Wednesday, 23 April 2025
ชื่นชมตำรวจ

รอง ผบ.ตร. ชื่นชมตำรวจจราจรช่วย 1 ชีวิต พาชายหมดสติส่งโรงพยาบาล

พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล ให้แก่ ด.ต.ชัยวัฒน์ นรารักษ์ ตำรวจฝ่ายจราจรของ สน.บุคคโล ที่ได้เข้าช่วยเหลือชายที่ป่วยใกล้เป็นลมหมดสติอยู่ภายในรถที่จอดอยู่ข้างถนนนานกว่า 40 นาที พาไปส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้อย่างปลอดภัย

โดย เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 9 ก.ย. 65 ด.ต.ชัยวัฒน์ นรารักษ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.บุคคโล ได้ขับรถตรวจตราพบรถกระบะจอดเปิดไฟส่งสัญญาณฉุกเฉินอยู่บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาดาวคะนอง จึงเข้าตรวจสอบ พบคนขับรถปรับเบาะเอนนอนกุมหน้าอกอยู่ภายใน ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ จึงได้ประสานหน่วยกู้ชีพให้การช่วยเหลือ และเนื่องจากการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างติดขัด ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ เกรงว่าผู้ป่วยจะไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปนอนเบาะซ้าย และขับรถพาผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง โดยมีตำรวจจราจรของ สน.บุคคโล และเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย คอยอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรนำผู้ป่วยไปถึงโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ได้แสดงความชื่นชมต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความใส่ใจประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือบนท้องถนน และสามารถใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล พร้อมทั้งให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไป

พร้อมกันนี้ รอง ผบ.ตร. ได้กำชับถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ใส่ใจให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ตรวจตรารักษาความสงบ ให้ความคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ผบ.ตร. ชื่นชม สารวัตร ปคม. สวมจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ตะครุบตัวรวบคนร้ายบุกชิงทองในห้างได้ทันควัน ขณะเจ้าตัวเดินอยู่ในห้าง

วันนี้ (30 ม.ค.66) เวลา 15.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบรางวัลโครงการ “ทำดี มีรางวัล” แก่ สารวัตร ปคม. ช่วยรวบคนร้ายชิงทอง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2566 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ พ.ต.ต.ประเวศน์ แสงพรหม สว.กก.1 บก.ปคม. กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ยินเสียงคนตะโกนให้ช่วยจับคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทอง และพยายามจะหลบหนีวิ่งออกจากห้าง ขณะนั้นมีพลเมืองดีวิ่งไล่ติดตามและตะโกนให้ช่วยจับ พ.ต.ต.ประเวศน์ฯ จึงได้ตัดสินใจวิ่งไล่ตามรวบตัวคนร้ายเอาไว้ได้ในที่สุด พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น จึงได้ประสานตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ท้องที่เกิดเหตุมาควบคุมตัวเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผบ.ตร. ชื่นชมตำรวจ สน.ชนะสงคราม อำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน คลี่คลายสถานการณ์ช่วงสงกรานต์ ได้อย่างดีเยี่ยม

วันนี้ (18 เม.ย.66) เวลา 12.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” แก่ ผกก.สน.ชนะสงคราม และตำรวจ สน.ชนะสงคราม จากการคลี่คลายสถานการณ์ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการงดจัดงานสงกรานต์ถึง 3 ปี เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด19 โดยในปี 2566 นี้ ประชาชน
และนักท่องเที่ยว ได้ออกมาเฉลิมฉลอง เล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ “ถนนข้าวสาร” ซึ่งอยู่ในพื้นที่การดูแลของ สน.ชนะสงคราม

โดยเมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจัดงานวันแรก ปรากฏว่า มีประชาชนได้หลั่งไหลเข้าไปเล่นน้ำเป็นจำนวนมากอย่างแออัดหนาแน่น จนพื้นที่ไม่สามารถรองรับประชาชนได้ มีความเสี่ยงที่ประชาชนจะได้รับอันตรายคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่ “อิแทวอน” โดยเมื่อเวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สน.ชนะสงคราม นำโดย พ.ต.อ.สนอง แสงมณี 
ผกก.สน.ชนะสงคราม จึงได้ประกาศยุติการเข้าเล่นน้ำในถนนข้าวสารก่อนเวลา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในภาพรวม ป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากความโกลาหลและการเบียดเสียดของนักท่องเที่ยว และทำการระบายฝูงชน นักท่องเที่ยว ออกจากพื้นที่โดยเร็ว ตลอดจนจัดการจราจรอำนวยความสะดวก จนสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้เป็นปกติ ได้เป็นอย่างดี 

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ที่มีความสามารถในการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติ มีการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว เห็นแก่ประโยชน์และความปลอดภัยในส่วนรวม และมีความทุ่มเทการทำงานเป็นอย่างมากในการดูแลพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

ผบ.ตร. ชื่นชม ส.ต.ท.ปฏิภาณ มีไหวพริบจิตวิญญานเลือดตำรวจเต็มเปี่ยม เข้าช่วยระงับเหตุซึ่งหน้าขณะแวะปั้ม ช่วยหญิงสาว ถูกคนร้ายบุกใช้ปืนขู่หวังก่อเหตุ เร่งเข้าชาร์ตรวบตัวส่ง สภ.ตาก

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 00.31 น. ขณะที่ ส.ต.ท.ปฏิภาณ กะจิวผา ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปพ เดินทางกลับภูมิลำเนา จว.ตาก ได้แวะปั๊มน้ำมัน และพบชายท่าทางมีพิรุธน่าสงสัยเดินวนเวียนบริเวณหน้าห้องน้ำหญิงหลายรอบ ต่อมาชายดังกล่าวได้บุกเข้าไปในห้องน้ำหญิงแล้วไปกระชากแขนของ ผู้หญิงออกมา ฝ่ายหญิงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือเเละบอกว่าชายคนดังกล่าวมีอาวุธปืนข่มขู่เพื่อจะทำร้ายร่างกาย เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีจึงเข้าไปเเสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับแสดงบัตรข้าราชการตำรวจให้ชายดังกล่าวดู และทำการตรวจค้นตัว พบอาวุธปืนลูกซองสั้น(ไทยประดิษฐ์) พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 4 นัด จึงได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าวพร้อมรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ให้มารับตัวเพื่อไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยว่า หลังจากได้รับทราบรายงานเหตุการณ์ ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว ที่ปฎิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาน ความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเต็มเปี่ยม สามารแก้ใขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเพื่อการป้องกันเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงที ตนในฐานะผูับังคับบัญชา อยากให้ข้าราชการตำรวจทุกนายดูใว้เป็นแบบอย่าง การเป็นข้าราชการตำรวจที่ดีเพื่อเป็นที่พึ่งของประชนในยามมีภัยในทุกๆ สถาการณ์แบบนี้

พล.ต.ท.ประจวบฯ ชื่นชมตำรวจ สภ.ท่าบ่อ สังเกตเห็นรถตู้รับ-ส่งนักเรียนมีควันขึ้นจากใต้ท้องรถ รีบพาเด็กๆ ลงจากรถ ป้องกันการเกิดเหตุอันตรายซ้ำ

เมื่อวันที่ (14 ต.ค. 67 ) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจ สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ตาไวสังเกตเห็นรถตู้รับส่งนักเรียนมีควันออกมาจากใต้ท้องรถตู้ที่จอดเสียอยู่ จึงรีบแจ้งคนขับให้ทราบ และเร่งนำนักเรียนออกจากรถตู้ทันที ก่อนที่จะมีรถยนต์พลเมืองดีช่วยนำนักเรียนส่งโรงเรียนปลอดภัยทุกคน นับว่าเป็นการถอดบทเรียนจากการสูญเสียที่เคยเกิดขึ้น ใช้ไหวพริบนำเด็กลงอย่างรวดเร็ว การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.40 น. ขณะ ด.ต.สมคิด กองลุน ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ (ปฏิบัติงานจราจร) และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ ทาะเวท ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ (ปฏิบัติงานจราจร) กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงประตูเมืองท่าบ่อ เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย ด.ต.สมคิดฯ ได้สังเกตเห็นรถตู้รับส่งนักเรียนสีขาวจอดติดไฟแดง แต่เมื่อไฟเขียวแล้วกลับไม่เคลื่อนที่ จึงเดินไปตรวจสอบ พบว่ารถตู้ดังกล่าวเสียและมีควันพุ่งออกมาจากใต้รถ โดยในรถมีเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนเทศบาลเมืองท่าบ่อ อยู่จำนวน 6 คน ด.ต.สมคิดฯ รีบแจ้งคนขับถึงควันที่พุ่งออกมา พร้อมเปิดประตูนำเด็กนักเรียนทั้งหมดลงจากรถทันทีเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นได้มีพลเมืองดีนำเด็กนักเรียนทั้งหมดส่งโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย ส่วนรถตู้ตรวจสอบพบว่าหม้อน้ำแห้งทำให้เกิดความร้อนและมีควันพวยพุ่งออกมา ด.ต.สมคิดฯ และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ฯ จึงได้ช่วยเข็นรถชิดข้างทางก่อนประสานช่างมาซ่อมต่อไป

เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการชื่นชมมากมายจากชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ และจากผู้คนในสื่อสังคมออนไลน์ ต่างชื่นชมในไหวพริบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้เด็กลงจากรถทันทีที่เห็นควัน เพราะหวั่นจะเกิดอุบัติเหตุเฉกเช่นเดียวกับรถบัสทัศนศึกษา รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยดูแลบุตรหลานของประชาชนให้ปลอดภัยอยู่เสมอ

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชม ด.ต.สมคิดฯ และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ ที่มีสติ มีไหวพริบ แก้ไขปัญหาและป้องกันเหตุได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนพลเมืองที่อาสานำนักเรียนไปส่งโรงเรียน ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของ ด.ต.สมคิดฯ และ ส.ต.ต.รัชชานนท์ ในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตำรวจทั่วประเทศ

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แนะนำให้ผู้ขับขี่ตรวจเช็คยานพาหนะของตนเสมอ โดยสาเหตุหลักของการเกิดรถไฟไหม้มักมาจากระบบเชื้อเพลิงรั่ว ระบบไฟฟ้าลัดวงจร เครื่องยนต์ร้อนเกินไป หรือสิ่งของในรถเกิดลุกไหม้ การป้องกันดีกว่าการแก้ไขเสมอ ในกรณีที่มีควันออกมา ให้ดับเครื่องยนต์เพื่อลดโอกาสเพลิงไหม้ แต่หากเกิดเหตสุดวิสัย รถเกิดไฟไหม้ ให้ทิ้งสัมภาระ และออกจากรถทันที โดยอยู่ห่างจากรถอย่างน้อย 30 เมตร และโทรเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง

- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top