Wednesday, 23 April 2025
ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ

ชื่นชม!! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ อำนวยความสะดวกภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจ

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก 'ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร' ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ ระบุว่า...

#ทุกวินาทีคือชีวิตภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจ(53)

30 สิงหาคม 2565 เวลา 18.45 น. #ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้รับแจ้งจากพนักงานวิทยุ (ด.ต.จักรภูมิ เสมียนชัย) ว่าได้รับการประสานงานจากสภากาชาดไทยขอสนับสนุนตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริอำนวยความสะดวกนำอวัยวะหัวใจจากสนามบินดอนเมืองส่งยังโรงพยาบาลเป้าหมาย โดยอวัยวะหัวใจดังกล่าวคุณหมอได้นำขึ้นเครื่องบินมาลงที่สนามบินดอนเมืองในเวลาประมาณ 18.45 น. หลังจากรับแจ้งแล้ว พ.ต.ต.พีรวุฒิ ใหม่อ่อง สว.งานฯ 2กก.6บก.จร.(โครงการใต้ 1) และร.ต.ต.มานะ จอกโคกสูง รองสว.งานฯ 1กก.6บก.จร. (โครงการเหนือ 17) จึงนำกำลังประกอบด้วยด.ต.สุทิน อินทโชติ (6-202) ส.ต.อ.ขจรศักดิ์ พูลคำ (6-144) ส.ต.ท.วัชริศ ลีแสน (6-655) และตำรวจช่างจ.ส.ต.ยุทธนา มังคะตา (6-432) ส.ต.ท.ตุลยวัต ขุนเปีย (6-677)​ ส.ต.ท.ชินาธิป พรมอ้วน (6-711) เข้าสนับสนุนยังอาคารผู้โดยสารภายในประเทศขาเข้า สนามบินดอนเมือง เมื่ออวัยวะหัวใจมาถึงจึงเร่งนำส่งรพ.เป้าหมายทันที นับเป็นครั้งที่ 53 แล้วที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริอำนวยความสะดวกนำส่งอวัยวะหัวใจ

ผบ.ตร. ชื่นชม ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ สร้างภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ ทำความดีทุกวัน ปิดทองหลังพระ ตลอดเวลา

วันนี้ (10 มี.ค.66) เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบรางวัลโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ จำนวน 6 นาย พร้อมเหรียญหลวงพ่อโสธร รุ่น 80 ปี กรมตำรวจ สร้างปี พ.ศ.2538 และเงินรางวัลอีกนายละ 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566 เวลาประมาณ 14.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า มีรถยนต์ส่วนบุคคลกำลังนำเด็กมีอาการป่วยส่งโรงพยาบาล โดยรถคันดังกล่าว กำลังขึ้นทางด่วนบางนา มุ่งหน้าลงทางด่วนพระราม 4 ที่หมายโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน (สีลม) ได้ร้องขอความช่วยเหลือจาก ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ สนับสนุนอำนวยความสะดวกในเส้นทาง 
 

ทุกวินาทีคือชีวิต! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ นำส่งอวัยวะหัวใจ ครั้งที่ 71 “ผบ.ตร. - รอง ผบ.ตร.” ชมเชยเป็นตำรวจมืออาชีพ ยกเป็นตัวอย่าง “สุภาพบุรุษจราจร”

วันนี้ (4 ก.ค.66) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำส่งอวัยวะหัวใจส่ง รพ.ศิริราช ได้ทันเวลา

ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ ได้รับการประสานงานจากศูนย์บริจาคอวัยวะ รพ.ภูมิพล ผ่านศูนย์วิทยุจราจรโครงการพระราชดำริ แจ้งว่าขอสนับสนุนนำอวัยวะหัวใจจาก รพ.ภูมิพล ส่งยัง รพ.ศิริราช หลังจากรับแจ้ง ตำรวจโครงการพระราชดำริฯ ได้นำกำลังตำรวจไปรอรับที่ รพ.ภูมิพล เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งอวัยวะหัวใจไปยัง รพ.ศิริราช รวมถึงได้รับความร่วมมือจากตำรวจจราจร สน.ท้องที่ ในเส้นทางทุกพื้นที่ และผู้ใช้เส้นทางที่ช่วยเปิดทางให้จนภารกิจชีวิตในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ ได้เปิดเส้นทางนำส่งอวัยวะหัวใจ ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น (อวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย)  จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา โดยกรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 71 แล้ว ที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ นำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้ 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศจร.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” ที่ ศจร.ตร.กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่มากกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย เพราะการบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานตำรวจโครงการพระราชดำริฯ ได้ที่ โทร.1197 กองบังคับการตำรวจจราจร

นำหมอ และหัวใจฝ่าสภาพการจราจรติดขัดท่ามกลางสายฝน !!!ทุกวินาทีคือชีวิต!!! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ นำส่งอวัยวะหัวใจ ครั้งที่ 73 ‘ผบ.ตร.-รอง ผบ.ตร.’ ชมเชยเป็นตำรวจมืออาชีพ ยกเป็นตัวอย่าง ‘สุภาพบุรุษจราจร’ 

วันนี้ (12 กันยายน 2566) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำส่งอวัยวะหัวใจส่ง รพ.ศิริราช ได้ทันเวลา 

โดยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 17.35 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ ได้รับการประสานงานจากศูนย์บริจาคอวัยวะ รพ.สมุทรสาคร ผ่านศูนย์วิทยุจราจรโครงการพระราชดำริ แจ้งว่าขอสนับสนุนนำอวัยวะหัวใจจาก รพ.สมุทรสาคร ส่งยัง รพ.ศิริราช หลังจากรับแจ้ง ตำรวจโครงการพระราชดำริฯ ได้นำกำลังตำรวจไปรอรับที่ รพ.สมุทรสาคร เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งอวัยวะหัวใจไปยัง รพ.ศิริราช แต่การนำส่งหัวใจในครั้งนี้เหลือเวลาที่จำกัด และเป็นเวลาช่วงเย็นที่มีฝนตก สภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่น  คุณหมอจึงตัดสินใจนำอวัยวะหัวใจขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ โดยมี ร.ต.ต.ศักดิ์ชาย กระแสร์ญาณ เป็นผู้ขับขี่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลเป้าหมายทันที  ระหว่างทางมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ทั้งหมอ และตำรวจทุกนายก็มีความมุ่งมั่นที่จะนำพาหัวใจดวงนี้ไปยัง รพ.ที่หมาย รวมถึงได้รับความร่วมมือจากตำรวจจราจร สน.ท้องที่ ในเส้นทางทุกพื้นที่ และผู้ใช้เส้นทางที่ช่วยเปิดทางให้จนภารกิจชีวิตในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี 

พล.ต.ท.นิธิธร กล่าวว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ ได้เปิดเส้นทางนำส่งอวัยวะหัวใจ ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น (อวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย) จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา กรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 73 แล้ว ที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ นำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้ 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศจร.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” ที่ ศจร.ตร.กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่มากกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย เพราะการบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานตำรวจโครงการพระราชดำริฯ ได้ที่ โทร 1197 กองบังคับการตำรวจจราจร

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ชื่นชมสารวัตรตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ใช้ไหวพริบช่วยนักท่องเที่ยวต่างชาตินำโทรศัพท์มือถือที่ทำตกท่อระบายน้ำขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวพากันขอบคุณ สร้างชื่อเสียงให้ตำรวจจราจรไทยดังไกลต่างแดน

วันนี้ (18 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (คจร.ตร.) ชื่นชม พ.ต.ต.พีรวุฒิ ใหม่อ่อง สารวัตรงาน 2 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ) ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติทำโทรศัพท์มือถือตกลงท่อระบายน้ำ ใช้ไหวพริบเฉพาะตัวนำโทรศัพท์ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างชื่นชมตำรวจจราจรไทย ทำงานฉับไว ไหวพริบดีเยี่ยม 

เหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 11.35 น. พ.ต.ต.พีรวุฒิฯ ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานมหรสพสมโภช บริเวณศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร สังเกตเห็นคนมุงกันอยู่บริเวณฟุตบาทริมถนน จึงรีบเข้าไปตรวจสอบเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ พบว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำโทรศัพท์มือถือตกลงไปในท่อระบายน้ำ โดยนักท่องเที่ยวและพลเมืองดีพยายามงัดท่อระบายน้ำเพื่อนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ ทำให้เจ้าของโทรศัพท์ร้อนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากโทรศัพท์จมอยู่ในน้ำ หากทิ้งไว้นานอาจเสียหายได้ พ.ต.ต.พีรวุฒิฯ จึงใช้ไหวพริบนำท่อนไม้ยาว และใช้ลวดมัดกระถางต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียง มาดัดงอให้เป็นเหมือนขาเกี่ยว ติดไว้ที่ปลายไม้ ก่อนจะช้อนโทรศัพท์ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำได้ในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น พบว่าโทรศัพท์มือถือยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ได้แสดงความขอบคุณตำรวจจราจรไทยที่เข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว

พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงศักยภาพอีกด้านหนึ่งของตำรวจไทย นอกจากติดตามจับกุมคนร้ายแล้ว ยังช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้วยจิตอาสา และใช้ไหวพริบช่วยเหลือชาวต่างชาติ ทำให้ชื่อเสียงตำรวจจราจรไทยโด่งดังไปต่างแดน สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังประเทศไทย นับว่าน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก 

ทั้งนี้ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.ต.พีรวุฒิฯ ที่มีไหวพริบปฏิภาณสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างชาญฉลาด เป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว มีไหวพริบ สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” ที่คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด

'พล.ต.ท.นิธิธรฯ' ชมเชยการตัดสินใจแห่งชีวิต ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริปฏิบัติหน้าที่แข่งกับเวลา ส่งต่อหัวใจดวงที่ 100 ให้แก่ผู้รับบริจาคได้สำเร็จทันเวลา อีก 8 นาที ครบ 4 ชั่วโมง เดตไลน์ในการต่อชีวิต

(27 ก.ค.67) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ชมเชยตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ในการวางแผนและการตัดสินใจในการนำส่งอวัยวะหัวใจดวงที่ 100 ให้แก่ผู้รับบริจาค ซึ่งประสบปัญหาสภาพการจราจรทางอากาศคับคั่งทำให้เครื่องบินดีเลย์ และอีกทั้งสภาพการจราจรที่หนาแน่นในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเวลาค่ำของวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยอวัยวะหัวใจดังกล่าวนำส่งถึงทีมแพทย์ที่รอทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ โรงพยาบาลศิริราช ได้อย่างทันเวลา 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 15.50 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ได้รับแจ้งว่ามีภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจดวงที่ 100 จากจังหวัดพิษณุโลก โดยเครื่องบินพาณิชย์โดยสาร มาลงยังสนามบินดอนเมือง เพื่อนำส่งไปให้กับผู้รอรับบริจาค ณ โรงพยาบาลศิริราช โดยทีมแพทย์แจ้งว่า หัวใจที่ได้รับการบริจาคดวงนี้ได้รับการผ่าตัดออกจากร่างของผู้บริจาคในเวลา 16.00 น. ซึ่งอวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย นั่นหมายความว่าอวัยวะหัวใจดวงนี้ต้องส่งถึงมือศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ในเวลาไม่เกิน 20.00 น. พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) จึงได้นำกำลังตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริรุดไปยังสนามบินดอนเมืองเพื่อรอปฏิบัติภารกิจดังกล่าว โดยมีทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลศิริราชที่รอรับอวัยวะหัวใจ ร่วมกันวางแผนการนำส่งเพื่อให้ถึงทีมศัลยแพทย์ที่รอทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ได้ทันในเวลา 20.00 น.

แต่เนื่องจากปัจจัยของสภาพการจราจรทางอากาศทำให้เที่ยวบินนี้เกิดความล่าช้า มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองในเวลา 19.22 น. ระยะทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงโรงพยาบาลศิริราช 33 กิโลเมตร ด้วยสภาพการจราจรในเวลาดังกล่าวต้องใช้เวลาประมาณ 50 นาที หากเดินทางด้วยรถพยาบาล พ.ต.ท.ทศพร กลีบแก้ว รอง ผกก.2 บก.จร. จึงได้เสนอว่าหากนำส่งด้วยรถจักรยานยนต์จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น พ.ต.อ.จิรกฤตฯ เป็นผู้รับกล่องบรรจุอวัยวะหัวใจดวงนี้จากทีมแพทย์ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของ พ.ต.ต.พีรวุฒิ ใหม่อ่อง สว.งาน 2 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ) โดยมีตำรวจจราจรทางด่วนและตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ นำทางและอำนวยความสะดวกจราจร โดยทุกคันจำเป็นต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูง ด้วยภารกิจนี้มีชีวิตเป็นเดิมพัน พร้อมประสานกับตำรวจจราจรท้องที่ในเส้นทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงโรงพยาบาลศิริราช โดยใช้เวลา 18 นาทีถึงโรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 19.50 น. วิ่งเต็มสปีดส่งต่อให้กับทีมศัลยแพทย์หัวใจในห้องผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยในเวลา 19.52 น. ทันเวลาแบบฉิวเฉียด

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า การนำส่งอวัยวะหัวใจถือเป็นภารกิจที่สำคัญ เนื่องจากผู้บริจาคอวัยวะหัวใจ และครอบครัวของผู้บริจาค ยอมมอบบริจาคหัวใจ เพื่อส่งต่อโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับผู้รอรับบริจาค ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา ที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมืออย่างเต็มที่จากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ที่เปิดทางให้กับรถฉุกเฉินเมื่อได้ยินสัญญาณไซเรนท์ขอทาง โดยกรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 100 แล้ว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้ ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสังเกตอาการของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศิริราช ทราบในเบื้องต้นว่าหัวใจของผู้บริจาคสามารถเข้ากันกับหัวใจของผู้รับบริจาคได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรทุกนายที่มีส่วนร่วมในภารกิจนี้ ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริฯ รวมถึงตำรวจจราจรทุกท้องที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในเส้นทาง ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สมกับจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง “สุภาพบุรุษจราจร” เพื่อยกระดับการบริการประชาชน และสร้างความเชื่อถือศรัทธา 

13 ตุลาคม ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตลอด 31 ปี ช่วยเหลือประชาชนตามแนวทางที่ทรงวางไว้ ล่าสุดนำส่งอวัยวะหัวใจ ดวงที่ 103 สำเร็จลุล่วง

เมื่อวันที่ (13 ต.ค. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ด้วยวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ “วันนวมินทรมหาราช” สำนักงานตำรวจแห่งชาติน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ 

หนึ่งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพสกนิกร คือ “ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ” เนื่องจากทรงเป็นห่วงพสกนิกรในเรื่องปัญหาการจราจร จึงพระราชทานแนวทางปฏิบัติให้แก่ตำรวจเพื่อเป็นแนวคิดไปใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งพระราชทานทุนจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ในการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ รถจักรยานยนต์พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และพัฒนาบุคลาการเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจร อันจะบรรเทาความเดือดร้อนของพสกนิกรได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2536 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 31 ปี 

ปัจจุบันตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร มีหน้าที่ในการบรรเทาปัญหาการจราจรที่ติดขัด และช่วยเหลือประชาชนในกรณีพิเศษ เช่น การช่วยเหลือหญิงที่ท้องแก่ใกล้คลอด หากได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบและอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรนำส่งโรงพยาบาล หากเห็นว่าควรจะทำคลอดก็จะดำเนินการทำคลอดให้ทันที นอกจากนี้ ยังได้จัดทีม "ตำรวจช่าง" ลงพื้นที่กระจายตามจุดต่าง ๆ เพื่อช่วยซ่อมรถให้กับประชาชนที่จอดเสียบนท้องถนนในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด

อีกหนึ่งภารกิจที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริช่วยเหลืออำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง คือภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจ ต่อลมหายใจชีวิต ซึ่งอวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา ยิ่งการเดินทางในกรุงเทพมหานครนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมารถนำส่งได้โดยใช้เวลาอันสั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 12.30 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้ปฏิบัติภารกิจอำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำอวัยวะหัวใจจากโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ต่อลมหายใจให้ชีวิตใหม่เป็นดวงที่ 103 ได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้เส้นทางที่ช่วยเปิดทางให้จนภารกิจชีวิตในครั้งนี้ลุล่วงด้วยดี โดยใช้เวลาในการนำส่งเพียง 45 นาทีเท่านั้น แพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้สำเร็จ

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว ให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งของประชาชนมาโดยตลอด ยึดหลักการทำงานตามแนวพระราชดำริ เสมือนเชิญน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ไปมอบให้ประชาชนที่พระองค์ท่านทรงห่วงใย โดยตั้งแต่ก่อตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 31 ปี ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริทุกนายยึดหลักการทำงานสอดคล้องตามแนวพระราชดำริเสมอ เป็นหมอถนน หมอคน หมอรถ ดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่ประมาณ 7,000 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย โดย 1 ผู้ให้สามารถช่วยได้ 8 ชีวิต การบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้ที่สายด่วน 1197 กองบังคับการตำรวจจราจร

พร้อมดูแลดุจครอบครัว! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ และตำรวจทางหลวง นำขบวนเปิดทางกว่า 450 กิโลเมตร ส่งทารกอายุ 14 วัน และเด็กน้อย 3 ขวบป่วยวิกฤตถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วใน 4 ชั่วโมง

วันนี้ (8 พ.ย.67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชน พร้อมป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งได้กำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยนำไปขับเคลื่อนให้มีผลปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และล่าสุดขอชื่นชมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร และตำรวจทางหลวง อำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งเด็กมีอาการป่วยวิกฤต 2 เคส จากจังหวัดขอนแก่นส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน รวมถึงตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจรท้องที่ และเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จึงสามารถนำส่งผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 08.27 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่ามีผู้ป่วยเป็นเด็กทารกแรกเกิดอายุ 14 วัน มีภาวะหลอดเลือดใหญ่หัวใจสลับขั้ว ทางเดินหายใจตีบแคบ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องส่งเข้ารับการรักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้เข้าสนับสนุนบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดทางนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่าต้องการตำรวจนำขบวนเปิดเส้นทางเพื่อส่งตัวเด็กหญิง อายุ 3 ปี 4 เดือน ป่วยปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร ตำรวจทางหลวงจึงได้นำเปิดเส้นทาง จนถึง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เข้าสมทบ นำขบวนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว และนำส่งผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเคสนี้เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยที่สุด จึงต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเปิดเส้นทางเร่งด่วน เพื่อนำผู้ป่วยวิกฤตส่งรักษาต่อยังแพทย์เฉพาะทางโดยเร็วที่สุด เนื่องด้วยระยะทางไกลกว่า 450 กิโลเมตร หากไม่มีรถนำ รถพยาบาลจะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ไม่สามารถทำเวลาได้เต็มที่และอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง พล.ต.ท.ประจวบฯ จึงได้สั่งการให้ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่เข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนำขบวนเปิดเส้นทางโดยทันที เมื่อได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง รวมถึงตำรวจท้องที่ทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมช่วยเหลือ ดูแล และอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะเหตุด่วน เหตุร้าย เหตุฉุกเฉิน ขอให้นึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราพร้อมดูแลทุกท่านดุจสมาชิกในครอบครัว 

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เปิดภารกิจ!! ส่งต่อหัวใจดวงที่ 109 จากอุดรธานี ถึงกรุงเทพ ส่งด่วนที่สุด!! จากดอนเมือง ไปศิริราช เพื่อให้ทันปลูกถ่าย

(5 ม.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ฝูงบิน 604 หรือ Sunny604 หน่วยฝึกการบินพลเรือน กองทัพอากาศ โพสต์ภาพพร้อมคลิปวิดีโอ การปฏิบัติภารกิจ ส่งต่อหัวใจ ดวงที่ 109 จากจังหวัดอุดรธานี ถึงดอนเมือง และจากดอนเมือง ถึงรพ.ศิริราช เพื่อปลูกถ่ายหัวใจให้กับผู้ป่วย ในเวลาเพียง 50 นาที

โดยทาง เพจได้ลงข้อความว่า วันที่ 3 มกราคม 2568 ผู้บังคับการกองบิน 6 ผู้บังคับฝูง 604

เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจจราจร และตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ รวมถึง คุณเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ และ คุณชนาธิป สีต์วรานนท์ เจ้าของเครื่องบินที่ได้ให้การสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ ที่ได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกในการนำส่ง อวัยวะหัวใจดวงที่ 109 และอวัยวะอื่น ๆ เพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 3 มกราคม 2568

การดำเนินการครั้งนี้มีความรวดเร็วและปลอดภัย ระยะทาง 30 กิโลเมตรใช้เวลาเพียง 16 นาที ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้แก่ 1.การประสานงานจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย 2.การจัดทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ 3.การสนับสนุนด้านการเดินทางทางอากาศและภาคพื้นดิน ความเสียสละและความทุ่มเทของทุกฝ่ายในครั้งนี้ เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาชีวิตผู้ป่วย ขอแสดงความขอบพระคุณอย่างสูงและยกย่องในความเสียสละนี้เป็นอย่างยิ่งครับ

ขณะที่ เฟซบุ๊กของทาง พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. ซึ่งร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปว่า 3ม.ค.68 หัวใจดวงที่ 109 ดวงแรกของปี 2568 ดวงแรกมันต้องตื่นเต้นหน่อยๆ เครื่องบินมาจากอุดรธานี แต่ด้วยสภาพอากาศทำให้ล่าช้ากว่าปกติคำนวณคร่าวๆจะเหลือเวลาแค่ 50 นาทีเท่านั้น (รวมเวลาเดินทางและผ่าตัดปลูกถ่าย ซึ่งคุณหมอทีมผ่าตัดก็หลังไมค์ว่าขอเร็วที่สุดนะครับ)

ทีนี้ก็วุ่นสิ ผมถามคนขับรถพยาบาลว่าวิ่งความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ เอาให้สุด เราประสานเส้นทางตั้งแต่บนฟ้า ขอบินตัดตรงแบบไม่ต้องอ้อม (อันนี้ต้องขอขอบคุณท่านผู้บังคับการ กองบิน 6 และผู้ฝูงบิน 604 ประสานขอหอบังคับการบิน) พื้นราบก็ประสานเส้นทางผ่านทั้งหมด เพื่อความคล่องตัว

ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ผมยอมรับว่าเสี่ยงมาก เราบิดที่ความเร็ว 160-170 ตั้งแต่ขึ้นโทลเวย์ ผมมีปัญหาที่แว่น เนื่องจากใช้ความเร็วมาก ลมเข้าตาชนิดหรี่ตาขี่!!! คิดแล้วแบบนี้ อันตรายแน่ๆ ผมตัดสินใจออกจากขบวนให้คนอื่นขึ้นแทน ลดความเร็ว ขี่ตามแล้วค่อยไปทันที่ด่านดินแดง และในที่สุด เราทำเวลา 16 นาทีจากฝูงบิน 604 ดอนเมือง ถึง โรงพยาบาลศิริราช

ต้องขอบคุณทุกท่านทุกฝ่ายทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง พี่เกียรติชัย นักบินเจ้าของเครื่อง HS-GOD เสียสละใช้เครื่องส่วนตัวมาทำภารกิจให้ ผู้การกองบิน6 ผู้ฝูง 604 sunny 604 ประสาน อำนวยความสะดวกในพื้นที่ ทอ . (ต้องบอกว่านักบินก็เป็นซันนี่ผมและน้องรองฟลุ๊ค ก็เป็นศิษย์การบินซันนี่ once sunny always sunny เราประสานงานได้ดี) ขอบคุณหอบังคับการบินที่ช่วยอำนวยความสะดวก ขอบคุณพี่น้องประชาชนเพื่อนร่วมทางที่เปิดทางให้ กราบขอบพระคุณทุกท่านครับ เป็นอีกภารกิจหนึ่งที่น่าจดจำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top