Monday, 9 June 2025
บึงกาฬ

ตำรวจบึงกาฬ ภาค 4 ยึดเฮโรอีนซุกซ่อนในท่อสเตนเลส

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ให้กวาดล้างยาเสพติดทุกประเภท และจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยให้หมดสิ้นไป

ตำรวจภาค 4 นำโดย พ.ต.ท.ณัฐพล โอฆะพนม สว.กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ ได้สืบสวนทราบว่า จะมีการลักลอบส่งยาเสพติด ในพื้นที่ บ้านท่าอินแปลง ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงบูรณาการกำลังกับ สภ.บึงกาฬ, ร้อย ตชด.244 และ กกล.สุรศักดิ์มนตรี วางแผนและสืบสวนจับกุม ต่อมาวันที่ 20 มี.ค.67 เวลาประมาณ 12.00 น. พบว่ามีผู้นำท่อสแตนเลส ลักษณะเหมือนโครงเปลสำหรับเด็ก ไปวางไว้ที่บริเวณ ริมถนน ถนนสาย 212  บ.ท่าอินแปลง ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ จากการยกตรวจสอบพบมีน้ำหนักที่ผิดปกติ จึงใช้อุปกรณ์เปิดตรวจสอบ พบว่าภายในช่องว่างของท่อ ถูกบรรจุด้วยเฮโรอีน เชื่อว่าเป็นยาเสพติดที่จะมีการลักลอบส่งตามข่าวที่สืบสวนมา จึงนำกำลังซุ่มอยู่บริเวณโดยรอบ กระทั่งพบรถเก๋งนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 12xx สกลนคร เข้ามาจอด จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้พากันมายกท่อสเตนเลสดังกล่าวเพื่อจะนำขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายรุ่งเพชร กำนันแห่งหนึ่ง ในภาคอีสาน, นางเพ็ชรัตน์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายรุ่งเพชร และ 3.นายวชิระ พร้อมด้วยของกลาง คือ เฮโรอีนน้ำหนักประมาณ 9.2 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในท่อสเตนเลส ลักษณะเหมือนโครงเปลสำหรับเด็ก สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหารับว่า มีผู้จ้างให้มารับของดังกล่าวเป็นเงิน 5 หมื่นบาท จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดี และสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

‘รพ.พรเจริญ’ บึงกาฬ วิกฤต!! สิ้น พ.ค. มีแพทย์ประจำเหลือแค่ 1 คน เร่งประสานยืมแพทย์จาก รพ.ใกล้เคียง เพื่อให้เพียงพอในการดูแลผู้ป่วย

(15 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงพยาบาลพรเจริญ’ ตั้งอยู่ใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ประกาศประชาสัมพันธ์จากโรงพยาบาลพรเจริญ

ตั้งแต่วันที่ 27 - 31 พฤษภาคม 2567 โรงพยาบาลพรเจริญ จะมีแพทย์ประจำเหลือ 1 คน และแพทย์ประจำต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน โรงพยาบาลพรเจริญจึงได้กำหนดให้มีแนวทางแก้ปัญหาการให้บริการดังนี้

1. ประสานยืมแพทย์ช่วยตรวจจากโรงพยาบาลข้างเคียง

2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, สุขภาพจิต, ไทรอยด์) ที่มีนัดในช่วงดังกล่าวผู้ป่วยสามารถมารับบริการได้ตามปกติ โดยหากผลตรวจปกติ หรืออาการป่วยคงที่พยาบาลวิชาชีพจะสั่งยาเดิมให้ (ไม่ต้องพบแพทย์) และจะปรึกษาแพทย์ในรายที่มีผลเลือดผิดปกติ หรืออาการผิดปกติเท่านั้น 

3. ผู้ป่วยคลอดและอุบัติเหตุฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง

โรงพยาบาลพรเจริญจึงขอแจ้งให้ผู้รับบริการทราบ และต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้หากการบริการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าปกติ โรงพยาบาลจะให้บริการได้ตามปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2567

โทร.042 487 099 ต่อ 155 (ฝ่ายงานบริหารทั่วไป)”

บึงกาฬ  ดราม่ารพ.พรเจริญประกาศเฟสบุ๊คเหลือหมอ 1 คนจะให้พยาบาลตรวจจ่ายยา

บึงกาฬ  ดราม่ารพ.พรเจริญประกาศเฟสบุ๊คเหลือหมอ 1 คนจะให้พยาบาลตรวจจ่ายยา
เปลี่ยนรัฐมนตรีสาธารสุขคนใหม่ ก็เกิดเหตุดราม่าจากโรงพยาบาลพรเจริญ มีหมอลาออกและไปเรียนต่อ เหลือแพทย์ประจำอยู่คนเดียว จึงประกาศผ่านเฟสบุ๊ค จะให้พยาบาลช่วยตรวจพร้อมสั่งจ่ายยาแทน และขอยืมแพทย์จาก รพ.ใกล้เคียง จึงขออภัยในความไม่สะดวกกับผู้ป่วยและญาติที่มาใช้บริการ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 15 พ.ค.ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ ได้เดินทางไปที่ โรงพยาบาลพรเจริญ อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ จากกรณีดรามา เพจเฟซบุ๊ค "โรงพยาบาลพรเจริญ" โพสต์ประกาศประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ผ่านมา ระบุข้อความว่า ตั้งแต่วันที่ 27-31 พ.ค. 2567 โรงพยาบาลพรเจริญ จะมีแพทย์ประจำเหลือ 1 คน และ แพทย์ประจำต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงได้กำหนดให้มีแนวทางแก้ปัญหาการให้บริการดังนี้

1. ประสานยืมแพทย์ช่วยตรวจจากโรงพยาบาลข้างเคียง 2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน,ความดันโลหิตสูง,สุขภาพจิต,ไทรอยด์ ที่มีนัดในช่วงดังกล่าว ผู้ป่วยสามารถมารับบริการได้ตามปกติ โดยหากผลตรวจปกติ หรืออาการป่วยคงที่พยาบาลวิชาชีพจะสั่งยาเดิมให้ (ไม่ต้องพบแพทย์) และจะปรึกษาแพทย์ในรายที่มีผลเลือดผิดปกติ หรืออาการผิดปกติเท่านั้น 3. ผู้ป่วยคลอดและอุบัติเหตุฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลพรเจริญจึงขอแจ้งให้ผู้รับบริการทราบ และต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้หากการบริการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าปกติ โรงพยาบาลจะให้บริการได้ตามปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

จากเหตุการณ์ดรามาขาดแคลนแพทย์ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าพบ เพื่อสอบถามปัญหากับ นพ.ตฤณกฤต สิทธิศร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพรเจริญ โดยได้รับการชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า  เนื่องจากมีแพทย์ได้ลาออกช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประกอบกับแพทย์ที่มีอยู่ก็ไปศึกษาต่อทำให้แพทย์ในโรงพยาบาลพรเจริญที่มีน้อยอยู่แล้วจึงขาดแคลน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการไม่ทั่วถึง  จึงได้แก้ปัญหาโดยให้พยาบาลช่วยตรวจและประสานยืมแพทย์จากโรงพยาบาลข้างเคียงมาช่วย แต่ก็อาจช่วยได้ไม่เต็ม เพราะเรายืมมาเขาก็ขาด เหตุการณ์ก็จะวนอยู่อย่างนี้ อย่าไรก็ตามการขาดแคลนแพทย์ก็มีหลายโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้โรงพยาบาลพรเจริญจะให้บริการเริ่มกลับมาปกติช่วงเดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป แต่ก็คงจะยังให้บริการไม่ได้เต็มที่

ด้านนายวิเชียร โคตรศรีเมือง ชาวบ้านหนองหัวช้าง ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ  ได้พาภรรยามาตรวจครรภ์ ก็ได้รับความสะดวกดี แต่ก็ล่าช้าบ้าง การได้รับบริการจากโรงพยาบาลตามขั้นตอนดี เอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลครับ

ส่วนนางสี วิณโรจน์ ชาวบ้านหัวแฮด ต.ท่าสะอาด อ.เซกา ที่มีพื้นที่ติดกันและบ้านใกล้ รพ.พรเจริญ ก็มาใช้บริการในโรงพยาบาลด้านกายภาพบำบัด ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า คุณยายมาทำกายภาพที่โรงพยาบาลแห่งนี้สาเหตุเดินไม่สะดวกคล่องแคล่ว  เจ้าหน้าที่ก็ดูแลเป็นอย่างดีตามขั้นตอนการทำกายภาพ มีเจ้าหน้าที่สลับกันทำงาน เชื่อว่าโรงพยาบาลก็คงพยายามสับเปลี่ยนบุคลากรมาทำงานมากยิ่งขึ้น จึงให้กำลังใจให้กับบุคลากรของโรงพยาบาลพรเจริญ เพื่อดูแลประชาชนต่อไป 

แต่อย่างไรก็ตามเสียงสะท้อนจากทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้มารับบริการจากโรงพยาบาลพรเจริญก็อยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือกระทรวงสาธารสุข ออกมาเร่งแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด.ทั้งนี้นายแพทย์ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า จากกรณีข่าวที่แชร์ออกไปว่า ช่วงวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้ โรงพยาบาลพรเจริญมีแพทย์ประจำ 1 คน และจะมีการปิดการให้บริการ นั้น เป็นข่าวที่มีความคลาดเคลื่อน ซึ่งความเป็นจริงแล้ว คือ โรงพยาบาลพรเจริญช่วงนั้นก็เหลือแพทย์เพียง 1 คนจริง เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่แพทย์ประจำคนอื่น ๆ นั้น ย้ายไปเรียนต่อ และส่วนหนึ่งก็ลาออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลพรเจริญ และชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่งได้ประสานจะยืมแพทย์ทั้งโรงพยาบาลภายในจังหวัด และแพทย์จากต่างจังหวัด เช่น หนองคาย, สกลนคร และนครพนม มาในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่า โรงพยาบาลพรเจริญ เปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่อาจจะมีความล่าช้าไปบ้าง จึงออกประกาศมาให้พี่น้องประชาชนได้ทราบถึงสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว และการบริการต่าง ๆ จะเป็นปกติตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่แพทย์ใหม่มาทำงานพอดี 

โดยในช่วงเวลาดังกล่าว หากมีกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ เกิดขึ้น เราก็จะมีแพทย์เวรประจำอยู่แล้ว ซึ่งแพทย์ที่ยืมมาช่วยก็จะช่วยอยู่เวรด้วย เพื่อไม่ให้แพทย์ที่เหลืออยู่ 1 คนเหน็ดเหนื่อยเกินไป ส่วนพยาบาลก็ขึ้นเวรเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาตรงนั้น 

ท้ายที่สุด นายแพทย์ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ในส่วนของการให้บริการที่โรงพยาบาลภายในจังหวัดบึงกาฬยังคงให้บริการเต็มที่ แม้ว่าแพทย์เราจะมีน้อย แต่ว่าเราก็ตั้งใจทำงานกันทุกคน บางช่วงก็อาจจะมีความขาดแคลนไปบ้าง แต่เราก็พยายามให้หมอจากจังหวัดต่าง ๆ ลงมาช่วย รวมทั้งทีมพยาบาลก็ช่วยคัดกรองคนไข้ รวมถึงช่วยตรวจโรคเบื้องต้นได้อย่างเต็มที่ เราขอให้ความเชื่อมั่นว่า เราจะดูแลพี่น้องประชาชนคนบึงกาฬอย่างเต็มที่ และตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป เราเริ่มมีแพทย์มากขึ้น และสัญญาว่าจะทำการให้บริการที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0645960906

ตำรวจภาค 4 ทลายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 139 กก. ก่อนส่งออกต่างประเทศ เร่งขยายผลจับกุมผู้สั่งการ

ที่ตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น : เมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 139 กก. ภายใต้แผนปฏิบัติการไล่ล่า(เด็ดปีก)นักค้า อีสานเหนือ 252  “No Place for Drug : NPD.P4” ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ ภ.จว.บึงกาฬ ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติด ทราบว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่ จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยและจะลำเลียงเข้าไปพื้นที่ตอนใน ปลายทางท่าเรือแห่งหนึ่ง จึงวางกำลังตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ  ต่อเนื่อง  อ.บ้านแพง จ.นครพนม  ซึ่งคาดว่าจะมีการลำเลียง ยาเสพติดผ่าน กระทั่งช่วงสายของวันที่ 25 พ.ค.67 ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ซึ่งเป็นรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน ขอ-90xx ชลบุรี ตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวน ขับขี่อยู่บนถนนสาย 212 อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และเลี้ยวเข้าถนนสาย 2026 จึงเข้าสกัดจับกุมไว้ได้ บริเวณถนนสาย 2026 บ้านดงชมพู ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ทราบภายหลังว่าผู้ขับขี่คือนายณัฐพล ตรวจค้นรถพบกระสอบห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 3 กระสอบ ถูกวางอยู่ภายในห้องโดยสาร ตรวจสอบเป็นเฮโรอีนจำนวน 380 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 139 กก. จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผลต่อที่ สภ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งผู้ต้องหา รับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษจำคุกในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมีนายทุนติดต่อมาจ้างให้ลำเลียงยาเสพติดจำนวนดังกล่าวจริง เพื่อไปส่งมอบในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยจะได้ค่าจ้าง 100,000 บาท ทั้งนี้หากเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวหลุดลอดออกไปยังประเทศที่สาม จะมีมูลค่าถึง 280 ล้านบาท จากนี้จะทำการขยายผลถึงเครือข่ายและนายทุนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า ตำรวจภาค 4 ได้ปราบปรามยาเสพติดเชิงรุกตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยเปิดปฏิบัติการไล่ล่านักค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และสืบสวนขยายผลการจับกุมเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์ผู้สั่งการ รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการทุกคดี นอกจากนี้ยังได้จัดฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพของตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด โดยได้จัดฝึกอบรม“นักสืบ 5 G P4+1 รุ่นการสืบสวนเฉพาะทางด้านยาเสพติด” ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างเขี้ยวเล็บให้นักสืบยาเสพติดของภาค 4 พร้อมรับมือกับสถานการณ์ยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ  พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

บึงกาฬ ยาบ้าไปยาไอซ์มา 5 กระสอบ 220 กก.ค่ากว่า 55 ล้านบาท

ปราบยังไงก็ยังเอาไม่อยู่หลังจากยาบ้าทะลักเข้ามาซาไปพักหนึ่ง เลขาธิการปปส. ลงมาเล่นเองขอเสนองบรัฐบาลไป 60 ล้านบาทเพื่อให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นหัวหอกสกัดกั้นยาเสพติดทุกชนิดโดยที่ผ่านมาต้นปียาบ้าทะลักเข้ามา กว่า 6 ล้านเม็ด ทหารพรานร่วมหน่วยความมั่นคงเข้าสกัดจับได้ ก่อนที่จะข้ามน้ำโขงเข้าไทย คราวนี้เป็นไอซ์ที่ทะลักข้ามน้ำโขงเข้ามา5 กระสอบกว่า 220 กิโลกรัมคาดว่าจะเป็นทางผ่านเข้าสู่ตอนในของประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ก.ค ที่กองร้อยทหารพราน 2108 อำเภอบุ่งคล้าจังหวัดบึงกาฬ พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,พล.ต.พรชัย มาหลิน รอง มทภ.2,พล.ต.นรธิป โพยนอก ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.บึงกาฬ,พ.อ.ชูชาติ นนทบุตร ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13)กกล.สุรศักดิ์มนตรี,พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ นายภิญโญ โฆสิต ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส.ภาค 4.น.ท.ธนชัย รอดทัศนา หน.สน.เรือบึงกาฬ และปลัดฝ่ายป้องกันร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายธนวัฒน์ แสงจันทร์ อายุ 19 ปีชาว กรุงเทพมหานคร ขณะขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียน ฒง 3107 กทม.ที่ต่อเป็นโคลงเหล็กด้านข้างทั้ง 2 ด้านคล้ายรถบรรทุกสินค้า ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานและฝ่ายความมั่นคงสะกดรอยติดตามจับกุมได้ที่ถนนสาย 2026 ดงบัง-บึงโขงหลง ตรวจค้นภายในกระบะหลังรถที่มีภายใบคลุมกันฝน พบกระสอบที่มีถุงพลาสติกห่อหุ้มจำนวน 5 กระสอบ ด้านในพบเป็นไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกคล้ายถุงกาแฟ จำนวน 220 กิโลกรัม จึงถูกควบคุมตัวพร้อมของกลางไปตรวจนับอย่างละเอียดที่กองร้อยทหารพราน 2108 

ทั้งนี้เมื่อกลางดึกคืนผ่านมาพ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 ได้สั่งการให้ ร.ท.โกวิทย์ วงษ์แสง ผบ.ร้อยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2018 ได้ประสานหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) ตำรวจสืบสวน บก. สส.ภ.จว.บึงกาฬ ตชด.244 ตม.บึงกาฬ ตร.น้ำบึงกาฬ ด่านศุลกากรบึงกาฬ ดักซุ่มตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะขนยาผ่าน โดยเริ่มต้นจากริมน้ำโขงจุดทีมีการขออนุญาคดูดทรายบ้านดอนใหญ่ ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จนท.สักเกตุเห็นรถเก๋งต้องสงสัยวิ่งน้ำหน้ารถกระบะบรรทุก จึงสะกดรอยติดตาม ถนนสาย 212 บุ่งคล้า-บ้านแพง ถึงไฟแดงสี่แยกบ้านดงบังเลี้ยวข้าวเข้าถนน 2026 ดงบัง-บึงโขงหลง ถึงบ้านดงชมภู หมู่ 7 ต.โพธิ์หมากแข้ง จึงตัดสินใจขับแซงขึ้นหน้าส่งสัญญาณให้คนขับรถกระบะหยุดรถเพื่อตรวจค้น จึงพบของกลางไอซ์จำนวน 220 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 55 ล้านบาท

สอบสวนนายธนวัฒน์ แสงจันทร์ รับว่ารับจ้างจากเจ๊แต๋ว ชาวลาวเป็นเงิน 1.5 แสนบาท เพื่อบรรทุกไปส่งในกรุงเทพฯ รับมาแล้ว 2 หมื่นบาท โดยตนจะได้ส่วนแบ่ง 8 หมื่นบาท ส่วนชุดนำทาง(ขับเก๋งสเกาท์หน้า)จะได้ 7 หมื่นบาทหลังจากทำงานสำเร็จ จึงถูกแจ้งข้อหาว่า "ร่วมกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่(รถยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย" ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บึงโขงหลงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน 16 ก.พ.ทหารพรานชุดนี้ก็จับยาบ้าได้ 6 ล้านเม็ด และ31 มี.ค.จับยาบ้าได้ 1.58 แสนเม็ด นอกจากนี้ยังมีหน่วยอื่น เช่น ทหารเรือจับ 1.2 แสนเม็ด เมื่อ พ.ค.ผ่านมาต้นปีนี่เอง และส่วนที่จับไม่ได้ก็มีมากมาย จึงอยากฝากรัฐบาลได้ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ก่อนที่ลูกหลานชาวไทยจะเป็นบ้าหลอนจนฆาตกรรมพ่อแม่หรือเผาบ้านตัวเองไปมากกว่านี้

บึงกาฬ -แถลงข่าวตรวจยึดจับกุมผู้ต้องหา1ราย พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 5 กระสอบ น้ำหนัก 200 กก. และรถยนต์กระบะ 1 คัน

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 02.30 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองบังคับการควบคุมที่ 2 ( ร.13) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยขับมุ่งหน้าไป อ.บึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตาม และแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจสอบ รถยนต์คันดังกล่าวได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี จนท.จึงไล่ติดตาม สกัดจับไว้ได้ที่บริเวณ บ.ดงชมภู ต.โพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ตรวจสอบพบ ผู้ต้องหา 1 ราย นายธนวัฒน์ นามสมมุติ ทราบชื่อภายหลัง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน กระบะหลังรถพบยาไอซ์ จำนวน 5 กระสอบ บรรจุในถุงกระสอบพลาสติกสีดำ พันด้วยเทปกาวใส น้ำหนักประมาณ 200 ก้อน/กก. จึงนำผู้ต้องหา พร้อมของกลางและรถยนต์กระบะ Toyota สีขาว คันหมายเลขทะเบียน 2 ฒง 3107 กรุงเทพฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บึงโขงหลง เพื่อดำเนินสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมเข้าอุดมการณ์ มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน092-5259777

บึงกาฬ องคมนตรี ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์

วันที่ 18 ก.ค.67 นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมลงพื้นที่ดูฝายห้วยคลองตอนกลาง บ้านนาขาม ต.ศณีชมภู อ.โซ่พิสัย ที่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมฝายขึ้นมาใหม่ โดยพระอธิการปรีดา ฉนฺทกโร เจ้าอาวาสวัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) 

เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ และสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับชุมชน พบปะและเยี่ยมเยือนประชาชนที่มีพื้นที่ติดกับโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจแก่ชุมชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ให้คนกับป่าอยู่ร่วมกัน โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.บึงกาฬ พร้อมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ จากส่วนราชการต่างๆ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอโซ่พิสัย และโรงเรียนบ้านแสงอรุณ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างชีวิต อย่างยั่งยืน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ  

(5 พ.ย. 67) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ  (จังหวัดที่ 15 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 23 ครัวเรือน พร้อมมอบจักรยานในโครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร จำนวน 50 คัน ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน จำนวน 5 แห่ง เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน นอกจากนี้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์แก่คนพิการ จำนวน 10 คัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวบึงกาฬในครั้งนี้ทั้งสิ้น 647,630 บาท (หกแสนสี่หมื่นเจ็ดพันหกร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ
ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ  พร้อมด้วย นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี คณะมูลนิธิสว่างศรีวิไลธรรมสถาน จังหวัดบึงกาฬ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี  รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบอุปกรณ์ฯ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปแล้วทั้งสิ้น 15 จังหวัด 360 ครัวเรือน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,913,654 บาท (เจ็ดล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยห้าสิบสี่บาทถ้วน) 

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ  www.facebook.com/pohtecktungofficial

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

บึงกาฬ-สนามบึงกาฬเดือด2พรรคใหญ่ส่งชิงนายกฯ-ส.อบจ.

สนามการเมืองท้องถิ่น ชิง นายกอบจ. และ ส.อบจ. วันแรกคึกคัก โดยครั้งนี้มีตัวแทนจากพรรคใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ส่งตัวแทนชิงเก้าอี้อย่างดุเดือด

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่บริเวณโดมเอนกประสงค์ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ที่ กกต.ใช้เป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นวันรับสมัครวันแรก ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของกองเชียร์และผู้สมัครมีมาเฝ้ารอตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณ 07.30 น. ซึ่งก่อนถึงเวลารับสมัคร โดยทางคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งได้จัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างเป็นระบบ จัดโซนผู้สมัคร ผู้ติดตามและกองเชียร์อย่างชัดเจน

นายวนาชาติ วงศ์พุทธา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ  พร้อมเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ คอยรับสมัครและอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับสมัคร โดยในวันนี้มีผู้มาสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.จำนวน 3 คน โดยคนแรกเป็นว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย คนที่ 2 นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ในนามอิสระ คนที่ 3 นางแว่นฟ้า ทองศรี ดีกรีภริยา ดร.ทรงศรี ทองศรี รมช.มหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ(แชมป์เก่า) พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มฅนบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย 

หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการจึงได้ให้ตามเวลาลงทะเบียนการรับสมัคร รับเบอร์ผู้สมัครนายก อบจ. ผลปรากฏว่าการลงทะเบียน ว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น กลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ จากพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1
นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ได้เบอร์ 2 ในนามอิสระ
นางแว่นฟ้า ทองศรี จากพรรคภูมิใจไทย ได้เบอร์ 3 จากนั้นคณะกรรมการได้ดำเนินการจับสลากผู้สมัคร สมาชิก อบจ.ในแต่ละเขต ทั้ง 24 เขตซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ พวงมาลัยคล้องคอ ผูกผ้าขาวม้า กันอย่างคึกคักให้กับผู้สมัครของตนที่มาสมัครและจับสลากเอาเบอร์

ส่วนพรรคประชาชน ส่งผู้สมัครแค่สมาชิก อบจ. 2 เขต มี ส.อบจ.เมืองบึงกาฬ เขต 1 และ ส.อบจ.เซกา เขต 3 เท่านั้น

ด้านนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า เชิญชวนประชาชนชาวบึงกาฬออกมาใช้สิทธิ์ ในครั้งนี้ให้มากๆ เลือกคนที่ท่านรักที่ท่านชอบ ช่วยบริหารท้องถิ่น พัฒนาบึงกาฬร่วมกัน และยืนยันว่า การเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. บึงกาฬ ด้วยความโปร่งใส และยุติธรรม 

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

ทักษิณ' ช่วย 'ภูมิพันธ์' หาเสียง อ้อนชาวบึงกาฬ เลือกเป็นนายกอบจ.คนใหม่ 

(19 ม.ค. 68) เวลา 9.00 น. ที่จังหวัด​บึงกาฬ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาโรงเรียนบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับว่าที่ร้อยตรี ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ชิง นายก อบจ.บึงกาฬ

โดยทันทีที่นายทักษิณเดินทางมาถึงเวทีมีมวลชนจำนวนมากรอต้อนรับ สวมเสื้อสีแดง พร้อมผ้าคาดหัวที่สกรีนเบอร์ผู้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทำให้บริเวณหน้าเวทีปราศรัยกลายเป็นลานสีแดง หลายคน ชูป้ายให้กำลังใจนายทักษิณบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายทักษิณ กล่าวทักทายว่า "คิดฮอดหลาย"พร้อมบอกว่า เมื่อกี้ถูกสาวบึงกาฬจีบหลายคนบอกว่าตนเองยังหล่ออยู่ ความจริงมันเฒ่าแล้วเดือนกรกฎาคมนี้จะอายุ 76 แล้วแต่ หัวใจยังสะออนอยู่ หัวใจยังอยู่กับพี่น้องประชาชนยังอยากคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยพี่น้อง บ้านเมืองนี้หลัง หลายคนบอกว่าคิดถึงผมจริงหรือเปล่าครับ สิ่งหนึ่งที่ผมมีความเกี่ยวข้องกับคนบึงกาฬตรงๆคือเมื่อปี 2546  ตอนนั้นผมเป็นนายกไปประชุมครม.สัญจรที่ภูเก็ต ได้สั่งยกเลิกมติครม.สมัยคุณชวน ที่บอกว่าไม่ขยายพื้นที่ปลูกยางพารา ผมให้เพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราอีก 1ล้านไร่ ซึ่งวันนี้บึงกาฬก็ล้านไร่ไปแล้ว 

จากที่ตนออกไปมันขาดการบริหารอย่างมีเป้าหมายไปเยอะ เรียกว่าบริหาร โดยไม่บริหาร บ้านเมืองก็เลยแย่ไปหลายจุด ในฐานะที่ตนเองเป็นอดีตนายกฯ ได้รับพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ จึงคิดว่าอยากทำให้บ้านเมืองดีขึ้น 

วันนี้ท่าทางคนบึงกาฬอารมณ์ดี สงสัยจะไม่มีความทุกข์ ถามว่ามีทุกข์หรือมีหนี้หรือไม่ และไปลงทะเบียนเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้แล้วหรือไม่ ราคายางพาราดีขึ้นไหม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬใครดูข่าวที่นายกรัฐมนตรีไปเปิดบ้านเพื่อคนไทยบ้างผ่อนเดือนละ 4,000 บาท มีคนแห่ไปกดจอง 23​ ล้านคน ซึ่งโครงการแรกเพิ่งสร้างได้ 4,700 หลังต้องจับฉลากกันตาตั้งเลย

นายทักษิณ ถามต่อถึงปัญหายาเสพติดในพื้นพื้นที่​ โดยถามว่าต้องการให้จัดการหรือไม่เอาแบบไหนดี ตอนตนไปหาเสียงช่วยนายกอบจ. ที่อุดรธานี

ก็ได้ฝากบอกพี่น้องกลับไปบอกพ่อค้ายาเสพติด​ ว่าทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณไม่ใช่ไม่ชอบพ่อค้ายาแต่เกลียดเลย ถ้ายังขายยาอยู่มันอยู่ด้วยกันไม่ได้ พร้อมฝากบอกชาวบึงกาฬเช่นเดียวกันว่าทักษิณมาแล้วแม้จะแก่แล้วก็เหมือนเดิม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬว่า อยากให้สร้างบ้านเพื่อคนไทยบ้างหรือไม่ ซึ่งบ้านเพื่อคนไทยไม่ใช่บ้านเพื่อคนจนแต่เป็นบ้านให้ทุกคนที่มีความฝันอยากมีบ้านได้มีบ้าน เมื่อก่อนเราอยากมีบ้านต้องหาเงินดาวน์ก่อน แต่เมื่อเก็บเงินได้ ราคาบ้านก็ขยับขึ้น วันนี้จึงเอาที่หลวงซึ่งเป็นที่รถไฟที่ติดกับรถไฟฟ้า ที่จะมีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคตมาเป็นพื้นที่ที่ทำโครงการ ส่วนในต่างจังหวัดก็ใช้ที่ของกรมธนารักษ์ ที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างโดยที่เชียงใหม่กำลังจะเริ่มทำ ส่วนที่บึงกาฬ เดี๋ยวให้นางนพร​ เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมช่วยดู ว่าที่ตรงไหนที่ไม่ได้ใช้ เหมาะสมกับการทำที่อยู่อาศัยหรือไม่ เราจะได้มาสร้างกัน วันนี้กะว่าจะสร้างทั่วประเทศ 1,000,000 ยูนิต แต่ยังไม่พอเพราะยังมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองแม้จะหนักแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการก่อสร้างการรับจ้าง ที่สำคัญคือบ้านเพื่อคนไทยใช้ระบบส้วมไฟฟ้า ส่วนเรื่อง Entertainment Complex ว่ามันก็เหมือนที่ลาสเวกัส มีสนามกีฬา มีหอประชุม มีการจัดงานอะไรสารพัดอย่าง มีสวนน้ำ มีบางคนจะเสนอแม้กระทั่งจะสร้างที่เล่นสก็บนหิมะ แต่พื้นที่ใหญ่ ๆ นี้จะใช้พื้นที่ไม่ถึง 10% ทำเป็นคาสิโน เหมือนที่สิงคโปร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาใช้ตังค์ มาท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่ง จะสร้างงาน​ 20,000 คน และเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทเพื่อรายได้ต่างๆเข้าประเทศ อันนี้เป็นแนวที่รัฐบาลได้ทำต่อเนื่องจากจากรัฐบาลที่แล้ว หลังจากถามความเห็นและมีคนคัดค้านน้อยมาก 

โดยจะต้องทำให้มีการควบคุมให้ถูกต้อง คนไทยจะไปเล่น ต้องเป็นคนมีฐานะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหมดตัวอันนี้เราจะดูแลอย่างใกล้ชิดและถูกต้องตามหลักตามที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาทำกัน

นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลรับช่วงมาก็เป็นหนี้ตั้ง 60% ของจีดีพี วันนี้จึงต้องพยายามทำให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ให้เงินสะพัดคล่องขึ้นให้ประชาชนมีเงินใช้ เอาให้เหมือนตอนตนอยู่ไทยรักไทย

"วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วงออกมาก็เจอตั๋วจำนำ ก่อนครบเทอมของรัฐบาลนี้ล้วงกระเป๋าไปตั๋วจำนำหาย ปี 2569 ล้วงไปมีเงินแล้ว และในปี2570

กลับมาอีกทีจะล้วงไม่ลงเพราะเงินเยอะไป แน่นกระเป๋า ที่พูดมีความตั้งใจและมั่นใจว่าเอาไหวแน่แม้ตอนนี้จะลำบากก็ต้องสู้เอาจนได้ ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไร แพ้แต่เมีย" นายทักษิณกล่าววันนี้เราต้องยอมรับว่าเงินมันแห้ง หาเงินเท่าไหร่เขาก็ดูดกลับไปหมด ซึ่งตนเองเรื่องนี้ ตนเองไม่ยอม คนต่างจังหวัดทำงานแทบตายแม้จะมีเงินน้อยนิดก็ต้องให้มีสภาพคล่องอยู่ในจังหวัด คนต่างจังหวัดเหมือนปลาวางไขในคลองถ้าเขาดูดน้ำไปหมดก็วางไข่ไม่ได้ วันนี้จะดูดกลับให้พี่น้องถ้าเขาไม่ให้ดูดน้ำคลองกลับตนเองก็ยอมเติมน้ำขวด ขอเวลาตนนิดหนึ่ง ทำเต็มที่ คิดไม่หยุดและไม่หยุดทำและไม่หยุดส.ท.ร.(เสือกทุกเรื่อง)

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเองกลับมาลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ กับตนเองหน้าตาเหมือนกันหรือไม่ ตามตนเองหาเสียง ตอนตั้งพรรคไทยรักไทย ตอนตนเองเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศนายกอิ๊งค์อายุ 8 ขวบ พวงมาลัยดาวเรืองนายกฯ เขาสวมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เขาอยู่กับการเมืองมาวิธีคิดวิธีพูดก็เหมือนกันระหว่างไปอยู่ต่างประเทศเขาก็ไปหาตนเองแทบทุกเดือน ขณะท้องก็ไปหาแต่งงานยังไปจัดพิธีที่ฮ่องกง เพราะมาร่วมงานที่เมืองไทยไม่ได้ ถือว่าเป็นลูกที่ใกล้ชิดมาก ดังนั้นวิธีคิดวิธีพูดวิธีทำงานเหมือนกันแม้ไม่ได้คุยกันแต่เวลาเขาให้สัมภาษณ์มันตรงกับเราทุกอย่าง ดังนั้นท่านก็มีนายกตัวจริงคือแพทองธาร มีเงาอยู่ข้างหลังคือเงาแก่ ๆ คนนี้

นายทักษิณ ยังระบุว่า บึงกาฬ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดี มียางพาราเป็นฐานเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปเราต้องพัฒนาบึงกาฬ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวให้ได้ ให้ราคายางพาราเพิ่มขึ้น พี่น้องชาวบึงกาฬจะได้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะ ไร แม้แต่เมียตื้นตัน ใจที่พี่น้องชาวบึงกาฦมากันเยอะ แดดออกก็ไม่หนี น่ารักมาก แบบนี้ผมต่องขยันมาแล้ว ซี่นใจจริงๆ ผมเป็นโรค ที่ถ้าไปไหนแล้วประชาชนมาให้การต้อนรับกันเยอะๆ จะมีความสุข ท่าให้คนแก่มีความรู้สึก กระชุ่มกระชวย แล้วรู้สึกไม่แก่ มาวันนี้จึงขอคะแนนเสียงให้ เลือกนายกอบจ.คนหนุ่มๆ ไฟแรง แล้วมีคนแก่ๆ ให้คําปรึกษา มีรัฐมนตรีมนพร และสส.นิพนธ์ คอยเป็นพี่เลี้ยง แบบนี้ใช้ให้เต็มที่เลย ถึงเวลา ต้องเปลี่ยนนายก อบจ. เอานายกภูมิพันธ์ เบอร์ 1 และอย่าลืมเลือกสมาชิก อบจ.เข้าไปด้วย ไม่งั้น ทํางานคนเดียวลําบาก" นายทักษิณ กล่าว 

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า พี่น้องน่ารักกัน จริงๆ ขอขอบคุณมากที่แดดออกก็ไม่หนี แสดงว่ายัง พอรักตนมากอยู่ อยากให้ตนมาหาบ่อยๆ หรือไม่ เลือกเบอร์ 1 หน่อย อย่างน้อยตนก็แวะมานั่งกินกาแฟไข่กระทะกับนายก อบจ.คนใหม่ จะได้แวะมาหาพี่ น้องประชาชน ขอฝากนายภูมิพันธ์ เบอร 1 ไว้ให้เป็นนายก อบจ.คนใหม่ ตนเป็นคนบ้ายอ อยากยอตน ง่าย นิดเดียวแค่เลือกนายก อบจ.และทีมให้ตน ตนก็มี ความสุข ยัง ไงก็ขอพี่น้องชาวนบึงกาฬ ตนมาขอถึงที่แล้ว ยังไงก็ขอเบอร์ 1 และทีม สจ.ทั้งหมด ให้เป็นกําลังใจตน ตนจะได้มาห่างานพี่น้องต่อไป

ข่าว/ภาพ​ ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล บึงกาฬ 0961464326


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top