Saturday, 7 June 2025
ผลงานรัฐบาล

'ขัตติยา' สวน 'เท้ง' มีผลงานอะไร หลังหน.พรรคส้มตัดเกรดผลงานนายกอิ๊งค์ 'ไม่ผ่าน'

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค. 67) นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (เอ็กซ์) ถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน วิจารณ์นโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากแถลงผลงานครบ 90 วัน ภายใต้แคมเปญ '2568 โอกาสไทย ทำได้จริง : 2025 Empowering Thais: A Real Possibility'

โดยว่า ผลงานไม่ผ่านเกณฑ์ พร้อมกล่าวว่า ทุกนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแพทองธารประกาศในวันนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ดังนั้น ในขณะที่ประชาชนมีความหวัง พรรคฝ่ายค้านบางพรรคควรหยุดสร้างวาทกรรมที่ไม่สร้างสรรค์บ้าง

นางสาวขัตติยากล่าวต่อว่า หากหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านชอบประเมินผลงานของผู้อื่น ขอแนะนำให้เริ่มจากการประเมินตัวเองก่อน ว่าผลงานของท่านในฐานะหัวหน้าพรรค 125 วันที่ผ่านมาเป็นอย่างไร คะแนนนิยมของพรรคเพิ่มขึ้นหรือลดลง? ท่านสามารถเริ่มต้นจากการถามสมาชิกภายในพรรคได้ว่า การทำงานของท่านผ่านเกณฑ์หรือไม่?

‘แพทองธาร’ แถลงผลงาน!! 90 วัน แคมเปญ 2568 เพื่อให้คนไทย ‘มีกิน - มีใช้’ ในสังคมที่เท่าเทียม!!

(22 ธ.ค. 67) นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ประกาศความพร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ ‘ปีแห่งโอกาส’ หลังบริหารประเทศครบ 90 วัน พร้อมเปิดตัวแคมเปญ ‘2568 โอกาสไทย ทำได้จริง’ มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ผ่าน 5 นโยบายหลักและ 6 แผนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อวางรากฐานประเทศในทศวรรษหน้า

ในการแถลงผลงานที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการทำงานภายใต้แนวคิด ‘ทุกคนคือทีมเดียวกัน’ โดยระบุว่าการดำเนินนโยบายต่างๆ ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การแก้หนี้ครัวเรือน การสร้างที่อยู่อาศัย การให้ทุนการศึกษา ไปจนถึงการลดค่าครองชีพและการพัฒนาระบบการเงินดิจิทัล เพื่อให้คนไทยทุกคน ‘มีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี’ ในสังคมที่เท่าเทียม

อาจจะงงๆ กับการหยิบยกตัวเลขบางอย่างมานำเสนอ ในเรื่อง ตลาดเครื่องดื่มของไทย พวกซอฟต์ดริงก์ เช่น น้ำแร่ น้ำหวาน มีการส่งออก มากกว่าปีละ 7 หมื่นล้านบาท รัฐสามารถเก็บภาษีได้ แสนแปดหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อปี 

รัฐบาลไทยเก่งมากในเรื่องการจัดเก็บภาษี ที่สามารถเก็บภาษี ได้มากกว่า มูลค่าส่งออก ถึง 2.5 เท่า !!!

ซึ่งก็เคยมีการหยิบยกคำให้สัมภาษณ์ บางประเด็น ที่เหมือนทีมงานเศรษฐกิจอาจไม่ได้จัดเตรียมข้อมูลให้ เลยทำให้การสื่อสาร มีผิดพลาด เช่น ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในปัจจุบัน (24 ก.ย. 67) ว่า เรื่องของเงินบาทแข็งค่าขึ้นนั้นในข้อเท็จจริงแล้วทำให้เกิดความกังวลในทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของรัฐบาลเองเราสามารถทำได้ในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการส่งออก ก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะใช้ข้อดีของค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ให้ได้

การที่ค่าเงินบาทแข็ง คงไม่ได้ส่งผลดีต่อการส่งออกเป็นแน่ ถึงแม้จะมีการให้สัมภาษณ์ ในเวลาถัดมาแก้ประเด็นการสื่อสาร ที่อาจผิดพลาด แต่มันทำลายความน่าเชื่อถือต่อภาพการบริหารเศรษฐกิจ ของหัวเรือใหญ่ทีมรัฐบาล

สำหรับประเด็นในการแถลงผลงาน 90 วัน ก็มีการนำเสนอแผนงานในปี 2568 ซึ่งแน่นอนว่า คงไม่พ้นนโยบายประชานิยม รัฐบาลเดินหน้า 5 นโยบายหลัก ‘ล้างหนี้ประชาชน-บ้านเพื่อคนไทย-ทุนการศึกษา-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-ดิจิทัลวอลเล็ต’

บ้านเพื่อคนไทย ทำให้นึกถึงภาพโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563 ลอยเข้ามาในหัว

ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 ที่แจกไปแล้วกว่า 1.45 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน ก็คงพอประเมินได้

รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ลำพัง การชำระหนี้ ‘รถไฟฟ้าสายสีเขียว’ ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน โดยมีมูลค่าหนี้สินสูงระดับแสนล้านบาท ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นภาระหนี้สินทั้งในส่วนของค่าจ้างงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M Electrical and Mechanical) ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท

รวมถึงหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา (O&M Operation and Maintenance) แตะ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 จากการว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ก็เพิ่งเริ่มได้ชำระหนี้บางส่วนตามแผน และยังมีหนี้ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องอีก

ล้างหนี้ประชาชน การเสพติดนโยบายประชานิยม ย่อมส่งผลต่อวินัยทางการเงินของภาคประชาชน ซึ่งจะทำลายวินัยทางการคลังของประเทศ เป็นเหมือนฟองสบู่ที่ใกล้จะแตก ธนาคารแห่งประเทศไทย เอง ก็พยายามสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน การคลัง แต่ไม่รู้ว่าจะทานไว้ได้มากน้อยแค่ไหน เริ่มมีเสียงจากฝั่งการเมือง เกี่ยวกับการจะนำเงินสำรองของประเทศ ออกมาใช้

วิกฤต ต้มยำกุ้ง ปี 2540 จะมาโผล่ ในปี 2568 อีกหรือไม่ ... ขอส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 ด้วยคำอวยพรว่า ‘ประชาชนเตรียมพร้อมรับแรงกระแทกกันให้ดีๆ’ ระมัดระวังดูแลสถานะการเงินของตนเอง

สุขสันต์วันปีใหม่ ต้อนรับปีมะเส็ง 2568 ขอให้สุขภาพดีกันทุกท่านครับ

‘อิ๊งค์’ ออกรายการ สรุปผลการเยือนจีน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมส่งข้อมูลแลนด์บริดจ์เพิ่มเติมให้ เผย!! เจอกันอีกเทปต้นเดือน มี.ค.

(16 ก.พ. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ตอนพิเศษ การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในช่วงการเยือนยังได้พบผู้นำจีนทั้ง 3 ระดับ คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง  ซึ่งเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เพราะการได้พบผู้นำประเทศจีนทั้ง 3 ระดับในการเยือน 1 ครั้ง ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย โดยได้หารือถึงการส่งมอบหมีแพนด้ายักษ์ 2 ตัว มาไทย ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ไทยเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

นอกจากนี้ จีนตื่นเต้นกับเรา คือ ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน มีการสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ 72 พรรษา ในหลวง ตนเชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาชมความสวยงามของซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.ที่มีเทศกาลสงกรานต์โดยนายกฯได้เน้นย้ำความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจท่องเที่ยวจะดูแลพี่น้องนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างดี และได้เล่าเรื่องพระเขี้ยวแก้วให้กับสื่อมวลชนจีนรับทราบ ต่างฝ่ายชื่นชมซึ่งกันและกัน รวมถึงแผนงานความสัมพันธ์ระหว่างกันในอีก 50 ปีต่อจากนี้ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี และช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้ นี่คือธีมที่ 2 ประเทศได้คุยกัน

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์นั้นทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยอย่างจริงจัง ซึ่งประธานาธิบดีจีนชื่นชมไทยที่มีการจัดการเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และจะตั้งทีมทํางาน 2 ทีม เพื่อช่วยกันในเรื่องนี้  โดยจีนประสงค์จะช่วยมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ได้ขอแค่การตั้ง 2 ทีม ที่จะสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศช่วยกํากับดูแลในการพูดคุยของทั้ง 2 ทีม ให้พูดคุยแล้วสามารถหาข้อสรุปได้ทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ 

นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือด้าน “ซอฟต์พาวเวอร์” ระหว่างกัน เช่น มวยไทย ร้านอาหารไทย ว่าจะทำอะไรกับจีนได้บ้าง โดยจะมี working team มาติดต่อกันอีกครั้ง ส่วน สินค้าเกษตรของไทยนั้น จะให้จีนกับไทยร่วมกันกําหนดมาตรฐาน เพื่อให้มีมาตรฐานเท่ากัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรับไปดำเนินการต่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการเสียต้นทุนน้อยที่สุด มีกำไรมากขึ้น เกิดความสะดวกเพิ่ม เป็นการเปิดช่องทางสินค้าเกษตรไทย ซึ่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้กล่าวว่า ชอบทุเรียนหมอนทอง และมะม่วง พอได้ยินอย่างนั้น ก็ดีใจ

น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวถึงรถไฟความเร็วสูง และ โครงการแลนด์บริดจ์  รถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 และ 2 ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง หากเสร็จแล้วทั้งจีน ลาว ไทย จะสามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถส่งทุเรียนหมอนทองไปมอบให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ เป็นการลดต้นทุน เพิ่มโอกาส SME และเกษตรกรไทย และยังเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก และขอให้ไทยเร่งดำเนินการ ซึ่งได้สั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดเรื่องนี้แล้ว

จีนยังให้ความสนใจโครงการแลนด์บริดจ์มากเช่นกัน และต้องการให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น หากโครงการเกิดขึ้น จะมีการเชื่อมกันและจีนได้ขอข้อมูลผลการศึกษาโครงการเนื่องจากจีนเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมอบหมายให้ทีมที่ทำการศึกษาโครงการดังกล่าว ส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปให้ รวมทั้งการเชิญชวนมาลงทุนด้วย

การมีแลนด์บริดจ์จะช่วยลดเวลาการส่งออกได้ 4 วัน สามารถประหยัดต้นทุนของผู้ประกอบการได้ 15 %  ช่วยประหยัดน้ำมัน ทำให้ต้นทุนถูกลง ผู้บริโภคก็ซื้อของในราคาที่ถูกลงด้วย ได้ผลดีทั้งระบบ โดยจะดำเนินการควบคู่กับเรื่อง Green Energy ประหยัดพลังงานด้วย นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นฮับโลจิสติกส์  สร้างโอกาสการจ้างงาน และการซื้อขายสินค้า

นายกฯ ยังกล่าวถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนว่า ได้เชิญชวน บริษัท Xiaomi ให้มาสร้างโรงงานผลิตรถ EV ที่ประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงานในประเทศ ซึ่งไทยได้พูดคุยกับประเทศในอาเซียน และมีบทบาทในเวทีอาเซียน ก็จะเป็นอีกข้อเสนอสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศ

ทั้งนี้ ได้มีการเซ็น MOU 14 ฉบับ ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อจีนให้ความสนใจ และได้ประโยชน์ อาทิ ข้อมูลออนไลน์ต่าง ๆ ที่จะแชร์ร่วมกันระหว่างไทยกับจีน สแกมเมอร์ ข้อมูลการพัฒนาต่าง ๆ เช่น เครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งจะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนการพบภาคเอกชนและสื่อมวลชนจีน เป็นการพบกับและพูดคุยกับอินฟลูเอนเซอร์ อย่าง POP MART Xiao Hong Shu Meitu Dianping เรื่องการนำร้านอาหารไทย ขึ้นบนแพลตฟอร์มจีน โดยได้แนะนำ แอปฯ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ตำรวจไทยจัดทำขึ้น เพราะต้องการให้นักท่องเที่ยวใช้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อให้นำไปไว้บนแพลตฟอร์มจีน และขอขอบคุณที่มาช่วยกันสื่อสารให้กับประชาชนจีนทราบ

นายกฯ ยังกล่าวถึงการร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ได้พบนักกีฬาไทย รู้สึกดีใจมาก ได้ร่วมชมและเชียร์การแข่งขัน Ice Hockey ชายทีมชาติไทย และคิดว่าน่าจะนำกองเชียร์ไทยไปร่วมเชียร์ พร้อมให้กำลังใจนักกีฬาที่ร่วมแข่งขันและรู้สึกประทับใจนิทรรศการน้ำแข็งที่มีสวยงามมาก รวมถึงพิธีเปิดการแข่งขัน อีกทั้ง ได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จของ นายปอล ฮองรี วิเยอร์ต๊องส์ นักกีฬาเอเชียนวินเทอร์เกมส์ ที่คว้าเหรียญทองแดงแรกจากกีฬา Freestyle skiing

ในช่วงท้ายรายการ นายกฯ ได้สรุปผลการเยือนจีนว่า เรื่องแรก ความมั่นคง ได้ความร่วมมือการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะต้องลดลงและเห็นผลอย่างรวดเร็ว  เรื่องที่สอง คือ การค้า Landbridge การตรวจสอบคุณภาพ (QC) สินค้าที่จะส่งออก จะสามารถส่งออกสินค้าได้เร็วขึ้น ไม่เสียต้นทุนมาก โดยเฉพาะ Landbridge เมื่อเกิดขึ้น ช่วยประหยัดพลังงาน มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจ้างเพิ่ม สินค้าเกษตรที่ล้นตลาดก็จะไม่ล้น และสาม คือ ความสัมพันธ์ระดับประชาชน-ประชาชน (People to people) เชื่อมสัมพันธ์ของไทย-จีน ที่มีต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งต่างเห็นพ้องว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ให้ยาวนานต่อไป

นายกฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า อย่าลืมติดตามอีกเทปประมาณช่วงต้นเดือน มี.ค.68


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top