Sunday, 8 June 2025
นักศึกษาต่างชาติ

เมื่อ 'อว.' ให้ทุน 'นศ.ต่างชาติ' เรียนต่อ 'ตรี-โท-เอก' ในรั้ว 'ม.ไทย' สะท้อน!! Soft Power ด้านการศึกษาที่พบได้บ่อยจาก 'สยาม'

เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยไทย เชิญชวนนักศึกษาต่างชาติสมัครรับทุนในปีการศึกษา 2567 โดยผู้สมัครที่สนใจสามารถส่งใบสมัครโดยตรงกับสถาบันเจ้าภาพภายในระยะเวลาการสมัครของแต่ละโปรแกรม 

ทั้งนี้ ดาวน์โหลดข้อมูลเกี่ยวกับโครงการทุนการศึกษา มหาวิทยาลัยเจ้าภาพ และขั้นตอนการสมัครได้ที่: https://mhesi.e-office.cloud/d/ffeb26cc

ทั้งนี้ ‘การมอบทุนการศึกษา’ ถือเป็นเรื่องปกติและเห็นได้บ่อยครั้งในสังคมไทย เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาและเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และให้กำลังใจแก่เยาวชนที่มุ่งมั่น ใฝ่เรียนรู้ การมอบทุนให้แก่นักศึกษาต่างชาติ ก็ถือเป็นการสะท้อน Soft Power ของไทย สื่อถึงการมอบความปรารถนาดี ความเมตตา และโอบอ้อมอารี ที่เป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทย

'ออสเตรเลีย' สั่งลดจำนวนนักศึกษาต่างชาติเข้าประเทศปีหน้า 'แก้ปัญหาคนล้นเมือง-ราคาที่อยู่อาศัยพุ่ง' ฟากมหาวิทยาลัยไม่ปลื้ม

(28 ส.ค.67) บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค.67 ออสเตรเลีย ได้กลายเป็นประเทศล่าสุดที่เตรียมกวาดล้างปัญหานักศึกษาต่างชาติล้นเมือง ซึ่งเป็นข้อวิตกที่สืบเนื่องกับปัญหาประชากรล้นเข้าเมืองออสเตรเลียจำนวนมากในช่วงระยะหลัง ตามหลังแคนาดา, เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ ที่ล้วนใช้มาตรการจำกัดนี้ไปแล้ว

ทั้งนี้จากรายงานโดยอ้างอิงจากรอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐบาลพรรคแรงงานของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานิส ได้ประกาศเมื่อวันอังคาร (27) ว่า ในปี 2025 จำนวนเพดานนักศึกษาต่างชาติจะเหลือแค่ 270,000 คนเท่านั้น

"ภายใต้นโยบายนี้ รัฐบาลแคนเบอร์ราจะจำกัดจำนวนนักศึกษาต่างชาติใหม่ที่ 145,000 คนสำหรับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และอีก 95,000 คนสำหรับคอร์สฝึกฝีมือแรงงาน" รัฐมนตรีการศึกษาออสเตรเลีย เจสัน แคลร์ (Jason Clare) แถลงข่าว (27)

สำหรับออสเตรเลีย มีนักศึกษาต่างชาติเกือบ 600,000 คนที่ได้รับวีซ่านักศึกษาเดินทางเข้าประเทศในปี 2023 ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

รอยเตอร์ส รายงานว่า ในงานแถลงข่าววันอังคาร (27) แคลร์ ได้กล่าวด้วยว่า “มีนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 10% อยู่ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของเรา โดยในปัจจุบันมีจำนวนสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 และอีกกว่า 50% อยู่ในสถาบันเอกชนฝึกอบรมคอร์สอาชีพ”

ด้านรัฐมนตรีการศึกษาออสเตรเลีย แถลงว่า "รัฐบาลพรรคแรงงานออสเตรเลียจะแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สำหรับการลดเพดานจำนวนการรับนักศึกษาเหล่านั้นต่อไป"

ฟาก สมาคมการศึกษาอุดมศึกษาเอกชนออสเตรเลีย (The Independent Tertiary Education Council Australia) ได้ออกแถลงการณ์ว่า "มหาวิทยาลัยต้องการข้อมูลเพิ่มในการเปลี่ยนแปลงนี้" โดยชี้ว่า "การประกาศของรัฐบาลทำให้เกิดคำถามมากกว่าคำตอบ"

รอยเตอร์ส รายงานต่อว่า ทางมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ก็ได้มีกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทางมหาวิทยาลัยได้รับแจ้งการจำกัดเพดาน แต่ยังไม่เปิดเผยเพิ่มเติม นอกจากระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการประเมินทางด้านการเงินและปัจจัยแทรกซ้อนอื่น ๆ

"การจำกัดเพดานนักศึกษาต่างชาติ จะส่งผลร้ายต่อมหาวิทยาลัยของพวกเรา, ภาคส่วนการศึกษาระดับสูงโดยรวม และต่อประเทศเป็นเวลาอีกหลายปีหลังจากนี้' รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ศาสตราจารย์ ดันแคน มาสเคลล์ (Prof. Duncan Maskell) แถลง

ขณะที่ เดวิด ลอยด์ (David Lloyd) ประธานกรรมการสมาคมมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย (Universities Australia) ชี้ว่า "การตั้งเพดานรับนักศึกษาเหมือนเป็นการติดเบรกให้กับภาคอุตสาหกรรมการศึกษาระดับอุดมศึกษาออสเตรเลียที่มีชื่อเสียง"

ด้าน บลูมเบิร์ก รายงานว่า การสนับสนุนเข้าเมืองในออสเตรเลียตกลงในจุดต่ำสุดของรอบ 5 ปี อ้างอิงจากโพลสำรวจของ Essential ที่ได้เผยแพร่วันอังคาร (27) โดย 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามต่างกล่าวว่า ส่งผลกระทบทางลบต่อออสเตรเลีย

ทั้งนี้ นักศึกษาต่างชาติสร้างรายได้ราว 32,500 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้แก่ระบบเศรษฐกิจแดนจิงโจ้ในปี 2023 และทำให้ภาคการศึกษาระดับอุดมศึกษาออสเตรเลียกลายเป็นภาคบริการส่งออกสูงสุดของประเทศ

ม.ทั่วสหรัฐเตือน นักศึกษา-บุคลากรต่างชาติ กลับเข้าประเทศก่อนทรัมป์รับตำแหน่ง

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานเมื่อ 5 ธ.ค. 2024 ว่า มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหรัฐ เช่น มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ออกประกาศเตือนนักศึกษาและบุคลากรต่างชาติให้หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ พร้อมแนะนำให้กลับเข้าสหรัฐก่อนวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์  

มหาวิทยาลัยเหล่านี้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองและสถานะวีซ่า รวมถึงมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อบุคลากรและนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย  

ในประกาศของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ระบุว่า “ภูมิทัศน์ของการย้ายถิ่นฐานมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีชุดใหม่” ขณะที่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยเวสเลียนในคอนเนตทิคัต ได้ออกคำแนะนำให้นักศึกษาและคณาจารย์ต่างชาติเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล พร้อมจัดเซสชันให้ข้อมูลและบริการให้คำปรึกษากฎหมายการย้ายถิ่น  

ย้อนกลับไปในปี 2017 ช่วงต้นสมัยแรกของทรัมป์ เขาเคยออกคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามพลเมืองจากหลายประเทศ รวมถึงเกาหลีเหนือและเวเนซุเอลา เดินทางเข้าสหรัฐ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อนักศึกษาและนักวิชาการจากประเทศเหล่านี้ แม้คำสั่งดังกล่าวจะถูกศาลสั่งยกเลิกในภายหลัง แต่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เตือนว่ามาตรการลักษณะเดียวกันอาจกลับมาใช้ได้ในไม่ช้าหลังจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยรายชื่อประเทศที่ถูกจำกัดอาจขยายไปถึงอินเดียและจีน  

จากข้อมูลของสถาบันการศึกษานานาชาติ (Institute of International Education: IIE) พบว่ามีนักศึกษาต่างชาติกว่า 1.1 ล้านคนศึกษาอยู่ในสหรัฐในปีการศึกษา 2023 โดยนักศึกษาชาวอินเดียมีจำนวนมากที่สุด แซงหน้าชาวจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี  

เบนจามิน สเทิร์น (Benjamin Stern) ที่ปรึกษาด้านการศึกษาสำหรับนักเรียนชาวอินเดีย ระบุว่า ลูกค้าของเขาหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากชัยชนะของทรัมป์ โดยบางคนเริ่มพิจารณาสมัครเรียนในประเทศอื่นแทนสหรัฐเพราะความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

‘ทรัมป์’ สั่งห้าม ‘ฮาร์วาร์ด’ รับนักศึกษาต่างชาติ บังคับผู้เรียนปัจจุบัน!..ต้องโอนย้ายมหาวิทยาลัย

(23 พ.ค. 68) รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่าฮาร์วาร์ดล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล ทั้งในเรื่องความรุนแรงบนมหาวิทยาลัย การแสดงความเห็นต่อต้านชาวยิว และความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

คริสตี โนม รัฐมนตรีความมั่นคงฯ ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า “การรับนักศึกษาต่างชาติเป็นสิทธิพิเศษ ไม่ใช่สิทธิที่มหาวิทยาลัยจะได้รับโดยอัตโนมัติ” โดยยืนยันว่าได้เพิกถอนการรับรองในโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งหมายความว่าฮาร์วาร์ดจะไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติใหม่ได้ และนักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่ต้องหามหาวิทยาลัยใหม่

ฮาร์วาร์ดตอบโต้ว่า มาตรการของรัฐบาล 'ผิดกฎหมาย' และเป็นการ 'แก้แค้นทางการเมือง' พร้อมยืนยันจะต่อสู้เพื่อสิทธิของนักศึกษานานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในชุมชนมหาวิทยาลัย โดยฮาร์วาร์ดกำลังดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลกลางในข้อหาใช้อำนาจเกินขอบเขตและละเมิดรัฐธรรมนูญ

การยกระดับมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนแนวคิดต่อต้านอิสราเอลและรัฐบาลทรัมป์ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตัดงบประมาณสนับสนุนสถาบันการศึกษาไปแล้วกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจส่งผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรงต่อฮาร์วาร์ดในอนาคตอันใกล้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top