Monday, 21 April 2025
นครราชสีมา

‘ทักษิณ’ รู้ ใครอยู่เบื้องหลังสั่ง ‘สว.’ ให้ร้อง ‘นายกฯ’ มองแค่สร้างความวุ่นวาย แต่ไม่น่าล้มได้ หากชี้แจงได้ก็ผ่าน

(25 พ.ค.67) ที่ร้านส้มตำพันล้าน จ.นครราชสีมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว. วินิจฉัยคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จนทำให้มีการมองกันว่ามีกระบวนการวางยาพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ในพรรคเพื่อไทย ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ภายนอกการเมืองก็ยังเป็นการเมืองมีความลี้ลับอยู่ พอสมควร ส่วนใหญ่เราจะดูความเคลื่อนไหว เพราะประเทศไทยใครเคลื่อนไหวอะไร ก็จะรู้ว่าคนนี้เป็นคนของใคร เคลื่อนไหวด้วยเหตุอะไร แต่แน่นอนในฐานะนายกรัฐมนตรีก็มีหน้าที่ต้องตอบ ซึ่งท่านต้องเตรียมตอบคำถามของท่าน และไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็แล้วแต่ หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจง 

เมื่อถามว่า นักวิชาการให้จับตานายใหญ่ที่จะเช็กบิล 40 สว.นั้น นายทักษิณร้องโอ๊ะ ก่อนจะกล่าวว่า 

“ผมจะไปมีสิทธิ์อะไร วันนี้ผมเป็นคนแก่คนหนึ่ง ที่ให้คำปรึกษารุ่นน้อง ๆ ให้ช่วยกันให้บ้านเมืองเจริญดีกว่า ก็คงไม่มีน้ำยาอะไรหรอก แก่แล้ว” 

เมื่อถามว่า จากประสบการณ์มองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 40 สว. มีเบื้องหลังจากกลุ่มอำนาจไหน นายทักษิณ กล่าวว่า สังคมการเมืองเขารู้ว่าใครเป็นคนของใคร อย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา มีเช่นนี้มาช้านานแล้ว 

เมื่อถามว่า เป้าหมายคือการล้มนายเศรษฐาเลยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นล้มได้ แต่อาจเป็นการสร้างความวุ่นวาย บ้านเมืองชะงักบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่มองว่าจะไม่มาก เพราะหากชี้แจงได้ก็ไม่เป็นอะไร 

เมื่อถามว่า บางฝ่ายยังมองว่าเป้าหมายของการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือนายทักษิณ นายทักษิณ ย้อนถามสื่อว่า จะเล่นงานผมน่ะหรือ โอ๊ย ผมไม่มีอะไรให้เล่นแล้วแก่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ

เมื่อถามต่อว่า กรณีนี้ พรรคเพื่อไทย ต้องเตรียมรับมืออะไรบ้าง นายทักษิณ ก็กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่มีอะไรครับ ก็ทำอะไรให้ถูกต้อง ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปหวั่นไหวมาก” 

นครราชสีมา-มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน เติมกำลังใจ ให้ผู้พิการ

30 พฤษภาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อม แรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 และ ทีมงานมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มไทย สมายล์ กรุ๊ป  ลงพื้นที่ ณ จังหวัดนครราชสีมา  นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์  ได้รับการประสานขอรับ บริจาครถเข็นวีลแชร์ จาก น.ส.ปภิญญา ทองสมจิตร แรงงานจังหวัด เพื่อมอบให้ผู้พิการ จำนวน 2 ราย  ได้แก่ นายสาคร นภาสกุล อายุ 71 ปี พำนักอยู่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้ป่วยติดเตียงมีโรคประจำตัวหลายโรค และ ด.ช. สมชาย ช่วงสำโรง อายุ 14 ปี พำนักอยู่ หมู่ 3 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้พิการโปลิโอตั้งแต่เด็ก  โดยมูลนิธิ ได้รับการบริจาค จาก กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า)

การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ และถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป  ท่านที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคหรือสมทบทุน ให้แก่ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์  สามารถติดต่อที่ เพจ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ หรือ ติ๊กต๊อก มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์

‘สุวัจน์’ รุดพิสูจน์โครงกระดูกคนโบราณ  เพื่อชี้!! โคราชเป็นชุมชนนานถึง 2,000 ปี

(9 มิ.ย.67) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายแพทย์วรรณ ชาญนุกูล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติพัฒนา นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครราชสีมา รศ.ดร. อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผศ. ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโคราช ได้เดินทางมาที่จุดบริเวณขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ อายุ 2,000 ปี ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ปรับภูมิทัศน์ คูเมืองด้านตะวันออก ถ.อัษฎางค์ ตัด ถ.พลล้าน เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา (เดิมเป็นอาคารสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา (สคพ.11 นม.)

นายสุวัจน์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากทางท่านนายกเทศมนตรีนครราชสีมา อยู่ระหว่างการปรับปรุงภูมิทัศน์ของคูเมือง เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว และเป็นแหล่งสันทนาการให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช จึงได้ร่วมมือกับกรมศิลปากรในการเข้ามาบูรณะทางคูเมืองเก่าและกําแพงเมืองต่างๆ ก็ได้มีการขุดดินฐานราก ปรากฏว่ามาเจอโครงกระดูก พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่กับโครงกระดูก อาทิ เครื่องปั้นดินเผา เศษกระเบื้อง กระดูกสัตว์ หรือเครืองเหล็ก อะไรต่างๆ ซึ่งเนื้อของถ้วย ชาม ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปกร บอกว่าอายุประมาณ 2,000 ปี ถือเป็นถ้วย ชาม ยุคพิมายดำ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สามารถที่จะสะท้อนถึงความเก่าแก่ของชุมชน

ล่าสุดวันนี้ พบโครงกระดูกที่ 3 อยู่ใกล้กับโครงกระดูกที่ 1 ซึ่งเป็นเพศชาย สูง 173 ซม.โครงกระดูกที่ 3 เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ วิเคราะห์ว่าเป็นเพศหญิง เพราะพบเครื่องประดับเป็นต่างหูทองคำ พบแหวนทองที่นิ้ว พบสร้อยหิน อายุประมาณ 2,000 ปี แต่เมืองโคราช 556 ปี แต่การที่มีการค้นพบทั้งโครงกระดูกทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่มากกว่านี้ ก็อาจจะต้องมีการศึกษาค้นคว้ามากกว่านี้ แสดงว่าที่นี้เดิมที่มีชุมชน มีประชาชนที่อยู่เป็นพื้นฐานของบริเวณเหล่านี้ ก่อนที่จะมาสร้างเมืองโคราช อาจจะอยู่กันมาเป็นพันปีแล้วก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมศิลป์กับทางเทศบาลฯ และมหาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งทําเรื่องฟอสซิล ทําเรื่องอุทยานธรณีโลก จะต้องช่วยกันมาวิเคราะห์ในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ ประวัติศาสตร์ต่างๆ ว่าเจอแหล่งโบราณอย่างนี้ เจอกระดูกโบราณ เจออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ สามารถที่จะพัฒนาอะไรที่เป็นสิ่งที่จะเรียนรู้ ถึงอดีตก่อนที่จะเกิดเมืองโคราชในบริเวณเหล่านี้ได้อย่างไร หรือ มีบางคนเสนอว่าควรจะมีเป็นมิวเซียมที่จะบ่งบอกถึงประวัติของชุมชนที่จะสืบสานถึงประวัติศาสตร์ของคนโคราช

เพราะฉะนั้น ท่านนายกเทศมนตรีฯ กรมศิลปากร และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยอาจารย์ประเทือง จะได้ร่วมกันในการที่จะมาศึกษาต่อถึงแนวทางการดําเนินการที่จะศึกษาและเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป 

เศร้า!! สภาพ 'ปาลิโอ เขาใหญ่' อดีตแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ความทรงจำแห่งความสุข ที่เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา

(14 มิ.ย.67) เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่มีคนเข้าไปเที่ยวไม่น้อย สำหรับ ‘ปาลิโอ เขาใหญ่’ จ.นครราชสีมา ซึ่งได้ปิดตัวไปเมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2563 พร้อมรอให้กลุ่มทุนใหญ่เทกโอเวอร์ หลังจากร้านค้าทยอยปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ล่าสุดผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ ‘กินไหนดีโคราช’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในติ๊กต็อก ทำให้คนนำมาโพสต์ต่อในทวิตเตอร์ กลายเป็นคนให้ความสนใจจำนวนไม่น้อย

โดยมีข้อความว่า “ปาลิโอ เขาใหญ่ ในยุคหนึ่งเคยรุ่งเรืองสุด ๆ มีทั้งร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ มากมาย แถมมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก ใครมีความทรงจำกับที่นี่บ้าง คอมเมนต์เล่าให้ฟังกันบ้างน้าา”

ซึ่งก็มีคนเข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก อาทิ…

- “สมัยรุ่งเรืองได้แค่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอกไม่กล้าเข้า”
- “ละครช่อง 3 4 หัวใจแห่งขุนเขา ทำให้อยากไปเที่ยวตรงนี้มากกก จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ไปเลย”
- “ออกรถยนต์ครั้งแรก ที่เที่ยว ที่ขับรถไปครั้งแรก ก็ปาลิโอ เขาใหญ่ครับ ภาพความสุข ความทรงจำในอดีตวันวานยังสวยงามเสมอ”
- “เคยไปเที่ยว เมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว สวยดีนะ ไม่คิดว่าจะปิดตัวร้างแบบนี้”
- “เคยไปทัศนศึกษาตอนเรียนเมื่อหลายปีแล้ว บรรยากาศดี สวยดี”

‘ศูนย์การสุนัขทหารฯ’ เปิดประมูล ‘น้องหมา’ ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 66 ตัว 3 สายพันธุ์ เตรียมปักหมุดรอ 6 กรกฎาคมนี้

(20 มิ.ย.67) ศูนย์การสุนัขทหาร กองทัพบก เตรียมเปิดประมูลสุนัขทหารไม่ผ่านเกณฑ์ 66 ตัว จำนวน 3 สายพันธุ์ ลาบราดอร์, เยอรมันเชฟเพิร์ด และ มาลีนอยส์ เพื่อหาคนที่รักสัตว์รับไปดูแลต่อในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 08:00 น.ณ ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

โดยรอบนี้ มีน้อง ๆ สุนัขสวย ๆ เยอะ แบบสวย ดุดัน ไม่เกรงใจใคร อาทิ…

CINDY เพศ เมีย พันธุ์ MN. ทะเบียน D - 2464
วันเกิด 31 ม.ค.64 อายุ 3 ปี 4 เดือน เริ่มต้น 3,000 บาท

EVIAN เพศ เมีย พันธุ์ GS. ทะเบียน D - 1962
วันเกิด 1 ส.ค.62 อายุ 4 ปี 10 เดือน เริ่มต้น 2,500 บาท

>> สำหรับเอกสารที่ใช้ในการประมูล
กรณีบุคคลธรรมดา
- สำเนาบัตรประชาชน
- ภาพถ่ายสถานที่ที่จะนำสุนัขไปเลี้ยงดู

กรณีนิติบุคคล
- สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ หรือหนังสือรับรองจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
- ภาพถ่ายสถานที่ที่จะนำสุนัขไปเลี้ยงดู

‘รัดเกล้า’ เผย ‘เศรษฐา’ เตรียมนำทีม ครม. สวมเสื้อผ้าไหมมัดหมี่ ประชุมที่โคราช ชี้!! นี่คือ ‘ของดีปักธงชัย’ ลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความประณีตสวยงาม

(29 มิ.ย. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมนำทีมคณะรัฐมนตรีสวมใส่ ผ้าไหมพื้นเรียบสีทองและผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกประยุกต์สีทอง ร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567 หรือครม. สัญจร ที่จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2567 นี้

โดยจังหวัดนครราชสีมา มีนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมให้ใช้ผ้าลายเอกลักษณ์ ประจำจังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อค้นหาภูมิปัญญาผ้าทอพื้นถิ่นของจังหวัดนครราชสีมา ที่สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ของจังหวัด จนมีมติให้ ‘ผ้าหางกระรอก’ เป็นผ้าเอกลักษณ์ ประจำจังหวัดนครราชสีมา

โดยผ้าไหมพื้นเรียบสีทองและผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกประยุกต์สีทอง ทอโดยอำเภอปักธงชัย สำหรับให้คณะรัฐมนตรีสวมใส่ ส่วนผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอก สีชมพูกะปิ สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม ครม. สวมใส่ ทอโดยกลุ่มทอผ้าไหมบ้านแฝกโนนสาราญ อำเภอสีดา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ ลายหางกระรอก เป็นลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความประณีตและงดงาม ใช้เทคนิคการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าไท คือ ‘การควบเส้น’ ที่นำเส้นพุ่งพิเศษ 2 เส้น 2 สี มาตีเกลียวควบเข้าด้วยกัน ให้เป็นเส้นเดียว ที่เรียกว่า เส้นลูกลาย หรือเส้นหางกระรอก

ทอด้วยความชำนาญของแต่ละพื้นที่ ผ้าที่ได้จะมีลักษณะลวดลายเล็ก ๆ ในตัวมีสีเหลือบมันวาวระยับดูคล้ายเส้นขนของหางกระรอก ตามคำขวัญเดิมของจังหวัดที่ว่า ‘นกเขาคารม อ้อยคันร่ม ส้มขี้ม้า ผ้าหางกระรอกดอกสายทอง แมวสีสวาท’

นอกจากนี้ในเย็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ช่วงงานเลี้ยงรับรอง นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะร่วมสวมใส่เสื้อแขนสั้นลำลองลายโคราชโมโนแกรม (KORAT Monogram) ที่ถือเป็น 1 ใน soft power ของจังหวัด

ซึ่งลวดลายโคราชโมโนแกรมนี้สื่อถึงจังหวัดนครราชสีมา โดยมีรูปแมวโคราช (Korat Cat) สัตว์ประจำจังหวัดนครราชสีมา ส่วนรูปด้านบนของแปลนผังพื้นอนุสาวรีย์ย่าโม หันทางทิศตะวันตก (On the Top) ผัดหมี่โคราช (Recommended Menu) ปราสาทหินพิมาย (Ancient) ประตูชุมพล (Twain) และดอกสาธร ดอกไม้ประจำจังหวัด

ประกอบรวมกันเป็นคำว่า โคราช ในภาษาอังกฤษ (KORAT) ซึ่งประชาชนที่สนใจสามารถเข้าไปชมลวดลาย KORAT Monogram ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก KORAT Monogram ได้ทีนี่ https://www.facebook.com/koratmonogram นางรัดเกล้า กล่าว

บทสรุป!! มหากาพย์ 'สะพานสีมาธานี' ไม่ทุบยกระดับ 'ภูเขาลาด-ชุมทางถนนจิระ' หวัง!! ไร้ม็อบค้านการก่อสร้าง ลุยเดินหน้าโครงการทางคู่สายอีสานต่อ

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.67) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐานประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความอัปเดตกรณีรถไฟทางคู่สายอีสาน ระบุว่า...

จบซักที!!! มหากาพย์ สะพานสีมาธานี สรุปไม่ทุบยกระดับยาวจากภูเขาลาด-ชุมทางถนนจิระ เดินหน้าต่อ ทางคู่สายอีสานต่อได้ซักที!!! หวังว่าคนโคราชจะพอใจ เดินหน้าโครงการได้เต็มที่!!!

วันนี้ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ได้ลงพื้นที่ติดตามงานในพื้นที่ ปากช่อง-โคราช ในโครงการทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ในพื้นที่ตลอดเส้นทาง ซึ่งมีจุดติดขัดปัญหาในเส้นทาง โดยเฉพาะ โครงการทางคู่ สายอีสาน สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ

โดยมีปัญหามาจากการร้องเรียนของชาวโคราชให้แก้ปรับแก้แบบ ช่วงผ่านกลางเมือง จากสถานีภูเขาลาด - ชุมทางถนนจิระ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องให้ ทุบสะพานข้ามทางรถไฟ ข้างโรงแรมสีมาธานี แล้วทำทางรถไฟยกระดับ เปิดแยกริมทางรถไฟ (ถนนสืบสิริ) พร้อมทำทางลอดแทนสะพานเดิม แต่ก็มีอีกกลุ่มออกมาคัดค้าน เพราะเกรงปัญหาจราจรช่วงทุบสะพานสีมาธานี

ข้อมูลจาก รมช. คมนาคม

“สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ อยู่ระหว่างการแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างเป็นทางยกระดับ ช่วงสถานีโคกกรวด - ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 16 กิโลเมตร และปรับกรอบวงเงินเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงโคกกรวด - นครราชสีมา งานสัญญาที่ 3 - 5 เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่องบประมาณสูงสุด โดยคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการรถไฟฯ ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2567”

จนสุดท้าย ก็ออกมาเป็นทางเลือกล่าสุด คือ...

- ทำทางยกระดับข้ามสะพานสีมาธานี ทั้งทางคู่ และความเร็วสูง ตั้งแต่สถานีภูเขาลาด ผ่านกลางเมืองโคราช ตามเส้นทางเดิม ระยะทาง 16 กิโลเมตร

- มีทางรถไฟระดับดิน (แบบปัจจุบัน) เพื่อให้รถไฟเข้าโรงซ่อมรถไฟ (คาดการณ์)
- ไม่ทุบสะพานสีมาธานี 

ซึ่งทางเลือกนี้ ก็ลงตัวทุกฝ่ายทั้งคนที่กลัวทางรถไฟไปผ่ากลางเมืองทำให้เป็นเมืองอกแตก และ รถไฟที่ยังวิ่งในเส้นทางเดิมได้

โดยสถานีโคราชใหม่ (ความเร็วสูง+ทางคู่) จะแบ่งเป็น 3 ชั้น

- ชั้นระดับดิน เป็นโถงพักคอยผู้โดยสาร ซึ่งด้านหลังสถานีก็ยังมีทางรถไฟเดิม ที่เข้าโรงซ่อมรถไฟ 
- ชั้น 2 เป็นชานชาลารถไฟทางคู่ สูงจากพื้น 11 เมตร มี 4 ชานชาลา + 2 ทางผ่าน
- ชั้น 3 เป็นชานชาลารถไฟความเร็วสูง สูงจากพื้น 24 เมตร มี 4 ชานชาลา + 2 ทางผ่าน

แบบก่อสร้าง สถานีนครราชสีมา (โคราช)

https://www.facebook.com/491766874595130/posts/629142004190949/?d=n

ขั้นตอนต่อไปถ้าไม่ติดขั้นปัญหา 
- จะเสนอขออนุมัติ ภายใน 2567
- ประกวดราคา ต้นปี 2568
- เริ่มก่อสร้างกลางปี 2568 (ใช้เวลาก่อสร้าง 24 เดือน)
- คาดว่าจะเสร็จ กลางปี 2570

หวังว่า จะไม่มีใครมาตั้งม็อบค้านการก่อสร้าง ให้ทุบสะพานอีกนะครับ!!!

‘หนุ่มน้อยวัย 13 ปี’ มุ่งมั่นช่วยแกะสลักเทียนพรรษา วัดโบสถ์คงคาล้อม เผย ตนใฝ่ฝันอยากเป็น ‘ช่างแกะ’ ฝีมือดี เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น

เมื่อวานนี้ (8 ก.ค. 67) ที่วัดโบสถ์คงคาล้อม ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักของชาวบ้านที่ต่างพากันเร่งหล่อ และแกะสลักต้นเทียนพรรษา เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาประจำปี 2567 ที่เทศบาลตำบลโชคชัย จะจัดขึ้นในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ก่อนนำไปร่วมในงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมา ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค. 67

โดยขณะนี้ ขบวนต้นเทียนพรรษาของวัดโบสถ์คงคาล้อม มีความคืบหน้าไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากวัดแห่งนี้ ขาดหายจากงานแห่เทียนไปเกือบ 10 ปี โดยเพิ่งเริ่มต้นทำขบวนต้นเทียนพรรษาแทบทั้งหมด เพราะเพิ่งได้ช่างแกะสลักเทียนลูกหลานในหมู่บ้านกลับมาช่วย ภายหลังจากไม่มีช่างแกะสลักเทียนมานานหลายปีแล้ว แต่ที่สะดุดตาที่สุด คือ ช่างแกะสลักเทียนจูเนียร์ ที่มุ่งมั่นช่วยแกะเทียน และทำงานช่วยทุกอย่าง หลังเลิกเรียนมาก็รีบมาช่วยงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน

ต่อมาทราบชื่อคือ เด็กชายพัฒนศักดิ์ ต้องกระโทก อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี ช่างแกะเทียนจูเนียร์ ที่มีความมุ่งมั่น อยากให้ขบวนแห่เทียนของวัดดังกล่าว ได้มีโอกาสไปโชว์ในงานแห่เทียนพรรษาอีกครั้ง ภายหลังห่างหายไปนานกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ เด็กชายพัฒนศักดิ์ ต้องกระโทก เปิดเผยว่า เห็นกิจกรรมแกะสลักเทียนพรรษามาตั้งแต่เล็ก ๆ และเคยมาช่วยหล่อเทียนกับวัดเกือบทุกปี ซึ่งก็ห่างหายไปกว่า 10 ปีแล้ว ที่วัดจะมีขบวนแห่เทียน ดีใจมากที่วัดกลับมาฟื้นฟูขบวนแห่เทียนอีกครั้ง ตนเองมีความใฝ่ฝันอยากเป็นช่างแกะเทียนที่มีฝีมือดี เพื่อจะได้มาสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่มีความสวยงาม และอยากเห็นคนรุ่นใหม่สนใจประเพณีวัฒนธรรม หวังสืบทอดรุ่นต่อรุ่น และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะงานแห่เทียนพรรษาอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา

ว่าที่บัณฑิตสาว ร่ำไห้พาพ่อป่วยไป รพ.รัฐ แต่ถูกไล่กลับบ้าน สุดท้าย!! พ่อเสียชีวิต ร้องสาธารณสุขจังหวัดแล้ว แต่เรื่องไม่คืบ

(28 ก.ค. 67) ที่ วัดสระเพลง ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นายสมพร รัศมี อายุ 50 ปี ชาว สปป.ลาว บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของชาวบ้านที่มาร่วมงาน

โดยเฉพาะทางภรรยา และลูกสาว ของนายสมพร ที่สวมชุดครุย คณะวิยาการจัดการ เอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มาร่วมพิธีฌาปนกิจผู้เป็นพ่อ ยืนกอดรูปร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก นางสาว วรรณภรณ์  สีสม อายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบและเตรียมเข้ารับใบปริญญาบัตรในวันที่ 21 สิงหาคม นี้

นอกจากนี้ทางนางสาววรรณภรณ์ เตรียมตัวเป็น ว่าที่เจ้าสาว เนื่องจากกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย แต่ทางนายสมพร ผู้เป็นพ่อนั้นมาเสียชีวิตอย่างกระทันหันไปเสียก่อน ยังไม่ทันเห็นลูกสาวได้ใส่ชุดครุย ทางนางสา ววรรณภรณ์ จึงสวมชุดครุยมาร่วมพิธีในครั้ง เพื่อให้พ่อใด้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทำพิธีฌาปนกิจ

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้สืบเนื่องจากทาง นายอธิบดี ภัทรกวิน อายุ 30 ปี ลูกเขยของนายสมพร ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชน หลังจากนายสมพร นั้นมีอาการป่วยและไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน ทางโรงพยาบาล จะปฏิเสธการรักษา ก่อนกลับมาที่บ้านอีกครั้ง แต่เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น จึงได้ไปหาหมออีกครั้ง จนอาการทรุดลงทางโรงพยาบาลดังกล่าว จึงส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชฯ แต่กว่าจะไปถึงอาการ นายสมพร ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายอธิบดี เล่าให้ฟังว่า นายสมพร ได้ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของคืนวันที่ 21 ก.ค. ด้วยอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก โดยไปยังห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 3-4 คน โดยในเบื้องต้นทางโรงพยาบาลไม่เชื่อว่า ทางนายสมพรนั้นมีอาการวิกฤตจริง

ทางเจ้าหน้าที่เลยแจ้งว่า รพ. ช่วงเวลานี้รับเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยวิกฤตจริงเท่านั้น ตอนนี้มาทำไมทำอะไรไม่ได้ พร้อมกับให้กลับบ้านและปฏิเสธการรักษาท่าเดียว

ซึ่งเวลานั้นทางครอบครัวได้ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลรับนายสมพรเอาไว้ เพื่อนอนรอดูสังเกตุอาการแต่ทางโรงพยาบาลได้ทำการปฏิเสธ และไล่นายสมพร ลงจากเปลผู้ป่วยให้มานอนตรงที่นั่งพักรอคิว ในขณะนั้นทางนายสมพรนั้นอาการเริ่มทรุดหนักสังเกตจากสีหน้าเพราะไม่สามารถนั่งได้แล้ว

นอกจากนี้ทางโรงพยบาลได้มีการตำหนินายสมพร ว่า ทำไมถึงไม่ใส่หน้ากากอนามัยมา จึงให้แม่ยายของตนนั้น วิ่งออกไปซื้อหน้ากากอนามัยหน้าโรงพยาบาล เพื่อมาใส่ให้กับนายสมพร ก่อนที่จะให้กลับบ้านพร้อมจ่ายยาที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับอาการป่วยของนายสมพร ซึ่งยาที่ให้มานั้น มียาบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ ยาลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกลือแร่ ซึ่งจากรับยาทางโรงพยาบาลก็ให้กลับไปบ้าน และบอกว่าให้มาใหม่ในช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ค.

แต่หลังจากกลับไปบ้านแล้ว นายสมพรอาการไม่ดีขึ้น พร้อมกับทรุดหนักลงกว่าเดิม โดยอาเจียนเป็นเลือด ซึ่งทางญาติจึงได้นำตัวนายสมพรไปยังโรงพยาบาลอีกครั้งตอนเวลา 06.00 น. กว่าจะได้รักษาก็เวลา 08.00 น. ซึ่งหลังจากไปรอบที่ 2 ทางหมอและพยาบาลก็ได้ตรวจร่างกายและอีกหลายอย่างก่อนที่จะเห็นว่า อาการไม่ดีขึ้น เกินความสามารถในการรักษาของโรงพยาบาล จึงได้มีการส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลมหาราชฯ ซึ่งกว่าจะมาถึงและเข้ารับการรักษาก็เป็นเวลา 11.00 น. แล้ว

ซึ่งขณะกำลังรักษาอยู่ที่ รพ.มหาราชฯ นั้น ทางแพทย์และพยาบาลก็ให้การรักษาอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายนายสมพร ได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ก.ค.

ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนตั้งคำถามถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งแรก เนื่องจากตนรู้สึกว่า การดูแลรักษาคนไข้นั้นไม่เต็มที่ และมารยาทก็ไม่ดี ทั้งเรื่องการให้นายสมพร พ่อตาของตน ลงจากเปลไปนอนอยู่ที่นั่งรอคิว รวมไปถึงการตำหนิเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย ทำไมถึงต้องให้ทางแม่ยายของตนนั้นวิ่งออกไปหาซื้อหน้ากากอนามัย ทั้งที่ทางโรงพยาบาลน่าจะมีแค่ 1 ชิ้น ก็ให้ไม่ได้เลยเหรอ

นายอธิบดี เล่าต่อว่า ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ทางตนและครอบครัวของแฟนได้มีการเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้เข้าตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากร้องเรียนไปไม่นานทาง ผอ.โรงพยาบาลได้ติดต่อเข้ามาพูดคุย เพื่อหาทางเยียวยาต่างๆ แต่พฤติกรรมของทางโรงพยาบาลนั้นไม่ใช่ เนื่องจากในวันเผา 28 ก.ค. ทางโรงพยาบาลนั้นก็ไม่ได้ส่งตัวแทนมารวมไปถึงพวงหรีด เพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ตนรู้สึกรับไม่ได้กับเรื่องนี้ และเตรียมที่จะดำเนินการให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก

ด้านนางสาววรรณภรณ์ ลูกสาวของนายสมพร เล่าให้ฟังว่า ที่ตนใส่ชุดครุยมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้พ่อเห็น เพราะพ่อนั้นยังไม่เคยเห็นตนใส่ชุดครุยสักครั้ง ซึ่งตนจะเข้ารับปริญญาในวันที่ 21 ส.ค. นี้ และจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงปลายปีนี้ แต่ทางพ่อนั้นไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ต้องมาเสียชีวิตไปเสียก่อน

ซึ่งตนก็สงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รพ.ดังกล่าว เพราะพ่อของตนไปรับการรักษาตอนตี 3 ทางเจ้าหน้าที่กลับปฏิเสธการรักษาพร้อมไล่กลับบ้าน ซึ่งถ้าหากในวันนั้นเจ้าหน้าที่รับพ่อของตนไว้รักษา อาจทำให้มีโอกาสรอดชีวิต ถึงแม้จะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอยากให้ทางรพ. ออกมาชี้แจงรายละเอียดว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่รับพ่อของตนไว้รักษาตั้งแต่แรก ซึ่งทางแม่ของตนและพี่ชายก็พยายามบอกให้ทางโรงพยาบาลรับตัวพ่อเอาไว้ เพื่อดูอาการ เพราะอาการพ่อของตนนั้นไม่ดี แต่ทางโรงพยาบาลกลับปฏิเสธพร้อมกลับให้ไปรักษาตัวที่บ้าน จนกระทั่งอาการพ่อของตนนั้นทรุดหนัก ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.มหาราช ก็สายเกินไปจนพ่อของตนนั้นเสียชีวิตในที่สุด

‘ดินถล่ม’ อุโมงค์รถไฟความเร็วสูง ช่วงคลองขนานจิตจันทึก สูญหาย 3 ราย ‘กู้ภัยมูลนิธิสว่างเมตตา’ ระดมกำลัง เร่งค้นหา!! แต่ยังไม่ทราบชะตากรรม

เมื่อวานนี้ (24 ส.ค. 67) เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างวิชา ปากช่อง รับแจ้งเกิดเหตุอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิต ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ดินถล่มทับคนงาน ขณะกำลังปฏิบัติงานขุดเจาะอุโมงค์ จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเมตตา นครราชสีมา ระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเป็นไซต์งานขุดเจาะอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิต ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของผู้รับเหมากำลังระดมรถแบ็กโฮ ขุดดินใส่รถบรรทุก เพื่อเข้าไปช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของไซต์งาน ทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีคนงานกำลังใช้รถแบ็กโฮ และรถตักทำงานขุดเจาะอุโมงค์อยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่ลึกจากปากอุโมงค์ไปประมาณ 600 เมตร โดยมีหัวหน้างานขับรถเก๋งเข้าไปควบคุมงานอยู่ด้วย แต่จู่ๆเกิดดินภูเขาถล่มลงมาทับรถทั้ง 3 คัน เสียงดังสนั่น โดยไม่ทราบสาเหตุ

เนื่องจากขณะนั้นก็ไม่ได้มีฝนตกลงมาแต่อย่างใด ส่วนคนงาน 2 คน และหัวหน้าคนงานอีก 1 คนที่ถูกอุโมงค์ถล่มทับ ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งอยู่ระหว่างระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ไซค์งาน ทำการขุดดินปากอุโมงค์ออก เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลืออยู่

ทั้งนี้ล่าสุด ในช่วงเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ส.ค.67 ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดที่คนงานและหัวหน้างานถูกอุโมงค์ถล่มทับ จึงยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นอย่างไร โดยผู้สื่อข่าวจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top