‘ยุทธศาสตร์พลังงาน’ ของ ‘ลุงตู่’ ที่ไม่ได้หยุดอยู่ แค่การพึ่งพาน้ำมัน วิสัยทัศน์แบบ ‘นกอินทรี’ ที่ ‘อีกา’ ไม่มีวันเข้าถึง มองไกล เห็นอนาคต
ใครจะคิดว่าการบริหารงาน 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านพลังงานของประเทศไทยไปชนิดที่โลกต้องจับตามอง!! วิสัยทัศน์แบบนกอินทรีที่โผบินเหนือเมฆพายุ มองเห็นทิศทางอนาคตได้ไกลจนอีกาอย่างฝ่ายค้านไม่มีวันตามทัน ยุทธศาสตร์พลังงานของลุงตู่นั้นไม่ได้หยุดอยู่แค่การพึ่งพาน้ำมัน แต่ได้วางหมากสำหรับอนาคตด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและการเปิดศักราชใหม่ของพลังงานทดแทน
หนึ่งในตัวเปลี่ยนเกมสำคัญคือ ‘พระอาทิตย์เทียม’ หรือ Tokamak ที่ไทยได้รับเทคโนโลยีจากจีนในโครงการ Thailand Tokamak-1 ซึ่งทำให้เราเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานฟิวชันระดับโลก! ไม่ใช่เพียงแค่การได้ของเล่นไฮเทค แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมระบบพลังงานที่สะอาดและยั่งยืน การผลักดันเรื่องนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของ อเนก เหล่าธรรมทัศน์ และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการทำให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นจริง
การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจากน้ำมันไปสู่พลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์ กังหันลม และพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน เป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จของลุงตู่ที่ไม่ได้แค่สวยในเอกสาร แต่มองเห็นได้จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าทดแทนทั่วประเทศ แผนพัฒนาพลังงานทดแทน (AEDP2018) ที่ถูกวางไว้ช่วยให้ไทยลดการพึ่งพาน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการสร้างบุคลากรที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ ไทยได้จัดตั้งโรงเรียนฟิสิกส์แห่งอาเซียน เพื่อผลิต ‘นักคิด-นักสร้าง’ ที่จะนำประเทศเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาดได้อย่างสง่างาม เพราะเทคโนโลยีจะไร้ค่า หากปราศจากคนที่มีความรู้ความสามารถในการใช้งาน
ยุทธศาสตร์พลังงานของลุงตู่ไม่ได้เป็นแค่การตอบโจทย์วันนี้ แต่คือการปูทางให้ไทยพร้อมในสมรภูมิพลังงานโลก แม้บางฝ่ายจะวิจารณ์ว่าไทยเคลื่อนไหวช้า แต่แท้จริงแล้ว ลุงตู่เลือกจะ ‘รอให้พร้อม’ เพื่อก้าวไปสู่ยุคฟิวชันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
คำถามสำคัญคือ อีกาพร้อมจะเข้าใจการมองการณ์ไกลแบบนกอินทรีแล้วหรือยัง? หรือจะบินต่ำต่อไปในเงาแห่งอดีต ขณะที่ลุงตู่นำประเทศไทยเข้าสู่เกมพลังงานแห่งอนาคตอย่างชาญฉลาด
