Monday, 21 April 2025
บุญยอดสุขถิ่นไทย

‘เพชร กรุณพล’ ลั่น อย่าใช้มาตรฐานปชป.ตัดสิน หลัง ‘บุญยอด’ โจมตี ‘พิธา’ หาเสียงเกินจริง

‘เพชร กรุณพล’ สวน ‘บุญยอด’ อย่าใช้มาตรฐาน ปชป.ตัดสิน หลังโจมตี ‘พิธา’ หาเสียงเกินจริง ย้ำ 4 นโยบายก้าวไกล ถ้าเป็นรัฐบาลทำได้ทันที 

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์วิจารณ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในเรื่อง 4 นโยบายที่สามารถทำได้ทันที หากได้เป็นพรรคใหญ่ในรัฐบาล ได้แก่ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า และรัฐสวัสดิการ เป็นการหาเสียงเกินจริงและไม่สามารถทำได้ตามใจหรือทันที ว่า นายบุญยอดคงตัดสินจากมาตรฐานพรรคที่ตนเองสังกัด ซึ่งต้องอาศัยอำนาจนอกระบบหรืออำนาจจากเผด็จการให้ตัวเองได้เป็นรัฐบาล จึงไม่สามารถมีนโยบายที่ยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนออกมาได้ แม้กระทั่งการหาเสียงก็ต้องโกหกประชาชนว่าจะไม่ร่วมกับเผด็จการ แต่สุดท้ายก็ไปโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ได้มีตำแหน่งในรัฐบาล แต่พอมีอำนาจกลับไม่สนใจที่จะแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมและฉุดรั้งไม่ให้ประเทศนี้มีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเสมอภาคเป็นธรรมและทั่วถึง คอยอุ้มแต่ทุนใหญ่ ทั้งที่เป็นผู้ดูแลกระทรวงสำคัญ ได้แก่ กระทรงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายกรุณพล กล่าวต่อว่า การกล่าวหาว่านายพิธาไม่เข้าใจการแก้ไขกฎหมายในระบบรัฐสภา นายบุญยอดจะเอามาตรฐานพรรคตัวเองมาตัดสินพรรคอื่นไม่ได้ เพราะพรรคเสียงข้างมากในสภาที่มีเจตจำนงทางการเมือง ย่อมมีความสามารถพอในการแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมัยที่พรรคของนายบุญยอดเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จึงไม่สามารถแก้กฎหมายหรือผลักดันนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เลย เพราะไม่เคยคิดชนะการเลือกตั้งด้วยนโยบาย จนในที่สุดประชาชนเสื่อมศรัทธา ความนิยมตกต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน ต้องเผชิญกับปัญหาความวุ่นวายภายในพรรค ทำให้มีแต่คนเดินออกเป็นว่าเล่นดังทุกวันนี้

‘บุญยอด สุขถิ่นไทย’ ลา ‘ปชป.’ ย้ายเข้า ‘รทสช.’ ทิ้งท้าย ‘ชาติ-ปชช.’ อยู่เหนือผลประโยชน์พรรค

(14 มี.ค.66) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีรายละเอียดว่า “กราบขอบพระคุณ บนถนนการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ตลอด 15 ปีกว่าที่ผ่านมากราบขอบพระคุณ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่เป็นผู้เปิดทางเข้าพรรคฯ กราบขอบพระคุณท่านหัวหน้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดห้องรับแขกคุย 10 นาที ก็รับเป็นสมาชิกพรรค ปชป. 24 กันยายน 2550

ผมได้รับโอกาสลงสมัคร ส.ส. 3 ครั้ง ได้เป็น ส.ส. 2 สมัย (2550-2556) และได้เป็นคณะทำงาน รมว.จุติ ไกรฤกษ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกือบ 4 ปี (2562-2566)

กราบขอบพระคุณ ท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านหัวหน้าจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าฯองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าฯ ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ท่านพนิช วิกิตเศรษฐ์ และพี่ๆ น้องๆ ชาว ปชป. ทั้งในสภา และนอกสภา ที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองทั้งเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล อย่างเข้มแข็ง

ผมไม่เคยลืมการหาเสียงตั้งแต่วันแรก ที่ร่วมกัน “บุญยอด-อรรถวิชช์-สกลธี/ทีมพญาไท จตุจักร หลักสี่ บางซื่อ” ที่พี่น้องได้ร่วมส่งนักการเมืองรุ่นใหม่ทั้ง 3 คนเข้าสภา จะไม่ลืมบุญคุณของทุกท่าน ทุกคะแนนที่เคยสนับสนุน เพราะเรายังมีภารกิจร่วมกันอีกต่อไป ระบอบการเมืองเลวร้ายยังไม่จบ เราจะอยู่เฉยได้อย่างไร?

ผลประโยชน์พรรค อยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนตน ผลประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน อยู่เหนือประโยชน์พรรค!!! บุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 14 มีนาคม 2566
 

‘บุญยอด’ แนะ ‘ก้าวไกล’ พูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน ต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร 

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ตอบโต้พรรคก้าวไกลผ่าน ‘หมออ๋อง’ นสพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคก้าวไกล หลังจากมีการพูดจาดูถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในแทบทุกการหาเสียงของพรรคก้าวไกล ในช่วงหนึ่งของเวทีดีเบต BIG DEBATE จังหวัดพิษณุโลก โดยกล่าวว่า…

“นักการเมืองไม่ควรพุ่งเป้าไปสู่คู่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม เปรียบเหมือนกันกับไม่มีนักมวยคนใด หรือนักฟุตบอลคนใด ไปด่าว่าปรามาสคู่แข่งขัน เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และสิ่งที่กระทำมา ถ้ามันผิดหรือไม่ถูกต้อง สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายได้

“พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทบทวนเหมือนกันว่า เวลาจะพูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน คุณดูถูก ดูแคลน ดูหมิ่น ทุกครั้งโดยไม่ให้เกียรติไม่ได้ เนื่องจากในกติกาการหาเสียงเลือกตั้งทุกครั้ง เราต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร ลองไปทบทวนดูก่อน และควรต้องตอบคำถามด้วยว่า หัวหน้าพรรคของคุณทำไมชอบโกหกประชาชนนักด้วย”

เกี่ยวกับเรื่อง ส.ว. 250 คน นายบุญยอด ก็ได้กล่าวอีกด้วยว่า “กติกาของรัฐธรรมนูญ 60 จะให้สิทธิ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้เพียง 5 ปี นั่นคือปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย และนั่นคือกติกาที่ร่างไปแล้ว และผ่านประชามติไปแล้ว กติกาได้เกิดขึ้น พวกท่านได้เข้าสู่การแข่งขันเมื่อปี 62 จำนวน 1 ครั้ง และปี 66 อีก 1 ครั้ง

“ตามกติกานั้น ได้เกิดขึ้นในสภาฯ แล้ว และในวันนั้น คนคงพอจำได้มีคนที่เป็นแคนดิเดต 2 คนเท่านั้น คือ…พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ นี่คือข้อเท็จจริง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top