Monday, 9 June 2025
พิมรี่พาย

‘พิมรี่พาย’ จัดโปรฯ ขาย ‘น้ำปลาร้า’ 15 นาที ได้ 3 แสนขวด ปัดตอบคำถามดรามา ลั่น!! “เล่าแน่ แต่จะเล่าในชั้นศาล”

(7 ก.ค. 66) จากกรณี ‘คุณกบ’ เจ้าของโรงงานน้ำปลาร้า ออกมาร้องสื่อ ระบุถูก ‘พิมรี่พาย พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์’ แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง สั่งผลิตน้ำปลาร้า จนต้องกู้เงินมาสร้างโรงงานเพื่อรองรับการผลิตน้ำปลาร้า แต่สุดท้ายพิมรี่พายไม่รับของ มูลค่าความเสียหายนับ 10 ล้านบาท ทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกวัน ขณะที่พิมรี่พายไลฟ์สดโต้ ยกเลิกเพราะคู่กรณีผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐานเอง

หลังจากเกิดกระแสดรามา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ‘พิมรี่พาย’ ได้ไลฟ์สดขายน้ำปลาร้า โดยระบุว่า โปรโมชันดรามาซึ่งเป็นราคาพิเศษ และเธอลั่นไว้ว่า…

“ขาดทุนก็ให้ขาดไป เพราะราคานี้เป็นโปรโมชันดรามา”

ซึ่งผ่านไปไม่ถึง 1 นาที ยอดขายถล่มทลายขายได้ 5 หมื่นขวด และขายไปได้ไม่ถึง 15 นาที ยอดขายทะลุ 3.5 แสนขวด และเธอได้หยุดการขาย พร้อมถอนสายบัวขอบคุณลูกค้า

ทั้งนี้ พิมรี่พาย ระบุในไลฟ์สดว่า “ทุนไม่ใช่ 13 บาท เพราะว่าไม่ได้ทำ และไม่ทำ ถ้าไม่ได้คุณภาพ มาตรฐานที่แบรนด์ตั้งไว้ ด้วยความเป็นแบรนด์ของแม่อิพิม ที่ขายตั้งแต่ปี 2564 ปีนี้เข้าปีที่ 3 ความเป็นแบรนด์แม่อีพิม สี กลิ่น เนื้อ รส ความเข้มข้น ต้องเป๊ะ”

หลังจากจบการขายน้ำปลาร้าไปแล้ว เธอก็ไลฟ์ขายของต่อ โดยระบุว่า “ขายก่อน เดี๋ยวค่อยพูด”

ทั้งนี้ แม้จะขายของไปจำนวนมากแล้ว แต่ยังไม่ชี้แจงประเด็นดังกล่าว ทำให้คนเข้ามาถามเธอจำนวนมากในประเด็นดรามาดังกล่าว จนเธอพูดว่า “กูเล่าแน่ แต่จะเล่าในชั้นศาล ไปแล้วบ๊ายบาย” ก่อนจะปิดไลฟ์ไป

อดีต ผจก.โรงงานน้ำปลาร้า เผยข้อมูลอีกด้าน 'พิมรี่พาย' ชี้!! 'ได้เงินตลอด-ไม่โดนเบี้ยว' แต่คุณภาพไม่ได้ ไม่ให้ผ่าน

(9 ก.ค. 66) ฟังอีกมุม อดีตผจก.โรงงานน้ำปลาร้า ลั่นอย่าโบ้ยความผิดให้ ‘พิมรี่พาย’ เผยได้เงินตลอด-ไม่โดนเบี้ยว ชี้หากสินค้าไม่มีคุณภาพ เขาจะขายออกสู่ตลาดได้อย่างไร

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์ในการผลิตและขายน้ำปลาร้า พร้อมระบุข้อความว่า “ผมก็โดนพิมรี่พายเทน้ำปลาร้าเหมือนกัน #ปลาร้าพิมรี่พาย”

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.66 นายเต้ย อายุ 24 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว และอดีตผจก.โรงงานน้ำปลาร้า เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า ตนเคยเป็นผู้จัดการโรงงานผลิตน้ำปลาร้าแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นทางโรงงานเหลือกำลังในการผลิต จึงเสนอขายน้ำปลาร้าให้แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง นั่นคือ ‘พิมรี่พาย’ โดยติดต่อพูดคุยกับแม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวและทีมงานโดยตรง เพื่อร่วมชิมรสชาติน้ำปลาร้า ก่อนตัดสินใจว่าได้หรือไม่ได้ ซึ่งมีการเสนอขายกันอยู่หลายครั้ง จนสามารถจบออร์เดอร์ได้ 26 ล้าน แล้วบริษัทก็ผลิตน้ำปลาร้าและจัดส่งให้แม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวเรื่อยมา ซึ่งพิมรี่พายจะสุ่มเช็กคุณภาพของน้ำปลาร้าตลอด จนช่วงหลังๆ พิมรี่พายเริ่มรู้สึกว่ารสชาติน้ำปลาร้าไม่เหมือนเดิม จึงสั่งเบรกการผลิตไว้ก่อน และเรียกตนไปพบ มีทีมงานของพิมรี่พายกว่า 10 คนที่จะมาเช็กคุณภาพและได้ปรับสูตรใหม่อยู่ 7 วัน ซึ่งพิมรี่พายย้ำว่า “ต้องคงสูตรนี้ไว้ให้ได้ตลอด” และการผลิตก็ดำเนินต่อไป ซึ่งยอมรับว่ากว่าจะได้ออเดอร์ของพิมรี่พายนั้น ไม่ง่ายเลย

นายเต้ย กล่าวว่า ส่วนเรื่องมาตรฐานน้ำปลาร้านั้น พิมรี่พายจะให้โจทย์มาแล้วให้เราผลิตตามความต้องการ เพราะมาตรฐานน้ำปลาร้าของเขาสูงมาก เนื่องจากพิมรี่พายอยากได้ปริมาณเนื้อเยอะๆ แต่ในตอนนั้นเครื่องจักรที่โรงงานมีอยู่ เพื่อเอาไว้กรองเศษทางกายภาพออกให้หมด เนื่องจากจะต้องส่งออกไปยัง EU และอเมริกา จึงอาจจะไม่สามารถทำได้ตรงตามที่พิมรี่พายขอเป๊ะๆ แต่จะพยายามทำให้เต็มที่ เนื่องจากหากต้องปรับเครื่องจักร หรือลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เลยก็เป็นมูลค่าหลายสิบล้าน

นายเต้ย เล่าว่า โดยปกติสินค้าเวลามีปัญหา เราต้องเอากลับมาจัดการแก้ไขเอง เพราะมาตรฐานเราไม่ตรงตามมาตรฐานของเขา เนื่องจากสินค้าน้ำปลาร้ามาตรฐานต้องแน่น ทั้งนี้ทางโรงงานก็ประเมินว่าหากลูกค้ามีมาตรฐานแบบนี้ แล้วทางโรงงานไม่สามารถทำให้ได้จริงๆ ทางโรงงานจะไม่ตะบี้ตะบันเอาออเดอร์และไม่เดินไปต่อ

นายเต้ย กล่าวอีกว่า ส่วนที่ตนเขียนข้อความในคลิปว่า “โดนพิมรี่พายเทน้ำปลาร้าเหมือนกัน” นั้น จริงๆ ตนแค่เขียนเพื่อให้คนเข้ามาฟังเหตุผลให้จบ และยืนยันว่าไม่ได้ถูกเท แต่เป็นการถูก reject เนื่องจากสินค้าไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ และเมื่อตนไปตรวจสอบก็พบว่ามีเนื้อปลาร้าน้อยจริงๆ ซึ่งในส่วนนี้ทางโรงงานก็ยอมรับได้ อีกทั้งตลอดการทำการค้าขายกับพิมรี่พายเองก็ได้เงินตลอด ไม่มีการขาดทุนจากพิมรี่พาย ขณะที่อีกโรงงานหนึ่งตนเชื่อว่าเติบโตจนมีโรงงานขนาด 30-40 ล้าน เพราะออเดอร์จากพิมรี่พายด้วยซ้ำ

สำหรับเคสเรื่องเงินที่เป็นประเด็นร้อนว่ามีการติดกันจริงไหม โดยปกติที่ทำธุรกิจกับพิมรี่พายนั้น ทางเขาจะจ่ายเงินเป็นงวด และบริษัทจะไม่มีการปล่อยเครดิตเกิน ถ้าเขาไม่จ่ายก็จะติดต่อในส่วนของฝ่ายบัญชี ยอมรับว่าทางเขามีการจ่ายเงินช้าบ้าง โดยชี้แจงเป็นเหตุผลต่างๆ ซึ่งถ้าจ่ายเงินช้า ทางบริษัทจะแก้ปัญหาด้วยการบริหารจัดการของบริษัท

นายเต้ย กล่าวอีกว่า ยืนยันไม่ได้เข้าข้างใคร แต่พูดในมุมมองที่ได้เจอมา อยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่าก่อนจะตัดสินใคร ให้รอฟังให้รอบด้านก่อน ตนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุใดพิมรี่พายไม่ออกมาพูดหรือชี้แจง แต่พี่กบออกมาพูดแล้ว ตนเองรู้ด้วยว่าสุดท้ายแล้วคดีจะชนะด้วยเหตุผลอะไร แต่ตนพูดไม่ได้ เพราะเป็นคนนอก แต่ในฐานะคนที่เคยทำงานอยู่ตรงนั้นแบบเต็มตัว มองในมุมการค้าขาย สุดท้ายแล้วลูกค้าต้องอยากได้สินค้าที่มีคุณภาพไปขาย ถ้าหากได้สินค้าไม่มีคุณภาพ เขาจะขายออกสู่ตลาดได้อย่างไร แล้วหากเราผลิตสินค้าไม่คุณภาพจะไปต่อกับเขาได้อย่างไร ตนจึงไม่อยากให้โบ้ยไปทางพิมรี่พาย และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไว้ใจคู่ค้ามากเกินไป เพราะสุดท้ายคนเสียหายคือเราเอง

‘เอม ตามใจตุ๊ด’ เพื่อนสนิท ‘พิมรี่พาย’ โดนจี้ถามดรามาน้ำปลาร้า ตอกกลับชาวเน็ตกลางไลฟ์สด ลั่น!! “อิพิมโกง สบายใจยัง?”

(11 ก.ค. 66) กระแสดรามาร้อนแรงโซเชียลปมน้ำปลาร้า ‘เจ๊กบ’ กับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ‘พิมรี่พาย’ นอกจากกระแสรุมเร้า พิมรี่พาย เองโดนถล่มโดนจี้ถามรัวๆแล้ว บานปลายหนักไปถึงเพื่อนสนิทของพิมรี่พาย อย่างยูทูบเบอร์อินฟลูเอนเซอร์ดัง ‘เอม วิทวัส’ หรือ ‘เอม ตามใจตุ๊ด’

โดยชาวเน็ตเข้าไปแห่ถามถึงเรื่องพิมรี่พาย ขณะ เอม กำลังไลฟ์ขายของใน Tiktok ทำเอา เอม ก็ถึงกับตอบกลางไลฟ์ตามใจชาวเน็ตที่อยากฟังว่า “เอาตามที่พี่อยากฟังเลยนะ พร้อมยัง จริงพี่ อิพิมมันโกงแน่เลยเนอะ ว่าแล้วคนอย่างมันเนี่ย” พร้อมถามว่า “โอเคมั้ย สบายใจยัง สบายใจทุกคนแล้วนะ โอเคนะ จบ สบายใจให้พูดแบบนี้ใช่มั้ย โอเคสบายใจแล้ว”

แต่ยังมีคนเข้ามาบอกว่า “ใจเย็นพี่ เพื่อนพี่นะเบาๆ” เจ้าตัวถึงกับลั่นว่า “เห็นมั้ยก็ยังมีคนที่ไม่รู้เรื่องอีก” และยังมีคนถามอีกว่า “พี่พิมโกงจริงเหรอครับ” ทำเอาเอมถึงกับอุทาน “เห้ย ไปกันใหญ่แล้ว Tiktok”

เอม ยังบอกว่า “มีคนถามว่ารู้สึกยังไงกับพี่พิมเรื่องน้ำปลาร้า ก็เลยพูดไปว่าอยากได้ยินอะไรจากปากกู พวกมึงจะได้สบายใจ กูเลยพูดว่าใช่อิพิมโกงใช่ไหมพวกเรา คนก็มาถึง พี่เอมนั่นเพื่อนพี่นะใจเย็นๆหน่อย กูก็หาาา”

อยู่ทีมใคร อยู่ทีมพิมใช่มั้ย ไปให้กำลังใจ พิม อยู่ทีมป้ากบ ไปให้กำลังใจป้ากบ อยู่ทีมพี่หนุ่มใช่มั้ย ไปให้กำลังใจพี่หนุ่ม แค่นั้น อย่ามาถามกู สรุปโกงใช่มั้ย เป็นอะไร ถ้าอยู่ทีมกูก็อยู่กับกูไม่ต้องยุ่งกับใคร

ไปถามอิพิมพอมันด่าก็ไปตั้งสเตตัสด่ามัน ไปถามป้ากบ ป้ากบพูดไม่เข้าหูหน่อยก็ไปตั้งสเตตัสด่าป้ากบ ไปดูหนุ่ม กรรชัย โหนกระแส พอหนุ่ม กรรชัย พูดไม่ตรงใจก็ทัวร์ไปลงหนุ่ม ไปเรื่อยเปื่อย

คิดว่าอิพิมโกงก็ไปร่วมกันฟ้องกับป้ากบ คิดว่าอิพิมไม่ได้โกงก็ไปให้กำลังใจมัน ไม่ต้องงง ไม่ต้องมาถามกู ถามอิจ๊ะเลย เรื่องนี้ที่ไม่ออกความเห็นเพราะออกความเห็นไม่ได้ เรื่องของใครก็เรื่องของท่านแค่นั้นเอง เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ย เรื่องของกูยังไม่รอดเลย”

‘พิมรี่พาย’ สติหลุดกลางไลฟ์ ‘ทุ่มสินค้า-วีนพนง.-หยิบน้ำมันราดหน้า’ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเป็นห่วง-ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม

(3 ต.ค. 66) กลายเป็นกระแสดรามาสนั่น แม่ค้าออนไลน์เบอร์ต้น ‘พิมรี่พาย’ หลังจากเมื่อคืนไลฟ์ขายแป้ง แล้วเหมือนหลุดฟิวส์ขาดสติแตกวีนกลางไลฟ์ ขว้างปาข้าวของพังกระจาย ตะโกนดังลั่นตำหนิการทำงานพลาดของลูกน้องใส่รหัสสินค้าผิด อาทิ มึงพลาดได้ไง ไอ้…… มึงแก้ยัง แก้หรือยัง มึงเอารุ่นดีๆ ขึ้นมา เอาออกไป ทำไมมมมมมม…….. ก่อนจะลบไลฟ์ดังกล่าวทิ้ง

จากนั้นไลฟ์ใหม่แต่ยังมีพฤติกรรมที่หลายคนมองว่าแปลกไปอีก ทั้งเอาลิปสติกมาเขียนที่ฟัน เอาแป้งมาทาที่ฟันด้วยแบบไม่สนความสวยกันแล้ว หรือเอาน้ำมันราดที่หน้าทดสอบแป้งกันไปเลย

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเป็นห่วงทั้งไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม อาทิ เข้าใจเลยค่ะ เงินหายไปเท่าไหร่ เขาเหนื่อยนะ จากคนขายออนไลน์เหมือนกันค่ะ, เสียดายของแตกหมดล่ะมั้งบ่ได้ขายพอดี, อะไรจะขนาดนั้น, เขาจริงจังกับการขายวันนี้มากๆ จริงๆ ค่ะ ต้องไปดูไลฟ์เต็มเลยอาจจะทำโมโหมาก 1 นาที คนกดหลายออเดอร์มากๆ วันนี้, แล้วเอาของที่หล่นส่งให้ลูกค้าไหมคะ มันจะแตกไหม แค่สงสัย, ช่วงขาลง/ก็จะเรียกเรตติ้ง เป็นธรรมดา เป็นต้น

ชาวเน็ตชำแหละพฤิตกรรม ‘พิมรี่พาย’ ชี้ ติดในบ่วงของ ‘อีโก้’ ขั้นวิกฤต เผย จุดที่น่ากลัวที่สุดของ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ คือจุดที่ใครก็เตือนไม่ได้

เมื่อไม่นานนี้ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นอย่างมากจากกรณีที่ ‘พิมรี่พาย’ แม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดัง เกิดอาการคล้ายคนสติหลุด และโวยวายใส่พนักงานกลางไลฟ์สดขณะที่กำลังทำการขายสินค้าอยู่

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต็อกท่านหนึ่งชื่อ ‘gikgok999’ ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น รวมถึงได้วิเคราะห์พฤติกรรมของพิมรี่พายเบื้องต้น โดยระบุว่า…

‘พิมรี่พาย’ หลงเข้าไปอยู่ในจุดที่น่ากลัวที่สุด สําหรับการเป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์’ นั่นคือ ‘การมีอีโก้’

จากกรณีที่พิมรี่พายเกิดอาการคล้ายคนสติหลุดกลางไลฟ์สด และโวยวายใส่พนักงาน ทุ่มสินค้าเพื่อระบายอารมณ์ นำลิปสติกมาเขียนฟัน หรือใช้น้ำมันมาราดที่ใบหน้า เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสินค้าที่กำลังจะขาย โดยต้นเหตุคาดว่า อาจมาจากการที่ลูกน้องขึ้นรหัสสินค้าผิดตามที่ปรากฏในข่าว

จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นดูผิดปกติจากมนุษย์ทั่วไป หากลองวิเคราะห์เชิงมนุษยศาสตร์ดูแล้ว คุณพิมรี่พายกำลังหลงใหลในอีโก้ ตัวตน และชื่อเสียงที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นมา ในช่วงก่อนหน้านี้ ผู้คนอาจจะนิยมชมชอบในตัวของเขา และสังคมต้องการคนแบบพิมรี่พายที่คอยมอบความบันเทิงให้ อีกทั้งยังเป็นนักธุรกิจที่ทำการค้าขายจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา ทำรายได้ให้ตัวเองได้มากกว่าร้อยล้านพันล้านบาท นอกจากนี้ยังนำไปแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้ สร้างกิจกรรมดีๆ คืนกำไรให้สังคมอย่างมากมาย นี่คือ ‘พิมรี่พาย’ คนเดิมที่เรารู้จัก

แต่ตอนนี้เธอกําลังทําให้ตัวเองถูกด้อยค่า ไม่มีใครสามารถมาลดทอนคุณค่าในตัวเธอได้ นอกจากตัวเธอเอง ไม่ว่าจะเป็นการเอาลิปสติกมาทาฟัน เอาน้ำมันพืชมาเทราดหน้า หรือการกรีดร้อง ด่าทอลูกค้าเสียๆ หายๆ การตัดพ้อและทําลายข้าวของผ่านไลฟ์สด ซึ่งในจุดนี้ หากเธอมั่นใจว่าตัวเองมีดีจริงๆ เธอจะไม่ล้ม แต่เธอล้ม และเธอเองก็รู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทําลงไปนั้น ส่งผลให้เสียฐานแฟนคลับไปเป็นจำนวนมากในช่วงทึ่ผ่านมา จนในหลายๆ ครั้ง ก็อาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกข้องใจ หรืออึดอัดใจแก่ผู้ชมไลฟ์ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมาว่า พิมรี่พายยังไหวไหม? เขามีปัญหาอะไรในชีวิตหรือไม่? หรือเงินทุนกำลังจะหมด? หรือเสียความนิยมเหรอ ถึงต้องลงทุนทำขนาดนี้เพื่อให้เป็นกระแส

สิ่งที่พิมรี่พายควรทํา คือต้องปรับตัวตามยุคสมัย ต้องลดความแรงลง ทั้งในแง่ของการกระทำ อากัปกิริยา และคำพูดที่ใช้ ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และควรปรับเปลี่ยนรูปแบบคอนเทนต์ให้มุ่งเน้นไปในทางให้บริการชุมชน ทำคุณประโยชน์แก่สังคม แบ่งปันสิ่งที่มีให้ผู้คนเมื่อคุณมีมากพอจนเหลือกินเหลือใช้

ที่คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียงได้ดั่งเช่นทุกวันนี้ นั่นเป็นเพราะมวลชนให้การสนับสนุนคุณมาตลอด คุณควรตระหนักถึงสิทธิพิเศษที่มวลชนมอบให้ ฐานเสียงแฟนคลับ ยอดผู้ชมไลฟ์ ยอดผู้ติดตามคอนเทนต์ ผู้คนให้ความนับถือคุณ คุณไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรู้จัก มีชื่อเสียง นั่นคือสิ่งที่มวลชนให้สิทธิพิเศษแก่คุณมา มันจึงเป็นสิทธิที่มวลชนจะวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเห็นว่าคุณทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมเช่นกัน ในเมื่อคุณไม่สามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว คุณก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมมากขึ้น รับผิดชอบด้วยการนําเสนอในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับมวลชนและสังคม

ความบันเทิงแบบหยาบคายในช่วงก่อนหน้านี้ที่ผู้คนชื่นชอบ ณ ขณะนี้อาจเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนอาจตระหนักได้ว่า พวกเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากการนั่งดูพิมรี่พายขายของผ่านไลฟ์สด โดยพูดจาหยาบคาย และแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงแค่พิมรี่พายที่ได้ผลประโยชน์ เพราะเขารวยขึ้นๆ อย่างเดียว

ยังไม่นับเรื่องดรามา หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนเป็นกระแสในโลกโซเชียล เช่น ดรามาน้ำปลาร้า ที่ไปรังแกคนทำธุรกิจที่ตัวเล็กกว่า โดยลืมไปว่าตัวเองนั้นก็เคยตัวเล็กมาก่อน

ยกตัวอย่างเช่นอินฟลูเอนเซอร์บางคน เมื่อได้ดีแล้วก็ไม่เคยลืมจุดเริ่มต้นที่เคยยืน ไม่ลืมสิทธิพิเศษอันมีค่าที่มวลชนมอบให้ และเติบโตได้อย่างมั่นคง จนสามารถกลับมาช่วยเหลือคนตัวเล็กได้ และส่งต่อน้ำใจในการแบ่งปันนี้ต่อไปเรื่อยๆ

สิ่งนี้ถือเป็น ‘การจัดการภาวะวิกฤต’ (Crisis management) เป็นการแก้วิกฤต Branding ซึ่งภาพลักษณ์ของพิมรี่พายทั้งในด้านธุรกิจและการวางตัวนั้น ในขณะนี้ต้องขอบอกว่า ‘ป่นปี้’ หมดแล้ว ด้วยการกระทำของตัวเธอเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top