Saturday, 7 June 2025
ปราจีนบุรี

‘กมธ.แรงงาน’ แจงกรณีมีผู้แอบอ้าง ไปตบทรัพย์ ไซต์งานก่อสร้าง  ย้ำ!! ไม่เคยตั้งหน่วยงานลับเฉพาะกิจ ให้ไปตรวจสอบ 

(1 พ.ค. 67) ที่สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ร่วมกับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (อดีต สส.ก้าวไกล) แถลงข่าวกรณีที่มีกลุ่มผู้แอบอ้างเป็นคณะทำงานของ กมธ.การแรงงาน ลงพื้นที่เรียกรับเงินจากโรงงานและไซต์งานในจังหวัดปราจีนบุรี

นายวุฒิพงศ์ กล่าวไล่เรียงเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ได้มีผู้แอบอ้าง กมธ. การแรงงาน ติดต่อเข้ามาที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อลงพื้นที่ก่อสร้างโรงงานของบริษัททุนจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องในวันนั้นเกิดความกังวล จึงโทรศัพท์ชวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดลงพื้นที่ไปด้วย ซึ่งในวันนั้นผู้ที่แอบอ้างไม่ได้มีเอกสารอะไรมาจาก กมธ.การแรงงาน มีแต่บัตรผ่านเข้าออกอาคารรัฐสภาเท่านั้น ว่าเป็นผู้ติดตาม สส.ท่านหนึ่ง ภายหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ราชการได้เชิญตัวผู้แอบอ้าง ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่

นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 26 เม.ย.ได้ไปพบ 5 เสือแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ากลุ่มผู้แอบอ้าง กมธ.การแรงงาน มีการให้เจ้าหน้าที่ราชการไปยืนเป็นแบล็กกราวน์ให้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับเจ้าหน้าที่ กลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย จึงร้องเรียนมาที่ตนเอง ปรากฎว่าวันที่ 27 เม.ย. กลุ่มผู้แอบอ้างกลุ่มเดิมเกิดความชะล่าใจ ลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างทางหลวงชนบท เราจึงซักซ้อมแผนกันคร่าวๆ ว่าจะบุกไปจับ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวอ้างชื่อ สส.คนเดิมกับวันที่ 24 เม.ย. โดยทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ กมธ.การแรงงาน จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มคนแอบอ้างทั้งหมด 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี แต่ใน 3 คนนั้นขับรถหนี คนกลุ่มนี้มักลงพื้นที่ไซต์งานที่มีขนาดกลางขึ้นไป มีคนงานประมาณ 10 คนขึ้นไป จะตระเวนไปก่อนว่ามีความผิดหรือไม่ โดยความเสียหายที่คนกลุ่มนี้ไปแอบอ้าง ข่มขู่ เรียกทรัพย์นั้น ได้เรียกรับเงินจำนวนนับหมื่นบาท

ขณะที่นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า โชคดีที่มี สส.ที่มีความเอาใจใส่และติดตามรวดเร็ว ไม่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กมธ.การแรงงานโดนแอบอ้างมาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาครก็มี หลายคนไปแอบอ้าง

“ผมเรียนยืนยันว่าคณะ กมธ.การแรงงานไม่เคยมีหนังสือ ไม่เคยในการแต่งตั้งเป็นหน่วยลับ หน่วยเฉพาะกิจให้ไปตรวจสอบที่ไซต์งาน ไม่เคยมีหนังสือสักฉบับเดียว และบุคคลกลุ่มนี้ผมไม่เคยรู้จัก และไม่ได้เป็นคณะ กมธ. ของคณะผม ผมฟังมา เป็นเพียงผู้ติดตามของ สส.ท่านหนึ่ง และอยู่ในคณะ กมธ.ชุดผม แต่ไม่ได้สอบถาม” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวด้วยว่า ได้เรียนต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรียบร้อยแล้ว ได้รับแจ้งว่าอะไรที่เป็นการผิดกฎหมาย และไม่ใช่เป็นการกระทำโดยหน้าที่ของคณะ กมธ. ก็ต้องจัดการ เพราะจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย

“ไปไล่บี้ตบทรัพย์ จำนวนที่ได้มาก็หลายหมื่นบาท จึงต้องนำเรียนสื่อมวลชนไปให้บริษัทอื่นๆ และในพื้นที่ที่มีโรงงานแบบนี้ ถ้ามีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคณะ กมธ.การแรงงาน ก็ขอให้ตรวจสอบและแจ้งมายังคณะ กมธ.การแรงงานด้วย” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าตั้งคณะกรรมการสอบแล้วหรือยัง นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ตั้งกรรมการสอบ เนื่องจากยังปิดสมัยประชุม

เมื่อถามว่า ชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวคือนายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะต้องมีการเรียกมาคุยหรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ต้องมีการสอบถาม แต่โดยส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกัน ทั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่านายสุเทพมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องฟังหลายฝ่าย โดยก็รับปากแล้วว่าจะไปตรวจสอบโรงงานที่ปราจีนบุรี จะไปพบกับทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบตัวเลข แต่ได้รับทราบแล้วว่ามีบริษัทจ่ายไปแล้วสองครั้ง ครั้งละ 2 หมื่นบาท แต่มีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่ใหญ่กว่า ยังไม่ทราบตัวเลขว่าจ่ายไปเท่าไหร่

ส่วนที่ยังไม่ถามนายสุเทพเลยนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เพราะเพิ่งทราบเรื่องเมื่อคืนนี้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ และจะมีการเรียกประชุมเร็วที่สุดในวันที่ 8 พ.ค.นี้

เมื่อถามว่าหากนายสุเทพผิดจริง จะถึงขั้นขับออกจาก กมธ.หรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ ระบุว่า เรื่องขับ กมธ.ต้องดูหลายประเด็น เพราะถูกตั้งมาจากสภาใหญ่ แต่ต้องไปดูว่ามีความเกี่ยวพันถึงนายสุเทพหรือไม่ ตามต้องฟังความทั้งสองฝ่าย

ร้านสุดแสบ นำเนื้อปลาย้อมสี ขายเป็น ‘แซลมอน-ทูน่าดองซีอิ๊ว’ ชาวเน็ต ชี้!! ‘ปลาดอลลี่’ ไม่สามารถรับประทานสดๆ ได้

(3 มิ.ย.67) เป็นอีกเรื่องร้อน สำหรับคนที่ชอบรับประทานปลาดิบ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ ระบุข้อความว่า

ผู้บริโภครายหนึ่งแจ้งว่า มีร้านๆ หนึ่งในปราจีนบุรีย้อมปลาดอลลี่ เป็นสีแดงคล้ายทูน่า เพื่อดองขายให้กับผู้บริโภค

พร้อมแนบภาพปลาที่มีแดงคล้ายทูน่า แต่เมื่อดูเนื้อด้านในของปลาพบเป็นเนื้อปลาสีขาว คล้ายเนื้อปลาดอลลี่อย่างมาก ซึ่งเป็นปลาที่ไม่สามารถรับประทานสดๆ ได้

นอกจากนี้โพสต์ดังกล่าวยังแนบคอมเมนต์จากเพจ ‘กินไรดี ปราจีนบุรี’ ที่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์รูปดังกล่าว ที่มีย้อมปลาดอลลี่ เป็นสีแดงคล้ายทูน่า พร้อมระบุว่า 

เตือนภัย ร้านนี้เลยแฟนเราซื้อมา ย้อมแมวขาย เอาปลาดอลลี่มาชุบสีเป็นปลาทูน่ากับแซลมอน เอาเอ็นหอยจอบมาดองแทนโฮตาเตะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย

‘กนอ.’ เร่งสอบเหตุ!! ถังเคมีระเบิดในโรงงานนิคมฯ บ่อทอง จ.ปราจีนบุรี สั่งปิด!! โรงงานบางส่วน พร้อมให้ความช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบ

(26 ต.ค. 67) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รายงานเกิดเหตุถังบรรจุภัณฑ์ระเบิดภายใน บริษัท เซียงนันเฟอรัส เมทัล จำกัด โรงงานสกัดหลอมโลหะในนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง จ.ปราจีนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บหลายคน

จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุเกิดจากคนงานเติมสารเคมีเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีรุนแรง กนอ. ได้สั่งการให้โรงงานหยุดประกอบกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราว พร้อมเร่งตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า  กนอ. มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขึ้นอีก ทั้งนี้ กนอ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

กนอ.ได้ดำเนินการตรวจสอบ ใบอนุญาต ในการเปิดกิจการ โดยพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ยื่นขอประกอบกิจการเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 และเริ่มประกอบกิจการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ใบอนุญาตเลขที่ 2-61-0-301-00065-2567 

ทั้งนี้ กนอ.จะดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุโดยละเอียด ตรวจสอบความเสียหาย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อกำกับดูแลโรงงานปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

‘เจ้าหน้าที่ตำรวจ’ พบพิรุธ เชื่อ!! จัดฉาก ลวงฆ่าโหด ‘สจ.โต้ง’ ชี้!! มีการเตรียมตัวล่วงหน้า พร้อมปะทะในพื้นที่ ‘คิลลิ่งโซน’

(15 ธ.ค. 67) จากกรณี นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกกลุ่มมือปืนซึ่งเป็นลูกน้องของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ใช้อาวุธปืนรุมยิงจนเสียชีวิตในบ้านพักของนายสุนทร หลังเข้าไปเจรจาปัญหาเกี่ยวกับการวางตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี สมัยหน้า ต่อมาหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าระงับเหตุ พร้อมควบคุมตัว นายสุนทร พร้อมลูกสมุน รวม 7 คน ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและ ไตร่ตรอง รวมถึงความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน 

จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุรวมถึงสอบปากคำพยานผู้เหตุการณ์และบุคคลใกล้ชิดต่างๆ เจ้าหน้าที่พบข้อพิรุธทางคดีหลายอย่างที่บ่งชี้ ว่า การเสียชีวิตของ สจ.โต้ง นั้น ไม่ใช่เหตุการณ์ซึ่งหน้า แต่น่าจะมีการวางแผนหรือเตรียมการมาก่อนที่ สจ.โต้ง จะเดินทางเข้ามาเจรจาปัญหากับ นายสุนทร หรือ โกทร

โดยเฉพาะข้อพิรุธเกี่ยวกับการแต่งกายของกลุ่มลูกน้องนายสุนทร ในวันเกิดเหตุ ที่พบว่า กลุ่มลูกน้องที่ทำหน้าที่เป็นมือปืน และ คนคอยคุมเชิงคุ้มกัน แต่ละคนล้วนสวมใส่รองเท้าผ้าใบเดินเข้าออกในบ้านตลอดเวลา ผิดปกติวิสัยของคนทั่วไปที่มักจะถอดรองเท้าก่อนจะเข้ามาเดินภายในบ้าน คล้ายกับการแต่งตัวให้ทะมัดทะแมง เพื่อเตรียมพร้อมก่อเหตุตลอดเวลา

นอกจากนี้จากการสอบปากคำคนใกล้ชิดของ นายสุนทร ที่เข้าออกบ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ ยังพบว่า ปกติแล้ว นายสุนทร จะไม่อนุญาตให้ลูกน้อง ขึ้นไปบนขั้นสองของตัวบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในวันเกิดเหตุพบว่ากลุ่มลูกน้องของนายสุนทร สามารถเดินขึ้นลงชั้นสองได้ตลอดเวลา

สอดคล้องข้อมูลที่พบว่าช่วงระยะหลัง นับตั้งแต่ที่ นายสุนทร เริ่มบาดหมางกับ สจ.โต้ง ก็เริ่มมีการคัดกรองคนเข้าออกภายในบ้านมากขึ้น รวมถึงไม่อนุญาตให้ผู้ลูกน้องของ สจ.โต้ง ที่ติดตามมาด้วย เข้ามายืนอยู่ในชายคาบ้าน โดยจะให้ยืนรอที่บริเวณด้านหน้ารั้วบ้านแทนเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็จากข้อพิรุธหลากหลายประเด็นดังกล่าว ประกอบกับมูลเหตุแรงจูงใจต่างๆ ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ปักใจเชื่อว่า การสังหาร สจ.โต้ง นั้น น่าจะมีการวางแผนตระเตรียมการมาก่อนหน้าที่ สจ.โต้ง จะเดินทางมาถึง

ปราจีนบุรี-ขุดรากถอนโคน! ตำรวจภูธรภาค 2 ล้อมปราจีนบุรี “ทลายรังนักเลง” EP1  ล็อกเป้า ลุยค้น 3 วัน 59 เป้าหมาย ยึดอาวุธเพียบ 

(16 ธ.ค. 67) ที่ ภ.จว.ปราจีนบุรี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท. ผบช.ภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ประชุมติดตามการปฏิบัติการในยุทธการ “ทลายรังนักเลง” EP1 ปฐมบท .. ไล่ล่านักเลงปราจีน กวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง สจ.โต้ง หรือ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี เมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าคลี่คลายสถานการณ์ และจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 7 คน คุมตัวไว้ได้ ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และส่งฝากขัง ขณะนี้คุมตัวที่เรือนจำปราจีนบุรี ขณะเดียวกันตำรวจ ภ.จว.ปราจีนบุรี ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และกองบังคับการปราบปราม ยังสืบสวนขยายผลนำไปสู่การเปิดยุทธการทลายรังนักเลง เพื่อขุดรากถอนโคนตัดเส้นเลือดเครือข่ายอิทธิพลในพื้นที่ ที่เป็นภัยต่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

ผลจากการเปิดยุทธการ ทลายรังนักเลง ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2567 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปูพรมตรวจค้นเป้าหมายใน 12 อำเภอ ของจังหวัดปราจีนบุรี รวม 59 เป้าหมาย ตรวจค้นพบอาวุธปืน 79 กระบอก  อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก กระสุน 601 นัด  จับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหา 8 ราย

“ตำรวจภูธรภาค 2 ไม่มีที่ยืนให้นักเลง ไม่มีที่ยืนให้บ้านไหนก็ตามที่สร้างความเดือดร้อนเป็นภัยสังคม ยุทธการนี้เริ่มต้นกวาดล้างผู้มีอิทธิพลอย่างเข้มข้นในภาค 2 คือก้าวแรกของการปลดแอกประชาชนจากเงาอิทธิพลมืด ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่นี่คือการปฏิบัติการเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงปราจีนจะไม่ใช่สนามของนักเลงอีกต่อไป รังอิทธิพลเถื่อนกำลังถูกทำลายลงแล้ว ยุทธการนี้เกิดขึ้นเพื่อสร้างสังคมปลอดภัย และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นคง" รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top