Tuesday, 22 April 2025
ทวีสอดส่อง

'ภูมิใจไทย' ยื่นเพิกถอน 'พิธา-ทวี' พ้น ส.ส. ปมก้าวก่าย สธ. ย้ายหมอเอ็นจีโอ

ส.ส. ภูมิใจไทย เข้าชื่อยื่น 'ประธานสภาฯ' ขอให้พิจารณาส่งเรื่องไปศาลรธน. วินิจฉัย 'พิธา - ทวี' สิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. หลัง ออกแถลงการณ์ปมโยกย้าย 'หมอสุภัทร'

(1 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงว่าสืบเนื่องจากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ออกแถลงการณ์กรณีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข โยกย้ายข้าราชการ คือ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

แถลงการณ์ดังกล่าว พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าเป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่ง ส.ส. กระทำการก้าวก่าย แทรกแซงเพื่อประโยชน์ตนเอง ผู้อื่น และพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องการบรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน หรือการให้พ้นจากตำแหน่งของข้าราชการฯ ตามรัฐธรรมนูญ 185(3) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส.ของนายพิธา และ พ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 101 (7) ซึ่ง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 50 คน ได้ลงนามเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ว่าสมาชิกภาพของนายพิธา และ พ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (3)

‘รมว.ความมั่นคงสาธารณะจีน’ พบปะ ‘รมว.ยุติธรรมไทย’ เดินหน้ากระชับความร่วมมือปราบปราม ‘ยาเสพติด’

(1 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หวังเสี่ยวหง มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน พบปะกับทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและสมาชิกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของไทย ณ กรุงปักกิ่งของจีน

โดย หวังเสี่ยวหง ระบุว่า จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน โดยเขาหวังว่าจีนและไทยจะดำเนินการตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำของสองประเทศ กระชับความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพแนวทางความร่วมมือเกี่ยวกับผู้หลบหนีและการติดตามทรัพย์สินคืน ดำเนินปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน ปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ อย่างสอดคล้องตามกฎหมาย อาทิ การผลิตและการค้ายาเสพติด การฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและทางอินเทอร์เน็ต และการพนันออนไลน์ เสริมสร้างความร่วมมือเชิงปฏิบัติด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง รวมถึงส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

ด้าน ทวี สอดส่อง แสดงความเต็มใจของไทยในการรักษาการแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดกับจีน พร้อมกระชับความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายในด้านการควบคุมยาเสพติดและอื่นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

‘ครม.’ ไฟเขียว!! ประกาศแต่งตั้ง ‘ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล’ นั่ง ‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ได้แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ แทนศาสตราจารย์อุดม รัฐอมฤต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ได้มีหนังสือลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เนื่องจากที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และยังเป็นแคนดิเดตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนใหม่

โดยผลการหยั่งเสียงในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ศาสตราจารย์ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ คณะรัฐศาสตร์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 26 ส่วนงาน รองศาสตราจารย์พิภพ อุดร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 12 ส่วนงาน ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญาได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 5 หน่วยงาน จากทั้งหมด 51 หน่วยงาน

‘ทวี’ นั่งคุย ‘แป้ง นาโหนด’ ก่อนนำตัวกลับไทย 4 มิ.ย.นี้ เพื่อรับโทษ  เจ้าตัวยอมรับผิด ชมทีมงานเก่งจริง ตามจับตัวได้ แม้หนีไปหลายประเทศ 

(2 มิ.ย.67) ที่เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ได้พบกับ นายเชาวลิต ทองด้วน หรือ “แป้ง นาโหนด” ซึ่งสวมชุดนักโทษของประเทศอินโดนีเซีย ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมา โดย พ.ต.อ.ทวี เผยว่า เตรียมพานายเชาวลิตกลับประเทศไทย ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ แต่ทางกฎหมายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม

ด้าน นายเชาวลิต ระบุสั้นๆ ว่า ขอยอมรับผิดทั้งหมดและอยากให้ส่งศาลอาญากรุงเทพ เรื่องยาเสพติดนั้นไม่เกี่ยวกับตนแน่นอน ส่วนปลอมบัตรเป็นคนอาเจะห์มีเจ้าของห้องเช่าเป็นคนทำให้ 

“ต้องยอมรับว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะ ทำงานเก่งจริงตามจับผมได้ แม้จะมาบาหลี ก่อนหน้านี้เคยบินไปหลายประเทศมาแล้ว” นายเชาวลิต กล่าวต่อหน้า รมว.ยุติธรรม และคณะทีมงาน

‘ทวี’ แจงใช้งบ 6 แสน นำตัว ‘แป้ง นาโหนด’ กลับไทย ยัน!! เป็นแนวทางที่ดีที่สุด ถูกกว่าใช้เครื่องบินพาณิชย์

(3 มิ.ย.67) ที่ท้องสนามหลวง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการรับตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุมกลับประเทศไทย ว่า การประสานงานในการรับตัวนายเชาวลิตกับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถรับตัวได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่บังเอิญขาดเรื่องเอกสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความเข้มแข็งขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โปล) นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถนำตัวนายชวลิต มาส่งให้ประเทศไทยได้ตามระบบกฎหมายของอินโดนีเซีย ดังนั้นวันที่ 3 มิ.ย. ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะมีการประชุมว่าจะใช้ช่องทางไหนได้ แต่ในหลักการคือวันที่ 4 มิ.ย.นี้ นายเชาวลิตควรจะมาถึงเมืองไทยแล้ว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นกรณีแรกที่หนีการควบคุมจากเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนั้นโดยหลักการเมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จ และแจ้งข้อหาแล้วจะต้องนำไปขัง ณ ศาลที่เกิดเหตุ เพราะขณะนี้สำนวนยังไม่ได้โอนมา และหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะพิจารณาว่าจะนำตัวนายเชาวลิตควบคุมตัวไว้ ณ ที่ใด จึงขอให้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมราชทัณฑ์ไปประชุมกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาอีก

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากนายเชาวลิตกลับไป จ.นครศรีธรรมราช แล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ประเมินดู ซึ่งจากที่ลงพื้นที่ไป จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการประชุมกันว่าเมื่อนายเชาวลิตเดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องของการนำตัวคนผิดมาฟ้องและลงโทษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ ที่จะนำตัวนายเชาวลิตมาดำเนินคดีในกรุงเทพมหานคร โดยไม่ไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ตามที่นายเชาวลิตขอร้อง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตอนนี้คดียังไม่ได้โอนมาที่ส่วนกลาง ดังนั้นจะต้องมีการสอบสวนที่ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ก่อน ซึ่งที่ จ.พัทลุง จะต้องมีการอายัดตัว แต่จากการฝากขังครั้งที่ 1 ครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เมื่อศาลอนุมัติฝากขัง ศาลฎีกามีระเบียบว่าสามารถฝากขังครั้งต่อไปให้สามารถปรากฎตัวทางออนไลน์ได้ ก็อาจจะนำไปขังที่อื่น

เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นที่จะนำตัวมาส่วนกลางที่กรุงเทพฯ มีความเป็นไปได้มากกว่าใช่หรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เดิมเป็นความคิดของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่อยากนำตัวมาไว้ที่กรุงเทพฯ แต่ตนก็บอกว่าต้องประชุมกันให้ดี ทั้งนี้อยากจะบอกว่าการนำตัวนายเชาวลิตกลับมาประเทศไทย มีบางกระแสที่บอกว่ามีการใช้งบประมาณที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งขอชี้แจงว่าทางเรามีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะถ้ามาเครื่องบินพาณิชย์ ในเงื่อนไขเดิมจะแพงกว่าการที่มากับเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพราะคณะของอินโดนีเซียที่มาส่งก็หลายคน

ส่วนตัวเลขค่าใช้จ่ายในครั้งนี้นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เท่าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ประมาณไว้ 600,000 บาท ทั้งค่าน้ำมันและค่าจอดเครื่องบิน อย่างไรก็ตามย้ำว่าเราพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องร้องและลงโทษ ซึ่งเรื่องนี้ความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องน่าดีใจ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่อมันเกิดแล้วเราก็ต้องไปตรวจสอบว่ามันเป็นอย่างไร หนีไปอย่างไร หรือมีความเกี่ยวข้องกับใคร มีผู้บงการ ผู้ใช้ หรือผู้ช่วยเหลืออย่างไร และกรณีที่นายชวลิตออกมา ร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อแม้ว่าจะไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่เขาอ้างอิงถ้าเราไปสอบสวนแล้วมีความผิดก็จะเป็นหลักฐานใหม่ ฉะนั้นก็ขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการหารือถึงสถานที่ที่จะนำตัวนายชวลิตไปคุมขังหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในการไปรับตัวนายเชาวลิต จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงยุติธรรม จัดทีมไปรับตัว

‘สว.’ ลุกลี้ลุกลน!! ล้ำหน้า ถึงขั้นจะถอดถอน ‘พ.ต.อ.ทวี’ รัฐมนตรียุติธรรม หลัง ‘ดีเอสไอ’ จ่อรับเป็นคดีพิเศษ จากการถูกร้องเรียน ‘ฮั้ว’ จัดทำโพย

(22 ก.พ. 68) สว.ออกอาการลุกลี้ลุกลนเกินเหตุ ล้ำหน้าถึงขั้นจะถอดถอนรัฐมนตรียุติธรรม โดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริงการได้มาของตัวเอง

ลุกลี้ลุกลนเกิน สว.ชุดน้ำเงิน หลังดีเอสไอ จ่อรับไว้เป็นคดีพิเศษ จากการถูกร้องเรียน ‘ฮั้ว’ จัดทำโพย และผลการเลือกเป็นไปตามโพย 138 คน จาก 140 คน ติดสำรองอยู่อีก 2 คน

ลุกลี้ลุกลน เพราะเมื่อข่าวจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอออกมาว่า จะขอรับทำเป็นคดีพิเศษ สมาชิกวุฒิสภาสายน้ำเงินที่กำลังจัดสัมมนากันอยู่ที่หวดสวนสน หัวหิน กลางคืนร้องรำทำเพลงกันสนุกสนาน แต่พอมีข่าวดีเอสไอจะรับทำเป็นคดีพิเศษ รีบแจ้งกำหนดการแถลงข่าวโต้ดีเอสไอทันทีในเวลา 10.00 น.

เดิมให้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา แถลงเพียงคนเดียว แต่พอเช้าขึ้นมาถึงเวลาแถลงข่าวตามนัด สว.เดินมายืนเรียงหน้ากันเต็มหมด รวมถึงมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาด้วย เข้าใจว่าได้มีการประเมินสถานการณ์แล้ว ‘ค่อนข้างแรง’ ต้องตั้งการ์ดดี ๆ กับข้อกล่าวหาหนัก ‘อั้งยี่-ซ่องโจร’ อันเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีผิด พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาอย่างเดียวแล้ว สมาชิกวุฒิสภากะเล่นหนักถึงขั้นถอดถอนรัฐมนตรียุติธรรม

สำหรับเนื้อหาในหนังสือลับด่วนที่สุด ซึ่งดีเอสไอแจ้งไปยัง กกต. ระบุว่า การสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีขบวนการจัดตั้งให้ได้มาซึ่ง สว. มีการวางแผนให้มีผู้สมัครระดับอำเภอ กลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ ค่าตอบแทนระดับอำเภอ 5,000 บาท ระดับจังหวัด 10,000 บาท ระดับประเทศ 4 หมื่นถึง 1 แสนบาท และถ้าได้ สว.มากกว่า 120 คน จะได้เพิ่มจำนวน 100,000 บาท

หลังจากวันที่ 16 มิ.ย.67 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ขบวนการได้นัดหมายผู้สมัครระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้ว สว. ในพื้นที่ 3 จังหวัด มีการจ่ายมัดจำ 2 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือจะได้รับหลังการรับรองผลการสืบสวนยังพบโพยฮั้ว สว. มีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน โดยพบผู้สมัครอยู่ในขบวนการประมาณ 1,200 คน สำหรับโพยฮั้ว 2 ชุด พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือก 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน

ดีเอสไอประสงค์ที่จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทางอาญาไว้ดำเนินการ เนื่องจากกลุ่มขบวนการมีการวางแผนที่สลับซับซ้อน กระทำการอุกอาจมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ยังไม่ได้พิสูจน์ทราบอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการรวบรวมหลักฐานเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบร่องรอยการติดต่อสื่อสาร เส้นทางการเงิน สถานที่จัดประชุม วางแผน สถานที่พบปะติดต่อ พิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนการ กระทำความผิดของกลุ่มขบวนการ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความพร้อมด้านบุคลากร และเครื่องมือทางด้าน เทคโนโลยีที่จะใช้ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบเครือข่าย และองคาพยพของกลุ่มขบวนการทั้งหมด นอกจากนี้ พยานสำคัญอาจจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการให้ความคุ้มครองพยาน เพราะเหตุที่พยาน อาจเกรงกลัวต่ออันตรายแก่ชีวิตร่างกาย

ประเด็นคือ สมาชิกวุฒิสภา ควรจะได้พิจารณาข้อเท็จจริงให้แจ่มชัดว่า ข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร ผิดกฎหมายไหนบ้าง แล้วพิจารณาข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงว่า มีฮั้วจริงไหม มีโพยให้เลือกจริงหรือไม่ นัดไปรวมพลกันสามจังหวัดเพื่อรับโพย และซักซ้อมกันจริงหรือไม่ รับเสื้อสีเหลือง นั่งรถตู้มาด้วยกันจริงหรือไม่

แต่สมาชิกวุฒิสภาชุดสวนสนกลับรีบลุกขึ้นมาตอบโต้ และชี้ไปด้วยว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจทำคดีนี้ ซึ่งอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดีเอสไอจะรับส่วนไหนไปทำ แต่กลับออกอาการเกินเหตุ จริงๆ ก็แค่ยุงรำคาญตอนหัวค่ำ แต่กลับ ยิงสลุตออกไปถึงขั้นจะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีทวี สอดส่อง มันล้ำหน้านะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top