Wednesday, 14 May 2025
มรสุมชีวิต

‘ไอซ์ ปรีชญา’ เปิดใจ!! หลังผ่านพ้นช่วงมรสุมชีวิต เผย ความสุขตอนนี้ คือการทำงาน พร้อมส่งกำลังใจให้ทุกคน

(29 ก.ค. 66) ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับนางเอกสาว ‘ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร’ ที่เรียกได้ว่า เจอมรสุมชีวิตอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา... ทั้งเรื่องข่าวเกี่ยวกับสารไซยาไนด์ จนถูกยกเลิกงานหลายงาน ความรักมีปัญหา อีกทั้งเจอความเครียดสะสมคุณพ่อป่วย และเพิ่งทราบว่าแม่คุณป่วยเป็นมะเร็งตับ จนเกิดวูบหมดสติ หามตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน!!

ล่าสุด ไอซ์ ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรก หลังป่วยเข้าโรงพยาบาล ว่า “สภาพจิตใจดีขึ้นในระดับหนึ่ง ดีขึ้นจากกำลังใจหลายๆ ฝ่าย คุณพ่อคุณแม่ เพื่อน แฟนคลับ ทำให้ไอซ์ใจฟูขึ้นเยอะ มีพูดคุยกับคุณหมอ ก็ดูแลกันอยู่ติดตามในเรื่องสุขภาพและจิตใจ พักผ่อน การทานอาหาร เรื่องความเครียดที่สะสม

เวลาที่เครียดเยอะๆ ก็จะนอนไม่หลับ ทานอาหารไม่ได้ เลยทำให้วูบ ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าวิกฤตแล้ว เพราะเจอปัญหาจากหลายด้าน ทำให้นอนไม่หลับ วันที่เกิดเหตุทำให้วูบ คือ วันนั้นเครียดมาก ไปฟื้นอีกทีรู้ตัวว่าอยู่โรงพยาบาลแล้ว ก็งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหมอบอกว่าอาจจะเกิดจากความเพลียของเราที่มีมากเกินไป บวกกับเราเป็นความดันต่ำอยู่แล้ว

สำหรับเรื่องที่หลายคนคิดว่าไอซ์จะทำร้ายตัวเอง ยืนยันไม่ใช่ ไม่ถึงขนาดนั้น เป็นความเครียด ส่วนยาคือทานปกติอยู่แล้ว ไอซ์ขอบคุณมาก ที่เข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก อ่านทุกคอมเมนต์ ดีใจ เข้าใจว่าไอซ์ว่าเราเป็นอะไร เรียกว่าดิ่งที่สุดในชีวิต ทุกอย่างโถมเข้ามาในชีวิต

ตอนนี้เริ่มกลับมาแล้ว คนแรกที่ถึงโรงพยาบาล คือ เพื่อน น้ำชา จับมือไอซ์คนแรก ที่โรงพยาบาล เริ่มจากเครียดเรื่องข่าวที่เป็นคดีความ ซึ่งเรื่องนั้นก็จบไปแล้ว เรื่องงาน ปัญหาเรื่องคุณแม่ไม่สบาย เป็นช่วงที่ใช้เงินเก็บ คุณพ่อผ่าตัดใช้เงินรักษาเก็บส่วนตัว

ตอนนั้นปัญหามันเยอะมาก ไม่กล้าปรึกษาใคร ไม่กล้าปรึกษาคุณแม่ เพราะพ่อแม่ก็ไม่สบายด้วย  ไอซ์เป็นคนไม่ค่อยพูด พูดน้อย เราไม่อยากเอาปัญหาไปปรึกษาใคร กลัวเขาเครียดไปด้วย ค่าใช้จ่ายเงินที่หายไปประมาณหลักล้าน 3-5 ล้าน ส่วนใหญ่เป็นค่ารักษาทั้งหมด มีช่วงเครียดหนักไม่ดูโซเชียลเลย ก็ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเราก็ทำงานตรงนี้ด้วย

ความสุขของไอซ์ตอนนี้ คือการทำงาน ก็จะได้มีการแอคทีฟด้วย ก็อยากให้กำลังใจทุกคนด้วย ตอนนี้พยายามนอนเยอะๆ ทานอาหารเยอะๆ ผอมลงประมาณ 5 กิโลกรัม 1 เดือนที่ผ่านมา พร้อมทำงาน ทำได้หมดทุกอย่าง”

‘สมจิตร’ เปิดใจทั้งน้ำตา ภรรยาป่วย ลูกสมาธิสั้น สุดท้ายพยายามคิดบวก อนาคตมันอาจจะดีขึ้น

(5 ก.ย.66) ‘บอย พิษณุ’ เผยคลิป ‘ไม่ได้สู้แค่บนสังเวียน แต่ ‘พี่สมจิตร’ คือเซียนชีวิตจริง!’ เปิดใจ ‘สมจิตร จงจอหอ’ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เล่าเรื่องราวชีวิตครอบครัวตอนหนึ่งกลั้นน้ำตาไม่ไหวร้องไห้ออกมา โดยเผยถึงอาการป่วยหนักก่อนหน้านี้ของ ‘อุ๋ม ศศิธร’ ภรรยาที่ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) รักษามา 2 ปีกว่าแล้ว ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินการอยู่ ออกโรงพยาบาลมาก็ต้องดูแลเรื่องอาหาร การหลับนอน ใส่ใจเรื่องจิตใจเขา ฟื้นฟูเร็ว กินยาเป็นกำๆ ก็ลดน้อยลง ดูแลเขาเต็มที่เป็นปี ยิมปิดไปเลย โฟกัสที่ภรรยา เรื่องราวสะสม เราดูแลฟื้นฟูเร็ว ตอนนี้กลับมา 80-90 เปอร์เซ็นต์

การแต่งงานกันต้องอยู่กันไปจนแก่ตาย แม้ระหว่างทางจะมีทะเลาะกัน แต่สุดท้ายเราปรับความเข้าใจกันหักลบกันไป มันต้องอยู่จนแก่เฒ่า จนมีใครคนหนึ่งตายไป ต้องอยู่กันให้ได้ในความรักที่มีต่อกันทุกวัน มีกำลังใจให้กันทุกวัน

ถามถึง ‘กำปั้น’ ลูกชาย อยู่ปี 3 แล้ว เรียนสาขาอะไร ‘สมจิตร’ ตอบว่า ผมไม่ค่อยจะบอกรายการไหน กำปั้นเขาอายุ 22 ปี แต่ไอคิวเขาประมาณเด็ก 10 กว่าขวบ 15-16 เหมือนเด็กสมาธิสั้น แต่เขาเรียนพูดภาษาอะไรได้เก่ง แต่บวกลบคูณหารเลขไม่ได้เลย ความจำตรงนั้นไม่ได้เลย เรียนอยู่ได้เกรด 1 กว่า ไม่ถึง 2 เป็นคนร่าเริง เพื่อนเยอะ แต่สุดท้ายพอปี 3 จะขึ้นปี 4 ครูบอกว่าเรียนไม่ได้เพราะสมองน้องไปไม่ได้ ก็เลยต้องดรอป

นักชกเหรียญทองในตำนานสุดกลั้นน้ำตา เผยว่า “เมียก็ป่วย ลูกก็เป็นยังงี้ แต่สุดท้ายผมคิดบวก สุดท้ายมันอาจจะดีก็ได้ ถ้ากำปั้นเป็นเด็กเหมือนธรรมดา อายุ 22 ป่านนี้กำปั้นดื่มเหล้า ขับรถซิ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์แว้น ดูดบุหรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ ผมอายุ 22 เหมือนเขาผ่านมาแล้ว แต่เขาอายุ 22 สมองเขาเป็นเด็กเขาอยู่กับพ่อกับแม่ รอพ่อเหมือนเด็ก เป็นเด็กดีร่าเริง อัธยาศัยดี ทุกคนรักเขาหมด”

“แสดงว่าสิ่งที่เป็นโชคร้ายสำหรับผม ก็เป็นโชคดีสำหรับผมส่วนหนึ่ง มันเป็นเรื่องราวที่เขาอาจจะกำหนดมา แต่สิ่งที่มันเจอเนี่ย อยู่ที่เราจะปรับมันยังไง เราจะอยู่กับมันยังไง อยู่กับครอบครัวที่เมียป่วย ลูกก็ได้เท่านี้ คิดไปแล้วได้อะไร เราคิดแง่บวกดีกว่า ถ้าเราคิดลบ ผมว่าชีวิตมันก็จะลบไปเรื่อยๆ เราก็จะท้อแท้ การงานที่เราทำก็ไม่มีสมาธิ เวลาไปทำงานต่างจังหวัดหรือเล่นละครถ้าคิดเรื่องครอบครัว เรื่องทุกข์จะทำงานไม่ได้”

‘สมจิตร’ บอกอีกว่า ผมจริงจังกับการทำงานปลูกฝังจากการเป็นนักมวย พอครอบครัวเป็นแบบนี้ เรารู้สึกว่าเราโอเค เราตัดเรื่องนี้เอาไว้ สุดท้ายเราก็จะมีเรื่องอื่นมาทดแทน ไม่เสียใจ ไม่เสียดายเลยที่เป็นแบบนี้ มีลูกสาวอีกคน ‘จันทร์เจ้า’ ที่เขาก็เก่ง คนนี้เก่ง

“สิ่งที่เราได้คือได้ลูกอยู่กับเรา กำปั้นเรียนไม่จบไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องของการเอาใบปริญญามาให้พ่อแล้วพ่อจะภูมิใจ แต่เราภูมิใจที่เขาเป็นคนที่รักครอบครัว ส่วนจันทร์เจ้า เก่งหลายเรื่อง หัวไว เรียนเก่งเลย ระดับท็อปๆ ของห้องเลย แต่ว่าขี้เกียจ ขี้เกียจทำความสะอาดห้อง แต่ทำไมมันเรียนได้ ยังงง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top