Tuesday, 22 April 2025
ฉ้อโกง

ผู้ก่อตั้ง Thodex รับโทษ 11,196 ปี 10 เดือน 15 วัน  ฐานฉ้อโกง ปิดระบบหนี ทิ้งลูกค้านับแสนรายสูญเงิน

ไม่นานมานี้ ‘Faruk Fatih Özer’ ผู้ก่อตั้ง Thodex แพลตฟอร์มเทรดเงินคริปโตรายใหญ่ของตุรเคีย ต่อมาปิดระบบหอบเงินนับ 2 พันล้านเหรียญหนีไปกบดานในแอลเบเนีย ทิ้งลูกค้านับแสนรายลอยคอแบบไร้แพ กับเงินลงทุนที่สูญหายไร้ร่องรอย

ตำรวจสากลสามารถตามจับกุม และส่งตัวขึ้นศาลตุรเคีย วันนี้ถูกตัดสินโทษ จำคุกนาน 11,196 ปี 10 เดือน กับอีก 15 วัน 

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง 11,196 ปี 10 เดือน 15 วัน ในคุกตุรเคียที่มีการนิรโทษกรรม อภัยโทษ หรือลดหย่อนน้อยมาก ปัจจุบันเขาอายุ 29 ปี ต้องเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด อีกกี่ชาติ ถึงจะหมด

ตำรวจไซเบอร์รวบสาวน้อยร้อยประวัติฉ้อโกง หลอกกู้เงินออนไลน์ เสียหายรวมกว่า 2 ล้าน

สืบเนื่องจากผู้เสียหายต้องการสินเชื่อเงินกู้ ต่อมาได้พบโฆษณาให้กู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์ชื่อ 
“RK COMPANY ฝ่ายบริการสินเชื่อ ฝ่ายสินเชื่อออนไลน์” จึงได้ติดต่อไป โดยแอดมินใช้โปรไฟล์ของบุคคลอื่นนำมาแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วใช้กลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปก่อนทำสินเชื่อ โดยอ้างเป็นค่าดำเนินการต่างๆ เช่น ค่าทำสัญญา ค่าค้ำประกัน สร้างเครดิต แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินกู้ดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายเริ่มสงสัย ก็อ้างว่าผู้เสียหายทำผิดเงื่อนไข แล้วหลอกล่อให้โอนเงินเพิ่มอีกเพื่อปลดล็อคเงื่อนไขดังกล่าว
 
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ บก.สอท. 5 เร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง ต่อมา จากการสืบสวนพบว่า มีผุ้เสียหายในลักษณะดังกล่าวอีกหลายราย แต่ละรายโอนเงินให้คนร้าย 4-7 ครั้งต่อราย ผ่านหลายบัญชีธนาคาร แต่ไม่เคยรับเงินสินเชื่อดังกล่าว ความเสียหายตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน  รวมความเสียหายมากกว่า 2 ล้านบาท  ตำรวจไซเบอร์จึงรับแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งออนไลน์ thaipoliceonline.com แล้วได้ทำการสืบสวนสอบสวน จนนำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาหลายราย

กระทั่ง กก.1 บก.สอท.5 ได้สืบสวนจนทราบข้อมูลหนึ่งในผู้ต้องหาของขบวนการนี้ พบมีหมายจับของตำรวจไซเบอร์ 3 หมายจับ และยังพบประวัติฉ้อโกงผู้เสียหายอีกหลายรายการ จึงนำกำลังร่วมกันเข้าจับกุม น.ส.ไพลิน อายุ 19 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญา จำนวน 3 หมายจับในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”  โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าห้องพักแฟลตปลาทอง อ.เมือง จ.ปทุมธานี
       
เบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ  พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 และ พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 สั่งการให้ พ.ต.ท.ปริพล  นาคลำภา, พ.ต.ท.หญิง ธรา เมืองแก้ว สว กก.1 บก.สอท 5, พ.ต.ท.อุดม อิสโร  สว.ฯ ปรก.กก.1 สอท.5 และ พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.ฯ ปรก.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม

สตม.รวบหนุ่มบราซิล Overstay แอบซุกเกาะพีพี พบประวัติกระทำผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง หลอกลวงในบราซิล

ตม.จว.กระบี่ จับกุม MR.LUAN หรือนายลวน (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สัญชาติบราซิล โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” (Overstay 54 วัน) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน  สภ.เกาะพีพี จว.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าร้านแห่งหนึ่งในเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จว.กระบี่

สืบเนื่องจาก ตม.จว.กระบี่ ได้รับเบาะแสว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติบราซิล มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด เข้ามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะพีพี เจ้าหน้าที่ ตม.จว.กระบี่ จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวและเฝ้าติดตามเพื่อจับกุมตัว จนกระทั่งได้สืบทราบรูปพรรณสัณฐานและที่พักอาศัยของคนต่างด้าวดังกล่าว จึงได้เข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบคนต่างด้าวเพศชายลักษณะรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับผู้ต้องสงสัยนั่งอยู่บริเวณหน้าร้านแห่งหนึ่งในเกาะพีพี จึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และขอตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทาง ทราบชื่อคือ MR.LUAN หรือนายลวน (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สัญชาติบราซิล จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ สตม. พบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว เจ้าหน้าที่ ตม.จว.กระบี่ จึงได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว และจากการขยายผลพบว่า MR.LUAN หรือนายลวน มีประวัติกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง หลอกลวง ในสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ซึ่งจะได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่  อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘จีน’ นำตัวผู้ต้องสงสัยเอี่ยว ‘การพนัน-ฉ้อโกง’ จากกัมพูชากลับประเทศ ชี้ ครบหมด!! 680 คน หลังเดินหน้าภารกิจปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้

(22 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนเปิดเผยว่าตำรวจจีนนำตัวผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันและการฉ้อโกง จากกัมพูชาจำนวนกว่า 680 ราย กลับจีนครบทั้งหมดแล้ว หลังมีการเริ่มส่งตัวผู้ต้องสงสัยช่วงก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนโดยแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ

เที่ยวบินเช่าเหมาลำสองเที่ยวนำผู้ต้องสงสัยกลุ่มสุดท้าย จำนวน 135 คน กลับถึงนครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีนในวันอาทิตย์ (21 เม.ย.) ถือเป็นการเสร็จสิ้นการส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับจีนในปีนี้ หลังจากตำรวจจีนและกัมพูชาออกปฏิบัติการร่วมเพื่อปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันและการฉ้อโกง

ซึ่งตำรวจจีนได้กระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมต่าง ๆ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาทิ การพนันข้ามพรมแดน และการหลอกลวงทางโทรคมนาคม โดยกระทรวงฯ ให้คำมั่นว่าจะจัดการอาชญากรรมประเภทนี้อย่างเข้มงวดต่อไป พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้างต้นจำนวนหลายหมื่นคนจากประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเมียนมา ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลับไปยังจีนในปีนี้

สตม. รวบแก๊งชาวเมียนมาอ้างเป็นนักธุรกิจซื้อขายทอง หลอกลวงเหยื่อให้ร่วมลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้าน

กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุม MR.U WIN (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี สัญชาติเมียนมา ตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ จ.79/2567 ลงวันที่ 14 พ.ค.2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณหน้าโรงแรมย่าน ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ จากกรณีที่ แก๊งชาวเมียนมา ประกอบด้วย MR.U WIN (นามสมมติ), MR.THAW TE (นามสมมุติ), MRS.CHO LIN อ้างว่าเป็นนักธุรกิจซื้อขายทองคำในประเทศเมียนมามีฐานะร่ำรวยมาก ต้องการซื้อทองคำจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่อ ได้พูดจาหว่านล้อมผู้เสียหายพร้อมทั้งยืนยันให้ความเชื่อมั่น หลังจากนั้นได้หลอกลวงให้ผู้เสียหาย เป็นผู้ติดต่อประสานงานในการซื้อทองคำจากคลังทองคำที่ห้างทองในย่านเยาวราช และเพื่อเป็นหลักประกันว่ามีทองคำในคลังทองคำอยู่จริง MR.U WIN กับพวกได้หลอกลวงผู้เสียหายให้วางเงินเป็นหลักประกันทองคำดังกล่าว และยืนยันว่า หากคลังทองคำขายทองคำให้จะคืนเงินที่ผู้เสียหายวางเป็นหลักประกันคืน จนผู้เสียหายหลงเชื่อส่งมอบเงินหลักประกันให้จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,135,000 บาท ภายหลังคลังทองคำตกลงจะขายทองให้กับกลุ่มดังกล่าวแล้ว แต่ปรากฏว่า MR.U WIN กับพวก ไม่มีเงินซื้อทองคำ และไม่คืนเงินที่ผู้เสียหายได้วางไว้เป็นหลักประกัน ผู้เสียหายทวงถาม ให้คืนเงิน โดยไม่สามารถติดต่อ MR.U WIN กับพวก ได้อีกเลย ซึ่งทราบว่ากลุ่มแก๊งชาวเมียนมา ทั้ง 3 ราย ได้หลบหนีเดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว ผู้เสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลแขวงดุสิตออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้จำนวน 3 ราย กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จึงได้ประสานข้อมูลกับ สน.พญาไท เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา จนกระทั่งทราบว่า MR.U WIN หนึ่งในแก๊งชาวเมียนมาดังกล่าว ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยและได้หลบหนีหมายจับไปพักอาศัยอยู่ในท้องที่ จว.นนทบุรี และในท้องที่ บก.น.2 จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการที่เหลือจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

เปิดประวัติ ‘แชร์ลูกโซ่’ มีมาแล้ว กว่าร้อยปี เริ่มต้นที่ ‘อเมริกา’ ขายฝัน!! ‘รวยเร็ว-รวยง่าย’ แต่สุดท้าย ไม่เหลืออะไรเลย

(14 ต.ค. 67) ในช่วงนี้มีข่าวการใช้การตลาดหลายรูปแบบในการหลอกเงินประชาชน ทำให้มีหลายคนนึกโยงเข้ากับเรื่องราวของแชร์ลูกโซ่ ซึ่งแชร์ลูกโซ่เป็นรูปแบบหนึ่งของการฉ้อโกงทางการเงินที่มีลักษณะการชักชวนผู้ลงทุนรายใหม่เพื่อให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจหรือแผนการลงทุนที่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง โดยเงินที่ได้จากผู้ลงทุนรายใหม่จะถูกนำมาใช้เป็นเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนรายก่อนหน้า ซึ่งมักจะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นกำไรจากการดำเนินธุรกิจจริง ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นกลับไม่มีธุรกิจหรือแผนการลงทุนจริงเกิดขึ้น
โดยลักษณะการทำงานของแชร์ลูกโซ่จะเริ่มต้นโดย

1.ผู้ก่อตั้งแชร์ลูกโซ่มักจะเริ่มต้นโดยเสนอแผนการลงทุนหรือธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูงกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ เช่น หุ้น ทองคำ หรือสินค้า
2.การชักชวนสมาชิกใหม่ โดยผู้ที่ลงทุนก่อนหน้านี้จะได้รับเงินปันผลหรือผลตอบแทนจากเงินที่มาจากผู้เข้าร่วมใหม่ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนจริง
3.การขยายไลน์ธุรกิจ ผู้ลงทุนจะถูกกระตุ้นให้ชักชวนคนอื่นมาร่วมลงทุนเพื่อเพิ่มผลกำไร ซึ่งเป็นรูปแบบการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
และ 
4.เมื่อไม่มีผู้ลงทุนรายใหม่เข้าร่วมแล้ว ระบบแชร์ลูกโซ่จะล่มสลาย และผู้ที่ลงทุนในช่วงท้ายจะไม่สามารถถอนเงินหรือได้รับผลตอบแทนใด ๆ เนื่องจากไม่มีเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามา

แชร์ลูกโซ่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1920 โดยชาร์ลส์ ปอนซี (Charles Ponzi) เป็นผู้ริเริ่ม ซึ่งชาร์ลส์ใช้วิธีการหลอกลวงผู้ลงทุน โดยอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนในธุรกิจแลกเปลี่ยนไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่สามารถทำกำไรได้สูง ผลตอบแทนที่จ่ายให้กับผู้ลงทุนก่อนหน้านั้นมาจากเงินของผู้ลงทุนรายใหม่ ไม่ใช่จากผลกำไรที่เกิดขึ้นจริง การหลอกลวงของชาร์ลส์ ดำเนินไปได้เพราะผู้ลงทุนเริ่มแรกได้รับผลตอบแทนสูงจนสามารถชักชวนคนอื่นให้เข้ามาลงทุนต่อได้ แต่ในที่สุดระบบก็ล่มสลายเมื่อไม่มีผู้ลงทุนใหม่เข้ามาแล้ว
และถ้าเราจำกันได้ ในไทยเองมีเคสของแชร์ลูกโซ่ที่ดังและสร้างมูลค่าความเสียหายให้กับคนไทยจำนวนมาก และนี่คือ 3 อันดับแชร์ลูกโซ่ครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่สร้างความเสียหายสูงสุด

1.ยูฟัน (UFUN) (2558)
-มูลค่าความเสียหาย: ประมาณ 38,000 ล้านบาท
-รายละเอียด: ยูฟันเป็นแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติที่หลอกลวงประชาชนโดยอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่ใช้เหรียญ ‘ยูโทเคน’ (UToken) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลปลอม ผู้เสียหายจำนวนมากสูญเสียเงินลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทำให้เป็นหนึ่งในแชร์ลูกโซ่ที่มีมูลค่าความเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
2. แชร์แม่ชม้อย (2527)
-มูลค่าความเสียหาย: ประมาณ 4,043 ล้านบาท
-รายละเอียด: เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่เริ่มต้นจากการชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายหลายหมื่นรายสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลในคดีนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีแรก ๆ ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสังคมไทย
3. Forex-3D (2562)
-มูลค่าความเสียหาย: ประมาณ 2,489 ล้านบาท
-รายละเอียด: Forex-3D เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่ใช้ชื่อเสียงของคนดังในการชักชวนให้ผู้คนลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 60-80% สุดท้ายพบว่าเป็นการหลอกลวงที่ไม่มีการเทรดจริง

ไม่ว่าการลงทุนอะไรก็ตาม ผลตอบแทนที่มากจนเกินไปมักไม่มีอยู่จริง ดังนั้นก่อนจะลงทุนอะไรก็ตามเราเองก็ควรศึกษาการลงทุนนั้นอย่างละเอียด และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน

เปิดเส้นทางรัก ‘ทนายตั้ม - ปทิตตา’ รักกันมา 25 ปี สมัยจีบกัน คุยข้ามวัน 2 ทุ่ม ถึง ตี 2 ก่อนได้ครองคู่

(9 พ.ย. 67) ย้อนเรื่องราวเส้นทางความรัก 25 ปี ของ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด กับ ภรรยาคนสวย คุณเดือน ปทิตตา เบี้ยบังเกิด ในรายการ 'ที่รัก เสือสิงห์ กระทิงแซ่บ' กับชื่อตอน เปิดคดีรัก 25 ปี เป็นเมียทนายต้องอดทน!! ทำคดีมามากมาย แต่ ทนายตั้ม ษิทรา กลับแพ้ให้คดีของ เดือน ปทิตตา ภรรยาคนสวยสุดแซ่บนี่เอง แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ภรรยาคนนี้ต้องสู้และอดทนแค่ไหน?

ทนายตั้มเล่าว่า รักกันมา 25 ปี ช่วงแรกไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องครอบครัวให้ใครรู้เลย แต่ช่วงหลัง ๆ พอทนายตั้มเริ่มมี FC มากขึ้น คุณเดือนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยต้องแสดงตัวว่า ทนายตั้มมีครอบครัวแล้วนะ

“เจอกันครั้งแรกในงานประกวดนางนพมาศ ตั้งใจจะไปจีบเพื่อนของคุณเดือน แต่เพื่อนเขามีแฟนแล้ว ก็เลยเบนเข็มไปจีบเขาแทน โดยโทรไปหาเขาหลายวันติดต่อกัน จนคุณเดือนเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเริ่มไม่ได้ถามเรื่องเพื่อนแล้ว แต่ถามเรื่องคุณเดือนอย่างเดียวเลย จนฝ่ายคุณเดือนต้องถามว่า ‘พี่ตั้มคิดอะไรกับหนูหรือเปล่า’ จะได้ทำตัวถูก ก็เลยบอกว่า คุยกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึง ตี 2 ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ” ทนายตั้มย้อนเล่า

แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะคุณเดือนเป็นลูกหลานบ้านนายตำรวจใหญ่ของจังหวัด จะเข้าไปจีบก็เหมือนเข้าถ้ำเสือ จนต้องเข้าทางคุณย่าแทน มาถึงช่วงที่หัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังจะจบ ม.6 ที่บ้านจะส่งไปเรียนเมืองนอก แต่ทนายตั้มเชื่อว่าถ้าคุณเดือนไปเมืองนอกจะต้องเลิกกันแน่นอน ก็เลยตัดสินใจ ไปที่บ้านเข้าไปขอลูกสาวเขาเลย ตอนนั้นคุณเดือนเพิ่งจบ ม.6 ตัวเองก็เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยปี 2

คุณเดือนบอกว่า ช่วงที่คบกับทนายตั้มแรกๆ ลำบากมาก ทนายตั้มเรียน ม.ราม ได้เงินวันละ 200 บาท บางวันได้ 50 บาท ลงเรือ เดินเท้า ทุกอย่างผ่านมาด้วยกันหมดแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ เรามั่นใจว่าคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต เรารู้ว่าเขาทำงานเสี่ยง ๆ เพื่อครอบครัวทุกอย่าง

คุณเดือนยังถูกถามคำถามในรายการว่า จริงหรือไม่ที่ เป็นเมียทนายตั้มต้องอดทน เพราะ ทนายตั้ม HOT เกินต้าน จนเมียหัวจะปวด ซึ่งคุณเดือนบอกว่า สำหรับสามีคนนี้ ช่วงแรก ๆ ต้องเช็กทุกอย่าง เพราะเขาชอบตีเนียน บอกว่าคุยเรื่องงาน พอทนายตั้มหลับ ก็จะต้องเอามือถือมาเช็ก เช้ามาถ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด แปลว่าเจออะไรแปลก ๆ แน่นอนแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการแชตคุยที่ไม่เหมือนลูกความกับทนายคุยกัน เช่น “กินข้าวหรือยังคะ” อะไรแบบนี้

ทนายตั้มก็ตอบว่า จริง ๆ เป็นเรื่องงาน เป็นบรรดา FC ที่เขาติดตามเรา บางคนส่งอาหาร ส่งของมาให้กินที่สำนักงานเลยก็มี

แฉ!! คุณหมอคนดัง หลอกลวงลงทุน หลายคนไว้ใจ!! เพราะดูน่าเชื่อถือ

(23 พ.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Stapnavatr Vajira’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘หมอบุญ’ หรือ นายแพทย์บุญ วนาสิน หมอนักธุรกิจชื่อดัง โดยมีใจความว่า ...

การหลอกลวงครั้งนี้น่าจะเป็นการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี 2567 จำนวนเม็ดเงินที่เสียหายอาจไม่มากกว่าดิไอคอน น่าจะใกล้เคียงกัน แต่แบ๊คกราวนด์ของผู้หลอก ที่เคยเป็นทั้งแพทย์, อาจารย์แพทย์ จบถึงจอห์นฮ๊อปสกินส์ สหรัฐ เป็นถึงผู้ก่อตั้ง รพ.เอกชนแห่งแรก ๆ ของไทย เคยผ่านยุครุ่งเรืองสุดขีด 

ได้ยินว่าผู้เสียหาย หมอเป็นร้อยคน ส่วนใหญ่เอกชน มีแม้กระทั่งคนทำงานธนาคารจนวันเกษียณ เชื่อใจในชื่อเสียง เอาเงินทั้งครอบครัวหลายสิบล้านมาเท

ผมเองเบื้องหลังก็เคยถูกชักชวนไปลงทุนกับแก ตั้งแต่ช่วงต้นโควิด แต่ผมไม่สนใจแบ๊คกราวนด์ ไปค้นดูผลงานการลงทุนของคุณหมอบุญ ที่ก็ไม่ยากที่จะสืบ พบว่า ทั้งคอนโดผู้สูงอายุและรพ.เอกชนที่ลงทุนไปในช่วงเกือบสิบปีหลัง ถือว่าล้มเหลว ทุนจมไปเกือบหมื่นล้าน ผลตอบแทนกลับมาน้อยมาก ในมุมมองผม แกจะเคยเก่งอะไรมามากเพียงใด ไม่สนใจ ผมอยู่กับปัจจุบันครับ ช่วง 2566-2567 ยังเคยถูกคุณหมอคนหนึ่งแซะผมเล็กๆ ว่ากังวลเกินไป คุณหมอบุญ แกเป็นคนระดับไหนแล้ว

สรุปที่ผมเคยสรุปไว้ก่อนลงทุน ตีให้แตกเรื่องภูมิหลัง มองข้ามความสัมพันธ์เสมอ เพราะคนมาหลอก มาดีก่อนเสมอ อย่างกรณีหมอบุญ เห็นว่า มีคนหนึ่ง รู้จักกันมา 20 ปี อาชีพนายหน้า เจอหน้ากันเรื่อยๆ ดีกันมาตลอด โดนไปหมดตัวเป็นร้อยล้าน ปัจจัยที่สามคือ คนจะหลอก จะเอาผลประโยชน์อะไรบางอย่างที่ดึงดูดใจ มาล่อ 

‘ก.ล.ต.’ แจง!! ‘หมอบุญ’ มีพฤติกรรมฉ้อโกง อาจไม่เกี่ยวกับ THG ชี้!! เป็นการลงนามโดยส่วนตัว ยังไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

(24 พ.ย. 67) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่า นายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยผ่านการทำสัญญากู้ยืมเงินนั้น ก.ล.ต.ได้ติดตามข่าวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนายแพทย์บุญเป็นอดีตประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) โดยในเบื้องต้นจากข้อมูลที่ปรากฏตามข่าวพบว่า นายแพทย์บุญได้กระทำในนามส่วนตัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ THG จึงอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งยังไม่เข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ที่มุ่งเน้นการทุจริตฉ้อโกงในบริษัทที่ออกเสนอขายหลักทรัพย์กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. จะติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยหากพบการกระทำที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก็จะเร่งดำเนินการและประสานงานกับพนักงานสอบสวนต่อไป

สำหรับกรณีบริษัท THG ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 เกี่ยวกับการตรวจพบรายการอันควรสงสัยของบริษัทย่อยของ THG ในการทำรายการให้กู้ยืมเงินให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มครอบครัววนาสิน รวมทั้งการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ได้รับมอบสินค้าจริงนั้น ก.ล.ต. ได้ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันนายแพทย์บุญไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ก.ล.ต. ได้ขอให้พนักงานอัยการฟ้องนายแพทย์บุญ ต่อศาลแพ่ง กรณีเผยแพร่ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและราคา THG เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

‘ณวัฒน์’ แถลงฟาด!! ดรามาซองแดง อย่าโยง ‘แม่ตั๊ก’ มั่วนิ่มด่า!! เจอฟ้องแน่

(15 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย กรณีซองแดงอั่งเปาตรุษจีน ที่ 'ณวัฒน์ อิสรไกรศีล' บอสเวทีมิสแกรนด์ ขายในราคา 59 บาท โดยณวัฒน์จะใส่เงินให้เป็นอั่งเปา แต่ต้องลุ้นเอาเองว่าจะได้กี่บาท ซึ่งณวัฒน์จะใส่เงินตั้งแต่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท โดยเป็นการเล่นสนุกสนานของเจ้าตัว ขายวันเดียวในเวลาเพียง 24 ชม.เท่านั้น

ต่อมาเพจอีซ้อขยี้ข่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องให้ณวัฒน์ออกมาชี้แจงเรื่องซองแดง หลังชาวติ๊กต๊อกจำนวนมาก ทำคอนเทนต์เปิดซองแดงณวัฒน์ แล้วเกิดความผิดหวัง ในซองแดงมีเงินแค่ 20 บาทเท่านั้น บางรายทุ่มซื้อไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีคนไปขุดคลิปเก่าที่ณวัฒน์เคยฟาด 'แม่ตั๊ก กรกนก' เรื่องซองแดง หลอกขายทอง นำคลิปมาเทียบกันและย้อนถามทำนอง ทำไมวันนี้มาทำเสียเอง งานนี้ณวัฒน์ไม่ปล่อยให้คาใจนาน ล่าสุดออกมาไลฟ์สดเคลียร์ละเอียดยิบ ๆ ม้วนเดียวจบในติ๊กต๊อกส่วนตัว

-ซองแดงเกิดขึ้นเพราะเป็นเทรนด์ในช่วงตรุษจีน เราทำขึ้นมาขำ ๆ สนุกสนานกับแฟนคลับ ทำแค่วันเดียว 24 ชม. ขายแค่ 3 ครั้ง พอเห็นคนซื้อเยอะ ก็เลิกขาย

-การที่เราขาย เราบอกทุกอย่างชัดเจน เนื่องจากซื้อซองแต๊ะเฮีย แต่ข้างในมีอะไรเราบอกหมด ซึ่งติ๊กต๊อกเขาอนุญาต ถ้าบอกว่าไม่รู้มีอะไรข้างในอันนี้ผิดกฎติ๊กต๊อก

-การเอาเรื่องซองแดงที่คนอื่นขายเป็นล่ำเป็นสันเป็นอาชีพ มากล่าวหาตน โจมตีตน ตนก็เข้าใจได้ ซึ่งวันที่ขายก็บอกชัดเจนว่าจะมีเงิน 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท 1,000 บาท บอกทุกครั้งที่ขาย เพราะขาย 3 ครั้งในเวลา 24 ชม. ซึ่งทุกคนจะได้ไม่อย่างหนึ่งอย่างใด บางคนตนจะใส่ของขวัญเพิ่มเติมไปให้ เพราะเรากำลังเคลียร์สต็อก สินค้าไหนไม่อยากจัดเก็บ มีเยอะ หรือเหลือเศษจะใส่ไปให้เพื่อลองกินลองชิม

-เราแจ้งแล้ว เป็นน้ำใจส่วนตัว ไม่ใช่สินค้า เป็นการให้เพิ่ม บางคนอาจได้ บางคนอาจไม่ได้

-ถ้าไม่ชัดเจน ติ๊กต๊อกไม่อนุญาต เราต้องได้รับอนุมัติจากติ๊กต๊อกถึงขายได้ เพราะเราเปิดขายเองไม่ได้

-เตือนแฟนคลับตลอดถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ขาดทุน หรือไม่สบายใจว่าจะได้เท่าไหร่ อย่าซื้อเด็ดขาด ไลฟ์ 3 ครั้ง เตือนนับครั้งไม่ถ้วน เราขอแค่แฟนคลับที่อยากเล่นสนุกๆ เอ็นจอย ได้ลุ้นกับเทศกาล ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ

-ย้ำและเน้นให้เป็นออปชั่น ให้เก็บเงินปลายทาง ให้อนุญาตว่าเห็นของ ถ้าไม่ชอบก็คืนได้ ตามเงื่อนไขของปลายทาง ตนทำอะไรถูกต้องหมดทุกอย่าง เพียงแต่อยู่ที่สว่าง เป็นเป้านิ่งคนอาจไม่ชอบ เรื่องที่ทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาคิดต่างจากตน แม้แต่นางงาม เวทีคู่แข่ง เป็นอวตาร มาบดขยี้

-อยู่บนพื้นฐานความจริง เป็นคนชัดเจน เป็นเรื่องเฮฮาเล็ก ๆ ในเวลา 24 ชม. แต่กลับเป็นเป้าให้คนไม่ชอบ หรือผลประโยชน์และเรื่องราวขัดแย้ง มาบดขยี้โจมตีตน ตอนแรกคิดว่าช่างมันเถอะ ไม่ได้กลัว แต่มันไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าการพูดจาโดยไม่รู้ข้อมูล อาจนำไปสู่ความวุ่นวายได้

-ตนทำแค่ 59 บาท ถ้าอยากได้เงินคุณเยอะ ๆ ทำไมไม่ทำ 199 500 1,000 2,000 ทำไมทำแค่ 59 บาท เพราะต้องการเพียงความสนุก เผื่อเป็นเงินมงคล การที่เราจะขายของบนแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก ไม่ใช่อยู่ๆ ทำแล้วขายได้ ต้องได้รับการอนุมัติจากติ๊กต๊อกด้านการตลาดว่าจะมีแบบนี้ ไม่สามารถเอาตะกร้าขึ้นเองได้ แพลตฟอร์มสีอื่น เป็นแพลตฟอร์มที่เขาให้เราทำเอง รับผิดชอบเอง แต่แพลตฟอร์มติ๊กต๊อกต้องได้รับอนุมัติว่าถูกต้อง ใช้เวลาอนุมัติ บางทีก็ 3 ชม. บางทีก็ 5 ชม. เราขอทำวันเดียวเพราะไม่อยากทำ เราทำเพื่อความสนุก

-อยากให้ดูวัตถุประสงค์ก่อน ตนไม่เคยทำ และไม่ได้เดือดร้อนด้านการเงิน ถ้าตนเดือดร้อน ผมต้องทำนาน ๆ หลายวัน ราคา 59 บาทเป็นราคาที่แปลก

-แจกแจงเงิน 59 บาท ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าบริการไลฟ์กับติ๊กต๊อก เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 28 เปอร์เซ็นต์ ตนเหลือเงิน 42 บาท ต้องรับผิดชอบค่าส่ง ซึ่งเต็มแพลตฟอร์มอยู่ที่ 35 บาท หรือ 20 บาทในกรุงเทพฯ แต่ตนไม่ได้เสียค่าส่งทุกอัน ก็ถัว ๆ 20 บาท จาก 42 เหลือ 22 บาท เสียภาษี vat อีก 7 เปอร์เซ็นต์ จะขาดทุนประมาณ 2 บาท นี่คือเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้จากติ๊กต๊อก ฉะนั้นเงิน 59 บาทไม่ใช่เงินที่ให้ตน ไปให้ติ๊กต๊อก

-เงินที่คุณจ่ายไม่ได้เข้ามาที่ตนเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เข้า เพราะเขามีเครดิตอยู่เป็นเดือน เงินไม่ถึงตนสักบาทจนถึงวันนี้ เงินที่ทุกคนส่งเข้าไป คือเข้าไปบริษัทติ๊กต๊อก ถูกหักไปแล้ว 28 เปอร์เซ็นต์ ถูกหักขนส่งไปอีก แต่ตนใส่ทั้งของและซอง การเบิกจ่ายบริษัทมหาชนมีหลักฐาน

-คนได้เยอะเขาไม่ค่อยรีวิว คนรีวิวก็คือกระแนะกระแหนว่าต้องเซ็ต ยืนยันว่าไม่เซ็ต ถ้าเซ็ตก็หลอกลวง ไม่มีทาง เปิดใจกันบ้าง

-นอกจากนั้นถ้าใครที่ไม่ได้จ่ายปลายทางชำระแล้วเห็นของทีหลัง ยังให้สิทธิ์ในการคืนของได้ ตามข้อกำหนดของติ๊กต๊อก ผู้บริโภคทุกคนต้องรู้ เพราะเรารู้เงื่อนไขอยู่ คนที่ไม่พอใจที่ได้น้อยกว่าคนอื่น ก็คืนกันมา ไฟเขียวคืนโลด การคืนทำง่ายนิดเดียว ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ 02-9349-999 มีพนักงาน 10-12 คน คอยรับโทรศัพท์ เพราะลูกค้าทุกคนคือพระเจ้าของเรา ไม่พอใจคืนได้ มีคนคืนมาแล้วเป็นร้อย หลายร้อยอยู่ ไม่มีปัญหาเลย ถ้าเห็นของแล้วไม่ถูกใจก็สามารถคืนได้ มีคนคืนเยอะแยะ เราก็รับคืน การคืนคุณไม่เสียอะไรเลยสักบาท คุณได้ครบถ้วน 59 บาท ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องสักบาท ไม่มีอะไรที่ลูกค้าต้องเสีย

-ใครอยากจะคืนก็ตามเบอร์นั้น ให้ติดต่อได้ถึงวันที่ 17 ก.พ. งานนี้ตนขาดทุนเละ แต่ไม่มีปัญหา การคืนก็ไม่ได้เป็นความผิด ไม่เคยโกรธลูกค้าเลยให้ตาย ตนเป็นเด็กยากจนมาก่อน ถ้าผิดหวังไม่เป็นไร คืนได้ มันเป็นสิทธิ์ที่ถูกต้อง มีกฎรองรับอยู่ จะให้คืนจนถึงวันจันทร์ตอน 6 โมงเย็น ใครจะคืนตนไม่ว่าเลย ให้คืน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งมาคืนทั้งหมดก็ได้ ค่าส่งให้เก็บปลายทางเราเป็นคนจ่าย หรือถ้าทำไม่เป็น ให้จ่ายปลายทางมาเลย 25 บาท ตอนโอนคืน เราก็จะคืน 25 บาทด้วย

-สิ่งที่เกิดมากขึ้นคือคนนอก ที่รอจังหวะว่าจะมีอะไรทิ่มแทงตนได้บ้างเขาก็บดขยี้กันสนุก โดยไม่ได้เข้ามาซื้อ มาฟังข้อเท็จจริง ก็บอกให้หยุดกันบ้าง ขอความร่วมมือนิดนึง ส่วนลูกค้าจะคืนก็ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องซีเรียส

-จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เพราะนึกว่ามีเฉพาะคนรัก ๆ ชอบ ๆ กัน เล่นกันสนุกสนาน ถ้าคนซีเรียสแบบนี้ตนไม่เอาอยู่แล้ว เพราะตนก็ไม่เคยทำ ผมทำมาหากินอย่างอื่นโอเค ตอนนี้ขาดทุนไม่มีปัญหาหรอก อยากคืนก็คืนไม่ว่ากัน

-เรื่องคนอื่นมาพาดพิงตน ตนพูดเรื่องแม่ตั๊ก ดิไอคอน โดยเฉพาะแตงโม (นิดา พัชรวีระพงษ์) ซึ่งมีผลกระทบกับชีวิตค่อนข้างเยอะ รู้ไหมทำไมถึงเงียบเรื่องแตงโม ไม่อยากจะพูดว่ามีการคุยหลังบ้าน แต่ก็ช่างมันเถอะ รวมถึงเวลานางงาม คนละเวทีกัน ก็มีร่างอวตารคอยทิ่มแทง ก็ไม่เกี่ยวกันเลยกับซองแดงคนอื่น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่ตั๊ก เขาขายเอาตาย ขายตลอด แล้วออกมาเป็นกระดาษพ่นทอง คนละเรื่องกัน

-คุณเอาความเท็จมาโจมตี ถ้าไม่ใช่ลูกค้า ขออนุญาตเก็บข้อมูล ถ้าสืบได้ว่าเป็นลูกค้า ไม่ว่าจะด่าว่าอะไร ไม่ว่าจะละเมิดแบบไหน หมิ่นประมาทด้วยวิธีอะไรตนจะไม่ทำอะไรเลย นี่คือนโยบายของตนแต่ไหนแต่ไร แต่ถ้าไม่ใช่ลูกค้า แล้วมั่วนิ่มมาด่า ผมบอกเลยนะ ขออนุญาตดำเนินการตามกฎหมาย

-คุณลุงคนนึงยุยงให้คนแจ้งความโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ส่วนบางคนชอบทำคลิปตนเพราะมีแสงเยอะ คนดูเป็นล้านวิว นั่นคือคนชื่อบาส วรชัย ถ้าคุณฟังอยู่ ตนให้เวลาคุณลบคลิปวันนี้จนถึง 17.00 น. วันที่ 14 ก.พ. คุณต้องลบคลิป เพราะเห็นชัดเจนว่ามีความผิด ว่างๆ คุณมาเจอ คุณจะขยี้ด้วยเหตุผลอะไรตนไม่ทราบ แต่คุณต้องรู้ข้อเท็จจริงก่อนทุกอย่าง ไม่ใช่คุณถามลอยๆ อยู่ในอากาศ

- ประเด็นที่คุณพูดว่าตนไปว่าประชาชนโง่ที่ไปหลงเชื่อ แล้วมาทำเสียเอง อันนี้ยังไงก็แล้วแต่ ตนยอมไม่ได้ เพราะตนไม่เคยว่าประชาชนโง่เลยสักครั้งเดียวในชีวิต ผมเป็นคนค่อนข้างแม่นเรื่องกฎหมาย คำว่าโง่ มีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 ตนให้โอกาส คุณกับผมไม่ต้องรู้จักกัน ไม่ต้องเจอกัน ต่างคนไม่ต้องมายุ่งกัน คุณหาว่าผมไปบอกประชาชนโง่ เจอ 2 ข้อหา หมิ่นประมาท พูดจาใส่ร้ายให้คนอื่นเกลียดชัง นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตนจะไม่ฟ้องโรงพัก แต่จะฟ้องศาล (ซึ่งบาส วรชัยได้เข้ามาดูไลฟ์ณวัฒน์ และได้ลบคลิปดังกล่าวทิ้งไป)

-กับอีซ้อไม่ได้เป็นปัญหากัน ลึกๆ ชอบเขาแต่ก็เซอร์ไพรส์เขานิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร บางทีมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีหรอกตั้งแง่จนวันตาย ทำไมตนคุยกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุลได้ ทั้งที่ความคิดเรื่องการเมืองอาจไม่เหมือนกัน เพราะเราทำเรื่องเดียวกันคือเรื่องแตงโม เราอย่าเอาทิฐิไปบดบังเรื่องที่อยากทำ เราอยากรู้ว่าตร. ทั้งโรงพัก และอัยการ ทำไมทำแบบนี้กับคดีแตงโม ที่เงียบๆ ไม่อยากพูดอะไรเยอะ แต่ทำงานอยู่ตลอด เพียงแต่พูดไม่ได้ เพราะหลายคน ญาติพี่น้องก็เป็นห่วง อยู่ ๆ ก็มีเบอร์แปลก ๆ เบอร์สวยๆ โทร.มา มีหมดแหละ

-ตนโตมาจนจะแก่ตาย ผ่านสงครามมาเยอะแล้ว ไม่ต้องขยี้มาก ตนก็ไม่ได้เป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สุดท้ายต้องดูในข้อเท็จจริง ที่สำคัญตนไม่เคยมีจิตใจที่จะไปเอาเปรียบใคร ตนไมได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าทำแล้ววุ่นวายก็จะไม่ทำอีกเลย นี่คือเรื่องจริง

-ส่วนอีซ้อไม่เป็นไร มีคนบอกเอาให้หนัก แต่น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่มีปัญหา ตนก็หงุดหงิดบ้าง ก็ขอความเข้าใจกันด้วย

-ที่พูดทั้งหมดประจักษ์ด้วยหลักฐาน วิธีการ จำนวนเงินไหลไปที่ไหน ตนยังไม่ได้เงินเลยสักบาทตอนนี้ ทุกการรีฟันตนเสียสองเด้งนะ เรื่องนี้จบแค่นี้

-เราไม่หลอกลวง เพราะเราเป็นมหาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top