Tuesday, 22 April 2025
ดีเอสไอ

ประธาน สว.แถลงต่อสื่อมวลชน กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเรื่องจากกลุ่มตัวแทน สว.สำรอง

(21 ก.พ. 68) ที่อาคารรับรอง 2 โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ร่วมแถลงต่อสื่อมวลชน กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเรื่องจากกลุ่มตัวแทน สว.สำรอง และผู้สมัครรับเลือก สว. กว่า 40 คน ขอให้สอบสวนการได้มาซึ่ง สว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษ เพราะเชื่อว่าเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

นายมงคล ประธานวุฒิสภา แถลงว่า ต้องขออภัยที่รบกวนสื่อมวลชนเพื่อแถลงข่าวด่วนเรื่องสำคัญที่สืบเนื่องจากได้รับข้อมูลข่าวสารว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมการเสนอให้คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องการตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้ง วุฒิสมาชิก พ.ศ 2567 เป็นคดีพิเศษ ซึ่งตนรู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะอำนาจในการสืบสวนตรวจสอบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งรับเรื่องไว้แล้วและดำเนินการตรวจสอบ และเมื่อ สว.ได้รับการรับรองทำหน้าที่มา 6 เดือนให้ความร่วมมือกับ กกต.มาตลอด ในขณะที่สวเข้ามาอย่างถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญตามเงื่อนไขตามระเบียบที่ กกต.กำหนดไว้ และทำหน้าที่ของวุฒิสมาชิกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ไปฝักใฝ่ หรือเกี่ยวข้องกับผู้หนึ่งผู้ใด แต่อยู่ดีๆท่ามกลางความขัดแย้งต่างๆเกิดมีข่าวนี้ขึ้นมาตรวจสอบ ตนจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฯ วุฒิสภา กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง สว.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็นอำนาจหน้าที่กกต.พิจารณา แต่เนื่องจากทุกวันนี้จากข่าวด้านสื่อมวลชน ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนต่อวุฒิสภาที่ได้มาจาก 20 กลุ่มอาชีพ ในการเข้ามาพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ และทราบว่าขณะนี้มีการดำเนินการจากผู้ที่ร้องเรียน ต่อดีเอสไอ ซึ่งตนไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใดแต่ทราบจากกระแสข่าวว่าอยู่ในกระบวนการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ แต่ตามข้อกฎหมาย การดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตและหน้าที่ตราบใดที่หน่วยงานหลักตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่ได้มอบอำนาจจะพูดในลักษณะที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภาโดยรวมเกิดความไม่เชื่อมั่นในกกต. จึงอยากจะฝากว่า การดำเนินการต่างๆ อยากจะขอไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับเรื่องดำเนินการ ไม่ว่าจะรับจากภาคเอกชนหรือหน่วยงานใดๆ ขอให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ 

ซึ่งตนไม่ได้ให้ร้ายใครแต่จัดการให้ข่าวของพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อาจทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสียหรือทำให้สังคมเข้าใจผิด จึงขอทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ว่าสว.ได้มาโดยสุจริต โปร่งใส ทุกคนมีการแข่งขันแนะนำตัวตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ความคิดที่กล่าวหาว่าเป็นอาชญากรข้ามชาติอั้งยี่ซ่องโจรเป็นข่าวที่เกินเลยความจริงไป

พ.ต.อ.เอกกอบ อัจนากิตติ สว.ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า การได้มาซึ่งสว.ในครั้งนี้ได้มาโดยรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มาโดยสมาคมหรืออั้งยี่ การกล่าวหาเกินเลยจากข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามกฎหมาย รัฐสภา คณะรัฐมนตรี องค์กรอิสระหรือหน่วยงานของรัฐก็ดี ต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยและความผาสุขของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก การจะมากล่าวหาว่า องค์กรของรัฐซึ่งมีหน้าที่ ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชน เป็นกระบวนการที่มิชอบด้วยกฎหมายมีความมุ่งหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเป็นการกล่าวหาใส่ความ ซึ่งผู้ใดก็ตามที่กล่าวหาใส่ความว่าสว.ที่ได้มาครั้งนี้โดยไม่มีความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ สมาคมอั้งยี่หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นการใส่ความให้เกิดความเสียหายและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการนิติบัญญัติ ดังนั้นผู้ดำเนินการตรงนี้ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไม่ว่าจะเอกชนหรือหน่วยงานของรัฐก็ดีหรือผู้บริหารบ้านเมืองก็ดีต้องรับผิดชอบ

พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า ผู้ที่เข้าสู่กระบวนการคัดเลือก สว.แต่ไม่ได้รับเลือกเข้ามา แต่มากล่าวหาว่ากระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องรับผิดชอบ ส่วนที่บอกว่าวิธีการที่ได้มาซึ่ง สว.ไม่ชอบนั้น ท่านก็เข้ามาในกระบวนการนี้ด้วย และมากล่าวหาดังนั้นความรับผิดชอบตรงนี้ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้ ส่วนรายละเอียดของกฎหมายทุกคนคงรู้ว่าลักษณะกฎหมายเป็นอย่างไรจึงขอฝากทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ชัดเจน ว่ากฎหมายบ้านเมืองเป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง และประการสำคัญขณะนี้มีกระบวนการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการฉ้อฉลและบิดเบือนอำนาจทุจริตในวงกว้างและพยายามแก้เพื่อนำไปสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญที่ใช้ในปัจจุบันพยายามแก้ปัญหาและขจัดคนไม่ดีทุจริตฉ้อฉลมาบริหารบ้านเมืองแต่ขบวนการนี้ย้อนกลับมาอีกครั้งเพื่อให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญให้ได้และทำให้ประชาชนเกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันเพื่อให้การดำรงอยู่ของการเคารพกฎหมายดำรงอยู่และผาสุขสงบเรียบร้อย ใครก็ตามที่บังอาจบิดเบือนฉ้อฉลไม่สามารถดำเนินการได้ต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป  พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาดูกรอบในการดำเนินการทำได้แค่ไหนอย่างไร โดยจะประสาน กกต. เพื่อสอบถามเรื่องที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนว่าดำเนินการไปถึงไหนเพื่อนำผลการตรวจสอบมาเป็นข้อมูลประกอบและรวบรวมกับข้อกฎหมายที่จะดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่า ส่วนรู้สึกอย่างไรที่ถูกกล่าวหา นายมงคล กล่าวว่า ไม่สบายใจ เพราะหน่วยงานที่มีอำนาจทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว พวกเราเองโดยเฉพาะตนและรองประธานวุฒิสภาทั้ง 3 ได้รับการตรวจสอบ และได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นประธานวุฒิสภา โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ต่อมาได้ให้ความร่วมมือกับ กกต. ในการตรวจสอบขอข้อมูลอะไรมาก็ให้ กกต.ตรวจสอบตลอด หากพบผู้ใดกระทำผิดก็ได้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ของ กกต.ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง แต่เหตุไฉนหน่วยงานที่ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ อยู่ดีๆก็มาให้ข่าวมาออกข่าว ก่อให้เกิดความรู้สึกว่า เป็นหน้าที่ของเราในการปกป้องสิทธิ ศักดิ์ศรีของวุฒิสภาสมาชิก

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกลเกมการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า ถ้าจะมองให้รอบคอบการใช้กฎหมายมาอ้างอิงในการดำเนินคดีกับคณะวุฒิสมาชิกในครั้งนี้เป็นการใช้ข้อกฎหมายไม่ตรงตามข้อเท็จจริง การที่กลุ่มบุคคลกระทำการเช่นนนี้โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมดำเนินการ มองได้แล้วว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ โดยการอ้างกฎหมายอาญามาใช้โดยมิชอบ เป็นการใช้กฎหมายเพื่อสร้างปัญหาให้กับการบริหารการปกครองบ้านเมือง มีกลุ่มคนที่ไม่สำนึกนำพาไม่เคารพกติกากฎเกณฑ์ของบ้านเมืองเพื่อสร้างวิกฤตรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายอาญามาตรา 116 มาอ้างว่า กลุ่มที่สมัคร สว.ที่ได้รับการรับรองจากกกต.แล้ว ไปยุยงปลุกปั่นก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยเพื่อให้ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง อันนี้ถ้ามองด้วยหลักกฎหมายที่ถูกต้องผู้ที่ทำการนี้ เป็นพวกกล่าวหานำเรื่องไปให้ดีเอสไอต่างหาก ที่พยายามบั่นทอนความมั่นคง 3 เสาหลักของระบอบประชาธิปไตยเรามีอำนาจบริหารนิติบัญญัติและตุลาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญให้อำนาจ ตรวจสอบถ่วงดุลกับ 3 อำนาจนี้ ดังนั้นการที่ ดีเอสไอ หรือรัฐมนตรี กล่าวหาเป็นการบิดเบือนและฉ้อฉลอำนาจตามรัฐธรรมนูญ จะเป็นการเมืองหรือไม่ท่านก็พิจารณาได้ ลักษณะอย่างนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา เพราะตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นรอบด้าน ปัญหาที่คณะรัฐมนตรีต้องไปแก้ไขมากมายทำไมไม่ไปทำ มาสั่นคลอนกระบวนการนิติบัญญัติมันใช่หรือไม่

พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า รัฐสภาเป็นองค์กรใช้นิติบัญญัติแทนประชาชน จะมายุแยงยั่วยุ หรือปลุกปั่นประชาชน กล่าวหาฝ่ายนิติบัญญัติแสดงว่าบ้านเมืองไม่ได้ปกครองด้วยกฎหมาย เมื่อไม่มีการปกครองโดยใช้กฎหมายจะเอาหลักอะไรมาบริหารประเทศ อยากรู้ว่าจะแก้ปัญหารอบด้านแนวชายแดนอย่างไร ต้องให้ต่างประเทศมาช่วยแก้หรือชี้นำหรือไม่ ถ้ามีคนต่างด้าวมาทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเราแล้วอยู่ๆไปทำสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมและยกฟ้องคดีสำคัญ ท่านรู้จักตู้ห่าวหรือไม่เป็นตัวอย่างเล็กๆที่ใช้อำนาจทุจริตเชิงประจักษ์ เป็นการกระทำปกติววิสันฉ้อฉลบิดเบือนกฎหมาย และกระบวนการนี้กลับมาอีกครั้งเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ปี2560 ซึ่งได้แก้ปัญหานี้ไปแล้วด้วยการกำหนดไม่ให้คนที่มีความไม่ซื่อสัตย์เข้ามา บริหารบ้านเมือง ประชาชนไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องหรือรับใช้ การกระทำการเพื่อให้การเมืองอยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยแต่ประชาชนมีหน้าที่ป้องกันคนดี ให้คนดีมีโอกาสปกครองบ้านเมืองตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะมีคนปลุกปั่น โดยใช้กฎหมายบิดเบือน

“เราไม่อยากระบุบุคคล แต่ที่ปรากฎตามสื่อกลุ่มกระบวนการนี้กำเริบสืบสานไปเรื่อยๆไม่ให้มีการใช้อำนาจนิติบัญญัติโดยปกติเรียบร้อย และบ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวาย เป็นวิกฤตรัฐธรรมนูญ จะได้แก้รัฐธรรมนูญอีกครั้งเพื่อให้กระบวนการนี้กลับมาพี่น้องยอมไหมครับ การที่สว. เข้ามาเป็นการปกป้องประโยชน์ประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่บอกไว้ว่าองค์กรไหนทำหน้าที่อะไรบ้าง กกต.มีหน้าที่ ตรวจสอบทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันปกป้อง ส่วนคนที่ไม่มีหน้าที่และก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองพวกนี้ต้องถูกดำเนินคดี จะเป็นกระบวนการจากอะไรก็ตาม ต้องดำเนินคดรและถูกตรวจสอบว่ามาอย่างไรมีองค์กรไหนอยู่เบื้องหลังทำอย่างไรให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมา” พ.ต.อ.กอบ กล่าว

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า กระบวนการนี้เป็นปมโยงกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี2560 มันไม่ค่อยปกติ จากนี้ไปจะมี สว.จำนวนหนึ่ง ใช้กระ

‘สว.’ ลุกลี้ลุกลน!! ล้ำหน้า ถึงขั้นจะถอดถอน ‘พ.ต.อ.ทวี’ รัฐมนตรียุติธรรม หลัง ‘ดีเอสไอ’ จ่อรับเป็นคดีพิเศษ จากการถูกร้องเรียน ‘ฮั้ว’ จัดทำโพย

(22 ก.พ. 68) สว.ออกอาการลุกลี้ลุกลนเกินเหตุ ล้ำหน้าถึงขั้นจะถอดถอนรัฐมนตรียุติธรรม โดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริงการได้มาของตัวเอง

ลุกลี้ลุกลนเกิน สว.ชุดน้ำเงิน หลังดีเอสไอ จ่อรับไว้เป็นคดีพิเศษ จากการถูกร้องเรียน ‘ฮั้ว’ จัดทำโพย และผลการเลือกเป็นไปตามโพย 138 คน จาก 140 คน ติดสำรองอยู่อีก 2 คน

ลุกลี้ลุกลน เพราะเมื่อข่าวจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอออกมาว่า จะขอรับทำเป็นคดีพิเศษ สมาชิกวุฒิสภาสายน้ำเงินที่กำลังจัดสัมมนากันอยู่ที่หวดสวนสน หัวหิน กลางคืนร้องรำทำเพลงกันสนุกสนาน แต่พอมีข่าวดีเอสไอจะรับทำเป็นคดีพิเศษ รีบแจ้งกำหนดการแถลงข่าวโต้ดีเอสไอทันทีในเวลา 10.00 น.

เดิมให้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา แถลงเพียงคนเดียว แต่พอเช้าขึ้นมาถึงเวลาแถลงข่าวตามนัด สว.เดินมายืนเรียงหน้ากันเต็มหมด รวมถึงมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาด้วย เข้าใจว่าได้มีการประเมินสถานการณ์แล้ว ‘ค่อนข้างแรง’ ต้องตั้งการ์ดดี ๆ กับข้อกล่าวหาหนัก ‘อั้งยี่-ซ่องโจร’ อันเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีผิด พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาอย่างเดียวแล้ว สมาชิกวุฒิสภากะเล่นหนักถึงขั้นถอดถอนรัฐมนตรียุติธรรม

สำหรับเนื้อหาในหนังสือลับด่วนที่สุด ซึ่งดีเอสไอแจ้งไปยัง กกต. ระบุว่า การสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีขบวนการจัดตั้งให้ได้มาซึ่ง สว. มีการวางแผนให้มีผู้สมัครระดับอำเภอ กลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ ค่าตอบแทนระดับอำเภอ 5,000 บาท ระดับจังหวัด 10,000 บาท ระดับประเทศ 4 หมื่นถึง 1 แสนบาท และถ้าได้ สว.มากกว่า 120 คน จะได้เพิ่มจำนวน 100,000 บาท

หลังจากวันที่ 16 มิ.ย.67 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ขบวนการได้นัดหมายผู้สมัครระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้ว สว. ในพื้นที่ 3 จังหวัด มีการจ่ายมัดจำ 2 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือจะได้รับหลังการรับรองผลการสืบสวนยังพบโพยฮั้ว สว. มีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน โดยพบผู้สมัครอยู่ในขบวนการประมาณ 1,200 คน สำหรับโพยฮั้ว 2 ชุด พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือก 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน

ดีเอสไอประสงค์ที่จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทางอาญาไว้ดำเนินการ เนื่องจากกลุ่มขบวนการมีการวางแผนที่สลับซับซ้อน กระทำการอุกอาจมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ยังไม่ได้พิสูจน์ทราบอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการรวบรวมหลักฐานเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบร่องรอยการติดต่อสื่อสาร เส้นทางการเงิน สถานที่จัดประชุม วางแผน สถานที่พบปะติดต่อ พิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนการ กระทำความผิดของกลุ่มขบวนการ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความพร้อมด้านบุคลากร และเครื่องมือทางด้าน เทคโนโลยีที่จะใช้ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบเครือข่าย และองคาพยพของกลุ่มขบวนการทั้งหมด นอกจากนี้ พยานสำคัญอาจจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการให้ความคุ้มครองพยาน เพราะเหตุที่พยาน อาจเกรงกลัวต่ออันตรายแก่ชีวิตร่างกาย

ประเด็นคือ สมาชิกวุฒิสภา ควรจะได้พิจารณาข้อเท็จจริงให้แจ่มชัดว่า ข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร ผิดกฎหมายไหนบ้าง แล้วพิจารณาข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงว่า มีฮั้วจริงไหม มีโพยให้เลือกจริงหรือไม่ นัดไปรวมพลกันสามจังหวัดเพื่อรับโพย และซักซ้อมกันจริงหรือไม่ รับเสื้อสีเหลือง นั่งรถตู้มาด้วยกันจริงหรือไม่

แต่สมาชิกวุฒิสภาชุดสวนสนกลับรีบลุกขึ้นมาตอบโต้ และชี้ไปด้วยว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจทำคดีนี้ ซึ่งอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดีเอสไอจะรับส่วนไหนไปทำ แต่กลับออกอาการเกินเหตุ จริงๆ ก็แค่ยุงรำคาญตอนหัวค่ำ แต่กลับ ยิงสลุตออกไปถึงขั้นจะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีทวี สอดส่อง มันล้ำหน้านะ

‘เอกนัฏ’ ดึง ‘ดีเอสไอ’ ติดดาบคดีพิเศษ กำราบ!! โรงงานตัวแสบ ที่ดื้อด้าน ลั่น!! ถอนรากถอนโคน ทั้งขบวนการ หมายหัวต้นตอ!! นำเข้าขยะอันตราย

(23 มี.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดปฏิบัติการตรวจสุดซอย ในการเข้าตรวจสอบเชิงรุกดูแลโรงงานและผู้ประกอบการเกี่ยวกับการบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม ตลอดจนการผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐาน โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ประกอบการที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ยังคงจงใจฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ลักลอบประกอบกิจการโรงงานอย่างไม่มีความเกรงกลัว และยำเกรงต่อกฎหมาย จึงได้ประสานความร่วมมือกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ในการยกระดับบางกรณีที่เข้าลักษณะและองค์ประกอบเป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีและลงโทษกับผู้กระทำความผิด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด

นายเอกนัฏ เปิดเผยด้วยว่า เบื้องต้นได้ร่วมหารือกับ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว อดีตรองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะที่ปรึกษาดีเอสไอ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงกรณี บริษัท ทีแอนด์ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่จดประกอบกิจการหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับรีไซเคิลจัดการของเสีย และวัตถุอันตราย แต่พบว่าประกอบกิจการที่ฝ่าฝืนกฎหมายโรงงาน และกฎหมายวัตถุอันตรายอย่างร้ายแรงในหลายประการ เช่น มีการจัดการขยะอันตรายไม่ถูกต้อง และปล่อยสารเคมีอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ข้างเคียง และแม้จะถูกสั่งหยุดกิจการ ยึดอายัดของกลาง ดำเนินคดี รวมถึงยึดใบอนุญาต แต่ก็ยังคงมีการลักลอบกระทำผิดอยู่ จนเชื่อว่าคงมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง

“กรณี บริษัท ทีแอนด์ทีฯ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการกระทำความผิดซ้ำซาก โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงต้องยกระดับมาตรการลงโทษ ตลอดจนใช้กลไกของ ดีเอสไอ ในการขยายผลกวาดล้าง ขุดรากถอนโคนไปถึงต้นตอของขบวนการอย่างรัดกุม” นายเอกนัฏ ระบุ

ด้าน น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาได้ร่วมกับ ชุดตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจจับกุม บริษัท ทีแอนด์ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็พบว่า ยังคงลักลอบกระทำความผิด ที่สุด กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงมีคำสั่งยึดใบอนุญาต แต่ก็ยังพบว่า มีการลักลอบเคลื่อนย้ายของกลางที่เป็นวัตถุอันตรายไปยังพื้นที่จังหวัดอื่น ทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา หรือ จ.สมุทรสาคร อีก จึงมีความจำเป็นต้องยกระดับเพื่อจัดการกับกรณีบริษัทที่ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายเช่นนี้ โดย รมว.อุตสาหกรรม ได้กำชับและขอให้ทาง ดีเอสไอ ดำเนินการขยายผลให้ถึงต้นตอและจัดการขบวนการนำเข้าพลาสติก ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมให้ถึงที่สุด

“กระทรวงอุตสาหกรรม วางแนวปฏิบัติร่วมกับ ดีเอสไอ หากพบกรณีที่มีของกลางและกากของเสียอุตสาหกรรมในปริมาณที่มาก และมีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษจะเชิญ ดีเอสไอ ร่วมตรวจเพื่อยกระดับการสืบสวนขยายผลหาข้อเท็จจริง และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดเพื่อให้เข็ดหลาบโดยเร็วที่สุด” น.ส.ฐิติภัสร์ ระบุ

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เร่งตรวจสอบและขยายผลขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันจะดำเนินการเชิงรุกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ลดปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ประชาชนในทุกพื้นที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top