Monday, 5 May 2025
ดาราตลก

‘เท่ง เถิดเทิง’ ย้อนอดีตเล่าชีวิตก่อนจะมาเป็นตลกดัง เผย ต้องหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ

(20 ก.ค. 66) เป็นตลกชื่อดังที่มีประสบการณ์ชีวิตที่โลดโผน และสร้างชื่อขึ้นมาได้ด้วยความมุมานะจริงๆ สำหรับตลกร้อยล้านอย่าง ‘เท่ง-พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ’ หรือ ‘เท่ง เถิดเทิง’ และเป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเช่นทุกวันนี้ เจ้าตัวนั้นผ่านอาชีพการงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงลิเก การเล่นตลกคาเฟ่ เป็นต้น

ล่าสุดเจ้าตัวได้มาย้อนเล่าชีวิตในอดีต ผ่านทางรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา พร้อมเผยอาชีพแรกที่เคยทำมาก่อนจะเป็นตลกมหาชนอย่างทุกวันนี้

>> ก่อนจะมาเป็นตลกมหาชน เคยทำอาชีพอะไรมาก่อน?
ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงเราเคยทำอาชีพรับจ้างขี่สามล้อมาก่อน ตั้งแต่อายุประมาณ 11-12 จุดเริ่มต้นที่เราทำเพราะว่ามันได้เงิน แล้วเรารู้สึกว่าปั่นสามล้อมาเอามาให้พ่อกับแม่ 30 บาท มันสามารถจุนเจือครอบครัวได้ซื้อกับข้าวได้เลย ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้เรียนหนังสือต่อ เพราะต้องเป็นลิเก เราก็เอาแค่อ่านออกเขียนได้พอจบ ป.4 พอ เราก็ยินดีที่จะออกมาเพื่อขับสามล้อ จนเราเก็บหอมรอมริบซื้อจักรยานให้พี่ชายคนโต เพราะตอนนั้นเค้าเรียนอยู่คนเดียว เป็นความหวังของครอบครัว

และเราก็ดาวน์จักรยานให้เขาคันนึงและส่งให้จนครบ หลังจากนั้นก็มีคนแนะนำให้เราไปล้างจานเพราะมันได้เงินรายได้ดี ซึ่งทำ 20 วันเราก็สามารถจ่ายค่าจักรยานได้ทั้งหมด จากงานแค่ 20 วันจนกลายมาเป็นอาชีพให้กับเราถึง 4 ปี อยู่ทางภาคอีสานได้สักพัก ก็ไปอยู่ที่ใต้อีก 7 ปี

>> เสียดายไหมที่ไม่ได้เรียนหนังสือ?
ต้องบอกตามตรงว่าเวลาเราไปเห็นคนในสถานที่ตามราชการเรา รู้สึกว่าเราโชคดีมากถ้าเรียนจบมาทำงานแบบนี้คงไม่ใช่ทาง เลยไม่เสียดายเลย จนได้มาเล่นลิเก แต่วันที่เข้ามาในกรุงเทพเราไม่ได้ตั้งใจจะมาหางานทำเพราะตั้งใจแค่มาหาเงินเท่านั้น วันแรกเค้าให้ไปเก็บของก่อนแต่ให้ค่าตัวมา 150 บาท ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่าเรารวยแล้ว จนอยู่มาเรื่อย ๆ เลยได้มาเป็นตัวเล่น

>> เป็นตัวเล่นจากพรสวรรค์หรือพรแสวง?
ผมว่าน่าจะทั้งสองอย่าง ซึ่งก็จะใช้เวลาไม่นาน ก็ได้มาอยู่กับ พี่หม่ำ ในเวิร์คพอยท์ จุดเริ่มต้นเราได้มาเป็นตัวแจ้งในรายการชิงร้อยชิงล้าน จนมีคนรู้จักมากขึ้น

>> จนวันหนึ่งได้มาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์?
แล้วก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ตอนแรกเราไม่ได้อยากเป็นผู้กำกับ แต่ก็ได้ทำอะไรหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทเอง

>> ในที่สุดก็ได้เป็นนักร้อง 100 ล้านวิว?
ตอนแรกเราก็คิดว่าเราทำได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลิเก เดินเล่นตลก ก็เลยคิดว่าอยากลองทำเพลงสนุก ๆ จากจุดเล็ก ๆ ก็กลายเป็นความภาคภูมิใจให้กับตัวเราเอง

‘เต่า เชิญยิ้ม’ เปิดอาชีพใหม่ เดินสายตัดผมหัวละร้อย พร้อมพูดถึงความภาคภูมิใจที่ปลดหนี้ได้-ส่งลูกเรียนจบ

(18 ก.ย.66) หายหน้าไปนาน ตำนานตลกวลีฮา ‘ฮานาก้า’ หลายคนคงคิดถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ‘เต่า เชิญยิ้ม’ ที่เจอดรามาข่าวเม้าท์เป็นตลกตกอับ ไร้งานไร้บ้าน

ล่าสุดเดินทางมานั่งโต๊ะเคลียร์ อัปเดตชีวิตความเป็นอยู่ กับพิธีกรคนเก่ง ‘หนูแหม่ม สุริวิภา’ เผยงานใหม่ที่กำลังเลือกเดิน รับจ้างตัดผมหัวละร้อยบาท พร้อมพูดถึงเรื่องความภาคภูมิใจปลดหนี้ ส่งลูกชายถึงฝั่งฝันเรียบร้อยแล้ว

>>เห็นว่ามีอาชีพใหม่กลายเป็นช่างตัดผมเดลิเวอร์รี่ไปแล้ว? 

"ผมมาทำจริงจังช่วงโควิด ตอนนั้นร้านทำผมปิด บ้านนั้นบ้านนี้ก็เรียกผมไปตัด เราก็คิดว่าก็ดีนะ ตัดแป๊ปๆ ก็ได้เงินคิดหัวละร้อย แต่บางคนไปตัดถึงบ้าน 500 เขาก็บอกว่าไม่ต้องทอน ผมเคยคิดจะไปเรียนจริงๆ เพื่อเปิดร้าน แต่ช่างที่สอนบอกว่าถ้าตัดตัวเองได้ ก็ไม่ต้องเรียนแล้ว ผมแปลกตรงที่ว่าไม่ชอบทำงานอยู่กับที่ ผมชอบเดินทาง ถ้าขายของอยู่กับที่มันก็เบื่อ ตอนแรกเมียก็จะเปิดร้านให้ แต่ผมรู้สึกว่าแก่แล้ว ไม่ใช่ความจำไม่ดีนะ ไม่ได้เสื่อมนะ (หัวเราะ) เอาจริงเคยวางแผนเหมือนกัน อยากเปิดเป็นร้านแล้วจ้างลูกน้อง แต่ตอนนี้คิดว่ายัง เพราะลงทุนหลายแสนนะ"

>> เป็นอีกหนึ่งคนที่เจอดรามา ตลกตกอับบ่อยมาก ผ่านเรื่องเหล่านี้มาได้ยังไง?

"ข่าวที่ออกมา มันเคยมีข่าวในเฟซบุ๊กเอาไปลง พาดหัวจั่วหัวให้คนดู ถ้าพาดหัวเต่าเป็นช่างตัดผม คนขายรถ คนก็อาจจะไม่ดู ถ้าแบบนี้มันก็ธรรมดา เราก็เลยโดนเขียนว่าตลกตกอับ เต่า เชิญยิ้ม คนก็เข้าไปดูกัน แต่จริงๆ แล้วมันไม่เห็นมีอะไรเลย มันก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป เป็นอาชีพเรา ตอนนี้เราก็ทำงานปกติ ขายรถ เล่นตลก มีรับตัดผมในหมู่บ้านชีวิตปกติ"

>> เห็นว่ามีอิสระทางการเงิน ไม่เป็นหนี้ใครแล้ว?

"ใช่ครับ ไม่เป็นหนี้ใครแล้ว คือลูกเต้าเราก็ทำมาหากิน ทำงานกันหมดแล้ว ตอนนี้ผมเหมือนฝรั่งที่บอกว่า 50 ให้พักผ่อนแล้ว เกษียนตัวเอง ผมก็เหมือนพักผ่อนละ ได้ตื่นออกกำลังกายทุกเช้า ทุกวันนี้ตื่นตี 5 ออกกำลังกายประมาณ 50 กิโลฯ ได้นะที่ผมปั่น สบายใจที่ลูกจบหมดแล้ว ทำงานเกี่ยวกับการบินคนนึง อีกคนนึงทำโปรแกรมเมอร์ มีทั้งหมดลูกชายสองคน เมียไม่ต้องถาม มีแค่คนเดียว (หัวเราะ) นอกจากออกกำลังกายแล้ว ก็สวดมนต์ มันดีนะเป็นการปลง ปล่อยวาง มองบวกไว้อย่ามองลบ คือแล้วมันจะไม่เครียดอ่ะ"

เมื่อ 'ลัทธิตลกบูลลี่' อ้าง!! 'กัดเซาะ-เหน็บกัด' เศรษฐกิจพอเพียง แค่คิดกันไปเอง แต่ไฉนไม่เคยส่งเสียงละเลง!! 'สส.หนีทหาร-ลัทธิจานบินปล้นเงินคนป่วย'

เรื่องของ ‘ตลกไม่รู้จักพอ’ รายหนึ่งที่กลายเป็น Talk of the town ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผมมากนัก เพราะเห็นวิธีในการคบค้าสมาคมกับคนดังตลอดหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็พอจะเห็น ‘ตัวตนของตลก’ ได้ไม่ยากเย็น ซึ่งไม่ได้เป็นไปในแบบที่ต้องกับรสนิยมของผมสักเท่าไหร่  

ผมยังรู้สึกดีที่ไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นตามซื้องานเขียนหนังสือ หรือตามเก็บผลงานการแสดง ‘เดี่ยวหน้าม่าน’ ของเขา จะยกเว้นก็เพียงหนังไทยที่เขาแสดง นั่นเพราะผม ‘รักหนังไทย’ จึงตามอุดหนุนดีวีดีหนังไทยทุกเรื่องอยู่แล้วเป็นปกติ จึงมีหนังไทยที่ ‘ตัวตลกแสดงนำ’ มาเก็บไว้ตั้งแต่เรื่อง ‘กล่อง’ ในปี 2541 เรื่อยมา 

ย้อนไปราวยี่สิบห้าปีก่อนในวันที่ ‘ตลกจอมบูลลี่’ เริ่มจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในฐานะ ‘วันแมนโชว์’ ห้วงเวลานั้นไม่ได้มีท่าที หรือแสดงความคิดดูหมิ่นแตะถึงสถาบันเบื้องสูงผ่านเรื่องเล่าของเขาบนเวที ‘เดี่ยวไมโครโฟน’ สักครั้งเดียว จะมีก็แต่พาดผ่านไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม นักการเมือง หรือรัฐบาลในฝั่งฟากที่ตนเองไม่ได้เชียร์ เป็นต้องหยิบมาพูดตอกย้ำถึงจุดด้อยเพื่อแลกกับเสียงหัวเราะของเหล่า ‘มหาชนคนดู’ ที่อาจจะคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน 

แต่เราจะไม่เคยเห็น ‘ตลกนักเล่า’ รายนี้ หยิบประเด็น สส.หนีการเกณฑ์ทหาร, นักโทษเทวดาบนสวรรค์ชั้น 14, พรรคการเมืองที่มีอดีตนายกหนีคดีถึง 2 คน และนายไชยบูลย์ ธรรมไชโย ผู้นำลัทธิจานบินที่ปล้นเงินคนป่วย มาพูดถึงบนเวทีบ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่สร้างความเลวร้ายให้กับสังคมไทยไม่ต่างกัน 

ที่แย่กว่านั้น สิ่งที่เราเห็นในวันนี้กลับคือการแสดงออกเพื่อกระทบกระเทียบถึงคำว่า ‘ความพอเพียง’ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงคิดค้นและบันทึกไว้ให้เป็นแก่นของการดำเนินชีวิตของคนไทย ทำให้คนไทยที่รักสถาบันต่างเกิดความแคลงใจ และไม่สบายใจ  

เหตุการณ์นี้ใครที่บอกว่า ‘หัวใจของตลก’ บริสุทธิ์ ไม่ได้คิดเกินเลยไปไกลขนาดนั้น พวกที่คลั่งคำว่า ‘พอเพียง’ ต่างหากที่ทนไม่ได้และบ้าบอกันไปเองก็มีแค่คนสองประเภท หนึ่งนั้นคือพวกนิยมสีส้ม ที่ใจคิด ปากพูด มือทำ แต่ไม่เคยกล้ายอมรับความจริงในใจ และมักจะมีนิสัยย้อนแย้งเป็นสันดาน 

ส่วนสองนั้นคือพวก ‘เบาปัญญา’ มักจะ ‘หัวเราะปากหวอ’ กับทุกเรื่องเวลาที่ตลกกัดแซะคน จนลืมไปว่าหากรู้ไม่เท่าทัน ‘หัวใจของตลก’ บางคนนั้นอาจเป็นคนที่มีความหมายต่อความเป็นชาติ และสำคัญกับชีวิตของคนไทยมากมายเพียงใด 

เช่นนี้จึงเป็นเสียงหัวเราะที่แสนจะอัปยศ และเนรคุณ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top