Wednesday, 23 April 2025
ปราบทุจริต

จีนปลด 2 นายพลพ้นสภาฯ เซ่นกวาดล้างทุจริตในกองทัพ

(27 ธ.ค.67) ทางการจีนประกาศปลดนายทหารระดับสูงสองนายอย่างกะทันหันจากการเป็นสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) โดยไม่มีการชี้แจงอย่างละเอียด สะท้อนถึงการเดินหน้ากวาดล้างบุคลากรระดับสูงในกองทัพอย่างต่อเนื่อง  

ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก คณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติได้ยกเลิกสมาชิกภาพของ หยู่ ไห่เทา อดีตรองผู้บัญชาการกองทัพบกปลดปล่อยประชาชน และ หลี่ เผิงเฉิง ผู้บัญชาการกองทัพเรือประจำเขตยุทธการภาคใต้ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเขตที่มีข้อพิพาทด้านดินแดน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ จู้ ซินชุน ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าของหลี่ ก็ถูกปลดจากสภาเมื่อปีที่ผ่านมา  

คณะกรรมาธิการระบุเพียงว่า ทั้งสองนายตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าละเมิดกฎหมายและวินัย ซึ่งมักเป็นคำที่พรรคคอมมิวนิสต์ใช้กล่าวถึงการทุจริต การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อต้านการทุจริตในกองทัพ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยเป้าหมายหลักในระยะแรกคือหน่วยจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และกองกำลังขีปนาวุธ  

เมื่อเดือนที่ผ่านมา จีนได้สั่งพักงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดด้านการทหารที่มีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นประธาน นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม จีนได้สร้างความประหลาดใจอีกครั้งด้วยการแต่งตั้งผู้ตรวจการทางการเมืองคนใหม่ประจำกองทัพบก  

การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการเสริมสร้างความโปร่งใสและความเป็นระเบียบในกองทัพ ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคและการเฝ้าจับตามองจากนานาชาติ

‘อัครเดช’ ชี้แก้ไข รธน.ต้องทำประชามติ 3 รอบ ย้ำจุดยืน รทสช. ห้ามแตะหมวด 1 – 2 และการปราบทุจริต

‘อัครเดช’ อธิบายชัดจะแก้รัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ 3 รอบ ขอให้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสิ้นข้อสงสัยแก่ทุกฝ่าย จี้หาหลักประกันไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 การปราบปรามทุจริตหากมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ

(17 มี.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายญัตติด่วน เรื่อง ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ว่า 

การแก้รัฐธรรมนูญสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ มีจุดยืนที่ชัดเจนคือจะต้องไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้จะต้องไม่มีการแก้ไขในบทบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน 

กรณีมีการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับนั้น จะเป็นกรณีที่ไม่มีหลักประกันใด ๆ ว่าจะไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ และไม่มีการแก้ไขในบทบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน 

สำหรับการสนับสนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีการจัดทำประชามติกี่ครั้งนั้น ก่อนหน้านี้มีวุฒิสมาชิกท่านหนึ่งได้มีความเห็นว่าการเพิ่มหมวด 15/1 ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าทำได้หรือไม่เพียงใด เนื่องจากในรัฐธรรมนูญ มาตรา 256(8) ได้บัญญัติไว้ว่าเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 หมวดที่ 2 หรือเกี่ยวกับหมวด 15 จะต้องมีการทำประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามมาตรา 256(7) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า การเพิ่มหมวด 15/1 เป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการจัดทำประชามติจากพี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจก่อนที่จะมีการแก้ไข จึงเป็นที่มาว่าในครั้งนั้นรัฐสภาจึงไม่สามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ 

สำหรับในครั้งนี้ได้มีการตีความคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้นแตกต่างกันออกไป สำหรับความเห็นส่วนตัวของตนนั้นเชื่อว่าไม่ต้องมีการส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่าก่อนจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเพิ่มหมวด 15/1 ต้องมีการทำประชามติก่อน 1 ครั้ง เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 แล้วเสร็จจะต้องมีการทำประชามติอีก 1 ครั้ง ก่อนที่เมื่อรัฐธรรมนูญที่ยกร่างโดย ส.ส.ร. แล้วเสร็จจะต้องมีการทำประชามติเพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จึงต้องมีการทำประชามติทั้งสิ้น 3 ครั้ง ตามรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้

จากระเบียบวาระครั้งที่ผ่านมา ได้สร้างความหวาดหวั่นใจให้กับเพื่อนสมาชิกรัฐสภาหลายท่านทำให้หลายท่านลาประชุม หรือไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าขัดต่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเพื่อให้สิ้นกระแสความ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย จึงเป็นอันดีและไม่เกิดความเสียหายใด ๆ ต่อประเทศชาติแต่อย่างใด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top