Tuesday, 10 June 2025
ธุรกิจดาวรุ่ง

เปิด 6 กลุ่มธุรกิจ ดาวรุ่ง!! พุ่งแรงปี 2567

(23 ธ.ค.66) นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยผลการศึกษาสถานการณ์และแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี (SMEs) โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดสำคัญคืออัตราการเติบโตของธุรกิจเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่า ในปี 2567 มีธุรกิจของ SMEs ทั้งกลุ่มที่เป็นดาวรุ่ง และกลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง โดยกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 พบว่า มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่องสองปีซ้อน และกลุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงสำหรับปี 2567 ซึ่งประกอบด้วย 

>> กลุ่มธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่องสองปีซ้อน

1. ธุรกิจขายของชำ หรือ ร้านโชห่วย ซึ่งเติบโตถึง 940% เนื่องจากร้านค้าเหล่านี้ สามารถซื้อสินค้าครั้งละน้อย ๆ และยังยืดหยุ่นในการชำระเงินได้ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในชุมชน 
2. ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวัฒนธรรมชนบท เติบโตถึง 187% หลังสถานการณ์โควิด-19 เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเยียวยาชีวิตและจิตใจ รวมทั้งได้สัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน ความเรียบง่าย อาหารจากธรรมชาติ บรรยากาศที่เงียบสงบ ความผ่อนคลาย สัมผัสธรรมชาติเพื่อเติมพลัง 
3. ธุรกิจขายของในบ้านมือสอง และซ่อมเฟอร์นิเจอร์ เติบโตกว่า 263% เนื่องจากราคาซ่อมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดซื้อใหม่ หลายสินค้าราคาสูงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งความจำเป็นในการใช้งานตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ กำลังซื้อที่ลดลง ประกอบกับเทรนด์การรักษ์โลก ผู้คนหันกลับมามองสิ่งของรอบตัวที่เรามีในชีวิตประจำวัน 
4. ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เช่น การตัดต่อ และการจัดผังรายการ เติบโตที่ 199% เนื่องจากหลังโควิด-19 ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อปรับกลยุทธ์ขยายแพลตฟอร์มไปทางกลุ่มสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเข้าสู่อาชีพ Youtuber และการสร้างกระแสในโลก Social ที่ง่ายขึ้น เกิดช่อง Youtube ของคนไทยเป็นจำนวนมาก 
5. ธุรกิจผับ บาร์ และร้านที่ขายแอลกอฮอล์เป็นหลัก เติบโต 125% เนื่องจากหลังโควิด-19 มีการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติกลับมาใช้ชีวิตยามราตรีได้ตามปกติ สอดคล้องกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัว อีกทั้งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่สร้างอัตรากำไรสูง ผู้ประกอบการสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็วจึงเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตได้

>> กลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2567 

1. ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 1,925% ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จากรูปแบบพฤติกรรมกลุ่มคนเมืองที่เปลี่ยนไปต้องการใช้เวลาในการทำกิจกรรมในชีวิตหรือพักผ่อน พื้นที่ในที่พักมีจำกัด โดยบริการนี้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญสามารถซักและอบเสร็จได้ในเวลาเพียง 20-40 นาที ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องซัก-อบที่มีราคาสูง คาดจะขยายตัวในเขตชุมชนจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่เริ่มมีการแข่งขันเข้มข้นในธุรกิจนี้ 
2. การผลิตน้ำอัดแก๊สและโซดา มีอัตราการเติบโต 1,109% หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายผลิตภัณฑ์น้ำดื่มได้รับความนิยม มีรสชาติและรูปแบบแปลกใหม่มากขึ้นทั้งในรูปน้ำผลไม้ต่าง ๆ จากแต่ละท้องถิ่นที่นำมาอัดแก๊สในรูปแบบที่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมดื่ม ผู้บริโภคเองก็มีทางเลือกมากขึ้น 
3. ร้านตัดเย็บและซ่อมเครื่องแต่งกาย เช่นการแก้ทรงเสื้อ การตัดขากางเกง เติบโต 667% จากที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างชะลอตัว หลังโควิดผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่ายนำเสื้อผ้าเก่ามาแก้เพื่อใช้งานหรือการหาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ที่มีราคาถูกแต่อาจต้องปรับแก้ทรงเนื่องจากไม่ได้ลองก่อนซื้อ 
4. กิจกรรมสันทนาการ เช่น ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านเกม มีอัตราการเติบโต 349% เนื่องจากสามารถรวมตัวกันทำกิจกรรมบันเทิง งานแสดงดนตรี หรือร้านเกม เปิดได้ตามปกติทำให้กิจกรรมนี้กลับมาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว 
5. บริการเกี่ยวกับงานศพครบวงจร เติบโต 285% ให้บริการขนย้าย ตกแต่งสถานที่ พิธีกรรม เป็นธุรกิจที่ตอบสนองคนเมือง ครอบครัวขนาดเล็ก ที่ช่วยลดความยุ่งยากและเวลาในการดำเนินการซึ่งมีให้เลือกตามงบประมาณของลูกค้า อีกทั้งประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง 
6.ธุรกิจร้านเสริมสวย เติบโต 193% ผลจากการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กิจกรรมบันเทิงและความงามยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ รวมถึงราคาการให้บริการไม่สูงนักเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการให้เลือกใช้บริการจำนวนมากแต่บางธุรกิจที่ได้รับความนิยมผ่านสื่อ Social อาจต้องจองคิวเพื่อเข้าใช้บริการ

ส่วนธุรกิจในกลุ่มเฝ้าระวัง มีทั้งธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง 2 ปีต่อเนื่อง 2566 และ 2567 คือ ธุรกิจหอพักนักศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาในระดับต่าง ๆ มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งมีทางเลือกของที่พักในรูปแบบอื่น ๆ โดยนักศึกษาส่วนใหญ่เลือกพักห้องเช่าแบบอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันมีธุรกิจที่เริ่มต้องเฝ้าระวังในปี 2567 เนื่องจากเคยเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงจากปี 2566 แต่ในปี 2567 กลับมีแนวโน้มชะลอตัวลง มีจำนวน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

1. ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หดตัวมากถึง 82% อันเนื่องมาจาก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีในปัจจุบันมือหนึ่งราคาถูกลงมาก มีหลายระดับให้เลือก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคมีการเปรียบเทียบราคาได้ง่าย เพื่อความคุ้มค่าในการจ่ายเงิน สินค้ามือสองกลุ่มนี้จึงได้รับความนิยมน้อยลง 
2. ธุรกิจขายงานฝีมือและของที่ระลึก เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน หดตัวถึง 75% เนื่องมาจากการขายสินค้าในออนไลน์เป็นที่นิยม และมีสินค้าเกือบทุกประเภทขายบนออนไลน์ จึงทำให้มีแรงกระตุ้นน้อยลงที่จะทำให้นักท่องเที่ยวต้องซื้อสินค้าจากการไปท่องเที่ยวที่นั้น ๆ 
3. ธุรกิจเกสเฮ้าส์ หดตัวกว่า 65% เนื่องจากมีการเติบโตอย่างมากในปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายในช่วงแรก ห้องพักแบบเกสเฮ้าส์เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่สูงนักเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว กลุ่มวัยรุ่นและเป็นการพักในระยะยาว แต่หลังโควิด-19 ผ่านไป พฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป  นักท่องเที่ยวนิยมพักระยะสั้น-กลาง หันไปนิยมห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า หรือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวมากขึ้น 

10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วง ปี 68 สายสุขภาพ-อินฟลูฯ ทะยานอันดับหนึ่งสิ่งทอเสื้อผ้า-รถมือสอง ดาวร่วง

(23 ธ.ค.67) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้จัดอันดับธุรกิจดาวรุ่งและดาวร่วงสำหรับปี 2568 โดยอ้างอิงจากปัจจัยพื้นฐานที่คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2568 จะอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 3% จากการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 ที่อยู่ที่ 2.6-2.8% การท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น การส่งออกที่น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับธุรกิจหลายประเภท

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการคาดการณ์ 10 เทรนด์ธุรกิจปี 2568 ได้แก่:
- ธุรกิจเกี่ยวกับ AI เช่น แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และระบบคลาวด์
- เมตาเวิร์ส (Metaverse) หรือโลกเสมือน
- สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เช่น คริปโทเคอร์เรนซีและบิตคอยน์
- ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น โซลาร์รูฟท็อปและยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
- ธุรกิจสุขภาพ การกินดีอยู่ดี การแพทย์ และความงาม
- ธุรกิจ E-Commerce และบริการเดลิเวอรี่
- สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
- Remote Work หรือการทำงานจากระยะไกล
- Personalized Marketing หรือการตลาดแบบเจาะกลุ่มเฉพาะ
- ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

นายธนวรรธน์ยังกล่าวถึง 10 เทรนด์ธุรกิจแบบไทย ๆ สำหรับปี 2568 ที่ได้แรงบันดาลใจจากธีม 'ส.' ตามปีมะเส็ง ได้แก่: สะดวกสบาย, สะอาด, สิ่งแวดล้อม,  สมัยใหม่, สำราญบันเทิง, สร้างสรรค์, เสี่ยง, สะสม,  สโมสร-สร้างเครือข่าย, สวดมนต์-สามมู

สำหรับ 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่งในปี 2568 ได้แก่:
- ธุรกิจการแพทย์และความงาม, ธุรกิจคลาวด์เซอร์วิส (Cloud Service) และธุรกิจบริการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (Cybersecurity)
- Social Media และ Online Entertainment, Youtuber, Influencer และการรีวิวสินค้า
- ธุรกิจ E-Commerce, Soft Power (ซีรีส์ ภาพยนตร์), ธุรกิจโฆษณา และสื่อออนไลน์
- ธุรกิจ Event, คอนเสิร์ต, จัดแสดงสินค้า และธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ธุรกิจความเชื่อ สายมู, ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ และธุรกิจประกัน
- ธุรกิจบริการผ่านแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวัน ซ่อมแซมอุปกรณ์ และธุรกิจผับ บาร์ คาราโอเกะ

-  คลินิกกายภาพ, ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า, ธุรกิจรถยนต์ EV และธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง
- ธุรกิจการเงิน-ธนาคาร Fintech และการชำระเงินผ่านเทคโนโลยี, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม
- ธุรกิจโทรคมนาคม, โลจิสติกส์ Delivery คลังสินค้า, ทนายความ และ Street Food ตลาดนัดกลางคืน
- ธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์), ธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจโรงพยาบาล-คลินิกเกี่ยวกับสัตว์

ส่วน 10 อันดับธุรกิจดาวร่วงในปี 2568 ได้แก่:
- ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่า CD และ VDO
- ธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์
- ธุรกิจผลิต-จำหน่ายที่เก็บข้อมูล เช่น Thumb Drive
- บริการส่งหนังสือพิมพ์
- ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- ธุรกิจถ่ายเอกสาร
- การผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมที่ไม่มีการดีไซน์ใหม่
- รถยนต์มือสอง
- ร้านขายเครื่องเล่นเกม
- ธุรกิจผลิตกระดาษและร้านโชห่วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top