Tuesday, 22 April 2025
นางแบบ

‘นางแบบฮ่องกง’ ถูกฆ่าหั่นศพยัดตู้เย็น-เนื้อต้มในหม้อซุป ‘ตร.’ คาด ปมขัดแย้งมรดกกับครอบครัวของอดีตสามี

‘แอบบี้ ชอย’ นางแบบดังฮ่องกงถูกฆ่าหั่นศพ พบขายัดในตู้เย็น เนื้ออยู่ในหม้อต้มซุป ส่วนหัวยังหาไม่เจอ ตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว คาดอดีตสามีรวมหัวกับพ่อแม่ช่วยกันลงมือ

(25 ก.พ. 66) เกิดเหตุฆาตกรรมสยองในฮ่องกง เมื่อนางแบบดัง ‘แอบบี้ ชอย’ (Abby Choi) วัย 28 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 21กุมภาพันธ์ จนกระทั่งวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ตำรวจพบว่า เธอถูกฆ่าหั่นศพ โดยอวัยวะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขาของเธอถูกแช่อยู่ในตู้เย็นของบ้านครอบครัวอดีตสามี นอกจากนี้ยังเจอชิ้นเนื้อในหม้อต้มซุปอีกด้วย แต่ร่างกายส่วนศีรษะ ลำตัว แขน มือของแอบบี้ยังหาไม่เจอ โดยตอนนี้ ตำรวจได้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ คือ พ่อและแม่ และพี่ชายของ อเล็กซ์ กวัง (Alex Kwong) อดีตสามีของเธอที่ยังไม่พบตัว

ตำรวจเผยว่า การฆาตกรรมครั้งนี้ถูกตระเตรียมอย่างดี เนื่องจากในห้องเช่าที่พบชิ้นส่วนของแอบบี้ มีเครื่องมือที่ใช้แยกชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ ทั้งเลื่อยไฟฟ้า เครื่องบดเนื้อ เสื้อกันฝนแบบยาว ถุงมือ และหน้ากากเฟซชิลด์

สำหรับปมเหตุฆาตกรรมเชื่อว่า น่าจะเกิดการขัดแย้งเรื่องมรดกและทรัพย์สินกับครอบครัวอดีตสามี เพราะ แอบบี้ ชอย มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เธอแต่งงานกับ อเล็กซ์ กวัง และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ก่อนจะจดทะเบียนหย่ากัน แต่แอบบี้ยังคงให้การช่วยเหลือครอบครัวอดีตสามีมาตลอด และซื้ออพาร์ตเมนต์ ให้พวกเขาอาศัยอยู่ โดยโอนชื่อให้พ่อของอดีตสามีเป็นเจ้าของ

ต่อมาแอบบี้ แต่งงานอีกครั้งกับหนุ่มนักธุรกิจและมีลูกด้วยกันอีก 2 คน ซึ่งปลายปีที่แล้ว แอบบี้ตั้งใจจะขายทรัพย์สิน ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์อพาร์ตเมนต์ รวมถึงเรื่องเงินอีกหลายสิบล้านดอลลาร์ ทำให้เชื่อได้ว่า อาจเป็นชนวนเหตุความแค้นของครอบครัวอดีตสามี จึงรวมหัวก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้


ที่มา : https://www.facebook.com/104219177610338/posts/pfbid02kQqSbq3uG5JXDSkDiDGbQV7MbAh7DfXj8QSwsn3cw4rzwbGQn5vvgxrAMHqrXREcl/?mibextid=Nif5oz

‘ยู่ยี่ อลิสา’ ขอโอกาสหวนกลับวงการบันเทิง อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต - เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก

อดีตนางแบบในตำนาน ‘ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต’ เปิดใจหลังเผชิญชีวิตหลังกำแพงเรือนจำ ในวันนี้เธอพร้อมหวนกลับคืนสู่วงการอีกครั้ง พร้อมเปิดใจความหมายของชีวิตหลังจากผ่านเรื่องหนัก ๆ ทุกเรื่องราว ผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรมากฝีมือ ‘หนูแหม่ม สุริวิภา’ งานนี้ใจพร้อมกายพร้อม อยากกลับมารับงานละครอีกครั้ง 

>>ความหมายของชีวิตหลังจากนี้ ตั้งใจอยากทำอะไร?

ยู่ยี่ อลิสา: ยี่พยายามจะให้มันเป็นไป เราไม่พยายามเปลี่ยนใครที่ไหน หรือว่าให้มันเป็น ไม่อยากเปลี่ยนสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มันผ่านมา อยากอยู่กับมันให้ได้ อยู่กับทุกอย่างให้ได้ คือมีสติอยู่กับปัจจุบัน มันพูดแล้วอาจจะดูตลก แต่ว่ามันช่วยให้เราได้เปิดรับความสุขด้วย ให้อยู่ได้กับความทุกข์ด้วย คืออยู่กับทุกสิ่งให้ได้ แล้วให้คิดว่ามมันคือปกติ นี่คือมนุษย์นี่คือชีวิต มันไม่มีอะไรที่แน่นอน ยั่งยืน ความทุกข์ของเราก็เป็นอย่างนั้น ความสุขของเราก็เป็นอย่างนั้น ให้เห็นว่ามันเข้ามาแล้วมันออกไป นี่คือความสุขของชีวิตของยี่คือการได้ดูตัวเอง ได้พัฒนาตัวเอง มันทำให้ยี่มีความมสุขแล้ว

>>มีอะไรที่อยากทำและไม่อยากทำตอนนี้?

ยู่ยี่ อลิสา: ยี่คิดว่าสิ่งยี่ไม่อยากทำ คือไม่อยากเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับลูกๆ และที่ยี่อยากทำก็คือเป็นแบบอย่างที่ดีๆ ให้กับลูกยี่ค่ะ และเป็นแบบอย่างให้เขา

>>จะกลับมารับงาน หรือเล่นละครมั้ย?

ยู่ยี่ อลิสา: ถ้ามีคนติดต่อมาก็สนใจ ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้เจอพี่ฉอด แล้วพี่ฉอดน่ารักมาก ฝากเนื้อฝากตัวไป อยากร่วมงานนะคะ จริง ๆ มีคนบอกยี่ว่าถ้ามีงานติดต่อเข้ามาให้รับไว้ก่อน เพราะเชื่อว่ายี่ทำได้ และยี่ทำได้ดี ซึ่งยี่ก็คิดว่ายี่มีตัวตนที่ชัดเจน ยี่ออกกำลังกายหนักมากเพื่อมีสุขภาพที่ดี ต้องทั้งภายนอกและภายใน และสุขภาพจิตต้องสำคัญ และความคิดเราก็สำคัญมาก

‘น้องแพรว’ ลูกสาวคนเก่งของ ‘แม่ตุ๊ก ชนกวนันท์’ ดีกรีแชมป์ไอซ์สเก็ต แถมฉายแววนางแบบตามรอยแม่

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 66 เป็นประเด็นที่พูดถึงกันในวงกว้างของวงการแม่และเด็ก กับการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตให้เข้ากับยุคสมัยที่โลกหมุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วันแม่ ปี 2566 นี้ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ‘ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ’ คุณแม่ลูกสองที่ตอนนี้ลูกสาว ‘น้องแพรว’ กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเป็นวัยรุ่น คุณแม่อย่างตุ๊ก รับมืออย่างไรหลังถูกมองว่าผลักดันลูกมากเกินไป จากการให้เรียนเสริมมากมายหลายกิจกรรม

รวมถึงการส่งลูกเรียนในโรงเรียนทางเลือก จนถึงวันที่ลูกกำลังออกมาเผชิญโลกกว้าง ลูกได้ประโยชน์ และเสียอะไรไปบ้าง

แพรวเป็นนางแบบตามรอยแม่ตุ๊กแล้ว
แม่ตุ๊ก : “นางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแม่เคยเป็นนางแบบ มันเริ่มจากที่นางเห็นเพื่อนไปเรียน แล้วก็อยากเรียนบ้าง พอได้ไปลองแล้วเขาชอบเลย ก็ได้เรียนไปคอร์สนึง แล้วก็ไปออดิชั่น แล้วก็ได้งานเป็นค่าจ้างมา แต่ตรงนี้ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่นางความชอบหลักของแพรว ที่เขาชอบมากจริงๆ คือฮอกกี้ กับ ฟิกเกอร์สเก็ต

จากที่เรามองเขาในฐานะนางแบบก็โอเคนะ ถ้าไม่นับความสูงที่ยังไม่ผ่านมาตรฐาน ก็คือโอเค ไปได้ ไม่ได้ดูเขิน แต่ด้วยความเป็นนางแบบก็ยังต้องสูงกว่านี้ ควรเกิน 170 ซม. ถือว่าอยู่ในระหว่างเรียนรู้ ยังไม่ได้ประกอบอาชีพ พอโอกาสว่ามันจะมีเข้ามาไหม ตอนนี้น้องก็มีความสุขและสนุกที่ได้ทำมัน เดินแบบเสร็จเขาก็รู้สึกฟิน รู้สึกชอบ”

ส่งเสริมให้ลูกสาวแพรว เรียนในหลากหลายด้านที่สนใจ ซึ่งตุ๊กยอมรับว่าตอนนี้ตัดออกไปหลายอย่างเพราะสู้ค่าเรียนไม่ไหว
แม่ตุ๊ก : “แพรวเรียนฟิกเกอร์ไอซ์สเก็ต ไอซ์ฮ็อกกี้ ว่ายน้ำบัลเล่ต์ ร้องเพลงโอเปร่า เปียโน ไวโอลิน ฮาร์ป ศิลปะ ขี่ม้า ก็กำลังจะเบาๆ ลงแล้ว ตัดออกไปหลายตัว ด้วยค่าใช้จ่ายเป็นหลักเลย มันหนักจริงๆ เราก็ตัดจนเหลือตามกำลังของเรา ในส่วนของแม่ เราให้เขา ตามใจเขาในแบบที่เขาต้องการประมาณนึง และความไหวของเราประมาณนึง พอลองแล้ว ก้าวมาได้สักพักเหมือนได้รู้ทรง ยกตัวอย่างเช่น เรากินไวน์แพงๆ สักครั้นนีง แต่เราไม่ได้จะต้องกินไวน์แพงๆ ทุกวัน

แพรวก็ลองเรียนมา 3 ปีแล้ว พอทุกๆ อย่างมันขึ้นอินเตอร์มีเดียหมด บางอย่างมันก็ต้องการเพิ่มรายละเอียด สังเกตไหมว่าเด็กคนไหนทำอะไร เขาก็มักจะทำกันอย่างเดียวเพื่อให้ได้เป็นตัวจริงของสิ่งนั้นๆ แต่ขนาดลดลงแล้ว ของแพรวยังดูเยอะอยู่เลย พอเยอะๆ เขามันก็ดึงเวลากัน ทุกอย่างต้องอาศัยการฝึกซ้อม ไม่ใช่สักแต่เรียน”

สอนลูก ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ แต่ขึ้นอยู่กับการมีเวลาฝึกซ้อม หลังลูกสาว ฝันอยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ
แม่ตุ๊ก : “เขามาบอกตุ๊กว่าแม่จ๋าหนูอยากเป็นนักกีฬาว่าน้ำ ตุ๊กก็บอกแพรวเธอเป็นไม่ได้ เพราะนักกีฬาว่ายน้ำก็ต้องซ้อม 5 วันเหมือนกัน แต่ยูไปทัวร์จุ่มได้อาทิตย์ละวัน มันไม่เพียงพอเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แต่เรารู้ว่านี่คือสิ่งที่ลูกเราถนัด ซึ่งเราเรียนรู้มาว่าทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ แต่ขึ้นอยู่กับการมีเวลาฝึกซ้อม ทุกอย่างมันต้องมีเวลาฝึกซ้อม”

ที่เรียนทั้งหมดคือสิ่งที่แพรวอยากทำ ลูกกระหายการเรียนรู้ ไม่ได้ยัดเยียดลูก
แม่ตุ๊ก : “ใช่ คำถามนี้ตุ๊กไม่ได้อยากตอบ แต่ตุ๊กเจอคนมาถามคำถามนี้เยอะว่าที่เรียนทั้งหมดน้องเลือกหมดเลยเหรอ คือถ้าน้องเขาไม่ชอบแล้วมันจะเริ่มตรงไหนได้ ไม่มีอยู่แล้ว เริ่มต้นเราเรียนโรงเรียนแนววอลดอร์ฟที่ไม่ได้สนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรม แพรวเพิ่งจะได้ลองเรียนหลังจากที่ออกมาแล้ว น้องก็จะช้าในทุกอย่าง กล้ามเนื้อเขาแข็งแรงไม่ทันกับคนอื่นๆ ที่เรียนมาตั้งแต่ 3 ขวบแต่แพรวเพิ่งมาเรียนตอน 11 ขวบ ทำให้เขาขาดโอกาส หรือแม้แต่การเข้าสู่ทีมชาติ

มันมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ ตัวแม่เองก็ไม่ได้จัดเต็มให้เขาหรอก แต่เราก็พยายามจะให้ทุกอย่างเท่าที่เราจะให้เขาได้ ด้วยธรรมชาติของแพรวเขาเป็นคนกระหายการเรียนรู้ แต่ในเมื่อเราไม่ไหว เราก็บอกลูกไปตรงๆ ช่วงนี้เราก็ให้เขาลองทุกอย่าง พอขึ้นมัธยมปลายอาจจะเข้าสู่โหมดวิชาการแล้ว ก็อาจจะหยุดทุกอย่างเลยก็เป็นได้”

กับมุมมองว่าเด็กในยุคนี้เรียนเยอะเกินไปไหม เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เด็กๆ เลิกเรียนก็กลับบ้านมาทำงานบ้าน วิ่งเล่นกับเพื่อนตุ๊ก ชนกวนันท์ มองโลกในปัจจุบันกับโลกเมื่อก่อนมันคนละแบบกันเลย
แม่ตุ๊ก : “แต่คำว่าเรียนเยอะคืออะไร ลูกไม่ได้เรียนวิชาการ แต่เป็นการทำกิจกรรมเสริมที่เขาชอบ สมัยก่อนอยากจะเรียนก็ไม่มีให้เรียนไหม โลกมันคงจะแบบกับแต่ก่อนแล้ว ไม่รู้เหมือนกันนะ สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้สมัยก่อนมันก็ไม่มีให้ทำ สำหรับตุ๊ก ลูกเดินมาบอกว่าเขาอยาก เราซัพพอร์ตได้ก็ซัพพอร์ต วันไหนไม่ไหวก็บอกเขา ตุ๊กมองแค่ช่วงเวลานั้นๆ เราไม่ได้หวังให้เขาเล่นเพื่อเป็นทีมชาติ แค่อยากรู้อะไรก็ไปเรียน ในเมื่อสิ่งที่ลูกอยากรู้เราเป็นแม่สอนเองไม่ได้ ก็ส่งให้เขาได้ลองไปเรียนรู้เอง”

ร้องไห้ เล่าครั้งหนึ่งเคยเจอคนสนิท พูดใส่ ไม่ต้องดันลูกหรอก เดี๋ยวโตไปก็ได้ดีเอง
แม่ตุ๊ก : “เหมือนเป็นมายด์เซ็ตของคนสมัยนี้แล้วกับคำว่าเรียนเยอะไปไหม เราไม่ได้จะเรียนไปทำอะไร เพราะลูกไปเรียนแล้วลูกมีความสุข เอาจริงๆ ตุ๊กเองเหนื่อยกับคำถามนี้มากนะ ครั้งนึงมีเพื่อนที่สนิทกันมาพูดกับเราว่า ไม่ต้องดันหรอก เดี๋ยวโตไปก็ได้ดีเอง เราก็รีบหันหลังให้แล้วน้ำตาไหลอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ดันหรือไม่ดันไม่รู้นะ แต่ในความรู้สึกเราคือ โห… หาเงินจะไม่ทันอยู่แล้วมาใช้คำว่าดัน (ร้องไห้) หูยยยย มันคือแบบ เสียใจมาก มันดูไม่ออกเลยเหรอว่านี่เด็กโดนบังคับหรือเด็กอยากเรียนเอง ทุกวันนี้คนที่พูดเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเราร้องไห้นะ เรารู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้มองเราเลวร้าย แต่เขาไม่เข้าใจ”

ย้อยเล่าตัวเอง เป็นเด็กมุ่งมั่นกับการเรียน ไม่สนใจทำกิจกรรมอะไรเลย
แม่ตุ๊ก : “เราเป็นเด็กเรียนเกรด 4.00 แบบเรียนอย่างเดียว ไม่ทำกิจกรรมใดๆ เหมือนก่อนเรามีความคิดที่เข้าใจผิด เราเข้าใจว่าเด็กเก่งกีฬา คือคนไม่เก่ง เราอยากเก่ง เราเรียนอย่างเดียว ไม่เอากิจกรรมเลย แต่จริงๆ แล้วควรจะใช้สมองทั้งสองด้านร่วมกัน ตุ๊กมองว่าสิ่งที่เรามอบให้ลูกในตอนนี้สักวันนึงมันก็จะผ่านไปเป็นงานอดิเรกของเขา ทุกอย่างที่เราเข้าวงการทุกวันนี้ เราเห็นทุกอย่างแข่งขันไปหมด ผู้ปกครองขิงกันสุดๆ มันไม่ใช่ธุรกิจพันล้านที่ต้องมาฆ่ากันขนาดนี้ นั่งมองแล้วก็เศร้า หรือว่าเราประหลาด ทำไมต้องตีกันขนาดนี้ วันนึงมันก็จะผ่านไป วันนี้ลูกมองเราอยู่ว่าเราทำอะไร แล้ววันนึงลูกก็จะเป็นคนแบบเรานี่แหละ”

วันนี้แพรวเข้าสู่วัยรุ่น รักสวยรักงาม ไม่ห้าม มองเป็นศิลปะ
แม่ตุ๊ก : “เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นความชอบของนางมาตั้งแต่เด็กๆ แพรว 2 ขวบ ทาเล็บให้อาม่า แบบเรียบมากๆ เรารู้ว่านี่คือสิ่งที่เขาชอบจริงๆ เพราะเรื่องอื่นลูกเราก็ไม่เรียบร้อย แล้วชอบการแต่งหน้ามาตั้งแต่ 2-3 ขวบ แบบไม่ใช่เด็กเล่น แข่งไอซ์สเก็ตจะจ้างช่างแต่งหน้ามาแต่งให้ เขาก็ขอร้องว่าเขาจะแต่งหน้าเอง เขาชอบที่จะทำเอง ทุกวันนี้ที่โรงเรียนเขาไม่ได้ห้ามแต่งหน้า แต่งตัว แพรวก็หน้าแน่นไปโรงเรียนทุกเช้าเลยจ้า ทุกวันนี้ตุ๊กแต่งหน้าไปงานแพรวก็จะมาช่วยแต่งหน้าให้

แล้วเรื่องนี้ตุ๊กจะไม่ยุ่ง ไม่ห้าม ในทัศนคติของตุ๊กเรารู้สึกว่าลูกไม่ได้มีอะไรเกินเลย ถึงเกินเลยก็ไม่ยุ่งอยู่ดี แม่ไม่มีความรู้สึกอะไรที่จะไปก้าวก่ายตรงนี้ มองว่าเขาทำงานศิลปะมากกว่า”

พ่อแม่หลายคนเป็นห่วงเรื่องของสังคมเด็กยุคนี้ ส่วนตัวตุ๊ก ชนกวนันท์ บอกสิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติของพ่อแม่ ที่จะบ่มเพาะให้ลูกอยู่ในสังคมรูปแบบไหนก็ได้
แม่ตุ๊ก : “ลูกเราก็เป็นส่วนของสังคมในตอนนี้ ตุ๊กก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคนอื่นที่เขาเป็นห่วง แสดงว่าเขามองว่าของเราดี เขาเลยเป็นห่วง แต่ทุกคนเป็นห่วงกันหมดเลย แล้วตกลงใครเป็นห่วงใคร เลยคิดว่ามุมมอง ทัศนคติของเรามันสำคัญที่สุด ที่จะทำให้เราอยู่ในสังคมแบบไหนก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าเราไม่เป็นห่วงเลยนะ มันก็มีเป็นห่วง ได้คุยกับหมอ ก็รู้ว่าตอนนี้มันมีโรคซึมเศร้าเยอะจริงๆ หรือดรามา หรือเมื่อก่อนก็มีแต่ไม่ถูกพูดถึง ทำไมเอะอะบอกว่าเด็กซึมเศร้าตั้งแต่อายุน้อยๆ หมอบอกสังคมทุกวันนี้อยู่ยากจริงๆ โลกในโซเชียลมันดูดีมาก แต่มันไม่ได้ 100% บางทีเราเจอเพื่อน เขาปวดหัวไมเกรนมาก ทำไมเราไม่รู้เลยเพราะเห็นจากไอจีก็ดูดี หรือบางทีแม่ๆ ทุกคนลงใบเกรดลูก แต่เราเป็นคนที่ไม่ได้ลงอะไรแบบนี้ แต่ทุกคนลงหมดไง โลกมันเลยอยู่ยาก ลูกเราก็ได้เห็นแล้วรู้สึกทำไมพวกเขาเรียนดีกันจัง แล้วทำไมเราเรียนไม่ได้ ก็เข้าใจนะ บางทีเราเองเห็นยังรู้สึกเลยว่าทำไมทำได้กัน เก่งจังเลย ทำไมเราทำไม่ได้”

ส่วนตัวไม่ได้บ่มเพาะลูกให้ต้องเป็นที่ 1 แต่ปลูกฝังให้เคารพและให้เกียรติผู้อื่น
แม่ตุ๊ก : “แพรวไม่หวั่นไหวเลย ไม่เลยจริงๆ เราไม่ได้เลี้ยงเขามาแบบปลูกฝังว่าต้องได้ที่ 1 เขาสนุกกับสิ่งที่เขาทำ เขาอยู่กับปัจจุบันมากกว่า อยู่กับสิ่งที่เขาทำอยู่ ว่าปีนี้เขาจะทำอะไรบ้าง นี่เป็นข้อดีของเขาที่เขาได้จากโรงเรียนวอลดอร์ฟ จะต่างจากยุคเรา ที่เราจะไม่ทำอะไรเลย นอกจากจะเอนฯ ให้ติดให้ได้เป็นหมอ ไม่สนอะไรเลย มัธยมปลายของเราคือไม่สนอะไรเลย นอกจากจะเป็นหมอให้ได้ วิธีที่ตุ๊กใช้คือแทนที่จะบอกกินสิลูก มันเสียดายของ หามากว่าจะได้มันยาก คือกินสิลูก กินแล้วมีแรงจะได้ไปช่วยคนอื่น มันคือทัศนคติที่เราให้กับลูก เราไม่ได้ให้ว่าเขาจะต้องเป็นหนึ่ง เป็นเลิศ แต่สิ่งที่เราซีเรียสเลยคือ เรื่องของการเคารพครู จะต้องตั้งใจเรียน ให้เกียรติครู ให้เกียรติคน เคารพ นึกถึงคนอื่น ทุกวันนี้เราก็ยังนั่งเสียใจนะ เวลาต่อว่าลูก เราต่อว่าแรงไป เขาทำผิดอะไรนิดหน่อย ก็เพราะเธอไม่นึกถึงคนอื่นไง ในชีวิตเธอมีแต่ตัวเอง ไม่มีความเอื้ออาทร เรารู้สึกว่าอะไรพวกนี้สมัยนี้มันน้อยแล้ว เราก็เติมๆ ต่อว่าเขาไปเถอะ”

รับสังคมโซเชียลมีผลให้ลูกที่ตั้งใจปลูกฝังเลี้ยงมาเปลี่ยนไปอยู่เหมือนกัน
แม่ตุ๊ก : “ตอนแรกกังวลนะ เขาเปลี่ยนไปจากก่อนที่ยังไม่ได้เล่นโซเชียลไหม ก็เยอะ ทะเลาะกันไหมก็เยอะ ในเรื่องของเวลา บางเรื่องเขาก็ยังไม่รู้เลย เด็กรุ่นเขาตอนนี้คืออินการเมืองไปแล้ว แต่เขายังไม่รู้เลย มันก็ไม่ดีนะ กลายเป็นเขาไม่มีความรู้รอบตัว แต่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้สนใจ เขาสนใจคลิปสเก็ต คลิปแต่งหน้า ในขณะที่เพื่อนๆ เขาอินการเมือง บางทีเขาก็จะมาถามว่าอันนี้มันหมายความว่ายังไง ส้ม แดง เหลือง ฟ้า ก็คือเป็นเรื่องจริตของเด็กจริงๆ”

‘พีเค’ ขอโทษ ยอมรับผิด ลั่น!! อยากเดินหน้าจีบ ‘อดีตภรรยา’ ชี้!! คนที่ตนอยากเห็นหน้าในทุกเช้าคือ ‘โยเกิร์ต’ 

(12 พ.ค.67) กลายเป็นข่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกโซเชียล กับเรื่องราวของพิธีกรหนุ่ม ‘พีเค ปิยะวัฒน์’ ที่ก่อนหน้านี้ถูกนางแบบสาวชาวเวียดนาม ‘โจลี่ เหงียน’ ออกมาแฉว่าเป็นสตอล์กเกอร์

ก่อน พีเค จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ขอเลิกยุ่งกับ ‘โจลี่ เหงียน’ 100 % ซึ่งที่ผ่านมาเคยคบกับ ‘โจลี่ เหงียน’ หลังจากหย่ากับ ‘โยเกิร์ต’ และฝ่ายหญิงก็เคยแนะนำตัวเองว่าเป็นแฟนกับเพื่อนๆเขา พร้อมยืนยันตัวเองไม่ใช่สตอล์กเกอร์อย่างที่ถูกอีกฝ่ายแฉ

ล่าสุดทาง ‘พีเค ปิยะวัฒน์’ ก็ได้ออกมาพูดถึงโอกาสที่จะกลับมารีเทิร์นกับ ‘โยเกิร์ต’ โดยพีเคได้เปิดใจว่า “เรายังคุยกันตลอด ยังดูแลหมาด้วยกัน ตนถามเสมอว่าจีบใหม่ได้ไหม”

ซึ่งทาง โยเกิร์ต ก็ตอบว่า “ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถามว่าตนมีหวังไหม มันก็หวังจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน โยคือคนที่ตนอยากเห็นหน้าในทุกเช้า ตนยังหวังดีและรักเขาเหมือนเดิม ที่ผ่านมาตนรู้ว่าตนพลาด ตนขอโทษและยอมรับความผิดตลอดเวลา ตนยอมรับทุกๆอย่าง”

ช่างแต่งหน้าที่อินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาว ให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’ ถอดแบบมาเป๊ะเวอร์ ‘จมูก-ปาก-ใบหู’ น่ารักน่าเอ็นดู เรียกเสียงฮือฮา

(19 ต.ค. 67) ‘ฮาเบล’ (Habel) อาร์ตติส-ช่างแต่งหน้าฝีมือยอดเยี่ยมจากประเทศอินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาวสุดน่ารักให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’

งานนี้ทำเอาโซเชียลฮือฮา เพราะฝีมือการแต่งหน้าของเธอขั้นเทพจริง ๆ ถอดแบบ ‘หมูเด้ง’ มาเป๊ะเวอร์ ไม่ว่าจะช่วงจมูก ปาก และใบหูที่เธอเนรมิตขึ้นใหม่ รวมทั้งลงสีผิว ออกมาน่ารัก น่าเอ็นดูสุด ๆ เรียกเสียงชมอย่างล้นหลาม

ฮาเบล เล่าถึงลุกส์นี้ว่า “ฉันเลือก หมูเด้ง เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหน้าครั้งนี้ เพราะฉันเห็นหน้าเจ้าหมูเด้งเยอะมาก ๆ ในโซเชียลมีเดีย และนางแบบที่ฉันเลือกมาแต่งหน้าในครั้งนี้ ก็มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบซึ่งเหมาะกับการออกแบบลุกส์แต่งหน้าของฉัน”

พร้อมเสริมว่า “การแต่งหน้าทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งลุกส์นี้ก็คือ การติดกาวและเกลี่ยวัสดุโฟมลาเท็กซ์บนใบหน้าของนางแบบ”

ทั้งนี้เธอทิ้งท้ายถึงแฟน ๆ ชาวไทยว่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ฮาเบล ฉันเป็นช่างแต่งหน้าจากอินโดนีเซีย ฉันชอบออกแบบลุกส์แต่งหน้าที่ดูตลกและน่ารัก บางครั้งฉันก็แต่งหน้าแบบจริงจัง-สมจริงด้วย ฮ่า ๆ และขอบคุณที่ชอบการแต่งหน้าของฉันนะคะ”

‘ทักษิณ’ แนะ!! ส่งสาวอีสาน ไร้ศัลยกรรม ลุย!! ตลาดนางแบบโลก สร้างรายได้เข้าประเทศ

เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 67) ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานสัมมนา ‘ISANNEXT พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย’

นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ไม่ทราบจะพูดอะไรดี เพราะรัฐมนตรีทุกคนพูดได้ดีมาก ตั้งแต่ตั้งพรรคไทยรักไทยมาจนถึงทุกวันนี้ พี่น้องชาวอีสานก็ยังไว้วางใจตลอดเวลา เพราะตนเองไปเห็นพี่น้องชาวอีสานทุกซอกทุกมุม ก็คิดในใจตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไร ถึงจะพลิกฟื้นได้ โดยประเทศไทย เป็นประเทศที่ไม่มีเจ้าภาพ เวลามีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นหน่วยงานใครหน่วยงานมันทำหน้าที่ไป

นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเองขอเริ่มต้นด้วยคำว่า กันดารคือสินทรัพย์ ภาคอีสานมีความกันดารมาก่อนที่จะพัฒนามาจนถึงวันนี้ กันดารคือความยากจน ทำให้คนอีสานต้องดิ้นรน พยามสร้างวัฒนธรรมการสู้ชีวิต นี่คือข้อดีของความลำบาก และหวังว่าเราจะทำให้คนอีสานหมดความลำบาก ถึงเวลาที่จะต้องพลิกฟื้นอีสานให้ได้ด้วยความตั้งใจ

การสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนอีสาน คือต้องเริ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว คือการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ เพราะสามารถฝึกทักษะความชำนาญได้ เอาวัฒนธรรมที่มีอยู่ เอาความอดทนของคนอีสานมาแตกแขนงออกไปในแต่ละด้าน เช่น อาหาร หรือกีฬา โดยวัฒนธรรมของคนไทย มักอยากเห็นลูกได้ปริญญา แต่แม้ได้มา ก็หางานไม่ได้ สิ่งที่ได้มาคือต้องได้ความรู้ และปัญญา แต่บางคนไม่ได้มา ได้มาเพียงใบประกาศนียบัตร ทำให้คนเห่อปริญญา และทิ้งสิ่งที่เป็นสาระสำคัญในการเรียนหนังสือคือความรู้ และโลกปัจจุบันสนใจทักษะมากกว่าปริญญา ต่อไปนี้คนอีสานต้องได้รับการพัฒนาการผสมเทคโนโลยีเข้าไปสู่ชีวิตประจำวัน

วันนี้ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยเยอะ ครูบาอาจารย์เยอะ แต่ใช้ประโยชน์เขาน้อย วันนี้ต้องใช้วิทยาลัยเหล่านี้เป็นแกนหลักในการสร้างผลของอีสานโดยเฉพาะการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ และพัฒนา OTOP

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า คนอีสานจนลง เพราะการผูกขาด เพราะทุกอย่างผ่านระบบนายหน้า แต่วันนี้เทคโนโลยีมาแล้ว ต้องได้รับการบริจาคภาครัฐ ยกเลิกการผูกขาด ให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ได้ราคาที่เหมาะสม และสามารถแข่งขันได้

ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ได้ให้รัฐมนตรีไปดูกระบวนการผูกขาดทั้งหลาย ว่าจะไปแก้อย่างไร และซอฟต์พาวเวอร์ จะทำอย่างไรให้กลไกภาครัฐ เป็นตัวผลักดัน และใช้มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์ฝึก ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ในแต่ละด้าน ส่วนการเกษตรของภาคอีสานต้องการความแม่นยำที่สุด  เพราะฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล การใช้เทคโนโลยีมาทำนายภูมิอากาศ เพื่อปลูกสิ่งที่เหมาะสม

นายทักษิณ กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงกำลังจะมา ถ้าเราตกลงกันเรียบร้อย ซึ่งจะผ่านเส้นทางอีสาน และกรุงเทพฯ จะส่งเสริมเรื่องการพัฒนาเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร ส่งของสดไปขายยังประเทศจีนได้ ทำให้โอกาสเกิดขึ้นอีกครั้ง

สิ่งที่ห่วงคนอีสานอีกเรื่องคือคุณภาพของประชาชน ที่ถูกมอมเมาด้วยยาเสพติด เพราะจะทำให้คนอีสานอ่อนแอ ซึ่งต้องทำอย่างกว้างขวางและจริงจังทั้งการบำบัดปราบ โดยนายกรัฐมนตรี กำลังสั่งให้ทำแอปพลิเคชัน ให้ได้รับรายงานจากพื้นที่โดยตรงว่าพื้นที่ไหนมีพ่อค้ายาเสพติด ก็จะรายงานโดยตรง

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนได้ใช้เงินส่วนตัวให้ต่างประเทศศึกษาเรื่อง OTOP ช่วงที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พยายามปรับปรุง OTOP และหลังปีใหม่นี้เขาจะมาอธิบายให้ฟังว่าจะปรับปรุงอย่างไร เช่น ผ้าพันคอแอร์เมส ซึ่งเป็นลายม้า ทำไมเราถึงไม่ใช้ลายบ้านเชียงมาทำบ้าง ดังนั้น เราขายดีไซน์ไทย คุณภาพการตัดเย็บแบบสากล จะต้องใช้เทคโนโลยี และดีไซน์ที่เป็นที่ต้องการต่างประเทศ โดยจะต้องมีการนำมาปรับปรุงให้ขายได้ทั้งโลก ฟื้นด้วยความเป็นสมัยใหม่มากขึ้น โดยไม่ทิ้งวัฒนธรรมของไทย เพียงแต่ประยุกต์ให้เป็นสากล ซึ่งเท่าที่คุยกันไว้จะเริ่มต้นในปีหน้า เริ่มต้นใช้สถาบันการศึกษาเป็นแกนพัฒนาและปรับปรุงทั้งหมด และสิ่งที่คนอีสานต้องเรียนรู้อีกเรื่องคือ Ai เรียนรู้การสั่งการ

วันนี้ประเทศไทยเป็นหนี้เยอะมากสูงยันกว่า 60% ของจีดีพี ซึ่งเรามีเพดานอยู่ที่ 70% เพราะฉะนั้นจึงกู้ไม่ไหว รัฐบาลจึงต้องลดหนี้ด้วยการเพิ่มจีดีพี เป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยากแต่ต้องทำ ซึ่งจะเพิ่มจีดีพีได้ ต้องเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเราดูดเงินจากระบบเยอะ เม็ดเงินเราเลยโตน้อยกว่าประเทศอื่นทั่วโลก

ที่ผ่านมารัฐบาลออกพันธบัตร ขายให้สถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยโดนัล ทรัมป์ กลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีรอบที่ 2 และเอาจริงเอาจังเรื่องบิทคอยน์ คริปโตเคอร์เรนซี่ ดังนั้น สหรัฐอเมริกากำลังเพิ่มเม็ดเงินเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจในรูปแบบของคริปโต ถ้าเราไม่ทำก็ไม่ทันเขา ทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เกิดความเสี่ยง พันธบัตรที่เราต้องทุกปี ปีละ 8 แสนล้านบาท นำเงินส่วนนั้นออกมา และขายบุคคลทั่วไปดีหรือไม่ ให้อายุพันธบัตรสั้นลง เพื่อหมุนเวียนในตลาดได้ ออกมาในรูปแบบของเหรียญ หรือคอยน์ ซึ่งเงินเหล่านี้ จะอยู่ในเงินของประชาชน ดีกว่านำไปแช่ไว้ในสถาบัน ซึ่งจะนำมาใช้กับทุกภาค ทั้งประเทศเพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ไม่อย่างนั้นจีดีพีเราไม่มีทางโต ทำนายกี่ครั้งก็ 2% ตนเองฟังแล้วทุเรศ และจะทำยังไงให้ถึง 4% -5% ให้ได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่ไม่ต้องไปพิมพ์แบงค์ คราวนี้ที่รัฐบาลจะต้องเป็นมาหมุนเวียนเป็นหนี้ประชาชนดีกว่า

สิ่งที่ตนอยากจะลองอีกเรื่อง ผู้หญิงอีสานทำไมถึงมีฝรั่งมาชอบเยอะแยะ ความสวยของธรรมชาติบางทีบางครั้งมีเสน่ห์ ถ้าเราจะประกวดคนอีสาน ที่ไม่ผ่านการศัลยกรรมเลย แล้วนำไปสอน เป็นนางแบบระดับโลกดีหรือไม่ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนอีสาน เช่น คนผิวดำแอฟริกาที่เป็นนางแบบระดับโลก และทั้งหมดที่ตนพูดเน้นที่คนอีสานก่อน และการพัฒนาคนก่อน

‘ทักษิณ’ เตรียมคุย!! ‘นาโอมิ แคมป์เบลล์’ ร่วมปั้น!! นางแบบไทยให้ ‘โกอินเตอร์’

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 68) ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม นายทักษิณเดินทางมาถึงเพื่อปราศรัยเป็นเวทีที่สอง โดยมีประชาชนมารอรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก นายทักษิณ ปราศรัยว่า พี่น้องมากันหลาย พี่น้องชาวนครพนมมากันเยอะมาก ตนปลื้มมาก ย้ำว่าไม่ได้มานครพนมเกือบ 20 ปีแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้เกิดในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ตอนนั้นเราเห็นว่ามีแต่วิทยาลัยกระจัดกระจายกันไป จึงเอามารวมเป็นมหาวิทยาลัยดีกว่า ซึ่งตอนนั้นมีสองมหาวิทยาลัยคือนราธิวาสและนครพนม ที่ถูกอนุมัติให้เป็นมหาลัยตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้ได้กลับมาชื่นชม มากันเยอะแยะอยากเจอตนหรือไม่ ทุกครั้งที่ออกมาเจอพี่น้องโดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสานก็มีความปลื้มใจ พลังของคนอีสานและคนเหนือส่วนใหญ่ทำให้ตนสู้และได้กลับมาประเทศ

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า พี่น้องไม่เคยลืมตน แม้ว่าเด็กรุ่นหลังอาจจะไม่รู้จักตน แต่พ่อแม่ก็พยายามจะเล่าให้ฟังว่าระหว่างที่ตนอยู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้รู้ว่าพี่น้องเอามือล้วงเข้ากระเป๋าจะเจอแต่ตั๋วจำนำใช่หรือไม่ แต่สมัยที่ตนอยู่เอามือล้วงไปปุ๊บก็เจอแต่สตางค์ ตอนนี้เงินหายหมดเจอแต่ตั๋วจำนำ ตนบอกกับพี่น้องที่ธาตุพนมว่าปีนี้ล้วงไปถึงปลายปีล้วงไปจะไม่เจอตั๋วจำนำแล้ว และปีหน้าล้วงไปจะเจอสตางค์แล้ว พอปี 70 รัฐบาลเพื่อไทยมาล้วงไปจะดันไม่เข้า เพราะเจอแต่สตางค์

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ตนกลับมาแล้วเศรษฐกิจไทยต้องดีขึ้น ตนทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้ เพราะพี่น้องไม่เคยลืมตน ตนจึงขอทำงาน สทร. เสือกทุกเรื่อง ขอเสือกให้พี่น้องมีความสุขและสบายขึ้น พ้นหนี้ มีสตางค์ใช้ ตนเป็นคนที่มีความกตัญญูถือว่าพี่น้องมีบุญคุณกับตน ไม่เคยลืมตน ตนกลับมาแล้วก็ต้องชดใช้หนี้ และขอกตัญญูด้วยการช่วยเหลือให้ประเทศดีขึ้น รู้ว่าพี่น้องลำบากหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ฉะนั้น จึงขอให้กลับไปบอกพ่อค้ายาแถวบ้านว่าทักษิณกลับมาแล้ว หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นขอให้เลิกอาชีพค้ายา ทักษิณเกลียดพ่อค้ายาและจะเอาตาย ถ้าอยากให้รักกันก็เลิกดีกว่า ฉะนั้น สิ้นปีนี้เอายาเสพติดให้เกลี้ยงเลย

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ขนาดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังถูกหลอก มีการโทรไปหานายกรัฐมนตรี แล้วใช้เอไอทำเสียงเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้โอนเงินไปที่ฮ่องกง มันเล่นทุกรูปแบบ วันนี้กระบวนการใหญ่อยู่ที่พม่ากับที่เขมร เขมรให้ความร่วมมือดี เดี๋ยวจะเบาบางลง พม่าก็น่าจะจบ เพื่อนบ้านจะไม่มีพวกที่ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฉะนั้น ปีนี้ต้องเอาให้จบเหมือนกัน

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ย้ำว่าวันที่ 27 ม.ค.นี้ เงินหมื่นจะเข้าบัญชีคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เหลือต้องรอให้เทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จในเดือนมี.ค. เมื่อเสร็จแล้วก็จะทำให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เม็ดเงินอยู่ในพื้นที่ วันนี้เราต้องหาเงินกลับเข้ามาอยู่ในต่างจังหวัดหรือไม่ให้ออกไปซึ่งตอนนี้กำลังคิดสูตรอยู่เพื่อให้เงินอยู่กับพี่น้องล้วงไปจะได้เจอเงินบ้าง ไม่ใช่ล้วงไปเจอแต่ตั๋วจำนำ

“วันนี้นายกอิ๊งค์กับผม พ่อลูกคุยกันทุกวัน ปรึกษาหารือกันตลอด ผมมีประสบการณ์แนะนำ นายกอิ๊งค์เอาความเป็นคนรุ่นใหม่มาประกอบกันและพัฒนาประเทศเรา เรื่องเอไอนายกอิ๊งค์ตั้งใจอย่างเต็มที่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้การใช้เอไอสั่งการให้ทำงาน และในเรื่องของการศึกษา เข้าใจว่าจะมีการแจกแท็บเล็ตอีกรอบ เพื่อนำมาใช้สำหรับการศึกษา นายกอิ๊งค์อยากนำเงินที่กองฉลากจัดสรรให้ทำโรงเรียนหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝันอีกครั้ง เป็นโรงเรียนต้นแบบเอาคนที่ได้ที่หนึ่ง ส่งไปเรียนเมืองนอก จัดซัมเมอร์แคมป์ให้เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอก เอาครูต่างประเทศมาจัดแคมป์ในเมืองไทย ปิดเทอมปีการศึกษาหน้า คงมีอะไรสนุกๆ อีกแน่“ นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ต่อไปนี้จะจริงจังในการคัดเลือกคน โดยจะให้มหาวิทยาลัยเป็นแกนนำร่วม อบจ. เพื่อคัดคนที่อยากเพิ่มความชำนาญให้ตนเองเพื่อเป็นอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าแรงงานขั้นต่ำ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอน์แห่งชาติ ว่าจะคัดคนสวยแบบธรรมชาติไม่ต้องศัลยกรรม เพื่อให้มีโอกาสเท่าเทียมกัน ใครอยากเป็นนางแบบระดับโลกก็จะคัดมาฝึก ซึ่งนพ.สรุพงษ์ บอกว่าอยากได้งบกลาง 20 ล้านบาท ตนเลยบอกว่าเดียวตนออกให้เอง เดียวหาสปอนเซอร์มาช่วย แต่ทุกคนต้องเปนแมวมอง ผ่านกองทุนหมู่บ้าน ไม่จำกัดเพศจะเป็น ชาย หญิง หรือเพศที่ 3 หากดูแล้วเหมาะที่จะเดินแบบได้ ก็คัดไปเอามาฝึก แต่อย่าพึ่งทำศัลยกรรม

“เราอยากได้คนที่มีความงามแบบไทยแท้ ปนเจ็ก ปบแขก ปนลาวก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่ต้องงามแบบออริจินัล แบบที่ออกมาจากท้องแม่ เพราะในโลกคงอยากเห็นคนไทยแท้เป็นอย่างไร ถ้าบุคลิกดีเดินแบบได้ แปบเดียว ก็มีโอกาสทำเงินได้เป็นล้านๆ เรียนหนังสือไม่เก่งไม่เป็นไร แต่ขอคนที่ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน นายกฯบอกปีนี้เป็นปีแห่งโอกาส ก็อยากจะสร้างโอกาสในทุกมิติ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 8-10 ก.พ. นาโอมิ แคมเบล นางแบบระดับโลกจะเดินทางมาที่ประเทศไทย ก็จะมาคุยกับตนว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้เป็นนางแบบระดับโลกได้ ทั้งนี้ ตนนั่งผ่านริมแม่น้ำโขง บรรยากาศโรแมนติก ประชากร จ.นครพนม เพิ่มขึ้น ทั้งที่หลายจังหวัดเริ่มไม่ผลิต คนน้อยลง แสดงว่าบรรยากาศช่วยเหลือ ตนนั่งดูยังมองว่าริมโขงโรแมนติกไว้ผลิตลูก

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องรถไฟรางคู่เขาขยายไปทั่ว รถไฟเก่าช้าวิ่งแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างจึงเกิดความรู้สึกว่ารถไฟช้านานๆ มาที วันหนึ่งมีคนขึ้นรถไฟแค่ 8 หมื่นกว่าคน คนใช้ก็บอกว่าให้ลงทุนแล้วทำให้รถไฟมาเร็วขึ้น แต่รถไฟก็บอกว่าพวกคุณก็ขึ้นก่อนเราจะได้มีเงินมาทำ ฉะนั้นเราจะทดลอง 20 บาทตลอดในกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าคนยังใช้น้อยเพราะต่อลำบากตั๋วร่วมก็ไม่มีแล้วก็เก็บแพง ตนจึงบอกว่าเรารัฐบาลซื้อคืนมาให้หมดแล้วจัดการให้เก็บตั๋ว 20 บาทตลอดสาย แล้วบอกว่ามีรถไฟถี่ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ขึ้นไม่ต้องรอรถไฟ รถจะได้ติดน้อยลง อากาศเสียน้อยลง ประชาชนจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นเพราะใช้เวลาน้อยในการที่จะเดินทางไปทำงาน และจะทำรถไฟเช่นนี้ทั่วประเทศไทยเพื่อให้มีความเร็วดีขึ้น ส่วนรถไฟจากลาวถึงหนองคายจะถึงกรุงเทพฯ แน่นอน และจากกรุงเทพฯ ไปถึงคุณหมิงได้แน่

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตอนแรกตนยังไม่แก่ แต่พอนั่งปุ๊บ ลุกขึ้นแก่แล้วนี่หว่า กระดูกกระเดี้ยวเริ่มเคลื่อน แต่ตนมีของดีและว่าอีกสักปีหน้าตนจะหนุ่มกว่าเดิมกว่าเดิม เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่เขาให้คนแก่หนุ่มขึ้น มีวิธีรักษาอวัยวะข้างในโดยการเติมสเต็มเซลล์ที่เป็นสเต็มเซลล์ของตัวเราเอาไปทำเอาให้เป็นสเต็มเซลเหมือนตอนเกิด และใส่เข้าไปจะซ่อมสิ่งที่สึกหรอในร่างกายร่างกาย ซึ่งตนกำลังเจรจากันอยู่ว่าเราจะทดลองที่ใดที่หนึ่งให้เป็นศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆได้หรือไม่ เช่นเทคโนโลยีทางด้านสเต็มเซล หรือด้านตัดต่อพันธุกรรม ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าทำได้แค่ไหน ถ้าทำได้ประเทศไทยจะนำสมัยมาก และตนเป็นคนชอบเรื่องใหม่ๆ ไม่งั้นประเทศไทยจะช้ากว่าประเทศอื่น

“วันนี้ที่ผมต้องมาช่วยหาเสียงให้อบจ. เพราะผมอยากได้กำลังภาคพื้นดิน ภาคจังหวัดที่จะต้องช่วยกันดูค้นหาคนมาร่วมกับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของนายกอิ๊งค์ก็ดี การหานางแบบนายแบบระดับโลกก็ดี เราต้องอาศัยอบจ.ช่วยกัน ฉะนั้น จึงอยากได้นายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทยเยอะๆ เพื่อจะได้ดูแลกันอย่างทั่วถึง วันนี้จึงต้องมาฝากนายอนุชิตเบอร์แปดให้เป็นนายกอบจ. ต้องเอาคนหนุ่มมาใช้งานเพราะผมใช้งานหนัก ผมเป็นคนที่ชอบให้คนทำงาน และจึงขอให้นายอนุชิตมาเป็นมือไม้ในการทำงานช่วยผม และอย่าลืมหามือไม้ให้นายอนุชิตโดยการเลือกอบจ.ด้วย เอาทั้งทีมไม่งั้นจะทำงานไม่ได้” นายทักษิณ กล่าว

นาโอมิ โพสต์อินสตาแกรม ขอบคุณ ‘นายกฯ อิ๊งค์-ทักษิณ’ เผย!! รู้สึกตื่นเต้น ที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมผลักดัน แฟชั่นไทย ก้าวไกลสู่เวทีโลก

(12 ก.พ. 68) นาโอมิ เอเลน แคมป์เบลล์ (Ms. Naomi Elaine Campbell) นางแบบชื่อดังระดับโลก โพสต์อินสตาแกรมระบุว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เยือนประเทศไทยตามคำเชิญของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

การใช้พลังแห่งแฟชั่นในเชิงวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญมาโดยตลอด และฉันรู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้เป็นวิสัยทัศน์ร่วมกันกับประเทศไทย

ขอขอบคุณ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ และประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย สำหรับการพูดคุยอันมีคุณค่าเกี่ยวกับการนำเสนอเสน่ห์และพรสวรรค์อันโดดเด่นของไทยบนเวทีแฟชั่นระดับโลก

ด้วยประสบการณ์ในแวดวงแฟชั่นระดับนานาชาติของฉัน ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางที่เอื้อให้ความคิดสร้างสรรค์ของไทยก้าวไกลสู่เวทีโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top