Tuesday, 22 April 2025
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เน้นย้ำนโยบายรัฐบาล กำชับดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ได้เดินทางไปที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับมาตรการในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ตามมาตรการ ภูเก็ตโมเดล (PHUKET MODEL) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1. การจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวใน 3 ด้าน - ได้แก่ ความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวก, การปราบปรามชาวต่างชาติที่ทำผิดกฎหมาย และการควบคุมกิจกรรมเสี่ยงของนักท่องเที่ยว เพื่อใช้ในการป้องกันและบริหารจัดการเหตุการณ์ในพื้นที่

2. การแก้ไขปัญหาจราจร - ออกข้อบังคับห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่ (3 เพลาขึ้นไป) วิ่งในช่วงเวลาห้าม (เช้าและบ่าย) เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

3. การบังคับใช้กฎหมาย - ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ โดยมีการจับกุมคดีอาญามากกว่า 2,800 คดี และคดีจราจรกว่า 15,000 คดี พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติปฏิบัติตามกฎหมาย

ผบ.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ภูเก็ต ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี และเน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้เข้าประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้สั่งการให้ ผบช.ภ.8 จัดหาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของด่านตรวจท่าฉัตรไชย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ จ.ภูเก็ต ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และได้มอบเงินบำรุงขวัญให้ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อใช้ในการดูแลสวัสดิการของข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ดูแลสวัสดิการตำรวจ ตรวจความพร้อมยุทโธปกรณ์ พร้อมสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ, พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.พายัพ โสธรางกูล ผกก.สภ.นครชัยศรี พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.นครชัยศรี ให้การต้อนรับ

การตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี ในครั้งนี้ ผบ.ตร. ได้ตรวจเยี่ยมอาคารที่ทำการ สภาพความเป็นอยู่ ตลอดจนความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์และงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นได้รับฟังรายงานสรุปจากผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ และได้กำชับแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้

1. ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติหน้าที่ ส่งเสริมให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในทุกมิติ
3. เน้นการขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติราชการ ตร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ใน 4 แนวทางหลัก คือ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว, การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ, การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการดูแลสวัสดิการ ขวัญกำลังใจ ของข้าราชการตำรวจ
4.ให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เน้นผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี ผ่านแนวคิด Police’s Home
5. พัฒนากำลังพลให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต การปราบปรามอาชญากรรม และการจับกุมผู้ร้ายคดีสำคัญ ตลอดจนการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาของตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่ง ผบ.ตร. ได้กล่าวชมเชย ผบช.ภ.7 และข้าราชการตำรวจทุกระดับ ที่ได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในงบประมาณปี พ.ศ.2568 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอของบประมาณค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์สายตรวจเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่าสถานีตำรวจหลายแห่ง ประสบปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 กำชับการผลิตตำรวจรุ่นใหม่ต้องปลอดภัย มีมาตรฐาน และพร้อมรับมืออาชญากรรมในอนาคต

เมื่อวานนนี้ (28 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 (ศฝร.ภ.3) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมี พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3), พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นคราชสีมา และ พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ศฝร.ภ.3 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ศฝร.ภ.3 และนักเรียนนายสิบตำรวจ ให้การต้อนรับ

ผบ.ตร.ได้ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมยิงปืนพกของนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 14 และการฝึกอบรมภาควิชาการของนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 15 จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการฝึกอบรมหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจในปัจจุบัน ซึ่ง ผบก.ศฝร.ภ.3 ได้บรรยายปัญหาข้อขัดข้อง เช่น สภาพของอาคารที่พักและระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โดย ผบ.ตร.ได้รับทราบและได้สั่งการให้สำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ในการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ ดังนี้

1. ให้ความสำคัญกับการผลิตข้าราชการตำรวจให้เกิดแนวคิดที่ว่า ทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ สามารถพัฒนาได้อยู่เสมอ ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง (Learning By Doing) และการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เพื่อให้ข้าราชการตำรวจเมื่อจบการฝึกอบรมแล้ว จะแสวงหาการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพตำรวจ ด้วยตนเองอยู่เสมอ
2. เน้นย้ำให้การจัดฝึกอบรมทุกครั้งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ทั้งในเรื่องวิชาการ การฝึกทักษะทางยุทธวิธีตำรวจ การฝึกตามแบบฝึกตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฝึกอบรมกลางแจ้งในช่วงที่อุณหภูมิสูง จะต้องมีการควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
3. ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องสวัสดิการ ขวัญกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เพราะขวัญ คือ อำนาจรบที่ไม่มีตัวตน

ผบ.ตร.ได้กล่าวชมเชย และขอบคุณข้าราชการดำรวจในสังกัดศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ทุกนาย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในปฏิบัติหน้าที่อันมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการผลิตข้าราชการตำรวจที่จะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และยังมีภารกิจดำเนินการฝึกอบรมตามหลักสูตรพัฒนาประสิทธิภาพกำลังพลอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายให้ตำรวจไทยมีทักษะทางวิชาชีพ และพัฒนาศักยภาพให้พร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ในส่วนของสมาคมแม่บ้านตำรวจ คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยคุณฐาณิญา ผิวพรรณ , คุณชนาพร ไกรทอง กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมเปิดโครงการฝึกอบรมการเอาตัวรอดจากคนร้ายมีอาวุธในที่สาธารณะ (Active Shooter) ให้กับชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีคุณนัทษมน นัทธีศรี ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3  คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3 และข้าราชการตำรวจภูธรภาค 3  ร่วมการอบรม ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 อบรมโดยวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เพื่อให้สมาชิกแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจ มีความรู้ในหลักการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงชั้นวิกฤต  สถานการณ์เหตุกราดยิง ซึ่งเป็นภัยที่อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิดดังนั้น จึงต้องมีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด 

ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ลงพื้นที่ จ.นครพนม ตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจน้ำนครพนม และสถานีตำรวจภูธรธาตุพนม ให้กำลังใจ มอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว กำชับเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชน รับมืออุทกภัย

(1 ก.ย. 67) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจน้ำนครพนม (สถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ) โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม, พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผกก.10 บก.รน., พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม และ พ.ต.ต.นวพล ขวัญทอง สว.ส.รน.1 กก.10 บก.รน. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจน้ำนครพนม ให้การต้อนรับ

ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์โดยทั่วไปในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้อง และการดูแลสวัสดิการของข้าราชการตำรวจ จากนั้นได้มอบสิ่งของและเงินบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจน้ำนครพนม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

ต่อมาเวลา 12.00 น. ผบ.ตร.และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจและครอบครัว โดยมี พ.ต.อ.ภวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม และข้าราชการตำรวจ สภ.ธาตุพนม ให้การต้อนรับ ซึ่ง ผบ.ตร. และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มอบสิ่งของและเงินบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.ธาตุพนม อีกทั้งยังได้มอบเงินและสิ่งของช่วยเหลือให้กับข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.นครพนม ที่ต้องดูแลบุตรหลานซึ่งเป็นผู้พิการ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้ เน้นย้ำปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข , ให้ติดตามประเมินสถานการณ์ด้านอุทกภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดเตรียมกำลังพล การตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือที่ต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันท่วงที , เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่โดยแสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐและประชาชน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการป้องกันอาชญากรรม การปฏิบัติงานด้านการข่าว และความมั่นคงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เน้นผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี ผ่านแนวคิด Police’s Home พร้อมพัฒนากำลังพลให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้กล่าวชมเชย และขอบคุณข้าราชการดำรวจในสังกัด ภ.จว.นครพนม ทุกนาย ที่ได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

'ผบ.ตร.' เป็นประธาน มอบโล่เกียรติคุณด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ให้แก่หน่วยงาน, ตำรวจ และประชาชน ที่มีส่วนร่วมขับเคลื่อนงานด้านยาเสพติด

(17 ก.ย. 67) เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นประธานเป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณ

ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ให้แก่หน่วยงาน, ตำรวจ และประชาชนที่มีส่วนร่วมขับเคลื่อนงานด้านยาเสพติด ณ ห้องประชุมพรหมนอก ชั้น 2 บช.ปส. โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.นิรันดร์ เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ร่วมงาน ตามที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้วยการใช้หลัก “การลดความต้องการการใช้ยาเสพติด และลดปริมาณยาเสพติดรวมทั้งดำเนินการกับ ผู้ค้ายาเสพติด อย่างเด็ดขาด” ดังนั้น ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ และภาคประชาชน จึงต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเต็มกำลัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จึงมีนโยบายเน้นหนักด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทุกมิติอย่างเป็นระบบ และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบขับเคลื่อนการปฏิบัติ ด้านการป้องกันยาเสพติด ได้ดำเนินการนําผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาในสถานพยาบาล และการบำบัดด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน การเสริมสร้างให้ประชาชนและชุมชนเข้าใจ และรับรู้ปัญหายาเสพติดที่มีผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัวชุมชน ส่วนด้านการปราบปรามยาเสพติด ได้ดำเนินการจับผู้ค้ารายย่อยในชุมชน การขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ค้าทุกระดับ เพื่อทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด รวมทั้งการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ทหาร และที่สำคัญคือการได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ซึ่งทำให้มีผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับวันนี้ มีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ดีเด่น 12 รางวัล ได้แก่ ระดับ บช. ดีเด่นอันดับ 1 คือ ภ.4, ดีเด่นอันดับ 2 คือ ภ.8, ดีเด่นอันดับ 3 คือ ภ.1 / ระดับ บก. ดีเด่น อันดับ 1 คือ ภ.จว.นครศรีธรรมราชดีเด่นอันดับ 2 คือ ภ.จว.สมุทรปราการ, ดีเด่นอันดับ 2 คือ ภ.จว.กาฬสินธุ์/ ระดับ สน./สภ. สถานีตำรวจระดับใหญ่ ดีเด่น สภ.ชะอวด ภ.จว.นครศรีธรรมราช, สถานีตำรวจระดับกลาง (ผกก.) ดีเด่น สภ.ทองแสนขัน ภ.จว.อุตรดิตถ์, สถานีตำรวจระดับกลาง (สวญ.) ดีเด่น สภ.ห้วยไร่ ภ.จว.แพร่, สถานีตำรวจระดับเล็ก ดีเด่น สภ.หนองซอน ภ.จว.มหาสารคาม และ หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานด้านการสืบสวน (บก.สส. และกก.สส./กก.สายตรวจ) ได้แก่ บก.สส. ดีเด่น คือ บก.สส.ภ.5 และ กก.สส. ดีเด่น คือ กก.3 บก.สส.ภ.5  ในส่วนของรางวัลผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันยาเสพติด แบ่งเป็นกลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน และตำบลที่มีผลการปฏิบัติดีเด่นต้นแบบ ได้แก่ สภ.จัตุรัส ภ.จว.ชัยภูมิ, ระดับดีมาก ได้แก่ สภ.บางละมุง ภ.จว.ชลบุรี, สภ.วังสะพุง ภ.จว.เลย, สภ.หนองแค ภ.จว.สระบุรี และ ระดับดี ได้แก่ สภ.โคกโพธิ์ ภ.จว.ปัตตานี, สภ.ฝาง ภ.จว.เชียงใหม่, สน.ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร, สภ.บางสะพานน้อย ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์, สภ.หล่มสัก ภ.จว.เพชรบูรณ์ และ สภ.หลังสวน ภ.จว.ชุมพร รวม 22 รางวัล, กลุ่มที่ 2 ข้าราชการและบุคคลผู้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการฯ จำนวน 18 รางวัล รวมทั้งสิ้น 42 รางวัล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top