Sunday, 8 June 2025
ภูมิใจไทย

‘ศุภชัย’ ข้องใจ!! ขับ ‘รองอ๋อง-2 สส.คุกคาม’ 2 มาตรฐาน เตรียมยื่น กกต. สอบ หากพบผิดมีโทษถึง ‘ยุบพรรค’

(8 พ.ย. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ดำเนินการขับ 2 สส.พรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรค ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย การดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

“ผมจึงได้ยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ โดยขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดำเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นเอกสารประกอบ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หากพิจารณาจากคำแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ว่าให้นายปดิพัทธ์ ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลโดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 119 วงเล็บใด มีการดำเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรค ก้าวไกลอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้ เรียก นายปดิพัทธ์ มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

“หากยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดำเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรค ก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่า นายปดิพัทธ์ ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้มีการดําเนินการตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลและกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิดหรือ แสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้วหาจําต้องมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่

“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายปดิพัทธ์ ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอท่านได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

‘ชูวิทย์’ รอด!! กกต.ยกคำร้อง ปมรณรงค์ ‘ไม่เลือกพรรคกัญชา’  ชี้!! เป็นการวิจารณ์นโยบาย - แจกของไม่ได้เจาะจงผู้มีสิทธิ

(7 ธ.ค.66) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.สั่งยกคำร้องในคดีที่พรรคภูมิใจไทย ร้องว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 (1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจะเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด จากกรณีเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. 2566 แล้ววันที่ 21 มี.ค.66 ที่ซอยละลายทรัพย์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ได้จัดกิจกรรมรณรงค์และมีการแถลงข่าว พร้อมแจกเสื้อ เข็มกลัด สติ๊กเกอร์ ‘ไม่เลือกพรรคบ้ากัญชา’ ‘ยกเลิกกัญชาเสรี’ แก่ประชาชน

โดย กกต.เห็นว่า การที่นายชูวิทย์จัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อแสดงความคิดเห็นของตนและวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย ประกอบกับจากการตรวจสอบวิดีโอคลิป เอกสารการถอดข้อความการแถลงข่าวประกอบคำร้อง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในขณะที่นายชูวิทย์ดำเนินกิจกรรมรณรงค์ได้แจกเสื้อยืดคอกลม เข็มกลัด และสติ๊กเกอร์ ให้กับบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรมโดยพูดจูงใจให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใดแต่อย่างใด

โดยนายชูวิทย์แจกสิ่งของดังกล่าวให้กับประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องแจกสิ่งของให้กับเฉพาะประชาชนที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น การกระทำดังกล่าวของนายชูวิทย์จึงไม่เข้าข่าย หรือมีลักษณะเป็นการจัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ประกอบกับไม่ปรากฏว่า นายชูวิทย์เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือผู้ช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองใด รวมทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่น ที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่านายชูวิทย์กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 (1)

‘อนุทิน’ ย้ำจุดยืน ‘ภท.’ คงเดิม ไม่แตะ 112 หากนิรโทษกรรมสอดไส้แก้มาตรานี้ เลิกคุยกัน

(13 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เสนอแนะให้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในนามพรรคร่วมรัฐบาล ว่า “พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่แตะ ม.112”

เมื่อถามว่า คดีทุจริตที่เกิดขึ้นในช่วงมีความวุ่นวายทางการเมืองจะนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เดี๋ยวรอว่าจะมีการหารือในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่จุดยืนภูมิใจไทยเหมือนเดิมคือเราไม่มีปัญหากับมาตรา 112 ในปัจจุบัน เมื่อถามย้ำว่า คดีความต่างๆ สามารถพูดคุยกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอหารือกันก่อน ต้องดูว่าแก้ ม.112 หรือไม่ ถ้าแก้ก็ไม่ได้”

เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ที่เสนอตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อศึกษาก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้” 

เมื่อถามอีกว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมจนรัฐบาลมีปัญหา กังวลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ๊ยนานไปแล้ว จำไม่ได้ ตอนนั้นผมยังไม่เข้าการเมืองเลยมั๊ง เอาปัจจุบันดีกว่า”

'อนุทิน' โวย!! ถูกหักหลัง ทำกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน ยัน!! ถูกดึงกลับบัญชียาเสพติด ไม่กระทบ 'ภท.'

(9 พ.ค. 67) ที่ จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขต้องไปหาข้อมูลมา เพราะที่ผ่านมาการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดหรือพ้นจากการเป็นยาเสพติด เป็นการประกาศโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติชุดใหญ่ แต่ก่อนที่จะมาถึงตรงนั้น ก็มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานอยู่ ซึ่งตอนที่ปลดกัญชาก็มีความชัดเจนว่าเหตุใดถึงปลดได้ แต่ปัญหาของมันตอนนี้ คือ ‘กฎหมายไม่มี’ เราเคยเสนอกฎหมายเข้าไป ผ่านวาระแรกแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ผ่านวาระสอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองไม่ใช่เรื่องของเหตุผล

ดังนั้น เราต้องยืนยันเจตนารมณ์​ต่อไปว่ามันพิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ ไม่ใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก และนโยบายต่าง ๆ ก็ต้องมีข้อมูลมาสนับสนุน ตรงนี้ไม่กังวลและที่ผ่านมาก็อยู่ในนโยบายรัฐบาล ที่แถลงต่อรัฐสภาจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติ วันนี้ตนย้ายมากระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็เป็นคณะกรรมการด้วย เราก็ต้องให้ข้อมูลในส่วนของเรา ส่วนจากมติจะออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกฏหมาย

เมื่อถามว่า ต้องมีการเยียวยาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนที่เราประกาศให้กัญชา ออกจากยาเสพติด นักโทษ 6-7 พันคน ได้รับการปล่อยตัวทันที บางทีเขารักษาตัว บางทีพวกเขาเป็นแพทย์ประจำบ้าน แพทย์แผนโบราณ ถูกตัดสินจำคุก เขาก็ได้รับการปล่อยตัว

“ส่วนตัวไม่ได้บอกว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าวันนี้มีข้อมูลใหม่มา กัญชาอันตรายเป็นยาเสพติดแน่นอน ถ้ามีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ผมต้องรับฟังและพิจารณา แต่ในปัจจุบันเราก็ต้องรอข้อมูลเหล่านั้นมาก่อน วันนี้ที่ยังปลูก 6 ต้นได้หรือพวกที่เอามาทำเป็นสินค้าเขาแค่จดแจ้งหรือทำรายงานว่า เขาจะเอาไปขาย วันนี้เราจะทำอย่างไรถ้าเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจะต้องมีบทเฉพาะกาลคุ้มครองคนเหล่านี้หรือไม่ จะต้องมีการดูทุกอย่าง” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่าเป็นเหมือนโครงการเรือธงของพรรคภูมิใจไทย จะกระทบอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ในขณะที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ ให้เราเข้าไปกำกับกระทรวงสาธารณสุข เราก็เดินหน้าตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ทุกอย่าง มีการปลดกัญชาจากยาเสพติดเรียบร้อย แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้ พรรคภูมิใจไทย เสียงไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราต้องให้รัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่เราต้องให้ข้อมูลว่าเหตุใดกัญชาจึงมีประโยชน์มากกว่าโทษ เราให้ข้อมูลเข้าไปเต็มที่ ก็โหวตกันในที่ประชุม ผลออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับ เราจะยืนยันไปโดยที่ไม่รู้ว่าเขามีข้อมูลอย่างไรก็คงไม่ได้ ตอนนี้เราไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เราจะยืนยันในข้อมูลที่เรามี หากใครมีข้อมูลที่ดีกว่าก็มาหักล้าง

“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูลตอนที่ทำให้ปรับจากยาเสพติด เรามีข้อมูลอย่างไรบ้างตรงนี้เป็นข้อมูลของผม เป็นเหตุผลที่เราเห็นว่าทำแล้วมีประโยชน์ทางการแพทย์ ขึ้นบัญชียาหลักของชาติ แต่ถ้าบอกเป็นยาเสพติด ก็ต้องมานั่งถามกันว่า จะเอาขึ้นเป็นบัญชียาได้หรือไม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าข้อมูล” นายอนุทินระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบฐานเสียงพรรคภูมิใจหรือไม่ เพราะเขาอาจจะเลือกพรรคเพราะนโยบายนี้ นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้เสียงเราไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่ตอนที่เรากำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราก็ทำทุกอย่างเช่นเดียวกับกฎหมายที่เราส่งเข้าสภา แต่เราก็ถูกหักหลัง คนที่รับโทษก็คือประชาชนไม่ใช่ พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ไม่ได้ดูกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เราต้องให้เกียรติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันที่จะต้องไปดำเนินการ

นายอนุทินยังกล่าวถึงร้านกัญชาที่ชาวต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของจำนวนมาก ว่า ต้องถูกจับ คนที่จะเปิดร้านกัญชาได้ต้องอยู่ภายใต้ประกาศของสาธารณสุข กฎระเบียบ มีหมดอยู่แล้วถ้าเราทำตามกฎระเบียบจะไม่มีปัญหา

'เพื่อไทย' ซื้อเวลาให้ 'อุ๊งอิ๊ง' ส่วน 'ภท.' เมากัญชารอบ 2 กองทัพอนุรักษ์นิยม ยอม 'พท.-ทักษิณ' ไว้ยันอำนาจสีส้ม

"...ผลเสี่ยงทาย ของกิน 7 สิ่ง ของ พระโคพอ พระโคเพียง ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 2567 ปีนี้ พระโคกินน้ำ หญ้า เหล้า ขณะที่พระยาแรกนาเสี่ยงทายผ้านุ่ง ได้ผ้า 5 คืบ ทำนายว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี..."

'เล็ก เลียบด่วน' นำผลเสี่ยงทายในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมาบันทึกไว้ เพื่อเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรไทย...มิได้มีเจตนาแขวะประเด็นพระโคไม่กินข้าว ไม่กินข้าวโพด แต่ประการใดไม่...ขอบอก!!

สุดสัปดาห์นี้ ขอจับชีพจรพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลและขอวิเคราะห์ทำนายเสี่ยงทาย ไฮไลต์ที่น่าสนใจ...พอเป็นสังเขป จากพรรคเล็กไปถึงพรรคใหญ่

- พรรคประชาชาติ: ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค, นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรค และร่มเงาใหญ่อย่างท่านวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จะยังเดินหน้าเป็น 'เพื่อไทย' สาขาด้ามขวานได้เป็นอย่างดี ภายใต้เงื่อนไขคนชื่อ 'ทักษิณ' อย่าโผล่ไปสะกิดแผลกรือเซะ, ตากใบ เป็นอันขาด...

- พรรคชาติไทยพัฒนา: วราวุธ ศิลปะอาชา 'ลูกท็อป' ยังโชว์ฟอร์ม รมต.พม. ได้ดีพอประมาณ แต่การพัฒนาขยายพรรคยังไม่เข้มแข็งพอ ทราบมาว่าตอนนี้ 'เดอะท็อป' กำลังจะเปลี่ยนม้าศึกในศึกเลือกตั้งนายกฯ อบจ. เดือน ก.พ. 2568 เป็นคนใหม่ ว่ากันว่านี่น่าจะเป็นรอยปริรอยร้าว ณ ดินแดนบรรหารบุรี ที่ไม่ควรมองข้ามความปลอดภัย...

- พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.): เมื่อกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจาก รมช.คลัง ด้วยเหตุ 'ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้' ก็ต้องเปลี่ยนตัว รมต.เป็นคนใหม่ แต่น่าจะตำแหน่งใหม่ไม่ใช่ รมช.คลัง และไม่ใช่ รมช.อุตสาหกรรม อย่างที่สื่อบางค่ายพยายามพูดชี้นำ ส่วนความเป็นเอกภาพปึกแผ่นของพรรค 'เลขาขิง' รับประกันว่ายังปึ้ก...อยากรู้ละเอียดเพิ่มรีบไปฟังบทสัมภาษณ์เลขาขิงโดยสื่ออาวุโส 'สำราญ รอดเพชร' ในเพจของพรรคได้เลย...

- พรรคพลังประชารัฐ: สั้น ๆ ได้ใจความยามนี้...ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ถือดุลอำนาจเหนือพี่น้อง สองป. คือ ป.ป้อม ป.ป๊อด แต่ก็อยู่กันไปแบบให้เกียรติกัน...มือปั่นข่าวว่า ป.ป้อมจะเป็นนายกฯ ก็ยังปั่นต่อไปดีกว่าอยู่เปล่า ๆ...555

- พรรคภูมิใจไทย: เป็นพรรคที่นับว่าน่าสงสารที่สุดในยามนี้ เพราะต้อง 'กลืนเลือด' อึก ๆ กรณีกัญชา...ที่พรรคเพื่อไทยจะเอาไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม เพราะแรงกดดันจากสังคมและพี่น้องชาวอีสานที่คับแค้นเรื่องยาเสพติดอย่างกัญชา รวมทั้งนโยบายยาบ้า 5 เม็ด...จากนี้ไปเรื่องกัญชาจะกลายเป็นแผลเป็นสำหรับภูมิใจไทย ยกธงขาวก็เสียฟอร์มเสียหาย ไปต่อก็เรือหาย...เลือกตั้งรอบหน้าจะขายอะไร...จะขายนโยบาย อสม. เพื่อไทยก็เอาไปหมดแล้ว...อ้าว!! รอดู 14 พ.ค. เลขาพรรค ไชยชนก ชิดชอบ จะมาปล่อยของ!!

- พรรคเพื่อไทย: จะว่าไปพรรคนี้น่าจะเละตุ้มเป๊ะที่สุด ตั้งแต่ปรับ ครม. / แบ่งงานรัฐมนตรี วงแตกแยกวงกันวุ่นวาย วันก่อนจัดงาน '10 เดือนไม่ต้องรอทำต่อให้เต็ม 10' อุ๊งอิ๊งลูกสาวนายห้างก็ทำระเบิดใส่พรรคขณะโชว์วิสัยทัศน์ ว่า "ความเป็นอิสระของแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ..." และที่วุ่นวายไม่จบหักลบกลบหนี้แล้วมีแนวโน้มจะขาดทุนป่นปี้ก็คือ กรณีข้าว 10 ปีที่ 'สหายใหญ่' ภูมิธรรม เวชยชัย พาใครต่อใครไปกินข้าวโชว์เมื่อวันก่อน...

นั่นยังไม่นับ...บทบาทของนักโทษชายที่อยู่ระหว่างการพักโทษอย่าง 'ทักษิณ ชินวัตร' ที่เคลื่อนไหวรัว ๆ ในหลายเรื่อง ส่งแรงกระเพื่อมเชิงลบไม่จบสิ้น ซึ่งขออนุญาตไม่พูด ณ ที่นี้..

อย่างก็ตามพรรคเพื่อไทยและทักษิณคงประเมินแล้วว่า ตราบใดดุลอำนาจ-สมการการเมือง ยังเป็นอย่างนี้ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังต้องใช้บริการเพื่อไทยเพื่อยันกับอำนาจสีส้ม หนักนิดเบาหน่อย ก็คงจะปล่อยให้เพื่อไทย-ทักษิณ ตอนนี้กำลังเร่งบ่มแก๊สอุ๊งอิ๊ง ให้สุกงอม เป็นนายกฯ ได้ทันปี 2570

จบข่าว

‘อนุทิน’ นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม เยือนจังหวัดชายแดนใต้ ส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาปลายด้ามขวานสู่พื้นที่ปลอดภัย-สงบสุข

(12 มิ.ย.67) ที่ TK Park ยะลา (อุทยานการเรียนรู้ยะลา) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิมและผู้บริหารระดับสูง ร่วมกิจกรรมเสริมความเข้าใจและสานสัมพันธ์คณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิมประจำปี 2567 โดยมีคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม (The Organization of Islamic Cooperation : OIC) 12 ประเทศ เข้าร่วม 

ทั้งนี้ นายอนุทินและคณะทูตได้รับฟังการนำเสนอการขับเคลื่อนงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยพันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นมีการแลกเปลี่ยนเสวนาประเด็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ทางนโยบายของผู้เข้าร่วมกิจกรรม

จากนั้นนายอนุทินได้นำคณะทูตเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOP ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ ผ้าบาติกที่ได้รับการพัฒนาตามพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และ ‘Sustainable Fashion’ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

นายอนุทิน กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีนโยบายในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านสุขภาพ การขนส่งทางอากาศ การสื่อสาร การศึกษา และการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศในการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาครวมถึงจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งการได้แลกเปลี่ยนกับคณะทูตจากประเทศ OIC จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบายของนายกฯ และรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการร่วมเป็นหุ้นส่วนของประเทศไทยในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความปลอดภัยและความสันติสุข 

สำหรับคณะทูต OIC ที่เข้าร่วมกิจกรรม ครั้งนี้ ประกอบด้วย H.E. Mr. Pengiran Haji Sahari Pengiran Haji Salleh เอกอัครราชทูตบรูไน, H.E. Mrs. Hala Youssef Ahmed Ragab เอกอัครราชทูตอียิปต์, H.E. Mr. Nassereddin Heidari เอกอัครราชทูตอิหร่าน, Mr. Bong Yik Jui อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย, Ms. Aishath Shiruma Ahmed อุปทูต สถานีอัครทูตมัลดีฟส์, Dr. Mohammed Idris Haidara อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตไนจีเรีย, Mr. Fuad Adriansyah รองหัวหน้าสำนักงานเอกอัครราชทูตอินโดนีเชีย และ Mr. Nuriddin Mamatkulov รองหัวหน้าสำนักงานสถานกงสุลใหญ่อุซเบกิสถาน 

‘อนุทิน’ แท็กทีมลูกพรรค สวมใส่เสื้อ ‘สีเหลือง’ ร่วมใจแสดงความจงรักภักดี ขณะประชุมสภาฯ

(19 มิ.ย.67) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ โดยมีนาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธาน สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งหายจากอาการป่วยโควิด-19 เป็นวันแรก ได้นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำทีมรัฐมนตรี และสส.พรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมประชุม ซึ่งจะใส่ในวันพิจารณางบประมาณ 2 วันคือวันที่ 19 และวันที่ 21 มิ.ย.นี้ 

‘อนุทิน’ ปัด!! สว.หน้าใหม่ เชื่อมโยงภูมิใจไทย ลั่น!! ถึงวันนี้ยังไม่รู้เลย ว่าเขาเลือกกันอย่างไร

(28 มิ.ย.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีมีการตั้งข้อสังเกตถึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ได้รับเลือกหลายคนมีความเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย ว่า มันเชื่อมโยงไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองยุ่งเรื่อง สว.ได้หรือไม่ มีการพูดให้ร้ายตนอยู่เรื่อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมีข่าวเช่นนี้ออกมามองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า จะให้ตนทำอย่างไร ความจริงคือความจริง ตนเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกหนังสือถึงสองครั้งห้ามยุ่งเรื่องนี้ ตนทำหน้าที่ของตนไปหมดแล้ว ใครจะมาโยงก็โยงไม่ได้ แล้วถึงวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าเขาเลือกกันอย่างไร เคยให้ที่ปรึกษามาอธิบายว่าเลือกกันอย่างไร จนถึงวันนี้ยังไม่เข้าใจ

เมื่อถามว่า เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ ที่มี สว.เกี่ยวโยงกับ จ.บุรีรัมย์ จำนวนมาก นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างไรต้องไปดูวิธีการ ระบบเป็นอย่างไร และเท่าที่ตรวจสอบทุกคนที่เข้ามาก็เข้ามาตามระบบ เรื่องเลือก สว.ตนยุ่งเกี่ยวอย่างเดียวคือ ให้กลไกของกระทรวงมหาดไทย ในการคัดเลือกรอบแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส ซึ่งต้องชื่นชมนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดีกรมการปกครอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตนยุ่งเกี่ยวแค่เข้าไปบอกว่าให้ทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เป็นไปตามไทม์ไลน์ ไม่ให้มีเรื่องร้องเรียน ตนชื่นชมนายอำเภอ ชื่นชม กกต. ตอนนี้พูดได้อย่างเดียวคือต้องแสดงความยินดีกับว่าที่ สว.

เมื่อถามอีกว่า เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยจะต้องชี้แจงอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยชี้แจงไม่ได้ พรรคภูมิใจไทยไม่เกี่ยวข้องอะไรสักอย่าง

เมื่อถามย้ำว่า มีการเชื่อมโยงกับผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว.ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่ชิดชอบ และเกี่ยวข้องกับการทำงานของนายอนุทินด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า ตนรู้จักไม่เกิน 20 - 30 คน อย่าง พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ตนรู้จักตอนเรียน วปอ.61 ส่วนที่มีการระบุว่าเป็น สว.สายสีน้ำเงิน นั้น พูดไปเถอะ พูดอะไรก็พูดไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับตนล่ะ ขอย้ำว่า พล.อ.เกรียงไกร คือเพื่อน ส่วนที่ พล.อ.เกรียงไกร มีชื่อจะเป็นประธานวุฒิสภานั้น ตนเป็น ส.ส. เป็นพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวกัน สว.ชุดเดิมตนก็มีเพื่อน ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เยอะแยะ แล้วทำอะไรได้บ้าง และเพิ่งทราบตอนที่ พล.อ.เกรียงไกร มาลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ไปสมัคร สว.

เมื่อถามว่า ได้ให้กำลังใจอะไรกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "เพื่อนก็คือเพื่อน แต่ตนจะไปยุ่งเกี่ยวอะไรได้ เขาก็ไปสมัคร สว.ที่สุราษฎร์ธานี แต่เมียผมอยู่ระนอง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สว.หลายคนมีความสนิทสนมกับนายอนุทิน จนวิเคราะห์ว่ามีการวางหมากไว้ นายอนุทิน ปฏิเสธว่า ขนาดพี่สาวของนายเนวิน ชิดชอบ ยังตกรอบเลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยุ่งเกี่ยว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีชื่อคนขับรถของ นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เป็น สว. นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่รู้จักคนขับรถของปู่ชัย คนไหนตนยังไม่รู้จักเลย ย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่า เขาวิจารณ์เป็น สว.สายสีน้ำเงิน นายอนุทิน ร้องหึ พร้อมระบุว่า พูดอะไรก็พูดอยู่เรื่อย พูดกันไปเถอะ แล้วจะเกี่ยวอะไรกับตน

‘น้ำเงินรวมส้ม’ ส่ง ‘อนุทิน’ ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ หลากห้องไลน์ประสานเสียงสวนฉับ “เพ้อ!!”

“ดีลพลิกฝ่ายอนุรักษ์ตื่น ขืนรบดะทั้งส้ม-แดง มีแต่เจ๊งลูกเดียว จับตาอนุทินขึ้นแป้นนายกฯ !!!

สภาพดีลใหญ่พลิก และมีทีท่าว่าฝ่ายอนุรักษ์ไม่สามารถประสาน หรือเดินคู่ไปกับพรรคเพื่อไทยได้อีกแล้ว

ให้จับตาดูเศรษฐาถูกสอยวันที่ 10 กรกฎาคม จากนั้นดันอนุทินขึ้นเป็นนายกฯ จับมือก้าวไกล ฟื้นประชาธิปไตย ฟื้นเศรษฐกิจและความสุจริตในการปกครองประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้งนิรโทษกรรมทุกฝ่ายเดินหน้าประเทศไทย..”

คัดลอกให้อ่านเต็ม ๆ ทั้งดุ้นจากเฟซบุ๊กของ ‘PaIsal Puechmongkol’ หรือ ‘ไพศาล พืชมงคล’ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ระดับบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘กูรู’ โพสต์อย่างนี้มีหรือจะรอดจากสายตาสื่อมวลชนยุคดิจิทัล ฉกไปลงข่าวพาดหัวกันแบบง่ายดายแทบทุกสำนัก...ยอดวิวกระฉอกกระฉูดไปตาม ๆ กัน..แค่เห็นหัวข่าว ‘คดีพลิก’ / ‘พลิกดีล’ / ‘น้ำเงินจับมือส้ม’ ฯลฯ ก็ทำเอาตาวาวแล้ว…

ไพศาลนั้นเป็นนักกฎหมาย เจ้าของสำนักธรรมนิติ เป็นคอลัมนิสต์ 2-3 นามปากกาดัง ไม่เสียมารยาทมากก็เปิดนามปากกา ‘สิริอัญญา’ สักชื่อหนึ่งเพราะเป็นที่รู้ ๆ กันทั่วไป และยังเป็นอุปนายกของสภาวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทยจีน เป็นคนที่รอบรู้เรื่องจีนแบบทะลุกำแพงเมืองจีน

ในทางการเมืองหลังสุดเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกฯ ที่ชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก่อนหน้านั้นเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2549-2551 ในช่วงก.ย. 2549 ตอน ‘บิ๊กบัง’ ทำรัฐประหาร 19 ก.ย. เคยถูกเรียกไปช่วยเขียนแถลงการณ์อยู่หลายฉบับ…

การวิเคราะห์กึ่งฟันธงของไพศาลเรื่องอนุทินจะได้ขึ้นนายกฯ เศรษฐาจะถูกสอยร่วง ฝ่ายอนุรักษ์จะเลิกใช้บริการพรรคเพื่อไทยแล้ว...อนาคตภูมิใจไทยจะจับมือกับก้าวไกล หนุนอนุทินเป็นนายกฯ นั้น ‘เล็ก เลียบด่วน’ เห็นว่าไพศาลจับประเด็นได้โดนใจ แต่ในส่วนของความเป็นไปได้ ต้องขอฟันธงกลับว่า...ยากส์ส์ส์ส์...จะไม่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ในสมัยหน้าและอาจตลอดไป ตราบใดที่พรรคส้มยังไม่สลัดหลุดจากภาพลักษณ์ล้มเจ้า...

แค่นี้ทำไมกูรูไพศาลถึงไม่ตงิดในเรื่องนี้?

ในฐานะเป็นคนวิเคราะห์ข่าวเล็ก ๆ คนหนึ่ง รู้ดีว่าการคาดหมายในสิ่งที่จะเป็นจริง ๆ กับที่เราอยากจะให้เป็นนั้น บางครั้งมันแยกกันยากมาก...พักหลังกูรูไพศาลยึดในสิ่งที่อยากจะให้เป็นมากไปหน่อยเลยผิดพลาดบ่อยครั้ง…

กรณีนี้ครั้งนี้ในห้องไลน์กลุ่มสำคัญหลายห้องเขาพาดพิงกูรูไพศาลว่า “เพ้อ” ไม่มีใครช่วยแก้ให้เลย..!!

สรุป ‘เล็ก เลียบด่วน’ ก็เคยวิเคราะห์ว่าฝ่ายอนุรักษ์ที่ผูกติดดีลกับเพื่อไทยนั้นเหนื่อยรากเลือด...แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไปผูกพรรคส้มที่มีภาพลักษณ์ล้มเจ้า…ดุลอำนาจพรรคสีน้ำเงินตอนนี้สูงมาก แต่อนุทินมีโอกาสในอนาคต โดยไม่ต้องใช้บริการพรรคส้ม…

ขอแถมท้าย…ส่วนเรื่อง สว.สีน้ำเงินนั้น ข่าวล่าสุดระบุว่าจะประกาศรับรองผลสัปดาห์หน้า ให้ไปรายงานตัววันที่ 7 ก.ค. ว่าที่ประธานวุฒิสภา หรือประมุขสภาสูงคนใหม่ ขอขานชื่อแปะไว้ตรงนี้ เต็งหนึ่ง ชื่อมงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง/อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เคยเป็นนกต่อสู้ หลบภัยไปอยู่กับ พคท. ช่วงสั้น ๆ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519

ส่วน เต็งสอง ชื่อพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตผช.ผบ.ทบ.

‘อนุทิน’ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น คดี ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ลั่น!! ไม่ควรก้าวล่วงศาล เชื่อ!! ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

(6 ส.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคม มองเรื่องนี้อย่างไรเพราะมีทั้งคดียุบพรรคก้าวไกลและคดีของนายกฯ ว่า เรื่องที่เกี่ยวกับศาล คำพิพากษา เราต้องไม่ให้ความเห็นอะไรเลย เพราะพูดไปพูดมาเดี๋ยวจะไปก้าวล่วง อันนี้วุ่นเลย ละเมิดอำนาจของศาล มันไม่ได้ 

เมื่อถามว่าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความเป็นห่วงที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้เชิญทูต 18 ประเทศมาร่วมสังเกตการณ์ จะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ โดยนายอนุทินร้อง “อู๊ยย อย่าไปถามอย่างนั้น ทูตเชิญท่านมั้ง ไม่ใช่ท่านเชิญทูต”

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่านายพิธาได้เชิญทูตมาจับตาคดียุบพรรค นายอนุทินกล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ ถ้ามาได้ เหมือนสมัยก่อนที่มีการเชิญทูต มาที่สถานีตำรวจเพื่อสังเกตการณ์ ตนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็มีทูตไป  ตนว่าดีเสียอีก จะได้เกิดความมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอน มีความยุติธรรม 

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ จะทำให้ถูกมองว่าต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “แหม แค่คนมาจ้องแค่นี้ แล้วบอกว่าแทรกแซง ก็คงไม่ใช่”

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าเดี๋ยวจะเหมือนสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง นายอนุทินกล่าวว่า “จำไม่ได้ เกิดไม่ทัน”

ส่วนกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความพยายามจะดึง สส.พรรคก้าวไกลไปร่วมพรรค นายอนุทินกล่าวว่า “ก็ไม่ใช่พรรคตน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top