือกให้เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อแสดงว่า นิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีใจผูกพันอยู่กับมหาวิทยาลัยตลอดมา และสามารถจะทำงานประกอบอาชีพได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทั้งในไร่นาป่าเขา ทั่วทั้งประเทศไทย”

ในคราวเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น มีพระมหากรุณาธิคุณทรงดนตรีที่หอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นครั้งแรกด้วย อันนำมาสู่การเสด็จ 'เยี่ยมต้นนนทรี' ที่ทรงปลูก และ 'ทรงดนตรี' สืบเนื่องอีก 9 ครั้ง นับจากปี พ.ศ. 2506 ปัจจุบันต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น นับว่าเป็นต้นนนทรีขนาดใหญ่ที่หาพบได้ยากในกรุงเทพมหานคร และสร้างความร่มรื่นให้แก่พื้นที่บริเวณหน้าหอประชุมเป็นอย่างยิ่ง

‘เกษตรศาสตร์’ จับมือ ปตท.สผ. สร้างวิศวกรป้อนอุตฯ ยุคใหม่ เน้นวิจัยและพัฒนานวัตกรรมตอบโจทย์ด้านพลังงานยั่งยืน

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จับมือ ปตท.สผ. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ 

เมื่อวันที่ (5 มี.ค.68) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และ ต่อยอดไปสู่การพัฒนาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมเครื่องกล (นานาชาติ) ของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นด้าน พลังงานที่ยั่งยืน (Sustainable Energy) ที่มีทั้งเทคโนโลยีไฮโดรเจน และ คาร์บอน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวิศวกรรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพระดับสากล ตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี 

พิธีลงนามจัดขึ้นที่ ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารเอ โดยมี ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ นายนภสิทธิ์ ชัยวรรณคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานเทคโนโลยี คาร์บอนโซลูชั่นและการเติบโตอย่างยั่งยืน ปตท.สผ. เป็นตัวแทนร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหาร คณาจารย์ ร่วมเป็นสักขีพยาน 

หลักสูตรที่ตอบโจทย์อนาคต 
หลักสูตรใหม่นี้มุ่งเน้นการพัฒนาวิศวกรที่มีความรู้และทักษะในเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ พลังงานสะอาด ไฮโดรเจนและเซลล์เชื้อเพลิง การประยุกต์ใช้ AR/VR ในงานวิศวกรรม และระบบอาคารอัจฉริยะ ตลอดจนการผสมผสานองค์ความรู้จากภาคการศึกษาและอุตสาหกรรม 

นิสิตในหลักสูตรจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านโครงการฝึกปฏิบัติในสถานประกอบการจริง การวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และการแลกเปลี่ยนทางวิชาการในระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างบัณฑิตที่มีทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม ความสามารถในการปรับตัว และทักษะการสื่อสารในระดับสากล 

ประโยชน์ของความร่วมมือ 
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ยังสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างบุคลากรที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม 

อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวในงานว่า “หลักสูตรนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างวิศวกรที่มีศักยภาพ นวัตกรรม และพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประเทศ โดยความร่วมมือกับ ปตท.สผ. จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสใหม่ๆ ให้แก่นิสิตและภาคอุตสาหกรรมในอนาคต” 

ก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จ 
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งเป้าที่จะเปิดรับนิสิตรุ่นแรกในปี 2569 และยื่นขอมาตรฐาน ABET (Accreditation Board for Engineering and Technology) ในปี 2570 เพื่อยืนยันคุณภาพหลักสูตรในระดับสากล และเตรียมความพร้อมให้นิสิตสามารถแข่งขันได้ในตลาดแรงงานทั่วโลก 

การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสององค์กรในการผลักดันขอบเขตความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมให้กว้างขึ้น และยังเป็นการเน้นย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในฐานะผู้นำทางการศึกษาและนวัตกรรม รวมถึงบทบาทของ ปตท.สผ. ในฐานะองค์กรที่มุ่งมั่นสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่สังคมและประเทศชาติ 

นิสิตที่สนใจสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกล (นานาชาติ) สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเตรียมตัวเข้าสู่การศึกษาแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาศักยภาพสู่ระดับโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top