Wednesday, 23 April 2025
พลังงานไฟฟ้า

“บิ๊กตู่” ถกแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจ จับมือต่างชาตินำเข้าพลังงานไฟฟ้ารองรับภาคอุตสาหกรรม

ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า การประชุมวันนี้มีหลายเรื่องต้องมีการหารือกันบางประการ ว่าจะทำอย่างไรให้การปฏิบัติงานของเราเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งการลงทุนต่างๆที่มีปัญหามาโดยตลอดทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่อยากให้เป็นปัญหาต่อไปในอนาคต โดยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ ซึ่งผลประโยชน์ต้องตกกับประชาชนและประเทศชาติโดยตรงทั้งสิ้น 

 

“EA- MEA -JR” ยักษ์ใหญ่พลังงานไฟฟ้าผนึกกำลังร่วมพัฒนาโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV Smart Charging Station) เพิ่มความคล่องตัวการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าของไทย

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ส่ง บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด (EMN) บริษัทย่อย ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) โดย นายวิลาส   เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง และบมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) โดยคุณจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ร่วมลงนาม ใน "โครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า"(EV Smart Charging Station) เพื่อสนับสนุนความคล่องตัวให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ประเดิม 2 โครงการแรก พร้อมต่อยอดความร่วมมือยานยนต์ไฟฟ้าชนิดอื่น "สมโภชน์ อาหุนัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ตั้งเป้าผลิตยานยนต์ไร้มลพิษให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573

นาย สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด (EMN) ซึ่งบริษัทย่อย ของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับการไฟฟ้านครหลวง และบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR ในโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Smart Charging Station)

สำหรับวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า โดยส่งเสริมการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้มีความคล่องตัวสูงขึ้น จึงได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV Smart Charging Station) ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ไฟฟ้า  โดย กฟน. จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการขอใช้ไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า และ JR จะเป็นผู้วางแผนและดำเนินโครงการด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทร่วมกับ EMN

เหตุผลที่ความมั่นคงทางพลังงานในไทยต่ำมาก เพราะ ‘เกินครึ่ง’ ต้องพึ่ง 'เอกชน-เพื่อนบ้าน'

จากข้อมูล 'กำลังผลิตรวมในระบบไฟฟ้า' โดย กฟผ. รัฐบาลสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 34.46% จากความต้องการ ส่วนอีก 65.54% เราซื้อจากเอกชน และจากเพื่อนบ้าน ไทยเรามีความมั่นคงทางพลังงานต่ำมาก

(อ้างอิง: https://www.egat.co.th/home/statistics-all-latest/)

ประชากรบางส่วนเราหูเบา ถูกชักจูงจาก NGO ได้ง่าย จะสร้างอะไรก็ต้าน ก็ด่าไปหมด...

- โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต้าน 
- ผลิตจากพลังงานเขื่อนต้าน
- ผลิตจากขยะต้าน
- ผลิตจากเตาถ่านหินต้าน
- ผลิตจากพลังงานลมต้าน
- แม้แต่พลังงานแสงอาทิตย์ยังด่า

‘จีน’ เดินหน้าใช้งาน ‘สายเคเบิลภาคพื้นดิน’ ครั้งแรก ชี้!! ก่อสร้างง่าย-ต้นทุนต่ำ ช่วยเชื่อมพลังงานระหว่างเกาะ

(6 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว, หางโจว รายงานข่าว บริษัท การไฟฟ้าแห่งประเทศจีน จำกัด สาขามณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน ว่า โครงการวางสายเคเบิลภาคพื้นดิน ขนาด 10 กิโลโวลต์ ลอดช่องทางใต้ก้นทะเลในน่านน้ำทางตอนเหนือของเมืองโจวซาน ได้เสร็จสิ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า สายเคเบิลภาคพื้นดินความยาว 1 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างเกาะโจวซานและเกาะซ่างหยวนซาน ทำหน้าที่สายแทนเคเบิลใต้น้ำที่มีแนวโน้มเกิดความเสียหายจากการทอดสมอเรือ โดยมีข้อดีด้านต้นทุนต่ำกว่าและการก่อสร้างง่ายกว่า จึงเหมาะกับการส่งพลังงานระยะทางสั้นระหว่างเกาะ

‘หลี่เจิน’ หัวหน้าบริษัทออกแบบประจำโครงการนี้ เผยว่า การจ่ายพลังงานระหว่างเกาะต่างๆ ในจีนพึ่งพาการส่งผ่านสายเคเบิลใต้น้ำเป็นหลัก ส่วนสายเคเบิลภาคพื้นดินถูกฝังไว้ลึกกว่าความลึกของการทอดสมอเรือ ทำให้ลดความเสี่ยงเกิดความเสียหายจากการทอดสมอเรือ

วิธีการวางสายเคเบิลภาคพื้นดินนี้ ซึ่งนับเป็นการใช้งานครั้งแรกในจีน จะถูกประยุกต์ใช้กับการส่งพลังงานระยะทางสั้นและระยะทางปานกลางไม่เกิน 2 กิโลเมตรระหว่างเกาะต่างๆ ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือการส่งพลังงานระยะทางปานกลางและระยะไกลระหว่างเกาะต่างๆ

‘Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe’ เปิดราคา 6,290,000 บาท จัดเต็มออฟชั่นครบทั้งคัน ไม่ต้องรอนานเป็นปี สิงหานี้ รับรถได้เลย

(27 ก.ค.67) Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ล่าสุด มาถึงประเทศไทยแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับแฟนๆ Porsche ชาวไทย รถคันนี้ประกอบขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ Porsche ในประเทศมาเลเซีย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือกว่า ดีไซน์ที่ออกแบบใหม่ ขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง และตัวเลือกการปรับแต่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe นับเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์รถยนต์หรูระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถเอสยูวีสปอร์ทคันนี้กลายเป็นรถรุ่นที่ 2 ที่มาจากสายการผลิตของประเทศมาเลเซีย และเป็นรุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาคเพื่อส่งออกมายังประเทศไทย 

Porsche เข้าใจความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าชาวไทย จึงได้ปรับแต่ง Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ให้มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือชั้น มีฟีเจอร์มากมายเมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐานที่นำเข้าจากยุโรป นอกจากนี้ ยังมี Microsite หรือเวบไซต์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการจองรถยนต์รุ่นใหม่นี้ผ่านทางออนไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์การจองที่สะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่สนใจ และรองรับการปรับแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอก ตัวเลือกหนังภายใน และอุปกรณ์เสริมต่างๆ

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ผสมผสานความสปอร์ทอันทรงพลังของ Cayenne S เข้ากับระบบขับเคลื่อนอันล้ำสมัยของ Cayenne E-Hybrid นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับโลกในการมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจ ผสานเทคโนโลยีไฮบริดที่ทั้งทรงประสิทธิภาพ และล้ำหน้า

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 260 กิโลวัตต์/353 แรงม้า (แรงกว่าเครื่องยนต์ใน Cayenne E-Hybrid ถึง 36 กิโลวัตต์/49 แรงม้า เมื่อผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ส่งผลให้ระบบมีกำลังรวม 382 กิโลวัตต์/519 แรงม้า) อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 263 กม./ชม. นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 90 กม. (ตามมาตรฐาน EAER City) เหมาะสำหรับการขับขี่ภายในกรุงเทพฯ ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ปรับปรุงระบบช่วงล่างแบบถุงลมอัจฉริยะแบบใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Porsche Active Suspension Management (PASM) เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เพิ่มความมั่นคง และง่ายต่อการควบคุมรถยนต์ทั้งบนถนน และทางสมบุกสมบัน เมื่อเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐาน และรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำ และสมรรถนะของการขับขี่ ลดการโคลงของตัวรถในขณะขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งยังช่วยให้การปรับโหมดการขับขี่ระหว่าง Normal, Sport และ Sport Plus แตกต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมของ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายในการขับขี่ที่มากขึ้น เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ช่วยปรับช่วงล่างได้หลากหลาย ตั้งแต่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่สบายๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ทที่เน้นการตอบสนองฉับไว

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง และสปอร์ทยิ่งขึ้น ลูกค้าชาวไทยสามารถเลือกสีตัวถังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ สีขาวเมทัลลิค Carrara White, สีดำเมทัลลิค Chromite Black และสีเงินเมทัลลิค Dolomite Silver

เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ดีไซจ์นใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยโมดูลความละเอียดสูง 2 ชุด และพิกเซลกว่า 32,000 พิกเซลต่อโคมไฟ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ขณะที่ล้อแมกลายสำหรับรุ่น Cayenne ขนาด 20 นิ้ว สีเทา Vesuvius Grey มอบความหรูหรา และสปอร์ทให้แก่รถเอสยูวีคันนี้ได้อย่างลงตัว

ภายในของ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ได้รับการยกระดับด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพวงมาลัย GT Sports และ แพคเกจ Sport Chrono พร้อมนาฬิกา Porsche Design เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับความหรูหราให้แก่ผู้ขับขี่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร

รถเอสยูวีสุดหรูรุ่นนี้ ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบเสียงรอบทิศทาง Bose เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม เลือกได้ 2 สี คือ สีดำ หรือสีแดงบอร์โดซ์ (Bordeaux Red) พร้อมตราสัญลักษณ์ Porsche บนพนักพิงศีรษะที่เบาะคู่หน้า อีกทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซน เครื่องฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางพร้อมระบบจำตำแหน่งสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และม่านบังแดดด้านหลังที่เปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยจอด (ParkAssist) พร้อมกล้องรอบทิศทาง (Surround View) และรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay มอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งยังเอาใจผู้โดยสารด้านหลังด้วยระบบเตรียมติดตั้ง Rear Seat Entertainment ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถติดตั้งหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย เพื่อยกระดับความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

เพิ่มเติมความทันสมัยให้แก่ห้องโดยสารด้วย Porsche Driver Experience ประกอบด้วย ชุดหน้าปัดดิจิทัลแบบโค้งมนขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา ตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติได้รับการย้ายไปทางซ้ายของพวงมาลัยบนคอนโซลกลาง  การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องเก็บของ และแผงควบคุมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ดีไซจ์นสวยงามทันสมัยในโทนสีดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศมาพร้อมปุ่มกดขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย พร้อมสวิทช์ปรับอากาศแบบหมุน และปุ่มปรับระดับเสียงแบบสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และดูหรูหรา

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ราคาเริ่มต้นที่ราคา 6,290,000 บาท โดยมีกำหนดส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป สามารถจองรถยนต์รุ่นนี้ผ่านไมโครไซท์ (Microsite) ได้ที่ www.thcayenne.online จากการจัดจำหน่ายโดย AAS Auto Service


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top