Monday, 21 April 2025
ดีพร้อม

'ดีพร้อม' โชว์พลังคลัสเตอร์หุ่นยนต์ รวมกลุ่มฝ่าวิกฤตสร้างระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ ลดนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมเปิดทางสร้างพันธมิตรธุรกิจหุ่นยนต์ หวังดันเอสเอ็มอีไทยไปสู่ยุค 4.0 

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีนโยบายผลักดัน 12 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ซึ่งถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยมีอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ 

ด้วยนโยบายดังกล่าว ‘ดีพร้อม’ จึงเร่งพัฒนาและฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าวผ่านการสร้างและพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม หรือ ‘คลัสเตอร์’ (Cluster) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างนวัตกรรมร่วมกัน ตลอดจนบูรณาการการทำงานระหว่างกันได้ ซึ่ง ‘ดีพร้อม’ ได้ดำเนินการพัฒนาคลัสเตอร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน โดยมีกลไกและกระบวนการพัฒนาตั้งแต่ การกระตุ้นจิตสำนึกให้เกิดการรวมกลุ่ม การพัฒนากลุ่มให้เข้มแข็ง การพัฒนาธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมให้เติบโต เข้มแข็ง และยั่งยืน 

โดยเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม เครื่องมือและกระบวนการอันสำคัญหนึ่งที่จะนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศได้คือการพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจ หรือ ‘คลัสเตอร์’ ซึ่งมีจำนวนกลุ่มอุตสาหกรรมที่พัฒนามาแล้วอย่างต่อเนื่อง จำนวน 123 กลุ่มอุตสาหกรรม ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และสิ่งที่น่าสนใจพบว่าเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย 11 กลุ่ม ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนเป็นการปูทางสร้างมูลค่าอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี 

สำหรับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก และถือเป็นก้าวสำคัญของ SMEs 4.0 คือ ‘คลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ’ ซึ่งได้รวมตัวและบูรณาการการทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2562 ประกอบด้วยธุรกิจ SMEs จำนวน 22 บริษัทมีเป้าหมายและจุดยืนร่วมกันคือการเพิ่มกำลังการผลิต การลดนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การนำความเชี่ยวชาญของแต่ละบริษัทมาช่วยแก้จุดอ่อน (Pain Point) ของพันธมิตรภายในคลัสเตอร์ รวมถึงผลักดันให้ธุรกิจ SMEs มีโอกาสได้ใช้หุ่นยนต์เพื่อให้แข่งขันได้ในยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลง

ด้านกำลังแรงงาน และการลดต้นทุนด้านต่างๆ เนื่องจากในปัจจุบันจะพบว่าการใช้หุ่นยนต์ในโรงงานของประเทศไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับสถานประกอบการขนาดใหญ่เท่านั้น มี SMEs จำนวนน้อยที่ใช้ระบบดังกล่าวในการจัดการกระบวนการผลิต เพราะส่วนใหญ่ยังคงเป็นการใช้เครื่องจักร รวมถึงเทคโนโลยีมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง 

“สิ่งสำคัญที่ ดีพร้อม พยายามพัฒนาและยกระดับคลัสเตอร์ให้มีความเข้มแข็งได้มุ่งเน้นทั้งการกระตุ้นจิตสำนึกให้เกิดการรวมกลุ่ม เพื่อปรับเปลี่ยนแนวความคิดจากเดิมที่ต่างคนต่างทำหรือต่างคนต่างเก่ง เปลี่ยนการดำเนินงาน จากการแข่งขันเพียงเพื่อความอยู่รอดของตัวเองฝ่ายเดียวมาเป็นพันธมิตร พร้อมวิเคราะห์สถานภาพของกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้ธุรกิจในคลัสเตอร์ทราบถึงระดับความสามารถในการแข่งขัน และนำสิ่งต่างๆ มาเติมเต็มได้ รวมถึงยังได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับความต้องการการพัฒนาธุรกิจ ผลักดันเวทีหรือกิจกรรมการปฏิบัติจริง ทั้งในด้านการทดสอบตลาด การพัฒนาบุคลากร การใช้เทคโนโลยี และยังติดตามความสำเร็จ และเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนากลุ่มคลัสเตอร์อื่นๆ ต่อไป”

นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ดีพร้อม ยังได้มีการติดตามผลลัพธ์ ซึ่งพบว่าสิ่งที่คลัสเตอร์หุ่นยนต์
และระบบอัตโนมัติประสบความสำเร็จ คือ มีการซื้อขายระบบเทคโนโลยีรวมถึงหุ่นยนต์ระหว่างกันคิดเป็นมูลค่า ทางเศรษฐกิจประมาณ 95 ล้านบาท หรือ 4.75 ล้านบาทต่อกิจการ พร้อมด้วยความสำเร็จของการพัฒนาระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ Low Cost Automation ซึ่งทำให้ธุรกิจในกลุ่มสามารถมีระบบอัตโนมัติช่วยการปรับปรุงกระบวนการผลิตในราคาที่เอื้อมถึงได้ คืนทุนได้เร็วเฉลี่ยประมาณ 12 เดือน และมีราคาที่ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ย 300,000 - 500,000 บาท จากปกติที่ต้องนำเข้าในราคาระดับหลักล้านบาท อย่างไรก็ตาม ดีพร้อม ยังมีแนวทางในการต่อยอดให้กลุ่ม SMEs มีการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 

1.) การดึงกลุ่มสถานประกอบการที่มีความต้องการใช้หุ่นยนต์เข้ามาร่วมในกลุ่มคลัสเตอร์ดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาระบบทราบถึงความต้องการของพันธมิตร และต่อยอดสู่เทคโนโลยีเพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น 

2.) การส่งเสริมและเชื่อมโยงผ่านกลไกด้านการเงิน พร้อมให้ความรู้กับผู้ประกอบการได้เห็นถึงสิทธิประโยชน์จากการนำหุ่นยนต์มาใช้ เช่น มาตรการด้านภาษี ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในอัตราต่ำ รวมถึงจัดทำข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนอด้านการเงินสำหรับ SMEs เพื่อใช้ในการขอสินเชื่อจากกองทุนและจากธนาคารพาณิชย์

3.) จัดหาหรือดึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ / ประสบการณ์ในด้านระบบอัตโนมัติรวมถึงหุ่นยนต์มาช่วยให้ความรู้ หรือเทคนิคสำคัญให้กับผู้ประกอบการในคลัสเตอร์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านที่ปรึกษา พร้อมช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาเทคโนโลยีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

และ 4.) ส่งเสริมแผนงานด้านการตลาด เนื่องจากในปัจจุบันแม้คลัสเตอร์จะเริ่มประสบความสำเร็จในการแบ่งปัน - ซื้อขายเทคโนโลยีระหว่างกัน แต่ยังจำเป็นต้องทำให้เกิดการซื้อขายนอกกลุ่ม หรือช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้เกิดมูลค่าและการเป็นที่รู้จักที่มากขึ้นต่อไป 

‘ดีพร้อม’ ปล่อยสินเชื่อพิเศษช่วยเอสเอ็มอี เร่งเสริมสภาพคล่องผู้ได้รับผลกระทบโควิด

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ปล่อยสินเชื่อพิเศษดีพร้อมเพย์ เร่งเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 วางกรอบสินเชื่อ สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย 

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากนโยบายของท่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม ได้เสนอแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผ่านการอนุมัติสินเชื่อพิเศษ “ดีพร้อมเพย์” ภายใต้กรอบวงเงิน 30 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และต่อยอดธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยเริ่มยื่นคำขออนุมัติฯ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มเป้าหมายของผู้ขออนุมัติสินเชื่อดังกล่าว คือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการของดีพร้อม ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ราย กำหนดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อราย โดยให้ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 3 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นแบบขั้นบันไดเริ่มต้นที่ 3% ต่อปี

ดีพร้อม จับมือพันธมิตร ชวนชาวเหนือช็อปสนุก ในงาน ‘DIPROM MOTOR SHOW 2022’

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ‘ดีพร้อม’ จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เชิญชวนทุกท่านร่วมช็อปสินค้าดีมีคุณภาพ กับครั้งแรกในงาน ‘DIPROM MOTOR SHOW 2022’ พื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งภายในงานจะพบกับรถยนต์และจักรยานยนต์ กว่า 20 ค่ายดัง ยกขบวนพาเหรดโปรโมชันพิเศษสุดมาให้เลือกสรรภายในงานไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมดาวน์ 0% 
 

'สุริยะ' สั่ง 'ดีพร้อม' ปั้น CIV Leader รับวิถี Now Normal คิกออฟ 'บ้านปลายบาง' ต้นแบบชุมชนนำร่องการท่องเที่ยว

กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้านโยบายขับเคลื่อนการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ภายหลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมของวิสาหกิจชุมชนในการเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมสั่งการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม พัฒนาต่อยอดผู้นำชุมชนให้เป็นผู้นำหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ CIV Leader นำร่อง 20 ชุมชน เพื่อรองรับวิถีชีวิตปัจจุบันที่สามารถอยู่ร่วมกับสภาพการเปลี่ยนจากโควิด-19 ได้อย่างเป็นปกติ (Now Normal) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมพัฒนาชุมชนตามสภาพปัจจุบัน ซึ่งคำนึงถึงต้นทุนของชุมชน และศักยภาพของแรงงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และการส่งเสริมพัฒนาสินค้าชุมชนตามพฤติกรรมลูกค้า พร้อมชู “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านปลายบาง” ตัวอย่างชุมชนนำร่องการท่องเที่ยวที่มีการปรับตัวไว พลิกวิกฤตพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น สร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 300 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศถือได้ว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากปริมาณนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ และอัตราการเข้าพักในโรงแรมในเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา เป็นภาพสะท้อนโอกาสทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามสำหรับหลายกิจการที่รอคอยให้เครื่องจักรการท่องเที่ยวกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังอีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน เพราะถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก จึงได้สั่งการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ขยายผลการดำเนินงานโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) หรือ หมู่บ้าน CIV ที่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สร้างรายได้มั่นคงให้กับ 250 ชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ 

ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การขับเคลื่อนหมู่บ้าน CIV ในปีนี้ ดีพร้อมเน้นการดำเนินงานภายใต้นโยบาย “DIProm CARE: ดีพร้อม แคร์” ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ปัญหาชุมชนที่จะลงลึกถึงความต้องการเฉพาะในแต่ละพื้นที่ พร้อมการส่งเสริมที่ตรงจุด ด้วยทีมบุคลลากรคุณภาพที่เชี่ยวชาญองค์ความรู้ในด้านการจัดการอุตสาหกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ อีกทั้ง ได้ปรับรูปแบบเพื่อรองรับวิถีชีวิตปัจจุบันที่สามารถอยู่ร่วมกับสภาพการเปลี่ยนจากโควิด-19 ได้อย่างเป็นปกติ (Now Normal) ประกอบด้วย... 

>> Now Village หรือ การส่งเสริมพัฒนาชุมชนตามสภาพความเป็นปัจจุบัน คือ การสำรวจความพร้อมและผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ของชุมชน ซึ่งถือเป็นต้นทุนเดิมในการพัฒนา และการสำรวจต้นทุนที่เกิดขึ้นใหม่ คือ การเปลี่ยนแปลงของประชากรในชุมชน เพราะในช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมามีแรงงานฝีมือจำนวนมากที่ตกงานและเดินทางกลับภูมิลำเนาที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน หากสามารถใช้ศักยภาพของแรงงานเหล่านี้ในการพัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน จะทำให้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นและชุมชนเกิดความยั่งยืนในอนาคต 

>> Now Customer หรือ การส่งเสริมพัฒนาสินค้าชุมชนตามพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า หรือนักท่องเที่ยวในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น และความต้องการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปด้วยมาตรการการควบคุมโรค ที่เข้มงวดการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวบางส่วนงดการเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังคงมีความต้องการซื้อสินค้าชุมชน หรือสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น การพัฒนาสินค้าและบริการในความปกติปัจจุบัน จึงต้องพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ 

‘สุริยะ’ ชี้!! อุตสาหกรรมไมซ์ภาคเหนือคึกคัก หลัง ‘ดีพร้อม มอเตอร์ โชว์’ สำเร็จเกินคาด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลสำเร็จการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเชิงพื้นที่และภูมิภาคให้คึกคักขึ้นกว่าเดิม หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้จัดงาน “ดีพร้อม มอเตอร์ โชว์” (DIPROM MOTOR SHOW 2022) ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดลำปาง ส่งผลให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ได้กว่า 225 ล้านบาท พร้อมเตรียมเดินหน้าผลักดันศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ สอดรับกับนโยบาย “ดีพร้อมแคร์” ที่ต้องการขยายผลด้านธุรกิจและเครือข่ายพันธมิตรไปสู่ระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปจัดทําแผนงานต่างๆ เพื่อมอบ ‘ของขวัญปีใหม่ 2565’ ให้กับประชาชน โดยดําเนินการภายใต้นโยบายทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ 1) อำนวยความสะดวกและลดต้นทุนผู้ประกอบการ 2) เสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ 3) ยกระดับผู้ประกอบการ และ 4) ดูแลเกษตรกรและประชาชน จึงได้มอบหมาย ดีพร้อม (DIPROM) หรือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ขานรับนโยบายดังกล่าว ในการจัดมหกรรมแสดงสินค้า DIPROM MOTOR SHOW 2022 จําหน่ายรถยนต์รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดภาระให้ผู้บริโภค รองรับการเปิดประเทศหลังปิดประเทศเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเป็นของขวัญให้กับประชาชน

ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดีพร้อม จึงได้พัฒนาศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือของดีพร้อม ที่เรียกว่า DIPROM Meeting Industrial Conference and Exhibition Center หรือ DIPROM MICE CENTER ณ จังหวัดลำปาง ให้รองรับการจัดประชุมนิทรรศการ หรือ อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ให้เป็นพื้นที่ในการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม ตลอดจนสินค้าชุมชน และสินค้าของเอสเอ็มอี รวมถึง DIPROM MICE CENTER นี้ จะเป็นพื้นที่ในการจัดประชุมสัมมนา หรือเจรจาธุรกิจในภาคเหนือ สำหรับผู้ประกอบการจากทั่วประเทศไทย จึงจะมีบทบาทช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค ทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจบริการต่างๆ ให้มียอดการเข้าพักและใช้บริการเพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับการเติบโตของอุตสาหกรรม ทั้งในระดับพื้นที่จังหวัดลำปาง ระดับภูมิภาคในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ และในระดับประเทศ

'สุริยะ' ดัน DIPROM Community ชุบชีวิต ศก.ฐานราก ชี้!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 7 พันล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการ Kick Off พัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม สั่งการอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งเป้าการพัฒนาชุมชนเปลี่ยนผ่านจากยุคที่ 3 หมู่บ้าน CIV ก้าวไปสู่ยุคที่ 4 “ชุมชนดีพร้อม หรือ DIPROM Community อย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย คาดกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 เป็นวิกฤติการณ์ระดับโลกที่ก่อให้เกิดผลกระทบในทุกมิติ โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะในระดับชุมชน ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

นายสุริยะ จึงได้สั่งการให้ดีพร้อม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ดำเนินโครงการเพื่อเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นอุตสาหกรรมที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก ภาคเกษตรอุตสาหกรรม, ภาคการผลิตสินค้า และภาคบริการของชุมชน ให้สามารถฟื้นตัวกลับมาสู่ปกติโดยเร็ว ผ่านนโยบายในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่เน้นการปรับรูปแบบการดำเนินงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของการใช้ชีวิตวิถีใหม่ เพื่อมุ่งเป้าการพัฒนาชุมชนก้าวไปสู่ยุคที่ 4 

โดยพัฒนาจาก “หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ หมู่บ้านซีไอวี (CIV)” ในยุคที่ 3 สู่กลไกใหม่ในยุคที่ 4 “ชุมชนดีพร้อม หรือ DIPROM Community” ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีการพัฒนาที่ครบถ้วนใน 7 มิติที่ดีพร้อม ทั้ง แผนชุมชน, คนชุมชน, แบรนด์ชุมชน, ผลิตภัณฑ์ชุมชน, เครื่องจักรชุมชน, ตลาดชุมชน และเงินหมุนเวียนในชุมชน 

ถือเป็นการ “เปลี่ยนวิถีใหม่ ปรุง 7 วิธี ปั้นชุมชนดีพร้อม” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้ดีพร้อมอย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย คาดกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท 

'ครม.' ตั้ง ‘ณัฐพล รังสิตพล’ ขึ้นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (12 ก.ค.) ได้มีมติแต่งตั้ง นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ 'ดีพร้อม' กระทรวงอุตสาหกรรม ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 แทน นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2565 โดยนับเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนที่ 30


ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9650000066372

‘บิ๊กตู่’ คิกออฟ งานอุตสาหกรรมแฟร์ อิมแพ็ค 1-4 ธ.ค.นี้ ชวน ‘ซื้อของไทย-ใช้ของดี-สร้างอาชีพ-เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’

‘บิ๊กตู่’ ยกทัพอุตสาหกรรมแฟร์ ดันผลงานพลิกเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน คาดบูมเศรษฐกิจมากกว่า 500 ล้านบาท

(1 ธ.ค. 65) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงานใหญ่แห่งปี อุตสาหกรรมแฟร์ ภายใต้แนวคิด ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ เพื่อต่อยอดผลสำเร็จของโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม ด้านการเสริมทักษะในการประกอบธุรกิจ ให้สามารถพึ่งพาตัวเองและมีอาชีพใหม่ พร้อมทั้งระดมสุดยอดผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมกว่า 1,200 ราย นำสินค้าดี มีคุณภาพ ราคาถูก เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ตลอดจนการเปิดตลาดไอเดียสำหรับประชาชนเพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจที่มั่นคง ระหว่างวันที่ 1-4 ธันวาคม 2565 ณ อาคารเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 9-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจาก นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะวิกฤติ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาและการฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในทุกด้านอย่างเป็นระบบ เพื่อบรรเทาผลกระทบและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้เศรษฐกิจสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานรากที่จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนา ‘คน’ ที่เป็นประชาชนในระดับท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานและกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศ ด้วยการเสริมทักษะและฝึกอาชีพแก่ประชาชนให้สามารถพึ่งพาตัวเองและมีรายได้ มีอาชีพใหม่ อันจะก่อให้เกิดความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

สำหรับการจัดงานอุตสาหกรรมแฟร์ ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ ในวันนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ซึ่งเป็นการต่อยอดและขยายผลโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการสะท้อนภาพความสำเร็จของการนำนโยบายสำคัญของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะใหม่ในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับลักษณะพื้นที่และภูมิปัญญาของคนในชุมชนที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งได้จากภายใน สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนและเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมถึงช่วยผลักดันให้ภาคเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวกลับมาสู่สภาวะปกติต่อไปได้

ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ‘ชุมชนดีพร้อม’ และการพัฒนา ‘คน’ ที่เป็นประชาชนในระดับท้องถิ่นและชุมชน ผ่าน ‘กลไก 7 วิธี ปั้นชุมชนดีพร้อม’ ได้แก่ แผนชุมชนดีพร้อม, คนชุมชนดีพร้อม, แบรนด์ชุมชนดีพร้อม, ผลิตภัณฑ์ชุมชนดีพร้อม, เครื่องจักรชุมชนดีพร้อม, ตลาดชุมชนดีพร้อม และเงินทุนหมุนเวียนดีพร้อม ซึ่งหนึ่งในกลไกข้างต้น กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่า ‘คน’ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในก้าวแรกที่จะพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ด้วยการเสริมทักษะและฝึกอาชีพแก่ประชาชนในรูปแบบการฝึกอบรมระยะสั้น เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองและมีรายได้ มีอาชีพใหม่ผ่านโครงการ ‘พัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม’ โดยที่ผ่านมาสามารถพัฒนาทักษะอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายไปแล้วกว่า 600,000 คน ในกว่า 2,100 พื้นที่ และกำลังดำเนินการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 

นอกจากนั้น อีกหนึ่งกลไกที่มีความสำคัญ คือ การพัฒนาตลาดชุมชนดีพร้อมให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งในการพัฒนา ‘ตลาดชุมชนดีพร้อม’ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงเลือกที่จะใช้งานอุตสาหกรรมแฟร์ ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ เป็นเครื่องมือทางการตลาดให้กับชุมชน ระหว่างวันที่ 1-4 ธันวาคม 2565 ณ เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 9-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

'รมว.ปุ้ย' ยกพล 'ดีพร้อม' เยือนกลุ่มจังหวัด 'นครชัยบุรินทร์' เติมศักยภาพสินค้าชุมชน ตอบโจทย์กติกาสากล สร้างรายได้ยั่งยืน

(1 ก.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 'นครชัยบุรินทร์' (นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์) ตรวจเยี่ยมกิจกรรม สมอ. สัญจร ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมเซ็นทาราโคราช 

พร้อมกันนี้ ยังได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม SME กลุ่มคอนกรีตและวัสดุก่อสร้าง ผู้ผลิตชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมกว่า 500 คน และมอบใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนแก่ผู้ผลิตชุมชน (มผช.) จำนวน 9 ราย ใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) แก่ผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 9 ราย และใบอนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 5 ราย

นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ 'ดีพร้อม' โดยจุดที่ 1 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ณ เทศบาลตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีการอบรมในหลักสูตรของที่ระลึกจากดินเผา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจุดนี้ ประมาณ 200 คน จุดที่ 2 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ณ อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมี การอบรมในหลักสูตรการแปรรูปอาหาร การทำลูกชิ้น การทำน้ำจิ้มลูกชิ้น มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจุดนี้ประมาณ 200 คน

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สอดรับกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะใช้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสำเร็จอย่างสมดุลใน 4 มิติ ทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน, การได้รับการยอมรับจากชุมชนและสังคม, การตอบโจทย์กติกาสากลด้านสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้สู่ชุมชน ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพมั่นคงจากต้นทุนในชุมชน ทั้งต้นทุนทางวัฒนธรรมและวัตถุดิบในท้องถิ่น พร้อมพัฒนาทักษะอาชีพเสริม ผนวกกับวิชาการอุตสาหกรรมให้เข้ากับวิถีชุมชน ให้กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำมีมาตรฐานมากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคง ให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ 

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพทั้ง 2 จุดครั้งนี้ เปรียบเสมือนเวทีสำหรับการฝึกฝนทักษะอาชีพ ทั้งหลักสูตรของที่ระลึกจากดินเผา การแปรรูปอาหารการทำลูกชิ้น น้ำจิ้ม ซึ่งมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมประมาณ 400 คน ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เรียนรู้ทักษะใหม่ นำไปต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จะเป็นพลังขับเคลื่อนนำพาพี่น้องประชาชนในกลุ่มจังหวัดฯ ก้าวสู่ความสำเร็จและความมั่นคง

ทั้งนี้ในส่วนของสำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ครั้งนี้มี 3 ประเด็น คือ 

1) การพัฒนาขีดความสามารถเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร 
2) การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การค้าชายแดนและผลิตภัณฑ์ไหม 
และ 3) การยกระดับคุณภาพชีวิต 

โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ 1 การพัฒนาขีดความสามารถเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร จัดเป็นนิทรรศการโชว์ผลงานให้กับนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) และคณะรัฐมนตรีเยี่ยมชมก่อนเข้าการประชุม 

ซึ่งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้นำเสนอ 'การพัฒนาอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโคราช ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ตามโมเดล BCG' ผ่านกิจกรรมนวัตกรรมเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังด้วยผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้โรงงานอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง โดยนำของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ ซึ่งเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมสำปะหลังโคราชสู่ความยั่งยืนด้วย BCG และเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างประโยชน์แก่ประชาชนและสนับสนุนการผลักดันอุตสาหกรรมหมุนเวียน (Circular) ที่มีศักยภาพให้ต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการใช้นวัตกรรมนี้คาดว่าจะเพิ่มทั้งคุณภาพและปริมาณหัวมันสำปะหลังเข้าสู่โรงงานได้ถึง 10% และสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่เพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันอาโวคาโด และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ของบริษัท บริบูรณ์ฟาร์ม จำกัด อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ที่ผ่านกิจกรรมพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจเกษตรแปรรูปเป้าหมาย ภายใต้โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการได้รับความรู้การบริหารธุรกิจแบบครบวงจร เปิดมุมมองการตลาด ต่อยอดนวัตกรรม โดยผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) ได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs และ HACCP ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50%

‘เอกนัฏ’ สั่ง ‘ดีพร้อม’ เร่งเดินหน้าช่วยผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เยียวยาเร่งด่วน-สนับสนุนเงินทุน-แผนรับมือในอนาคต เพื่อช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกมิติ

(22 ก.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยผ่าน 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1) มาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย 2) มาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด และ 3) มาตรการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย เพื่อช่วยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย นอกจากนี้ ยังได้เดินหน้ามาตรการช่วยเยียวยาและฟื้นฟูสถานประกอบการเร่งด่วนผ่านการจัดกิจกรรมทำความสะอาดในสถานประกอบการ (Big Cleaning) พร้อมซ่อมแซม ปรับปรุงอุปกรณ์ และเครื่องจักร รวมถึงผลักดันสถานประกอบการที่ต้องการฟื้นฟูและเยียวยาให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียนฯ กว่า 20 ล้านบาท

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลต่อที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพของประชาชนทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังส่งผลต่อผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งติดตามสถานการณ์ เพื่อช่วยเหลือและหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งติดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย โดยเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งเตรียมมาตรการต่าง ๆ รองรับสถานการณ์หลังน้ำลด ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูในส่วนที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนแผนในการป้องกันหากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวอีกครั้งทั้งในระยะฉับพลัน 

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ขานรับนโยบายเร่งด่วนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้ดำเนินการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น พบว่าผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่มีต้องการความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาในกรณีต่าง ๆ ผ่าน 3 มาตรการ ได้แก่ 

1. มาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย ผ่าน “ถุงยิ้มพิมพ์ใจ MIND ไม่ทิ้งกัน” ของอุตสาหกรรมรวมใจ ไปยังผู้ประสบภัยด้วยสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ประกอบด้วย สิ่งของอุปโภค บริโภค และยารักษาโรค พร้อมเตรียมการรถบรรทุกและรถขนส่งสำหรับการบริจาคสิ่งของจากเครือข่ายดีพร้อม ทั้งผู้ประกอบการและสถาบันต่าง ๆ เพื่อส่งมอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย พร้อมส่งทีมวิศวกรและนายช่างเทคนิคช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ในเบื้องต้น รวมทั้งทำกิจกรรมทำความสะอาดในสถานประกอบการ (Big Cleaning) เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว 

2. มาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ผ่านการให้คำปรึกษาปัญหาธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม โดยจัดทีมผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษา เพื่อเข้าประเมินสภาพปัญหาและวางแผน การฟื้นฟูสถานประกอบการ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรมผ่านศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม (DIPROM Business Service Center : DIPROM BSC) เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว การฟื้นฟู และปรับปรุงกระบวนการผลิต โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค หรือ DIPROM CENTER ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรมช่วยเหลือ แนะนำในการปรับปรุงซ่อมแซม ฟื้นฟูเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า ระบบหล่อลื่น รวมทั้งดำเนินกิจกรรม Re-Layout, Re-Engineering เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ เช่น การให้คำปรึกษา ปรับปรุง ฟื้นฟู เพื่อให้ระบบคุณภาพ GMP/HACCP/GHP กลับมาดำเนินการได้ปกติ พร้อมยกระดับศักยภาพการประกอบอาชีพสู่ธุรกิจอุตสาหกรรม ผ่านส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพด้านการผลิต ด้านการบริการ ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมให้ชุมชนเกิดรายได้ ลดรายจ่าย สามารถสร้างอาชีพใหม่ หรือนำไปประกอบอาชีพเสริมเพิ่ม ก่อให้เกิดความยั่งยืนในชุมชน พร้อมทั้งได้บูรณาการผ่านเครือข่ายดีพร้อม (DIPROM Connection) จับมือกับเครือข่ายทางการพัฒนาของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ SMEs เข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ อีกทั้ง ยังมีการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถได้รับการผ่อนผันการชำระหนี้ ได้รับการลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีสิทธิกู้เงินเพิ่มเติม และการขอกู้เงินเป็นกรณีพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหม่ โดยวางกรอบวงเงินการช่วยเหลือกว่า 20 ล้านบาท

3. มาตรการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ผ่านการจัดทำแผนรองรับการเกิดอุทกภัย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยจัดทำ Check list เมื่อเกิดเหตุอุทกภัย การสร้างผนังกั้นน้ำ สอนวิธีการป้องกันอุปกรณ์เครื่องจักร เป็นต้น พร้อมติดตามสถานการณ์จากสถานการณ์น้ำท่วม โดยบูรณาการข้อมูลที่เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อประเมินสถานการณ์ เตือนภัย และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และทันท่วงที เพื่อรับฟังปัญหาผลกระทบแบบ Real Time พร้อมให้การช่วยเหลือเฉพาะหน้าแก่สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว 

นายภาสกร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “ดีพร้อม (DIPROM) ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือสถานประกอบการ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยผ่าน 3 มาตรการดังกล่าว เพื่อให้ความช่วยเหลือนั้นครอบคลุมทุกมิติ และครอบคลุมทั่วประเทศ” นายภาสกร กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top