Sunday, 8 June 2025
พัทยา

ไฟไหม้ คอนโดหรู 31 ชั้น นทท.แตกตื่น หนีตาย ก่อนจะคุมเพลิงไว้ได้ พบสาเหตุ เพลิงไหม้ มาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ชั้น 11

(16 มี.ค.67) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คอนโดหรู ริมถนนพัทยาสายสอง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบส่งนักดับเพลิง รถดับเพลิง 3 คัน รถกระเช้า 1 คัน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมือง พัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาบริเวณระเบียงชั้นที่ 11 ทำให้ผู้ที่พักอยู่ในคอนโด รวมถึงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในละแวกดังกล่าว ต่างพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงขึ้นไปใช้น้ำฉีดสกัดกั้นเพลิง เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ตั้งอยู่บริเวณนอกระเบียง ชั้น 11 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ

แม่บ้านของคอนโด เล่าว่า ภายในห้องดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัย โดยต้นเหตุเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกระเบียง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งจะประสานตำรวจกองวิทยาการเข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เพิ่มเติมต่อไป

‘นทท.จีน’ ลงทุน!! เหมาเครื่องบินมา ‘ไทย’ จองเล่นน้ำสงกรานต์ที่พัทยา กว่า 3,000 คน

(12 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ผ่านมามีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวจีนเหมาลำเครื่องบินมาเล่นน้ำสงกรานต์เมืองพัทยาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีการจองตั๋วมาเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อมาเล่นน้ำสงกรานต์ โดยมีการจองเล่นน้ำที่พัทยา วอเตอร์ สเปช (PATTAYA WATER SPACE) หรือ ‘สวนน้ำมหาสงกรานต์’ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่กว่า 3,000 คน 

โดยพัทยา วอเตอร์ สเปช สร้างขึ้นในเนื้อที่กว่า 114 ไร่ เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้เล่นสาดน้ำสงกรานต์ตลอดทั้งปีแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีแสดงโชว์ศิลปวัฒธรรมประเพณีไทย ผสมผสาน กับแนวดนตรีสมัยใหม่ ประกอบกับแสงสีเสียง สุดยิ่งใหญ่อลังการตระการตา โดยใช้นักแสดงกว่า 300 ชีวิต ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน

จากการสอบถามนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่มาเที่ยวเล่าว่า หลังจากที่ประเทศไทยมีการเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทย โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งช่วงสงกรานต์ปีนี้มีชาวจีนจำนวนมากจองตั๋วเครื่องบินมาเที่ยวประเทศไทย และต้องการมาเที่ยวเมืองพัทยา เพื่อมาเล่นน้ำสงกรานต์และชมการแสดงโชว์ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ พัทยา วอเตอร์ สเปช ซึ่งมีการแสดงโชว์และมีสถานที่ให้มีการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างกว้างขวาง

สำหรับ พัทยา วอเตอร์ สเปช หรือ ‘สวนน้ำมหาสงกรานต์’ เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยผู้สร้างต้องการสืบสานความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของประเพณีสงกรานต์ของประเทศไทย หลัง ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนให้ประเพณีสงกรานต์ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลก ที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติและการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมเพณีของไทย รวมถึงการแสดงของตัวสำคัญ ๆ ในวรรณคดีโบราณ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการมาได้ประมาณ 1 เดือน ปรากฎว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ให้ความสนใจ แห่มาเล่นสาดน้ำและชมการแสดงจำนวนมาก สร้างความสุขประทับใจที่ได้มีโอกาสมาสัมผัส การเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของไทยไปทั่วโลก

นอกจากนี้ ตลอดเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนของมหาสงกรานต์ ทาง พัทยา วอเตอร์ สเปช ได้เปิดให้คนไทยเข้าฟรี ตลอดทั้งเดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยจะเปิดให้บริกานตั้งแต่เวลา 17.00 น.ถึงเวลา 22.00 น. ของทุกวัน  นอกจากนี้ ยังมีการเปิดโซน บูธขายอาหารเจ้าดังจากทุกภาคของประเทศไทย กว่า 150 ร้านค้า มาคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ท่าเรือสำราญพัทยา ‘แหลมบาลีฮาย’ พร้อมเป็นต้นทาง เรือสำราญระดับโลก เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ในการท่องเที่ยวอ่าวไทย เปิดรับ นทท.กระเป๋าหนัก

เมื่อวานนี้ (26 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การพัฒนาท่าเรือสำราญพัทยา แหลมบาลีฮาย เพื่อใช้เป็นต้นทางเปิดรับ เรือสำราญระดับโลก โดยได้ระบุว่า ...

วันนี้เอาการแผนการพัฒนาการเดินทาง ทางน้ำ ที่น่าสนใจ และเป็นอีกโอกาสในการสร้างรายได้ในการรับนักท่องเที่ยวรายได้สูงเข้าประเทศ คือการก่อสร้างท่าเรือสำราญ ในเขตอ่าวไทยตอนบน 

โดยโครงการได้มีการศึกษาและเปรียบเทียบในหลายที่ แล้วมาลงตัวที่ แหลมบาลีฮาย พัทยา 
เพื่อสร้างเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) และท่าเรือจอดพัก (Port of Call) ของเรือสำราญระดับโลก ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในไทย ซึ่งมีเรือได้เริ่มเข้ามาทำเส้นทางเดินเรือประจำ บ้างแล้ว

ซึ่งปัจจุบัน ใช้อาคารท่าเรือสำราญของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งก็ไม่ตอบรับกับความต้องการของสายเรือสำราญ และนักท่องเที่ยว ซึ่งควรจะเป็นท่าเรือที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว

เรามาทำความเข้าใจรูปแบบ การใช้งานของท่าเรือสำราญกันก่อน
1. ท่าเรือต้นทาง (Home Port) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของสายเรือนั้นๆ ในการออกเดินทางสู่ปลายทาง หรือไปเที่ยวในจุดต่างๆ และกลับมาส่งผู้โดยสารที่เดิม
ซึ่งท่าเรือเหล่านี้ จะมีกิจกรรมเช่น 
- การพักคอยการเดินทางของผู้โดยสาร
- การเปลี่ยนกะของเจ้าหน้าที่ในเรือ
- การเติมหรือเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่จะไปให้บริการบนเรือ
ตัวอย่างเช่น ท่าเรือสิงคโปร์ และท่าเรือแหลมฉบัง 

2. ท่าเรือจอดพัก (Port of Call) ซึ่งเป็นการจอดแวะพัก เพื่อให้ผู้โดยสารลงไปเดินท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่างๆ และเปลี่ยนอิริยาบถ จากการนั่งเรือ
ซึ่งท่าเรือเหล่านี้ จะมีกิจกรรมเช่น
- การจัดทัวร์ระยะสั้นรับนักท่องเที่ยว
- รับนักท่องเที่ยว ของ ร้านอาหาร และบาร์ท้องถิ่น
โดยแบ่งท่าเรือเป็น 2 กลุ่มคือ 
- มีท่าเทียบเรือ (ลงจากเรือขึ้นบกได้โดยตรง)
- ท่าทอดสมอระยะไกล (ต้องนั่งเรือเล็กเข้าฝั่งอีกที) ซึ่งในกรณีนี้ ผู้โดยสารจมบางส่วนจะไม่ลงไปเพราะเสียเวลา และกลับขึ้นเรือยาก
ตัวอย่างเช่น สมุย, พัทยา, ภูเก็ต และฟูก๊วก (เวียดนาม)

ซึ่งท่าเรือพัทยา จะถูกออกแบบให้เป็นผสม (Hybrid) เป็นทั้ง Home Port และ Port of Call เพื่อให้พัทยาได้ประโยชน์สูงสุด 

โดยจากที่ปรึกษา ได้สรุปพื้นที่เป็นบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีความเหมาะสมเนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และหลากหลาย ดึงดูดให้มีผู้โดยสารมาใช้ท่าเรือสำราญ 

ซึ่งมีการออกแบบรองรับ ท่าเรือทั้ง 2 แบบ แบ่งเป็น
- ท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน 
- ท่าเรือแวะพัก (Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500-4,000 คน

จากการศึกษาคาดการณ์จำนวนเที่ยวเรือ
ในปี 2570 ประมาณ 60 เที่ยวต่อปี และเพิ่มเป็น 100 เที่ยวในอีก 10 ปี (ปี 2580) 
โดยคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากการดำเนินงานท่าเทียบเรือ 73% (3,730 ล้านบาท ) ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจอดเรือ ค่าธรรมเนียมผ่านท่า
รายได้จากการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ 27% (1,390 ล้านบาท) ได้แก่ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าที่จอดรถ ค่าเช่าที่จอดเรือเฟอร์รี และสปีดโบ๊ต

รูปแบบการก่อสร้าง
เป็นท่าเรือใหม่ห่างจากชายฝั่งลงไปในทะเลประมาณ 1 กม. เพื่อลดการเวนคืน และยังสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ ที่ความลึกร่องน้ำประมาณ 12-14 เมตร 
รองรับเรือสำราญขนาดระวางบรรทุก 236,000 ตันกรอส ได้พร้อมกัน 2 ลำ ความยาวท่าเทียบเรือรวม 420 เมตร 

ส่วนอาคารผู้โดยสาร รองรับได้ 3,500-4,000 คน/เที่ยว 
สิ่งอำนวยความสะดวก
- โถงพักคอย 
- จุดตรวจความปลอดภัย 
- จุดเช็กอินรับบัตรโดยสาร 60 ช่อง 
- จุดตรวจคนเข้าเมือง 26 ช่อง 
- จุดฝากสัมภาระ 
- อาคารและลานจอด รองรับรถยนต์ได้ 132 คัน และรถบัส 82 คัน

มูลค่าการลงทุน
เบื้องต้นประมาณการค่าลงทุนรวม 7,412 ล้านบาท แบ่งเป็น 
1. ค่าลงทุน 5,934 ล้านบาท 
- ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนอกชายฝั่ง 4,315 ล้านบาท 
- ท่าเทียบเรือ อาคารผู้โดยสาร 2,881 ล้านบาท 
- สะพานเชื่อมท่าเรือ 675 ล้านบาท 
- ลานจอดรถ 567 ล้านบาท 
- ท่าเรือโดยสาร และเรือเร็ว 192 ล้านบาท
- ค่าอุปกรณ์ 400 ล้านบาท 
- ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 608 ล้านบาท 
- ถนนยกระดับ 1611 ล้านบาท 

2.ค่าดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) 1,478 ล้านบาท

รูปแบบการลงทุน
เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) 
- ภาครัฐ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเทียบเรือ และทางเข้า มูลค่า 5,534.56 ล้านบาท (66%)
- เอกชนอาจ ลงทุนในส่วนของอาคารผู้โดยสาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มูลค่า 1,877.66 ล้านบาท (34%) เครื่องมือและอุปกรณ์และบริหาร 30 ปี
ซึ่งจากการศึกษา มีอัตราผลตอบแทน 20% ระยะเวลาคืนทุนเท่ากับ 10 ปี

ซึ่งจากแผนก็น่าจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อีกมหาศาล

เปิดข้อมูล ฟาดใส่ คนให้ร้าย ทำลายประเทศชาติ จากคลิป ‘กระxรี่อยู่ไหน’ ชี้ชัด!! ทหารสหรัฐฯ ตั้งใจมา ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพลิดเพลินกับซอฟต์พาวเวอร์

(28 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง’ ได้โพสต์ข้อความ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อชี้แจง กรณีมีผู้ที่เล่นสนุกด้วยความคึกคะนอง ไม่สนใจความเสียหายของประเทศไทย ทำคลิป  ‘กระxรี่อยู่ไหน’ ดูหมิ่นประเทศไทย โดยได้ให้ข้อมูลอีกมุม ระบุว่า ...

คนที่เล่นมุก " กระxรี่อยู่ไหน, Soft power พัทยา " หนูขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง

บนเรือรบสหรัฐมีทหารและเจ้าหน้าที่รวมกว่า 6,000 คน เป็นผู้หญิง 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 คน และ มีผู้หญิงไทย ที่ได้กรีนการ์ดเป็นทหารประจำการบนเรือด้วยค่ะ

เรือรบลำนี้ไม่ได้เทียบท่ามากว่า 4 เดือน ทำให้บางครอบครัวของทหาร บินมาไทยเพื่อหวังได้เจอหน้าทหาร ที่เป็นลูกหรือสามีตามแต่ละครอบครัว

ทหารส่วนใหญ่จึงตั้งใจมาพักผ่อน ท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับซอฟต์พาวเวอร์ทางวัฒนธรรมจริงๆ ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวที่เขารัก

ดังนั้น การจะเล่นมุกเพื่อความสนุกปากหรือความสะใจ ตีขลุมว่ามา6พันคนแล้วจะมาเที่ยวผู้หญิงอย่างเดียวมันเป็นการไม่ให้เกียรติทั้งคนของเขาและผู้หญิงไทยเองด้วยค่ะ

ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีทหารไปเที่ยวผู้หญิง แต่การชี้นำไปแต่เรื่องเหยียดเพศ เหยียดอาชีพ แบบนี้หนูว่ามันไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศชาติเลย

ถ้าไม่รักประเทศ ขอให้คิดถึง ผู้หญิงไทยที่ทำงานบนเรือด้วยค่ะ พวกเธอจะรู้สึกอย่างไรที่พยายามทำชื่อเสียงให้ประเทศ แต่คนในชาติบางคนพยายามเหยียบย่ำเธอให้จมดิน ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณภาพ Defense Info TH

ชาวโซเชียลชื่นชม ‘หนุ่มฝรั่งใจดี’ แจก ‘หมวกกันน็อค’ ฟรี เผย!! เคยมีปมประสบอุบัติเหตุ ‘ห่วงใยเด็ก-อยากทำเพื่อสังคม’ 

(1 พ.ค. 67) นับเป็นอีกหนึ่งไวรัลที่หลายคนพากันเข้าไปคอมเมนต์ ชื่นชมอย่างล้นหลามเลยก็ว่าได้ กับคลิปภาพ ที่ชายต่างชาติยื่นรอ รถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านมาและมีเด็กนั่ง เมื่อเห็นก็จะโบกเรียก มอบหมวกกันน็อคอย่างดีให้กับเด็ก สร้างความประทับใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองรวมถึงผู้ที่เข้ามารับชมคลิปดังกล่าวเป็นอย่างมาก 

โดยสมาชิกติ๊กต๊อก ชื่อ @savvyrickbrown มีผู้ติดตามกว่า 35,600 คน ได้โพสต์คลิปวีดีโอ พร้อมเขียนข้อความแปลไทยว่า หมวกกันน็อคหนึ่งใบปกป้องอนาคต #savvyrickbrown #แสดงความรัก #หมวกกันน็อค #พัทยา #ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่บริเวณชายหาดจอมเทียนพบกับ Mr. Savvy Rick Brown สัญชาติอเมริกา วัย 57 ปี เจ้าของแอคเคาท์ติ้กต้อก ได้มีการพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการจัดทำการแจกหมวกกันน็อคให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ พัทยา โดยเปิดเผยว่า ได้อยู่ในประเทศไทย มา 1 ปี 6 เดือน ใช้ชีวิตช่วงวัยเกษียณ ได้มีการแจกหมวกกันน็อคให้กับเด็กๆเป็นประจำ เพราะอยากให้เด็กได้รับความปลอดภัยจากการสัญจร ที่นั่งรถมากับผู้ปกครอง ที่ผ่านมามักจะเห็นเด็กไทย ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อค บางรายอาจจะขาดแคลนทุนทรัพย์ และความตั้งใจที่อยากจะทำเพื่อสังคม 

อีกทั้ง ยังได้เล่าย้อนไปในวัยเด็กว่า เคยผ่านการประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์ เพราะถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อค ทำให้ป่วยเป็นโรค PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) หรือ ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ ซึ่งก็เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรงที่ประสบด้วยตนเอง ซึ่งตัวเองก็ได้ต่อสู้กับโรคนี้ในช่วงวัยเด็กค่อนข้างที่จะหลายปี จนกลับมามีชีวิตที่ปกติอีกครั้ง กรณีที่เคยประสบกับเรื่องร้ายมาแล้วก็เรียกได้ว่าตัวเองค่อนข้างเข้าอกเข้าใจและห่วงใยเด็กๆ เป็นอย่างมาก จึงอยากจะทำเพื่อเด็กๆ และสังคม

ส่วนในการแจกหมวกกันน็อค และนำภาพมาลงโพสที่บัญชีแอปพลิเคชั่น Tik tok นั้น ตัวเองได้ลงมือทำสิ่งนี้ไปแล้วเป็นเวลากว่า 6 เดือน ด้วยการลงทุนเอง ส่วนคุณภาพของหมวกกันน็อคก็เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบความปลอดภัยมาแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับ และสนับสนุนอย่างดี จากชาวโซเชียลมีเดีย และจากบ้านเกิดที่สหรัฐฯ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมบริจาคหมวกกันน็อคสนับสนุนด้วยเช่นกัน ซึ่งตั้งเป้าหมาย อยากจะเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อแจกจ่ายหมวกกันน็อคให้ถึงกว่าล้านใบ ตนเองยินดีที่จะทำเพื่อสังคมไทย เพราะรัก และชื่นชอบประเทศไทย เพราะคนไทยมีปฏิสัมพันธ์ นิสัยที่ดีต่อกัน

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ขนน้ำจืด แจกจ่ายให้ปชช. เพื่อแก้วิกฤตภัยแล้ง ที่เกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

(15 มิ.ย.67) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรือหลวงราวี ให้การสนับสนุนส่งน้ำจืด จำนวน 200,000 ลิตรให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง

เนื่องจากฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน จนทำให้ประชาชนไม่มีน้ำใช้ และฝนที่ตกลงมา ก็ไม่ได้ไปตกในพื้นที่ เกาะล้าน 

โดยมี นางสาวสิริกร มหามิตร หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกาะล้าน เมืองพัทยา ข้าราชการ และประชาชน อำนวยความสะดวกในพื้นที่

‘บริษัททัวร์สัตว์เลี้ยงจีน’ เช่าเหมาลำพา 41 นักท่องเที่ยว พร้อม ‘น้องหมา’ เที่ยวพัทยา ชี้!! เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในกลุ่ม Dog Lover สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ

(15 มิ.ย.67) เว็บไซต์ ข่าวการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยแพร่ภาพพร้อมข่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับบริษัท Pet Travel ‘Ai Chong You’ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในกลุ่ม Dog Lover ระหว่างวันที่ 6 – 13 มิถุนายน 2567

โดยการนำคณะนักท่องเที่ยวจีนพร้อมสุนัขตัวโปรดเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) สายการบิน Juneyao Air โดยมีจำนวนผู้โดยสารประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 41 คน และสุนัขที่เดินทางมาพร้อมกับเจ้าของจำนวน 19 ตัว

เพื่อร่วมเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ-พัทยา อันนำไปสู่การเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง Pet-friendly destination ในอนาคต

โดย นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ในปัจจุบันคนจีนแต่งงาน และไม่นิยมมีบุตร แต่หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทดแทน โดยเฉพาะกลุ่ม Dog Lover

อ้างอิงข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พบว่า ชาวจีนจำนวนร้อยละ 70 นิยมเลี้ยงสุนัขเมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น นอกจากนี้เจ้าของยังให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยง เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว มีการพาออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการออกเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกัน

อีกทั้งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังการซื้อสูง ด้วยเหตุนี้ ททท. จึงร่วมมือกับ Pet Travel ‘Ai Chong You’ จัดกิจกรรมนำคณะนักท่องเที่ยวจีนพร้อมสุนัขตัวโปรดเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทยด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) สายการบิน Juneyao Air

เพื่อเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในกลุ่ม Dog Lover ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เนื่องจาก เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรก ด้วยการเช่าเหมาลำของคณะนักท่องเที่ยวจีน พร้อมสัตว์เลี้ยง รวมถึงเป็นครั้งแรกในการเดินทางมายังประเทศไทยอีกด้วย

โดย ททท. นำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ–พัทยา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ออกเดินทางเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยว และพาสุนัขตัวโปรดทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวชมวัดปากน้ำภาษีเจริญ พักผ่อนในบรรยากาศสบาย ๆ ณ Pet-friendly Cafe คาเฟ่ที่พร้อมต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้แก่น้องหมา

อาทิ Craft Cafe คาเฟ่หนึ่งเดียวในโรงแรม Kimpton Maa-lai, The Commons Thonglor เป็นคอมมูนิตี้สเปซสำหรับคนรักสัตว์, ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา, เกาะล้าน, สวนนงนุชพัทยา และแลนด์มาร์กแห่งใหม่บรรยากาศตลาดญี่ปุ่น Bangsaen Toshin (บางแสนโทชิน) เป็นต้น

นอกจากนี้ ททท. ยังได้ประสานความร่วมมือไปยังตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่คณะนักท่องเที่ยว ซึ่งภายหลังการจัดกิจกรรมได้รับเสียงตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากคณะผู้เข้าร่วมเดินทาง

ทั้งนี้ ททท. ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญและเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง Pet-friendly destination ในอนาคตต่อไป

‘เศรษฐา’ ลงพื้นที่ ‘วอคกิ้งสตรีท พัทยา’ ทักทาย ผู้ประกอบการ เน้น!! ให้ดูแลด้าน ‘ความปลอดภัย-ทรัพย์สิน’ ของนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.67) เวลา 20.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งรถโดยสารประจำทาง รอบเมืองพัทยา (รถสองแถว หมายเลข 224) เดินทางมายัง ถนนวอล์คกิ้งพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเยี่ยมชมเมือง และ บรรยากาศ ย่านสถาบันเทิงระดับโลก พร้อมกับ ทักทายนักท่องเที่ยว โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 และ หัวหน้าราชการต่างๆ ให้การต้อนรับ

สำหรับการเดินทาง ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการเดินทางมาส่วนตัว เพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศ สถานบันเทิง และ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองพัทยา ร่วมถึง ดูระบบ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเที่ยวเมืองพัทยา  ระหว่างลงพื้นที่เยี่ยมชม มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ชาวเกาหลี ต่างโบกมือทักทาย และ มีกลุ่มผู้ประกอบนำดอกไม้มาให้กำลังใจท่านนายกเศรษฐา อีกด้วย

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า  ซึ่งในวันนี้ นายกเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้มาพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อตรวจสอบเรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยว ตั้งแต่เช้า โดยไปลงพื้นที่เกาะล้าน สนามกีฬาฟุตบอล 20,000 ที่นั่ง จากนั้นก็ได้ร่วมงาน Pattaya International Pride Festival 2024 และได้ลงพื้นที่ดูการท่องเที่ยวภาคกลางคืน บริเวณถนนวอคกิ้งสตรีท พัทยา นายกเศรษฐาก็ได้ทักทาย ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงได้ดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวหลังจากการดื่มภายในสถานบันเทิง หลังจากที่เมืองพัทยาได้ขยายเวลาปิดเป็น 04.00 น. ทางเมืองพัทยาก็เข้มงวดในเรื่องการเมาแล้วขับ โดยมีการให้นั่งห้องสำหรับพักผ่อน ก่อนที่จะเดินทางกลับ ก็ดูภาพรวมการท่องเที่ยวและการเติม เฟสติวัลระดับใหญ่เข้ามาจัดในพื้นที่เมืองพัทยา และสิ่งที่นายกเศรษฐาให้ความสำคัญ คือการดูแลความปลอดภัยและทรัพย์ของนักท่องเที่ยว

‘ไทยรัฐ’ ออกแถลงขออภัย!! เหตุนำเสนอข่าวทำเมืองพัทยา ‘เสียภาพลักษณ์’ ยัน!! ไม่มีเจตนาลบหลู่ด้อยค่า เพียงแค่อยากนำเสนอมุมมองอีกด้าน

(12 ก.ค.67) จากกรณีที่มีสื่อใหญ่ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับภาพลักษณ์​เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกในประเด็นข่าว ‘พัทยาเมืองบาป แดนสวรรค์โสเภณี’ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขณะที่ชาวเน็ตเสียงแตกมีทั้งเห็นด้วยและคัดค้านการนำเสนอข่าวในประเด็น​ดังกล่าวนั้น

ล่าสุด ช่วงค่ำวานนี้ (11 ก.ค.67) กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในเมืองพัทยา ได้นัดหมายรวมตัวแสดงพลังปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของเมืองพัทยา ที่ปากทางเข้าโครงการถนนคนเดินพัทยาใต้ หรือโครงการวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้

โดยมี นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา นางอำพร แก้วแสง นายกสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา นายดีโอ้ ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี และนายสุขราช กาลรา ประธานชุมชนวอล์กกิ้งสตรีท เป็นแกนนำ

โดย นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา เผยว่า เมืองพัทยาไม่ได้มีแค่การท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถานบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความหลากหลายที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการขอวนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก 

"การนำเสนอข่าวว่าพัทยาเป็นเมืองบาป ทำให้อาชีพอื่น ๆ มีความน้อยเนื้อต่ำใจและไม่อยากให้เหยียดกันด้วยมุมมองเช่นนี้ พวกเราจึงอยากเรียกร้องให้สื่อดังกล่าวออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่นำเสนอข่าวทำร้ายเมืองพัทยา" นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา กล่าว

เช่นเดียวกับ นางอำพร แก้วแสง นายกสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า “เมืองพัทยาเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีผู้คนจำนวนมากเดินทางเข้ามาหางานทำ จนได้รายได้ มีอาชีพที่จะส่งเงินกลับไปให้ที่บ้านและเลี้ยงดูครอบครัว จึงไม่อยากให้ดูถูกอาชีพอื่นที่ทำรายได้ด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งผู้หญิงกลางคืนที่สร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล”

ด้าน นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวในทิศทาง​เดียวกันว่า “ผู้ประกอบการเมืองพัทยา ต้องการให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าว และมุมมองเกี่ยวกับเมืองพัทยาในเชิงสร้างสรรค์บ้าง เพื่อให้เมืองพัทยาเป็นเมืองแห่งโอกาสของผู้คนที่ต้องการมีงานทำอย่างถูกกฎหมาย”

“และขอให้สื่อเห็นใจว่าเรื่องดังกล่าวที่นำเสนอออกไปไม่ใช่มีเฉพาะแค่เมืองพัทยาเท่านั้น และหากมองอย่างเป็นธรรมจะเห็นว่าเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ก็มีเช่นกัน”

ขณะที่ล่าสุด ทางสำนักข่าวไทยรัฐได้ออกมาแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า…

แถลงการณ์ขออภัยชาวเมืองพัทยา

ไทยรัฐ ขออภัยชาวเมืองพัทยา ที่นำเสนอ สกู๊ปข่าวที่เกี่ยวกับอาชีพผู้ค้าบริการ และพาดหัวข่าวโดยใช้ถ้อยคำที่ส่งผลกระทบด้านลบ และทำให้เมืองพัทยาเสียภาพลักษณ์ ของความเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศและติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก

ไทยรัฐ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ด้อยค่าเมืองพัทยา และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการนำเสนอความจริงให้ปรากฎและเปิดมุมมองอีกด้านให้สังคมภายนอกได้เห็น โดยเฉพาะเสียงสะท้อนจากกลุ่มผู้ทำอาชีพค้าบริการ ซึ่งส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าควรยกเลิกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 เพื่อทำให้อาชีพนี้มีกฎหมายคุ้มครอง มีสวัสดิการดูแลจากภาครัฐ ตามสิทธิอันพึงมี ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียมกัน

ไทยรัฐ พร้อมที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่เมืองพัทยา
รวมถึงส่งเสริมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและธุรกิจ ทุกภาคส่วนของเมืองพัทยาต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจเยี่ยม สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ชื่นชมตำรวจในพื้นที่ทุกหน่วย แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยว

วันนี้ ( 23 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติแก่ข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และคณะ โดยมี พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ให้การต้อนรับ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การท่องเที่ยวนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ และเป็นรายได้หลัก ของประเทศ ซึ่งเมืองพัทยานับเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้นๆ ของชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ดังนั้น การดูแลความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจึงนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง มาตรการป้องกันเหตุและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติของสถานีตำรวจภูธรพัทยา ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และสถานีตำรวจท่องเที่ยวพัทยา แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ มีแผนปฏิบัติและรายละเอียดที่ชัดเจน จึงขอชื่นชมผู้เกี่ยวข้องทุกนาย 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การทำงานของตำรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีด้วยกัน 2 ประการ ประการแรก คือ การได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาชน และหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งจากการที่ได้เห็นความสัมพันธ์อันดี และการทำงานที่สอดประสานระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) และสถานีตำรวจภูธรพัทยา เชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรพัทยา สามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น ได้รับความร่วมมือที่ดี และตรงกับความต้องการของประชาชน และประการที่ 2 คือ ขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน “ขวัญ เป็นอำนาจรบ ที่ไม่มีตัวตน” หากผู้ปฏิบัติงานมีขวัญกำลังใจและสวัสดิการที่ดีก็จะส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ จึงเน้นย้ำผู้บังคับบัญชาทุกระดับดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว ให้มีขวัญกำลังใจที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี และขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายถือปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “เป็นองค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายในระดับมาตรฐานสากล ที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและสังคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top