Tuesday, 22 April 2025
บัญชีม้า

ตำรวจไซเบอร์ขยายวงสืบค้นทั่วประเทศ จับกุมขบวนการ 2 เว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ เงินหมุนเวียนมหาศาล ล่าสุดจับอีก 5 บัญชีม้า เป้าหมายจับครบทั้ง 64 ราย และเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกหลายราย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) สั่งการขยายผลการจับกุมต่อเนื่อง หลังจากตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 กวาดล้างเครือข่าย 2 เว็บพนันฟุตบอลรายใหญ่ ที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งได้ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทั้งขบวนการ จำนวน 64 ราย และสามารถติดตามจับกุมตัวได้จำนวนหนึ่งแล้วนั้น

พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ สืบสวนติดตามจับกุมทั่วประเทศ ไม่ว่าอยู่พื้นที่ใดให้ประสานพื้นที่นำตัวมาดำเนินคดีทุกราย ล่าสุดจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่ ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จึงได้ประสาน สภ.หน้าพระลาน ร่วมติดตามจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้อีก 5 ราย ได้แก่ นายอัศวินฯ อายุ 50 ปี , นางเล็กฯ อายุ 70 ปี , นายประณัยฯ อายุ 20 ปี , น.ส.ขันหมากฯ อายุ 56 ปี และ นายชัยรัตน์ฯ อายุ 55 ปี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยได้รับค่าจ้าง 2,000 บาท 

พ.ต.อ.อภิรักษ์ฯ กล่าวว่า ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ บช.สอท.เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามจับกุมการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยูโร 2024 ซึ่งทางด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ได้กำชับสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 ดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจากปฏิบัติการ SHUTDOWN EURO BET ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบมากที่สุดถึงกว่า 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้มีการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวไปจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 จะได้เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งขบวนการมาดำเนินคดี และจะมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวอีกหลายรายด้วย

พร้อมกันนี้ ฝากเตือนพี่น้องประชาชน หากมีผู้ชักชวนหรือว่าจ้างให้เปิดบัญชี ขอให้ปฏิเสธทันที ไม่ควรเห็นแก่เงินค่าจ้างเพียงเล็กน้อย เพราะหากบัญชีของท่านถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย เจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ในหลายความผิด เช่น ผู้ใดรับจ้างเปิดบัญชี หรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับโอนเงิน หรือรับชำระค่าสินค้าหรือบริการที่ได้มาโดยการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ อาจมีความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และอาจมีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน อีกด้วย ซึ่งมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงยุทธการ 'ปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า' ระดมกำลังตำรวจไทย 16 วัน รวบผู้ต้องหากว่า 2,000 คน

(26 ก.ย.67) ตามที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยกำหนดนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ซึ่งนโยบายข้อที่ 9 กำหนดว่า “รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างทันท่วงที โดยผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างกลไกการร่วมรับผิดชอบของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และธนาคารพาณิชย์” 

ปัจจุบันคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ 'คดีออนไลน์' มีสถิติการรับแจงความประมาณ 1,000 เรื่องต่อวัน คนร้ายมีการพัฒนารูปแบบและกลโกงที่แปลกใหม่และหลากหลาย ส่งผลใหประชาชนได้รับความเดือดร้อนและสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก จากสถิติในระบบรับแจ้งความออนไลน ห้วงตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 สิงหาคม 2567 (รวม 2 ปี 6 เดือน) มีผู้เสียหายแจงความประมาณ 6 แสนเรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยคดีประเภทหลอกลวงซื้อขายสินคา เป็นคดีที่เกิดขึ้นมากที่สุด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) จัดทำ “โครงการสืบสวนหาข่าวในยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า” โดยระดมกำลังตำรวจทั้งนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างจับกุมผู้องหาตามหมายจับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งการกระทำความผิดเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10-27 กันยายน 2567 (รวม 18 วัน) ตามนโยบายของรัฐบาล 

วันนี้ (26 กันยายน 2567) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานในสังกัด ตร. เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ , ธนาคารแห่งประเทศไทย , ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย รวมทั้งบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และร่วมแถลงผลการปฏิบัติร่วมกัน ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังในทุกมิติ ทั้งด้านการปRองกันปราบปราม การสืบสวนสอบสวน การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไข ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (ศูนย์ Anti Online Scam Operation Center หรือศูนย์ AOC) ซึ่งบูรณาการการทำงานแบบ One Stop Service และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย รวมทั้งกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง สำหรับการระดมกวาดล้างในยุทธการ 'ปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า' สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด ในความผิด 3 ประเภท โดยมีผลการระดมกวาดล้างจับกุมในห้วงวันที่ 10-25 กันยายน 2567 (รวม 16 วัน) สรุปได้ดังนี้

- ความผิดในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีประเภทต่างๆ จับกุมได้รวม 874 ราย 
- ความผิดเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า จับกุมได้รวม 544 ราย 
- ความผิดการพนันออนไลน์ จับกุมได้รวม 690 ราย 
สำหรับซิมผี และบัญชีม้า ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่คนร้ายใช้ในการหลอกลวงและรับโอนเงินจากเหยื่อ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ตรวจสอบการใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และบัญชีธนาคารของตนเองอย่างจริงจัง ดังนี้

หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ขอให้ท่านตรวจสอบว่า หากเคยลงทะเบียนใช้งานไว้ แต่ไม่ได้ใช้งาน หรือเคยให้ผู้อื่นนำไปใช้ หรือสงสัยว่าจะมีผู้อื่นนำไปใช้ ขอให้รีบไปแจ้งยกเลิกการใช้หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวกับศูนย์บริการเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์ หากไม่แนใจหรือจำไม่ได้ว่าท่านใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ไว้กี่เลขหมาย ขอให้ไปแจ้งกับศูนย์บริการ ว่าท่านขอใช้เฉพาะหมายเลขโทรศัพท์ที่อยูกับตัวท่าน และใช้งานจริงอยูในปัจจุบันเท่านั้น ส่วนหมายเลขอื่นๆ ที่มีชื่อท่านเป็นผู้ลงทะเบียนแต่ท่านไม่ได้ใช้งาน ขอให้ศูนย์บริการยกเลิกการให้บริการหมายเลขดังกล่าวทั้งหมด

บัญชีธนาคาร ขอให้ทำการตรวจสอบในลักษณะคล้ายกัน คือ หากเคยเปิดบัญชีธนาคารไว้แตไม่ได้ใช้ หรือเคยให้ผู้อื่นนำไปใช้ หรือสงสัยว่าจะมีผู้อื่นนำไปใช้ ขอให้รีบไปปิดบัญชีดังกล่าวกับธนาคารเจ้าของบัญชี สาขาที่ท่านสะดวก หากไม่แนใจหรือจำไม่ได้ว่าท่านได้เปิดบัญชีไว้กี่บัญชี ขอให้ไปแจ้งกับธนาคารว่าท่านขอใช้เฉพาะบัญชีธนาคารที่อยู่กับตัวท่าน และใช้งานจริงอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น สวนบัญชีอื่น ๆ ที่อาจจะมีชื่อท่านเป็นเจ้าของบัญชีแต่ไม่ได้ใช้อยู่ในปัจจุบัน ขอให้ธนาคารปิดบัญชีดังกล่าวทั้งหมด

หากทำการตรวจสอบกับศูนย์บริการเครือข่ายโทรศัพท์ หรือธนาคารแล้ว ยังไม่สามารถดำเนินการยกเลิกการใช้ หรือปิดบัญชีได้โดยเหตุต่างๆ ขอให้ท่านไปที่สถานีตำรวจที่สะดวก เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ท่านได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารที่แท้จริงในปัจจุบันเป็นนหมายเลขหรือบัญชีใด เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า และความผิดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และขอย้ำเตือนว่าอย่าได้หลงเชื่อผู้ให้ผลตอบแทนในการเปิดซิมผีและบัญชีม้า เพราะท่านอาจจะตกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดและได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งมีอัตราโทษกำหนดไว้ดังนี้

ความผิดเกี่ยวกับ 'ซิมผี'   
- ยินยอมให้ผู้อื่นนำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเองไปใช้ในการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
 - เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อซื้อขายหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่มีการลงทะเบียนผู้ใช้งานไว้แล้ว มีโทษ จำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดเกี่ยวกับ 'บัญชีม้า'
- เปิดบัญชี หรือยินยอมให้ผู้อื่นนำบัญชีของตนเองไปใช้ในการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 - เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชี เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า อย่างจริงจังต่อเนื่อง และจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอีกในเดือนต่อๆ ไป

ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ เพื่อรู้เท่าทันภัยออนไลน์ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ www.เตือนภัยออนไลน์.com , เฟซบุ๊กแฟนเพจ : ตำรวจไซเบอร์-บช.สอท. , ตำรวจสอบสวนกลาง, สืบนครบาล IDMB เป็นต้น และหากพี่น้องประชาชนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงในคดีออนไลน์ หรือต้องการคำปรึกษา หรือสอบถามเกี่ยวกับคดีออนไลน์ ขอให้โทรติดต่อที่สายด่วน 1441 ของศูนย์ AOC ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th

จเรตำรวจแห่งชาติลุยตัดวงจรบัญชีม้า ภัยความมั่นคงของชาติรูปแบบใหม่ หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เดินหน้าปิดบัญชีม้าทั่วประเทศ

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า วานนี้ (13 มกราคม 2568) ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พ.ต.อ.วรธัช วิชชุวาณิชย์ อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน , น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน , นายบัญชา มนูญกุลชัย ที่ปรึกษารองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน หารือแผนปราบการกระทำผิดทางการเงินครั้งใหญ่ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการโกงและขโมยทรัพยากรจากคนไทยจำนวนมหาศาล  

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 มิจฉาชีพใช้บัญชีม้าในการปล้นทรัพยากรคนไทยไปมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยใช้ infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) ของประเทศไทย และไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการโยกย้ายเงินไปสู่ คริปโตเคอเรนซี นำเงินออกนอกประเทศไปให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งข้อมูลจากการประชุมเปิดเผยว่ามีคนเปิดบัญชีม้ากว่า 2 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในวัยทำงาน โดยมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ขาดแคลนแรงงานถึง 2 แสนคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีแนวโน้มที่อาจจะถูกออกหมายจับ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ภาคธนาคารต้องจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจของชาติได้รับผลกระทบหนักกว่านี้

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปิดยุทธการ 'ระเบิดสะพานโจร' ที่จะปิดกั้นทุกช่องทางที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการหลอกลวงประชาชน โดยตัดช่องทางการใช้บัญชีม้าในการกระทำความผิด โดยในการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะไม่ยอมให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชนได้อีกต่อไป การปิดบัญชีม้าเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายชัดเจน และจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน      

ด้าน น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนร่วมกับ ศปอส.ตร. ในการกำหนดนโยบายและการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้คนร้ายใช้ช่องทางบัญชีธนาคารหลอกลวงคนไทยให้ตกเป็นเหยื่อจากกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป

ผบช.ภ.2 เตือนโรงแรม – โชเฟอร์ อย่าหากินกับบัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ เชือดจริง! จับโรงแรมเถื่อน ศาลสั่งปรับอ่วม 5.5 ล้าน

ตำรวจภูธรภาค 2 เอาจริง!! เชือดโรงแรมเถื่อน ให้ที่พักบัญชีม้า - แก๊งคอลเซนเตอร์ เอื้อขบวนการพาข้ามแดน ศาลพิพากษาแล้วปรับอ่วม 5.5 ล้านบาท ลุยกวาดล้างโชเฟอร์เถื่อนนำพาบัญชีม้า 'ผบช.ภ.2' เตือนอย่าทำ โทษหนัก 

(22 ก.พ.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้ายุทธการ 'อรัญ 68 Seal Border' อย่างต่อเนื่อง ตาม 7 มาตรการเข้มปราบปรามต่างด้าวทำผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซนเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีปฏิบัติการกวาดล้างกดดันขบวนการพาคนข้ามแดนเพื่อไปเป็นบัญชีม้า ทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านฝั่งชายแดน จว.สระแก้ว จันทบุรี และตราด อย่างเข้มข้น ช่วยเหลือเหยื่อ จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก และขอเตือนผู้ประกอบการโรงแรม ที่พักทุกรูปแบบ โดยเฉพาะโรงแรมเถื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ห้ามให้ที่พักพิงแก่บุคคลที่ครอบครองและใช้บัญชีฝากของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) แก๊งอาชญากรคอลเซนเตอร์ รวมทั้งผู้ขับขี่ รถรับจ้าง ห้ามรับงานนำพาบัญชีม้า - แก๊งคอลเซนเตอร์ไปส่งยังชายแดน เพราะเท่ากับให้การสนับสนุน ช่วยเหลือขบวนการคอลเซนเตอร์เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ มีโทษตามกฎหมายทั้งจำคุก และปรับ โดยมีคดีตัวอย่างที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับมากกว่า 5 ล้านบาท 

ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ล่าสุดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สืบสวนพบเกสต์เฮ้าส์ใน อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ให้ที่พักพิงแก่ บัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ จึงเข้าจับกุมดำเนินคดี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งล่าสุดศาลจังหวัดสระแก้ว ตัดสินลงโทษ เจ้าของโรงแรมเถื่อนใน อ.อรัญประเทศ ที่ให้ที่พักพิง ศาลพิพากษาลงโทษ นาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาในคดีโรงแรมเถื่อน ดังนี้ จำคุก 3 เดือน (รอลงอาญา 2 ปี) ปรับ 5,000 บาท และปรับเพิ่มวันละ 1,000 บาท ตั้งแต่วันฝ่าฝืนจนถึงวันฟ้อง (5,528 วัน) เป็นเงินรวม 5,528,000 บาท ยังต้องปรับอีกวันละ 1,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ 

“ดำเนินคดีกับที่พักโรงแรมเกสต์เฮ้าส์ ต่าง ๆ ที่ให้พักพิงบัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ 2 คดี ดำเนินคดีกับผู้ขับรถรับจ้างนำพาบัญชีม้า 5 ราย เบื้องต้นฐานขับรถสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นบทเรียนราคาแพง ให้กับผู้ประกอบการโรงแรมเถื่อน ให้ที่พัก ที่ซ่อนของอาชญากรที่ครอบครองใช้บัญชีเงินฝากของผู้อื่น (บัญชีม้า) แก๊งคอลเซนเตอร์ เสี่ยงโทษหนัก หากเจ้าของโรงแรมที่รู้เห็นเป็นใจ หรือ เพิกเฉย ให้ที่พักแก่บัญชีม้า อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ที่ให้ที่พักพิงมิจฉาชีพออนไลน์ อาจเข้าข่ายความผิด “พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547” ม.15 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการโรงแรม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ม.59 ผู้ใดฝ่าฝืน ม.15 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน  ม.35 ผู้จัดการต้องจัดให้มีการบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้พักและจำนวนผู้พักในแต่ละห้อง ลงในบัตรทะเบียนผู้พัก  ม.56 ผู้จัดการไม่ปฏิบัติตาม ม.35 ต้องระวางโทษปรับทางปกครอง ตั้งแต่ 20,000 - 100,000 บาท  “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542”  ม.7 ในความผิดฐานฟอกเงิน ผู้ใดสนับสนุนการกระทำผิด หรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ยานพาหนะ สถานที่ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้กระทำผิดหลบหนี หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำผิดถูกลงโทษ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ  ม.60 ผู้ใดกระทำผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท  ม.61 นิติบุคคล กระทำผิดตาม ม.7 ต้องระวางโทษ ปรับ ตั้งแต่ 200,000 ถึง 1,000,000 บาท

“ขอเตือนผู้ประกอบการอย่าปล่อยให้โรงแรมหรือที่พักของคุณ กลายเป็นแหล่งซ่อนตัวของอาชญากร เจ้าของกิจการต้องตรวจสอบผู้เข้าพัก ป้องกันไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือของขบวนการมิจฉาชีพ พบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย แจ้งตำรวจทันที ขออย่าทำมาหากินกับขบวนการเหล่านี้ ที่สร้างความเดือดร้อนให้คนจำนวนมาก และย้ำว่าตำรวจภูธรภาค 2 ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างเด็ดขาด จริงจัง ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่จังหวัดชายแดนในความรับผิดชอบของ ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นที่พัก เส้นทางผ่านของขบวนการมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนโดยเด็ดขาด” ผบช.ภ.2 กล่าว

ทั้งนี้หากผู้ใดมีข้อมูล เบาะแส สามารถแจ้งแก่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้ทาง สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 2

จับขบวนการจัดหาบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

บัญชีม้าถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะใช้บัญชีม้าสำหรับรับโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวง บัญชีม้าจะมีอายุไม่เกิน 5 วันจะถูกอายัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงต้องจัดหาบัญชีม้าใหม่เข้ามาอยู่ในความควบคุมเพื่อสแกนหน้ารับโอนและโอนเงินต่อไปยังเงินคริปโตเคอเรนซี่

สืบสวนภาค 2 ได้สืบทราบขบวนการจัดหาบัญชีม้าผ่านโซเชี่ยลมีเดีย จึงได้ให้สายลับติดต่อรับจ้างเปิดบัญชีโดยจะได้รับค่าตอบแทนบัญชีละ 4,000 บาท ต่อมาเมื่อ 19 มีนาคม 2568 เมื่อสายลับตอบตกลงได้มีหนึ่งในขบวนการโทรศัพท์ติดต่อสายลับและขับรถมารับที่ย่าน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตามที่นัดหมาย โดยผู้ขับรถได้รับหญิงบัญชีม้าอีกคนหนึ่งมาด้วยแล้วพาตระเวนเปิดบัญชีม้าตามธนาคารต่าง ๆ คนละ 4 บัญชี จากนั้นได้พาเดินทางไปยัง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อส่งบัญชีม้าให้กับคนท้องถิ่นพาข้ามแดนไปยังเมืองปอยเปต กัมพูชา เพื่อสแกนหน้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถคันนี้มาตลอด จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น.รถได้จอดที่บริเวณศูนย์การค้าอินโดจีน เพื่อรอคนท้องถิ่นมารับพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตัวตรวจสอบและจับกุม พบนายเดชฯขอสงวนนามสกุลเป็นผู้ขับรถ พบสายลับและบัญชีม้าชื่อน.ส.พัชรีฯขอสงวนนามสกุล รวมบัญชีม้า 2 คน อยู่ในรถ พบในตัวน.ส.พัชรีฯมีบัญชีธนาคารออมสิน 2 บัญชี กรุงไทย และกสิกรไทย รวม 4 บัญชี เปิดบัญชีเมื่อ 19 มีนาคม 2568 เพื่อนำไปใช้ในขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สอบถามให้การยอมรับว่ารับจ้างเปิดบัญชีเหล่านี้ให้ผู้อื่นโดยได้รับค่าตอบแทน โดยนายเดชฯเป็นผู้นำพาไปเปิดและจ่ายเงินค่าเปิดบัญชีให้ จึงจับกุมนายเดชฯในข้อหาเป็นธุระจัดหาบัญชีม้า จับกุมน.ส.พัชรีฯในข้อหาเปิดบัญชีม้าให้ผู้อื่น อันเป็นความผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

ขอประชาสัมพันธ์ว่าบัญชีม้าถือเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการจัดหาบัญชีม้ามีความผิดข้อหาเป็นธุระจัดหาฯมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี ปรับ 500,000 บาท ผู้เปิดบัญชีม้ามีอัตราโทษ 3 ปี ปรับ 300,000 บาท ซึ่งที่ผ่านศาลลงโทษจำคุกเกือบทุกราย ขอให้ประชาชนอย่าเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งการจัดหาบัญชีม้า เป็นผู้เปิดบัญชีม้า หรือนำพาบัญชีม้าข้ามแดน  นอกจากนั้นหากบัญชีม้ามีเงินจากการฉ้อโกงหลอกลวงโอนเข้าบัญชีจะมีความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชนอีกส่วนหนึ่งด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top