Wednesday, 23 April 2025
นิวซีแลนด์

ละเมิดสิทธิ? นิวซีแลนด์เตรียมแผนห้ามวัยรุ่นเกิดหลังปี 2008 ซื้อ-สูบบุหรี่ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.33

อีกบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ของรัฐบาลนิวซีแลนด์ หลังวางยุทธศาสตร์ เป็นประเทศปลอดบุหรี่ให้ได้ในปี 2025

แต่ปัญหา คือ ภายใต้ยุทธศาสตร์สู่ปลายทางที่ยิ่งใหญ่ ดันไปเกี่ยวโยงกับประเด็นอ่อนไหว เช่น การ ‘ละเมิดสิทธิ’ 

หลังจากทางรัฐบาลนิวซีแลนด์เตรียมแผน ‘ห้ามวัยรุ่น’ ที่เกิดหลังปี 2008 ซื้อและสูบบุหรี่ ซึ่งฝ่ายที่คัดค้านเรื่องนี้ ก็เดินหน้ากดดันเต็มที่ว่านี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้สูบบุหรี่ครั้งใหญ่ แถมอาจจะทำให้บุหรี่ถูกผลักไปอยู่ในตลาดมืด จนทำให้เกิดธุรกิจสีเทา การลักลอบขนส่งบุหรี่อีกด้วย

บทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องติดตามดูกัน...

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.

'บิ๊กตู่-นายกฯ นิวซีแลนด์' ย้ำความร่วมมือรอบด้าน ร่วมยกระดับพัฒนา 'เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว-สิ่งแวดล้อม'

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง 111 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับ น.ส.จาซินดา อาร์เดิร์น (H.E. Rt Hon. Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรียินดีที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในครั้งนี้ ซึ่งไทยตั้งใจจะสานต่อความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของนิวซีแลนด์เมื่อครั้งล่าสุด ไทยและนิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือที่มีอยู่เดิมและในสาขาความร่วมมือใหม่ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลพร้อมผลักดันและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค อนุภูมิภาค และเวทีพหุภาคี

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยินดีที่พบกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ยินดีกับการเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แม้ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก ชื่นชมไทยที่สามารถผลักดันความร่วมมือจากทุกเขตเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนิวซีแลนด์พร้อมสนับสนุนแนวทางที่หารือร่วมกันเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่นิวซีแลนด์ให้ความสำคัญ เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะสามารถขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ ได้อีกมาก

ระทึก!! เกิดเหตุกราดยิงกลางเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง ดับแล้ว 2 บาดเจ็บอีก 5 ราย!!

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 สำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงในสถานที่ก่อสร้างในเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง นัดเปิดสนามระหว่างทีมชาตินอร์เวย์และนิวซีแลนด์จะเริ่มขึ้นที่สนามอีเดน พาร์ค ในเมืองโอ๊คแลนด์ เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย บาดเจ็บ 5 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ขณะที่ผู้ก่อเหตุถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

นายแอนดรูว์ คอสเตอร์ ผู้บัญชาการตำรวจนิวซีแลนด์ระบุในการแถลงข่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการระบุตัวตนของผู้ก่อเหตุอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเป็นชายวัย 24 ที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้างที่เป็นจุดเกิดเหตุดังกล่าว โดยผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองในการกราดยิงพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปในอาคารจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงชั้นบนของอาคาร มือปืนได้ทำการสาดกระสุนต่อไปก่อนที่จะพบเป็นศพในเวลาต่อมาไม่นาน

ชายคนดังกล่าวต้องโทษกักบริเวณในบ้านพักแต่ได้รับการยกเว้นให้ทำงานในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว นายคอสเตอร์กล่าวว่า “ผู้ก่อเหตุมีประวัติใช้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นหลัก ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเขามีความเสี่ยงที่จะก่ออันตรายในระดับที่มากกว่าที่ระบุในประวัติของเขา”

นายคริส ฮิปกินส์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า เหตุกราดยิงดังกล่าวไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการก่อการร้ายและไม่พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีมูลเหตุจูงใจมาจากการเมืองหรือคตินิยมแต่อย่างใด ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงที่ประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียร่วมกันเป็นเจ้าภาพจะดำเนินต่อไปตามปกติ

ฮิปกินส์กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชายและหญิงของนิวซีแลนด์ที่ได้เข้าระงับเหตุดังกล่าวอย่างทันท่วงทีเพื่อรักษาชีวิตประชาชน และขอให้สาธารณชนวางใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการกับภัยคุกคามและไม่มีความเสี่ยงใดหลังเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นแล้ว แต่จะเพิ่มกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง

นายเวย์น บราวน์ นายกเทศมนตรีเมืองโอ๊คแลนด์ ให้ข้อมูลว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ทุกคนของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า และสมาชิกทุกคนของทีมฟุตบอลทุกทีมปลอดภัยดี ด้านฟีฟ่าก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตและทางฟีฟ่ากำลังติดต่อกับทางการนิวซีแลนด์

ทีมฟุตบอลหญิงของทีมชาตินิวซีแลนด์ นอร์เวย์ อิตาลี สหรัฐ เวียดนาม และโปรตุเกส กำลังพักอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ขณะเกิดเหตุกราดยิง โดยสถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับโรงแรมของทีมชาตินอร์เวย์ ทำให้นักเตะของทีมหลายคนใช้โซเชียลมีเดียเพื่อรายงานว่าตนเองปลอดภัยดี

‘หนุ่มไทย’ ยก ‘นิวซีแลนด์’ เกื้อหนุนพัฒนาศักยภาพเด็กได้สุดยอด ต่างจากระบบการศึกษา ‘ประเทศไทย’ ที่ยังทำได้อย่างไม่เต็มที่

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี @Bookboktor หรือ ‘บุ๊ค บอก ต่อ’ ได้ตอบกลับคอมเมนต์ที่เข้ามาถามว่า ‘รักเมืองไทยไหม?’ ซึ่งคุณบุ๊คได้บอกว่า ตนรักประเทศไทย และคิดว่าประเทศไทยวิเศษมาก แต่ถ้าหากมีลูก ตนไม่อยากให้ลูกต้องเติบโตมาในประเทศไทย เนื่องจากระบบการศึกษาที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาศักยภาพเด็กคนหนึ่งได้อย่างถึงที่สุด ซึ่งคุณบุ๊คได้แชร์ประสบการณ์ที่ตนเองได้เคยไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ และได้พัฒนาทักษะติดตัวกลับมา โดยระบุว่า…

“ผมมี 4 ทักษะ ที่ได้พัฒนามาตอนอยู่ที่นิวซีแลนด์ ซึ่ง 4 ทักษะนี้ เป็นทักษะที่ผมให้ความสําคัญ และไม่ค่อยเห็นในเด็กไทยรุ่นผม หรือเด็กไทยสมัยนี้คงเก่งขึ้นแล้ว ซึ่งผมไม่แน่ใจ แต่ว่า 4 ทักษะนั้น เริ่มที่อย่างแรก คือ ‘ทักษะรักการอ่าน’ ตอนผมอยู่นิวซีแลนด์ หลัง 5 โมง จะมีการปิดอินเตอร์เน็ต ปิดทีวี ปิดเทคโนโลยีทุกอย่าง และทุกอาทิตย์โฮสต์จะเช่าหนังสือ 10 ถึง 20 เล่ม มาวางไว้ที่บ้าน ไม่อ่านก็ได้ แต่เมื่อมันไม่มีอะไรให้ทํา สุดท้ายพวกเราก็ต้องอ่านหนังสือ จึงทําให้พวกเรารักการอ่าน อย่างที่สอง ‘ทักษะการทํางาน’ ตอนผมเด็ก ๆ ผมต้องช่วยงานบ้านทุกอย่าง ตั้งแต่รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน ถูพื้น ล้างจาน ทําอะไรทุกอย่าง และหลัง 2 ทุ่ม ผมต้องไปช่วยงานที่โรงแรม โดยไปช่วยล้างจานและจัดโต๊ะ เพื่อที่แขกจะได้ลงมาทานอาหารเช้าวันต่อมา มันเลยทําให้พวกเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น”

“ถัดมาอย่างที่สาม ผมรู้สึกว่าโรงเรียนที่นิวซีแลนด์ เขาส่งเสริมให้เด็ก ‘กล้าคิดกล้าทํา’ มากกว่าท่องจํา ซึ่งส่วนใหญ่โปรเจกต์ที่เราต้องทํา มันจะเป็นโปรเจกต์ที่เราต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผน มาทํารีเสิร์ชเอง ไม่มีถูก ไม่มีผิด ให้ลองทํา เหมือนเขาเรียกว่าลองถูกลองผิดไป จนสุดท้ายมันออกมาดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ออกมาเป๊ะ แต่ว่าออกมาดีที่สุดเท่านั้นเอง และอย่างที่สี่ คือการที่เขาสอนให้เรารู้จัก ‘การรักการออกกําลังกาย’ สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ เพราะว่าที่นู่นแทบจะทุกส่วนของเมือง จะมีสวนสาธารณะใกล้ ๆ และก็มีพื้นที่ออกกําลังกาย มีทั้งสนามรักบี้ สนามบาส สนามเทนนิส และสนามบอล ที่สามารถใช้ได้ฟรีเลย”

“อันนี้เลยเป็นเหตุผลหลักที่ผมอยากจะให้ลูกเติบโตมาที่นิวซีแลนด์ เพื่อสร้างทักษะ 4 อย่างนี้ให้มันมั่นคงก่อนที่จะย้ายกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ผมคิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่วิเศษมาก และไม่มีประเทศไหนที่ผมอยากอยู่มากกว่าประเทศไทย แต่ผมอยากจะให้ลูกผมไปพัฒนา 4 ทักษะนี้ที่ต่างประเทศก่อน แล้วค่อยกลับมายังประเทศไทย”

'นิวซีแลนด์' ขึ้นค่าธรรมเนียม 3 เท่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หนุนบริการสาธารณะ-ประสบการณ์ท่องเที่ยวดีๆ จากนิวซีแลนด์

(4 ก.ย.67) รัฐบาลนิวซีแลนด์ออกแถลงการณ์ว่า จะมีการขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับนักเดินทางต่างชาติ การอนุรักษ์และการท่องเที่ยว จากเดิม ราคา 742 บาท เพิ่มเป็น 2,232 บาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นเกือบ 3 เท่า เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. นี้เป็นต้นไป เพื่อให้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวได้มีส่วนสนับสนุนบริการสาธารณะ และประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับ จากการท่องเที่ยวในประเทศ

ที่ผ่านมา นิวซีแลนด์เองก็เผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวล้น จนกระทบกับสภาพแวดล้อม ธรรมชาติ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ไม่ต่างจากที่อีกหลายประเทศเผชิญอยู่

สำหรับค่าธรรมเนียมเข้าประเทศ 742 บาท ถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ ก.ค.ปี 2019 แต่จำนวนดังกล่าวยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากการรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป

รัฐบาลระบุว่า ค่าธรรมเนียมยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ และมั่นใจว่านิวซีแลนด์จะยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม สมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์ เชื่อว่าค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจะทำให้นักท่องเที่ยวยิ่งไม่อยากเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศ ท่ามกลางการฟื้นตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่น ๆ หลังมีการใช้มาตรการปิดพรมแดนอย่างเข้มงวด ช่วงโควิด-19 ระบาด

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ยังอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงก่อนใช้มาตรการปิดพรมแดน

‘นิวซีแลนด์’ หมดขลัง ‘ดินแดนแห่งสวรรค์บนดิน’ เผชิญหน้า ‘วิกฤติสมองไหล’ ‘หนุ่ม-สาว’ ย้ายประเทศหลักแสนต่อปี เหตุ!! ‘งานน้อย-เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพสูง’

‘นิวซีแลนด์’ เคยถูกขนานนามว่า ‘ดินแดนแห่งสวรรค์บนดิน’ ประเทศในฝันที่หลายคนอยากใช้ชีวิตอยู่ ด้วยภาพลักษณ์ประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่มีภูมิประเทศสวยงาม มีความเจริญ กินดี อยู่ดี มีเสรีภาพ 

แต่ทว่าวันนี้ ‘นิวซีแลนด์’ กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เมื่อคนหนุ่ม-สาว วัยทำงาน ไม่อยากอยู่นิวซีแลนด์อีกแล้ว และตัดสินใจย้ายออกไปตั้งรกรากในประเทศอื่นอย่างต่อเนื่อง 

จากตัวเลขล่าสุดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีคนนิวซีแลนด์ย้ายประเทศมากถึง 131,200 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นพลเมืองชาวนิวซีแลนด์แท้ ๆ เกือบ 70% เลยทีเดียว แถมมากกว่า 50% ของผู้ย้ายถิ่นเป็นคนวัยหนุ่ม-สาว อายุระหว่าง 20-39 ปี โดยเฉพาะช่วงวัย 25-29 ปี ที่เป็นกลุ่ม First Jobber หรือเด็กจบใหม่ที่เริ่มหางานทำ เป็นกลุ่มที่ย้ายประเทศมากที่สุด 

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้มีพลเมืองชาวนิวซีแลนด์ทิ้งถิ่นฐานของตนไปอยู่ต่างประเทศกันเป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยยาวมาตั้งแต่ช่วงการระบาด Covid-19 ที่ส่งผลถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และค่าครองชีพสูงขึ้นมาก ซึ่งสวนทางกับโอกาสการทำงาน และ ปริมาณการจ้างงาน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานวัยหนุ่ม-สาวที่มีทักษะ และการศึกษาสูง แต่ประสบปัญหาการว่างงาน หรือ มองไม่เห็นความก้าวหน้าในหน้าที่การงานในประเทศของตน

วิลสัน ออง วัย 32 ปี ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในธุรกิจแฟชั่นค้าปลีกที่กำลังวางแผนย้ายออกเพื่อไปหางานใหม่ในต่างแดนกล่าวว่า เพื่อน ๆ รอบตัว ล้วนย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันหมดแล้ว และตัวเขาก็กำลังจะตามเพื่อนไปเร็ว ๆ นี้เช่นกัน เพราะสำหรับคนหนุ่ม-สาว นิวซีแลนด์แล้ว คุณภาพของงานที่ทำสำคัญที่สุด และพวกเขารู้สึกว่าโอกาสในการทำงานที่นิวซีแลนด์มีจำกัดกว่าหลายประเทศชั้นนำอื่น ๆ 

สอดคล้องกับความเห็นของ นิค ทัฟเฟลย์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของธนาคาร ASB ที่เห็นว่าคนรุ่นใหม่นิวซีแลนด์ ปรารถนาที่จะออกไปหาประสบการณ์ใช้ชีวิตต่างแดนมากขึ้น ซึ่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยราบรื่นนักหลังวิกฤติโรคระบาดเป็นตัวเร่งที่ทำให้คนรุ่น Gen Y และ Gen Z ของนิวซีแลนด์ตัดสินใจย้ายประเทศกันมากขึ้น

ซึ่งในประเทศที่มีประชากรเบาบางเพียง 5 ล้านคนเศษนั้น การที่คนหนุ่ม-สาว พร้อมใจกันย้ายประเทศทะลุหลักแสนคนต่อปี อาจเรียกได้ว่าเป็น Exodus หรือ การอพยพหนีภัยครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ 

ชามูบีล ยาคุบ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน New Zealand Institute of Economic Research ได้นิยามสถานการณ์สมองไหลของนิวซีแลนด์ว่า เป็น Economic refugees หรือผู้ลี้ภัยเชิงเศรษฐกิจ และตราบใดที่รัฐบาลนิวซีแลนด์ไม่สามารถแก้ปัญหาตลาดแรงงานในประเทศ และความสมดุลระหว่างรายได้ และ ค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ การลี้ภัยเชิงเศรษฐกิจของคนหนุ่ม-สาวนิวซีแลนด์ก็จะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่จบสิ้น

อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่แรงงานจะไหลเทไปสู่ตลาดแรงงานที่ค่าตอบแทนสูงกว่า ที่ก็เป็นปัญหาในหลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย 

แต่สำหรับนิวซีแลนด์นั้น อาจจะมีปัญหาที่หนักหนากว่าประเทศอื่น เพราะนอกจากประชากรจะน้อยแล้ว ยังมีประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ‘ออสเตรเลีย’ ที่มีเป้าหมายที่จะดึงดูดแรงงานหนุ่มสาวทักษะสูงจากนิวซีแลนด์โดยตรง ด้วยการออกวีซ่าพิเศษให้แก่ชาวนิวซีแลนด์อย่างเต็มที่ และสามารถโอนสัญชาติได้ทันทีหากพำนักในออสเตรเลียตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป 

รัฐบาลออสเตรเลียถึงกับซื้อโฆษณาเต็มหน้าสื่อของนิวซีแลนด์ เชิญชวนให้แรงงานชาวกีวีย้ายไปอยู่ออสเตรเลียอย่างเปิดเผย ด้วยสโลแกนว่า "warmer days and higher pays" - "อากาศดีกว่า และ ค่าแรงสูงกว่า" 

แต่รัฐบาลนิวซีแลนด์ก็ต้องยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจนิวซีแลนด์กำลังถดถอย ส่งผลต่อโครงการก่อสร้างชะลอตัวลงอย่างมาก นั่นทำให้นิวซีแลนด์กำลังสูญเสียวิศวกร หัวหน้าช่างก่อสร้าง และแรงงานฝีมือของตนให้แก่ออสเตรเลีย ที่จ่ายค่าแรงสูงกว่า การอยู่ทำงานในเมืองศูนย์กลางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดอย่างโอ๊กแลนด์ถึง 60%

แต่ยังโชคดีที่นิวซีแลนด์สามารถชดเชยการสูญเสียพลเมืองของตนได้ด้วยการรับผู้ย้ายถิ่นฐานจากประเทศอื่นเข้ามาได้ จากตัวเลขล่าสุดในรอบ 1 ปี จนถึงเดือนมิถุนายนของปีนี้ (2567) มีชาวต่างชาติย้ายมาอยู่นิวซีแลนด์ราว 128,500 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย, ฟิลิปปินส์, จีน และ หมู่เกาะฟิจิ 

ทำให้ตัวชี้วัดการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของประชากรในปัจจุบันของนิวซีแลนด์ กลายเป็นอัตราการย้ายถิ่นฐานเข้า-ออก ของประเทศในแต่ละปี แทนที่จะเป็นตัวเลขจากอัตราการเกิด-ตายของประชากรไปเสียแล้ว แต่ทั้งนี้ เราไม่สามารถประเมินจำนวนประชากรด้วยมิติเชิงปริมาณแต่เพียงอย่างเดียว 

เพราะหากพิจารณาในเชิงคุณภาพแล้ว สิ่งที่เป็นคำถามมากที่สุดคือ ผู้ย้ายถิ่นต่างชาติที่เข้ามาสามารถชดเชยกับกลุ่มประชากรที่นิวซีแลนด์สูญเสียไปให้กับประเทศเพื่อนบ้านได้หรือไม่ และทำอย่างไร ที่จะหาแรงจูงใจให้พลเมืองหนุ่มสาวชาวนิวซีแลนด์ ทักษะสูงให้อยู่ในประเทศได้ เพราะนิยาม ‘ดินแดนแห่งสวรรค์บนดิน’ ของนิวซีแลนด์ ไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องปากท้อง และความทะเยอทะยานเพื่ออนาคตของหนุ่มสาวยุคใหม่ได้เสมอไป 

'ตั้ง อาชีวะ' ชี้!! อยู่นิวซีแลนด์ ทำงานรายได้เยอะ แม้ภาษีโหด แต่ก็คุ้มกว่าเมืองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ก.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Eakapop Luara' ของนายเอกภพ เหลือรา หรือ 'ตั้ง อาชีวะ' เสื้อแดงฮาร์ดคอร์ และผู้ต้องหาหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาลี้ภัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2557 ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

Maintenance Engineer and Power.

งานเครื่องกล งานไฟฟ้ากำลัง ขอให้บอกซ่อมได้หมด

ตอนอยู่ไทยเป็นแค่หนุ่มโรงงาน งานดูแลเครื่องจักรซ่อมเครื่องจักรเงินเดือนสูงสุด+OT ได้แค่ 11,005 บาท แถมการเป็นเด็กอาชีวะไทยแม่งเป็นแค่เด็กชายขอบด้วย

แต่พอมา New Zealand งานสายช่างสายอาชีพแบบนี้ เงิน 6 หลัก 7 หลักสบาย ๆ เลยครับ แล้วแบบนี้หรอจะมาคิดแทนผมว่าพวกลี้ภัยอยากกลับไทย ถุยเถอะ ให้ผมทิ้ง NZ ไปเอาเงินหมื่นกว่าบาทที่ไทยไม่ใช่ผมละ ถ้าจะมาขิงอีกว่าเมืองนอกจ่ายภาษีโหด โทษที รายรับรายได้ก็ได้โหดกว่าภาษีที่เสียไปก็แล้วกัน

"ไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเรา"

นั่นมันบ้านมึงไม่ใช่บ้านกู5555


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top