Monday, 9 June 2025
นายพิชัย

ชาวไร่มันเฮ! ”พิชัย“ จับมือผู้นำเข้ายักษ์ใหญ่จีนสั่งซื้อมันสำปะหลังไทย กว่า 9.8 แสนตัน ร่วม 8,000 ล้านบาท ดูดซับหัวมันสด 3 ล้านตัน ดึงราคามันทั้งระบบ

วันที่ (16 ม.ค. 68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาการซื้อขาย (Purchasing Order) และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทย และบริษัท COFCO BIOTECHNOLOGY CO.,LTD หน่วยงานนำเข้ายักษ์ใหญ่การค้าสินค้าเกษตรแดนมังกร ซึ่งจัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาแห่งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยและภาคเอกชน เข้าร่วมงาน ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูดซับผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศ ส่งสัญญาณบวกให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งระบบและดึงราคามันสำปะหลังของเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังให้สูงขึ้น

นายพิชัย กล่าวว่า ปีที่แล้วมันสำปะหลังราคาดีมากมีการซื้อตั้งแต่ต้นฤดูกาล ปีนี้ราคาไม่ค่อยดีกระทรวงพาณิชย์ได้พยายามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ได้มีการติดต่อกับสถานทูตจีนมาโดยตลอด ซึ่งตนและผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย(นายหาน จื้อเฉียง) มาช่วยแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบ จนมาถึงวันนี้มีการเริ่มต้นซื้อมันสำปะหลัง เชื่อว่าจะทำให้ราคามันสำปะหลังของไทยพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าเบื้องต้นที่ 2.5 บาท/กก. และอยากให้ถึง 3 บาท/กก.ในอนาคต และจะร่วมมือกับสถานทูตจีนต่อไปในเรื่องการส่งออกโค ข้าว และทุเรียน เพื่อให้การค้าของไทยราบรื่น

ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ให้ความสำคัญกับเกษตรกรไทยอย่างยิ่ง ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตร เพื่อกระตุ้นความต้องการสินค้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อการยกระดับราคาสินค้ามันสำปะหลังให้สูงขึ้น เพิ่มรายได้และช่วยให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยดียิ่งขึ้น

โดยการลงนามสัญญาซื้อขายและ MOU ระหว่างบริษัท COFCO BIOTECHNOLOGY CO.,LTD และผู้ประกอบไทยในครั้งนี้ที่มีมูลค่า ถึง 3,489 ล้านบาท ปริมาณ 540,000 ตัน คิดเป็นปริมาณหัวมันสดถึง 1.28 ล้านตัน และก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้จัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางจัดกิจกรรมปลุกตลาดการค้ามันสำปะหลังในจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้ และนครเฉิงตู เมื่อวันที่ 6-8 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอยากสูงมีการลงนาม MOU ซื้อขายสินค้ามันปะหลังไปแล้วมูลค่าร่วม 5,314.95 ล้านบาท ปริมาณถึง 440,000 ตัน คิดเป็นปริมาณหัวมันสดกว่า 1.68 ล้านตัน และเมื่อรวมกันทำให้สามารถสร้างความต้องการซื้อมันสำปะหลังไทยได้ถึง 980,000 ตัน มูลค่าร่วม 8,083 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถดูดซับหัวมันสดในประเทศได้กว่า 2.96 ล้านตัน หรือเกือบ 3 ล้านตัน

การลงนามซื้อขายมันสำปะหลังกับจีนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านราคาและตลาดให้แก่เกษตรกรและผู้ส่งออกมันสำปะหลังของไทย ว่าผลผลิตของตนจะมีตลาดรองรับ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้เกษตรกรและการจัดพิธีลงนามดังกล่าวยังถือเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ ไทย - จีน ในวาระครบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2568 นี้อีกด้วย

ทางด้าน นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายสำคัญในการสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรของไทย เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มมากขึ้น ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม ซึ่งผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยกว่า 700,000 ครัวเรือน สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศในแต่ละปีมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกมันสำปะหลังไปยังประเทศจีน มีปริมาณมากกว่า 3.8 ล้านตัน มูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น แอลกอฮอล์ อาหารคน อาหารสัตว์ กาว กระดาษและอื่นๆ ซึ่งตลาดจีนที่เป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่สุดของประเทศไทย จึงให้ความสำคัญในการขยายโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสัมปะหลังของไทยไปยังจีนเพิ่มมากขึ้น       

 "สมาพันธ์ SME ไทย - สมาคมสำนักงานบัญชี ค้านแนวคิดเก็บ VATรายย่อยไม่ถึง 1.8 ล้าน/ปี"

(19 พ.ค. 68) จากกรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เสนอแนวคิดให้กรมสรรพากรจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แบบเหมาจ่ายในอัตรา 1% กับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อขยายฐานภาษี คาดเก็บรายได้เพิ่มกว่า 4,000ล้านบาท/ปี ล่าสุด กลุ่มภาคธุรกิจรายเล็กไม่เห็นด้วย

ประธานสมาพันธ์ SME เตือน “ยังไม่ถึงเวลา เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น”

ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย แสดงจุดยืนคัดค้าน ชี้ว่า เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเปราะบาง หนี้ครัวเรือน-หนี้ภาคธุรกิจยังสูง SMEรายย่อยยังเข้าไม่ถึงแหล่งทุน การเพิ่มภาระภาษีจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
“การจะลดเกณฑ์ VATลง เท่ากับเปิดแนวรบใหม่ให้คนตัวเล็กต้องสู้โดยไม่มีอาวุธ”  
“รีดเลือดจากปู” สมาคมสำนักงานบัญชีชี้ภาระเกินแบก

คุณอัญชลี มณีท่าโพธิ์ นายกสมาคมสำนักงานบัญชีไทย กล่าวว่า การเก็บ VAT แบบเหมาจ่าย1% โดยไม่คำนึงถึงต้นทุน เป็นภาระหนักสำหรับธุรกิจรายย่อยที่ยังไม่ฟื้นตัว “ผู้ประกอบการรายเล็ก กำลังประสบปัญหาหนัก แต่ถ้าต้องมารับภาระ VAT เหมาจ่าย1%  เพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล เป็นการรีดเลือดจากปูเพิ่มภาระความทุกข์ให้กับพวกเค้าอีก ...ขอถามว่า ถูกต้องแล้วหรือไม่

ข้อเสนอจากสมาพันธ์ SMEไทย
เพื่อสร้างสมดุลในการจัดเก็บรายได้ภาษี พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ สมาพันธ์ SMEไทย เสนอแนวทางดังนี้ :
    - ทบทวนแนวคิดจัดเก็บ Micro VAT อย่างรอบด้าน
    - เร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
    - ปิดช่องโหว่ “ทุนแฝง-นอมินีต่างชาติ” ด้วยกฎหมายที่เข้มงวด
    -     ดึงนักลงทุนต่างชาติที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมสร้างระบบกฎหมายที่เป็นธรรม
    -     จัดตั้งกองทุนสนับสนุนSME วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อเสริมธุรกิจรายเล็ก

ต้องการรายได้เพิ่ม รัฐควรเน้นโครงสร้าง ไม่ใช่ภาระคนตัวเล็ก
สมาพันธ์ SMEไทยและสมาคมสำนักงานบัญชีไทยย้ำว่า การขยายฐานภาษีควรพิจารณาในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ผลักภาระไปยังผู้ประกอบการรายเล็กที่ยังไม่พร้อมเดินหน้า
..........
Cr: สื่อสารองค์กร
สมาพันธ์SMEไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top