Wednesday, 23 April 2025
ถาวรเสนเนียม

‘ถาวร’ ชี้ ‘แสนสิริ’ ต้องชดใช้แก่ผู้จ่ายค่าผ่านทางสะพานแสนสำราญ หลัง กทม.สั่งรื้อด่านเก็บเงิน ลั่น!! ต้องทำให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

(31 มี.ค. 66) จากกรณี บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) สร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง หรือ สะพานแสนสำราญ บนพื้นที่โครงการ T77 บริเวณซอยสุขุมวิท 77 เพื่อออกสู่ถนนปรีดีพนมยงค์ 2 เขตวัฒนา ภายหลังสร้างเสร็จ ได้ตั้งตู้เก็บค่าผ่านทางด้วย ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา กทม.จะออกหนังสือให้รื้อถอนตู้เก็บเงินค่าผ่านทาง และยกเลิกการเก็บเงินทั้งหมด

นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า…

“คำสั่งต้อง เด็ดขาด!!! ‘กทม.’ สั่ง ‘แสนสิริ’ รื้อด่านอย่างเดียวไม่พอครับ
วันนี้เห็นข่าว กทม.สั่ง ‘แสนสิริ’ รื้อด่านเก็บค่าขึ้นสะพาน ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องใช้สะพานแห่งนี้อยู่ครับ

แต่ยังชี้ให้คนทำผิดว่า หากไม่เห็นด้วยให้คัดค้านได้ การคัดค้านเป็นการใช้สิทธิตามที่มีอยู่ในกฎหมาย ทุกคนรู้ แต่ กทม. กำลังชี้โพรงให้กระรอก การกระทำผิดของผู้เก็บเงินจากประชาชนโดยผิดกฎหมาย กทม. ว่าไง? จะดำเนินการอย่างไรกับผู้กระทำผิด

ยกย่อง 'ถาวร เสนเนียม' ขรก.การเมืองน้ำดี ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับจังหวัดสงขลา

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 พ.ค.67 ที่ผ่านมา สมาคมชาวจังหวัดสงขลาได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลแด่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่วัดบวรนิเวศน์วรวิหาร

ช่วงบ่ายเป็นการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี และในโอกาสเดียวกันได้ทำพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับคนดีศรีแผ่นดินสาขาต่างๆ

สำหรับคนดีศรีแผ่นดินสาขาข้าราชการการเมืองผู้ทำคุณประโยชน์ให้จังหวัดสงขลา คือ นายถาวร เสนเนียม อดีต สส.สงขลา อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย / อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม

ถาวร เสนเนียม ก่อนจะมาเป็นนักการเมือง ก็เป็นข้าราชการอัยการ ในเวลาเดียวกันก็ทำธุรกิจอีกหลายอย่าง เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจโรงโม่ เป็นต้น แต่ถึงเวลาหนึ่งตัดสินใจลาออกจากราชการ กระโดดเข้าสู่เวทีการเมือง และประสบความสำเร็จในนามพรรคประชาธิปัตย์ จนได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหารมาแล้วสองสมัย สองกระทรวง

เมื่อศาลตัดสินให้ต้องโทษจำคุก จากคดี ชุมนุมทางการเมือง 'ถาวร' จึงต้องจำจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยข้อกำหนดของระเบียบพรรค ห้ามคนต้องโทษจำคุก เป็นสมาชิกพรรค

ถาวรก้าวเข้าสู่พรรคไทยภักดี แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคไทยภักดีไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง 'ถาวร' จึงเดินออกมา และเข้าสู่ร่ม 'พรรครวมไทยสร้างชาติ'

อนาคตทางการเมืองของ 'ถาวร' ในวัย 70 กว่า สุขภาพยังแข็งแรง และน่าจับตามองว่าจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร

‘นครโมเดล’ สะเทือน!! ถึง ‘สงขลา’ ถ้า ‘ไพเจน’ ปักหลักสู้!! ‘สุพิศ’ ก็เหนื่อย

(30 พ.ย. 67) พลันเมื่อ ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ถอนตัวไม่ลงรักษาแชมป์ ชื่อของ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ลาออกจากราชการ มาอาสาเปลี่ยนแปลงเมืองสงขลาก็โดดเด่นอยู่คนเดียว

‘สุพิศ’ มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเข้ามาขอทำงานเปลี่ยนแปลงเมืองสงขลา ด้วยยแนวคิด ‘สงขลาเมืองสะอาด’ อันสะท้อนให้เห็นว่า สงขลายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่จะต้องปัดกวาดแก้ไข และมองเห็นปัญหาบ้านเกิดอีกหลายอย่างถึงยอมเสียสละหน้าที่ราชการในระดับอธิบดีที่ไม่ใช่จะเป็นกันง่ายๆ

เมื่อไพเจนถอนตัว เส้นทางนายกฯอบจ.สงขลาของสุพิศก็คล่องขึ้น หายใจสะดวกขึ้น ถ้าสุพิศปักหลักสู้ สุพิศก็จะเหนื่อย เพราะ 4 ปีของไพเจนบนตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา แน่นอนว่า คนสงขลาจะต้องมองเห็นผลงานมากกว่าของสุพิศ

แต่แม้นสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากทีมสงขลาพลังใหม่ จะยืนโดดเด่นอยู่คนเดียวก็ยังจะประมาทไม่ได้ ยังมีนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน ที่พรรคใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าในการขอแจ้งเกิดในสนามท้องถิ่น แต่ยังไม่เคยสำเร็จ และไม่ควรลืมว่า สงขลาคือบ้านเกิดของ ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้นธารของพรรคประชาชน และยังมีน.ส.อภิญญา ยอดแก้ว ผู้สมัคอิสระ ที่เปิดตัวเสนอเป็นนายกอบจ.หญิงคนแรกของ จ.สงขลา ก็จะมาร่วมแบ่งคะแนนในรอบนี้ด้วย

แต่นั้นยังไม่น่าประหวั่นพลั่นพรึงเท่ากับการปรากฏชื่อ ‘ถาวร เสนเนียม’ จะร่วมลงชิงกับเขาด้วย เพราะไม่ควรลืมว่า ถาวร คืออดีต สส.สงขลาหลายสมัย อดีตอัยการที่คนสงขลารู้จัก แถมยังผ่านงานบริหารราชการแผ่นดินมาแล้วถึงสองกระทรวง รมช.มหาดไทย และ รมช.คมนาคม มีประสบการณ์ และคุณสมบัติพร้อม

แม้ถาวรจะยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงสมัคร เพราะยังมีข้อกังวลเรื่องคดีที่รอศาลฏีกาตัดสิน ถาวรเกรงว่า ถ้าลงสมัครแล้วได้รับเลือกตั้ง แต่อีก 1 ปีต่อมาศาลฏีกาตัดสินออกมาเป็นลบ อบจ.สงขลาก็ต้องสูญเสียงบร่วม 100 ล้าน เพื่อจัดเลือกตั้งใหม่

แต่พลันที่มีชื่อถาวรปรากฏผ่านสื่อโซเชี่ยล ข่าวถูกแชร์ไปทั่ว เพียงวันเดียวก็สร้างความฮือฮาไปทั่ว ร้านน้ำชากาแฟต่างกล่าวขานถึงในเชิงสนับสนุน-เหมาะสม สมน้ำสมเนื้อกับสุพิศ ‘ถาวร’ ขอเวลา 4-5 วันในการประเมินคดี ประชุมร่วมกับทนายความเพื่อประเมินว่าคดีจะออกมาทางบวก หรือทางลบ แล้วจะตัดสินใจ แล้วจะแถลงข่าวให้ทราบโดยทั่วกัน เพียงแต่ถาวรอาจถูกตั้งคำถามเรื่องอายุ แต่ในทางการเมืองอายุเป็นเพียงตัวเลข โดนัล ทรัมป์ อายุเท่าไหร่แล้ว โจ ใบเด็น อายุเท่าไหร่กว่าจะหยุด

ที่ต้องประหวั่นพลั่นถึงถ้าถาวรลงสมัคร เพราะถาวรไม่ได้ไปคนเดียว เขามีองคาพยพมากมายในการจัดทัพกับช่วงเวลาสั้นๆ และอาจจะมีพรรครวมไทยสร้างชาติที่เขาสังกัดอยู่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และมีพรรคภูมิใจไทย ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นแม่ทัพภาคใต้อยู่ และ ดร.นที รัชกิจประการ ภรรยา ก็จะพ้นโทษออกจากคุกในวันที่ 8 ธันวาคมนี้แล้ว ก็จะมาเป็นมือเป็นไม้ได้เป็นอย่างดี

สรุปความง่ายๆ ว่า ถ้าถาวรลงสมัคร ก็จะเป็นคู่ชิงของสุพิศที่สนุก เพราะเป็นสนามของคนรู้ใจ รู้เกมกันอยู่ แต่ถ้าถาวรไม่ลงสุพิศก็จะลอยลำ แต่ทำอย่างไรให้สุพิศ สลัดพรรคประชาธิปัตย์ให้พ้นตัว เดินออกห่างจากคนที่คนสงขลา และคนใต้ไม่ชอบให้ดี เพราะจะเป็นตัวถ่วงคะแนนในสถานการณ์ประชาธิปัตย์ขาลง อ่อนแอ

ประชาธิปัตย์อ่อนแอจนนำพาให้ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ พ่ายแพ้ในสนาม อบจ.นครศรีฯ เปิดทางให้ ‘น้ำ-วาริน ชิณวงศ์’ เข้ามาสร้าง ‘นครโมเดล’ ได้สำเร็จ

นครโมเดล
-ไม่ซื้อเสียง
-ไม่มีหัวคะแนน
-ไม่ฮั้วประมูล
-ไม่โกงกิน
-ไม่รังแกคนอื่น
-ไม่ใช่บ้านใหญ่

นครโมเดลนอกจากการสร้างปรากฏการณ์เหล่านี้แล้ว ‘นครเข้มแข็ง’ ยังใช้สื่อโซเชี่ยลในการแนะนำตัว หาเสียงอย่างเป็นระบบ เนื้อหาที่โดนใจในอารมณ์คนนครฯ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ประกอบกับบุคลิกการเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของสาวมั่น จึงทำให้นครโมเดลสำเร็จ

ความพ่ายแพ้ของเจ้ต้อย ทำให้นครโมเดลถูกกล่าวขานถึง และสั่นสะเทือนไปถึงสงขลา นี้คือปรากฏการณ์ที่ ‘สุพิศ’ ต้องทบทวน และกำหนดทิศทางใหม่ให้ชัดเจน

‘ถาวร‘ นัดถกทีม ส.อบจ.สาย ‘ไพเจน’ ก่อนตัดสินใจลงชิงเก้าอี้ นายกฯ อบจ.สงขลา

(9 ธ.ค. 67) ถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เดินทางกลับบ้านที่หาดใหญ่ พร้อมนัดสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (ส่วน.อบจ.) ในสายของ ’ไพเจน มากสุวรรณ์’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนปัจจุบันมาร่วมประชุม และรับประทานอหาร

ซึ่งนอกจาก ส.อบจ.ในสายของไพเจนเข้าร่วมประชุม นำทีมโดยอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลา แกนนำทีม ”รวมพลังร่วมสร้างสุข” ซึ่งมีว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.อยู่ในมือแล้ว 27 คน จากทั้งหมด 32 คน

“พี่ยังยืนยันในหลักการเดิมในการตัดสินว่าจะลงสมัครหรือไม่ลงสมัคร คือขอประเมินคดีก่อน คดีที่ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการเลือก สมัยการชุมนุมของ กปปส.คดีอยู่ระหว่างเตรียมการฎีกา” ถาวร กล่าว

ถาวร เปิดเผยว่า การประเมินผลทางคดี ต้องรอประชุมร่วมกับทีมทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ที่ใช้ทนายความถึง 10 คน

“ไม่เกินกลางเดือนผมจะตัดสินใจ และจะแถลงให้ได้รับทราบถึงการตัดสินใจ ซึ่งเราจะสู้ในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ประเด็นว่า เมื่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะไปแล้ว ยังจะมีความอีกเหรอ และ กกต.เองก็จัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไป กฎหมายกำหนดให้เลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ครั้งนั้น กกต.ไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้พร้อมกันทั่วประเทศ ยังขาดอีก 38 เขตเลือกตั้ง”

ถาวร กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งสัญญาณกันมา สนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ.สงขลา แต่สำหรับตนแล้ว ไม่อยากให้ อบจ.สงขลาต้องสูญเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งใหม่ถึงเกือบ 100 ล้าน ถ้าคดีออกมาเป็นลบ

“เงินเกือบ 100 ล้าน เป็นเงินมาจากภาษีประชาชน สร้างอะไร ทำอะไรได้อีกมาก ไม่ควรเอามาใช้จ่ายเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่” ถาวร กล่าว

กล่าวสำหรับทีมรวมพลังร่วมสร้างสุข แม้จะยังไม่มีหัว แต่หาง (ส.อบจ.)พร้อมแล้ว และนายกฯไพเจน ก็จะยังให้การสนับสนุนทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขต่อไป และถาวร เสนเนียม จะลงหรือไม่ลงสมัคร ก็น่าจะสนับสนุนทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขแน่นอน

ส่วนประสงค์ บริรักษ์ ที่เปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สงขลาด้วย น่าจะเป็นการลงแบบอิสระ ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย และไม่ส่ง ส.อบจ.ด้วย แต่มีทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.กลุ่มหนึ่งใช้ชื่อ “ภูมิใจสงขลา” ครบ 32 คน อันทำให้เข้าใจว่า ภูมิใจไทยสนับสนุน 

ส่วนสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ที่เปิดตัวลงชิงตั้งแต่ไก่โห่  ประกาศความพร้อมอาสาเข้ามาเปลี่ยนสงขลา และเริ่มปล่อยรถตระเวนออกหาเสียงในทุกอำเภอแล้ว แม้จะประกาศลงสมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรคไหน แต่การปรากฏตัวของนายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในศูนย์ประกาศสานงาน ทำให้คราบของประชาธิปัตย์ และคราบของนายกฯชาย ติดตัวสุพิศไปด้วยอย่างสลัดออกยาก

เป็นภาพติดตัวสุพิศในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์อ่อนแอยิ่ง นายกฯชายก็ใช้ว่าจะได้รับการยอมรับมากนักกับการนำพาพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลัง

สุพิศต้องสลัดประชาธิปัตย์ ออกจากตัวให้ได้ และต้องอยู่ห่างนายกฯชายเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเอง

‘ถาวร เสนเนียม’ ร่อนแถลงการณ์ ถึงพี่น้องประชาชน เผย!! สาเหตุตัดสินใจ ไม่ลงสมัครชิงนายกฯอบจ.สงขลา

(14 ธ.ค. 67) นายถาวร เสนเนียม ร่อนแถลงการณ์ ถึงพี่น้องประชาชน ระบุว่า …

เรียนพี่น้องประชาชนที่สนใจติดตามการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาและสื่อมวลชนทุกท่านครับ

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมาจากหลายสื่อหลายกระแสด้วยกันว่า ผมกำลังจะได้รับการสนับสนุนจากพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคภูมิใจไทยและได้รับแรงเชียร์จากน้อง ๆ ส.อบจ.สงขลา ในการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลารอบหน้า ที่กำลังจะมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 หลังจากนั้น ผมเองก็ได้รับโทรศัพท์และได้รับการติดต่อเพื่อขอเป็นรับแรงสนับสนุนจากน้อง ๆ ที่ยังดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.สงขลา และที่จะเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.สงขลา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งสังกัดทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขที่รวมตัวกันก่อนหน้านี้แล้ว

รวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งของผมและจากหลาย ๆ เขต ตลอดถึงญาติมิตร

พี่น้องเพื่อนฝูง เมื่อได้ทราบถึงกระแสข่าวต่างติดต่อเข้ามาเพื่อให้กำลังใจผม ประหนึ่งเสมือนผมได้ตอบตกลง

ที่จะเป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา รอบหน้าจริงแล้ว การตอบคำถามถึงกระแสข่าวข้างต้น ผมจึงต้องระมัดระวังถึงความรู้สึกดี ๆ ที่ทุกคนมอบให้ เพราะพี่น้องประชาชนในจังหวัดสงขลาต่างทราบดีว่าสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันเป็นอย่างไร ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ ประชาชนต่างคาดหวังที่จะมี ผู้นำท้องถิ่น สมาชิกรัฐสภาและรัฐมนตรีที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมาบริหารพัฒนาแก้ปัญหา คิดและทำเพื่อประโยชน์ให้ประชาชน ไม่ผูกขาดการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองด้วยอิทธิพลหรือทุนสีเทา

ดังนั้น ในการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาครั้งหน้า ประชาชนชาวสงขลาจึงต้องการที่จะเห็นการเมืองในรูปแบบที่ใสสะอาด ปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และปราศจากการใช้อิทธิพลหรือทุนสีเทามาเอารัดเอาเปรียบผู้สมัครที่สุจริต ผมเป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านการทุจริต และต่อต้านการเลือกตั้งที่มีการใช้อิทธิพลหรือทุนสีเทามาตลอด และเป็นผู้ที่ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใด ในการตอบคำถามของผมจากกระแสข่าวข้างต้นไปบ้างแล้ว

บางคนมองว่า ทำไมผมไม่เสียสละมาเป็นผู้สมัครนายก อบจ.สงขลาครั้งหน้า ผมจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ชี้แจงที่มา

ของการตัดสินใจเข้ามาลงสนามการเมืองดังนี้

1.ในปี 2538 ผมมีอายุ 48 ปี และรับราชการเป็นอัยการจังหวัดกระบี่กับอัยการจังหวัดสงขลาต่อเนื่องมาหลายปี และประกอบอาชีพทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ และยังมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพอัยการ เพราะอายุราชการที่เหลืออีก 12 ปี ผมย่อมสามารถไต่ต้าวเข้าสู้ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ แต่ด้วยในปี 2534 –2538 ประเทศไทยเกิดวิกฤติทางการเมืองหลายครั้ง สืบเนื่องจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจทางการเมืองโดยมิชอบ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์ได้ยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างพี่น้องประชาชน เพื่อต่อสู้กับวิกฤติเหล่านี้อย่างเหนื่อยยาก ผมเองซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2511 จึงได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอัยการจังหวัดสงขลา เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.หวังได้เข้าไปต่อสู้ในสภาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ การลาออกจากราชการของผมครั้งนั้น ผมยอมรับความเสี่ยงที่จะตามมาในผลการเลือกตั้งในครั้งนั้น แต่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจเลือกผมเข้าไปทำหน้าที่ สส. และเลือกผมตลอดมา 7 สมัย โดยที่ผมไม่ต้องใช้อิทธิพลหรือใช้เงินซื้อเสียงเพื่อเอาเปรียบคู่ต่อสู้ทางการเมือง ผมเล่นการเมืองโดยวิถีสุจริตตลอดมาพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งย่อมทราบดี

2.ในระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ผมได้ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมส่อทุจริต 5 คนทุกสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรคืออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเหล่านี้
1.นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
2.นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
3.นายวัน มู หะหมัด นอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น
4.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น
5.พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น
และผมเคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ดำเนินการเลือกตั้งไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ในการจัดการเลือกตั้งให้พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นข่าวที่ทุกท่านทราบดีอยู่แล้ว

3. ในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผมได้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารพัฒนาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลมีผลงานตามที่ปรากฏ ผมได้ทำการกำกับบริหารจัดการดำเนินการหน่วยงานภายใต้ภารกิจทั้งหมดด้วยความสุจริต โดยไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือถูกร้องเรียนถึงพฤติกรรมทุจริตแต่อย่างใด

4.ด้วยประวัติทางการเมืองโดยสังเขปของผมดังกล่าวมา ประกอบกับประชาชนชาวจังหวัดสงขลาและน้องๆ ส.อบจ.สงขลาจำนวนหนึ่ง อยากให้ นายก อบจ.จังหวัดสงขลาคนต่อไป มาจากผู้มีประวัติทางการเมืองสุจริต มีประวัติการทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน จึงเป็นที่มาของกระแสข่าวว่า ผมได้รับแรงหนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.ครั้งหน้า เพราะที่ผ่านมาประชาชนชาวสงขลาและ ส.อบจ.สงขลา ทุกคนทราบดีว่า นายก อบจ.สงขลา มีปัญหาถูกตรวจสอบเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันต่อเนื่องตลอดมา บางรายถึงขนาดขัดแย้งกันจนต้องมีการจ้างวานฆ่าฝ่ายผู้เห็นต่าง บางรายก็กำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำจากกรณีทุจริตคอร์รัปชันบางรายก็กำลังต่อสู้คดีอยู่ในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

5.จากกระแสข่าวที่ผ่านมา ผมจึงขอขอบคุณทุกแรงเชียร์ขอบคุณทุกกำลังใจที่ประสงค์จะให้ผมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.สงขลาในครั้งหน้า แต่ผมขอเรียนให้ทราบว่า ด้วยความตั้งใจในทางการเมืองของผมที่ต้องการเห็นการเมืองใสสะอาดปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันนั้น หมายความรวมถึง การละเว้นการกระทำการที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการด้วย ซึ่งทุกท่านทราบดีว่า ช่วงวิกฤติทางการเมืองในปี2556 – 2557 ผมกับมวลมหาประชาชนทั่วประเทศ ได้ออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านการออกกฎหมายล้างผิดคนโกงหรือกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ออกมาต่อต้านรัฐบาลที่โกงชาติทำร้ายแผ่นดิน จนท้ายสุดผมต้องคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุก 5 ปี และถูกขังไว้โดยหมายของศาลในระหว่างการขอปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ผมต้องพ้นจากคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พ้นจากสถานะความเป็น สส. และพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ต่อมา ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลงโทษจำคุกผม 1 ปี และปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการยื่นฎีกาคำพิพากษาในศาลฎีกา

6.แม้ว่าผมจะมีคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 49 , มาตรา 50 และตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/1 ก็ตาม แต่ผมเห็นว่า หากผมเป็นผู้สมัคร นายก อบจ.สงขลา ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวสงขลาต่อไปแต่ถ้า ระหว่างการดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลาหากศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกในลักษณะเดียวกับศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ความเสียหายย่อมเกิดกับทางราชการเพราะต้องจัดการเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลาใหม่อีกครั้ง สิ้นเปลืองงบประมาณของ อบจ.สงขลา ประมาณ เจ็ดสิบกว่าล้านบาท และทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนออกมาใช้สิทธิกันใหม่ ประกอบกับทีมทนายความที่รับผิดชอบว่าความให้ผม มีความเห็นว่ามีแนวโน้มสูงที่ศาลฎีกาจะพิพากษาว่า ผมกระทำผิดและอาจจะถูกลงโทษตามที่อัยการฟ้องผมจึงตัดสินใจไม่สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาครับ

7.ดังนั้น การตัดสินใจของผมไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สงขลาครั้งหน้าตามที่มีกระแสข่าวจึงไม่ได้เกิดจากความไม่เสียสละ ไม่ได้เกิดจากความกลัวที่จะแพ้การเลือกตั้ง ไม่ได้เกิดจากความกลัวหรือสมยอมให้กับการทุจริตคอร์รัปชันหรือทุนสีเทา ที่พี่น้องประชาชนหวาดระแวง แต่ผมมองถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาผมปฏิบัติตนในแนวทางนี้มาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ผมสังกัดพรรคไทยภักดี ผมสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้ แต่ผมมีหลักคิดเช่นเดียวกันว่าหากประชาชนให้ความไว้วางใจแล้ว ต่อมาผมต้องถูกคำพิพากษาให้จำคุก ผมก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งครั้งนั้น ผมจึงตัดสินใจลงสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ เพราะหากพ้นจาก ตำแหน่งไปก็สามารถเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นแทน โดยไม่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณของทางราชการ

8.ในการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ครั้งหน้า ผมหวังว่าประชาชนชาวจังหวัดสงขลาจะตื่นรู้ว่า ผู้สมัครรายใดตั้งใจจริงเพื่อพี่น้องประชาชนหรือ ผู้สมัครรายใดอาศัยอิทธิพลหรือทุนสีเทาในการเข้าสู่ตำแหน่ง สำหรับผมเองก็จะคอยให้กำลังใจและสนับสนุนผู้สมัครที่มีประวัติดี มีที่มาดี และมีความตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน และผมขอเสนอให้ผู้ที่กำลังจะสมัครนายก อบจ.สงขลาทุกคน ให้แข่งขันกันโดยสุจริตเที่ยงธรรมจัดทำนโยบายที่ดีมีประโยชน์มาเสนอให้ประชาชนได้รับทราบ และขอให้สู้กันในกติกาโดยชอบด้วยกฎหมายต่อไป

ผมขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top