Friday, 6 June 2025
จับกุม

สืบสวนนครบาล รวบเอี้ยก้วยเขาบินแขนเดียว จมมุมคาไอซ์ 233 กิโลกรัม ยาบ้า 200,000 เม็ด เฮโรอีน 746 กรัม เตรียมกระจายลงสู่ชุมชน พื้นที่ กทม.

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม


เมื่อวันที่ 23 -24 มีนาคม 2566  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น  พล.ต.ต.สําเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศอ.ปส.ตร , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข  ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ พ.ต.ท.นิติกรณ์  ระวัง รอง ผกก.กก.สส.2 บก.สส.บช.น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ รายสำคัญและจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 ราย คือ

นายณัฐพงษ์ หรือ หนุ่ม  อายุ 46 ปี ที่อยู่ 68/2 ถนนศรีสำราญ 3 ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี  ฉายาเอี้ยก้วยเขาบิน ผู้ต้องหา
พร้อมด้วยของกลาง
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 200,000 เม็ด
2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมประมาณ 233 กิโลกรัม
3.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน ) จำนวน 2 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 746 กรัม
4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง
5.รถยนต์ 4 คัน
6. รถจักรยานยนต์ 1 คัน

โดยกล่าวหาว่า “ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ”

สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว ใกล้สี่แยกนพวงศ์ขาเข้า  ตำบลหน้าไม้ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดปทุมธานี ต่อเนื่องบ้านเช่าเลขที่ 31/17 ถ.โพธิ์อ้น-หวายสอ ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมกรณีมีปลอมข้อมูลในภาพถ่ายบัตรประชาชนของผู้อื่น และนำไปประกอบการหลอกจำหน่ายสินค้าออนไลน์

จากกรณีในสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพและข้อความเกี่ยวกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งมีบัตรประชาชนถึง 7 ใบ โดยแต่ละใบจะมีชื่อและนามสกุลไม่ซ้ำกัน แต่ใบหน้าเจ้าของบัตรประชาชนเป็นคนเดียวกัน และมีที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากกรณีดังกล่าวชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการออกบัตรประชาชนดังกล่าว ว่ามีที่มาอย่างไร ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดโดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.,พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4  มีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ1. บุคคลตัวจริง ที่ปรากฏภาพใบหน้า ในบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบคือ  นายภาคิน (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี  ที่อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.1 ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายภาคินฯได้เคยส่งภาพบัตรประชาชนตนไปกู้เงินออนไลน์ แต่หลังจากกลุ่มคนร้ายได้ภาพบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ไปแล้วนั้น เชื่อว่าได้นำภาพบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ดังกล่าว ไปทำการแก้ไขในส่วน ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ให้ตรงกับ ชื่อ นามสกุล ของเจ้าของบัญชีธนาคารที่ไปจ้างเปิดไว้(บัญชีม้า) แต่คงส่วนภาพใบหน้านายภาคินฯ ไว้ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ 

ซึ่งรายชื่อของบุคคลอื่นทั้ง 7 ราย ที่ปรากฏ ชื่อ นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ประกอบภาพใบหน้าของนายภาคินฯ ได้แก่ 1)นายนฤเบศร์ (สงวนนามสกุล)  2)นายชินดนัย (สงวนนามสกุล) 3)นายประทีป (สงวนนามสกุล) 4)นายชัยสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) 5)นายชาญณรงค์ (สงวนนามสกุล) 6)นายพรพล (สงวนนามสกุล) และ 7) นายพงศธร (สงวนนามสกุล) 

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้เสียหาย ได้ถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ แต่ไม่ได้สินค้า โดยคนร้ายได้ใช้บัญชีธนาคารของบุคคลดังกล่าวข้างต้น คือ  นายชัยสิทธิ์  นายชาญณรงค์  นายพรพล  นายพงศธร โดยมีพฤติการณ์คือ ใช้ภาพถ่ายบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ไปทำการเปลี่ยนแปลง ชื่อ นามสกุล  และหรือ ประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการแก้ไขข้อมูลในภาพ ซึ่งไม่ได้มีการทำบัตรขึ้นมาใหม่ เพียงแต่แก้ไขชื่อ นามสกุล ภายในบัตรเพื่อให้ตรงกับ ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนค่าสินค้า ก่อนจะนำไปหลอกขายสินค้าให้กับ ผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป เมื่อผู้เสียหายพบว่า ชื่อในภาพบัตรประชาชน ตรงกับชื่อที่คนร้ายได้ส่งมาประกอบการซื้อขายสินค้า และตรงกับชื่อในบัญชีธนาคารที่โอนเงินค่าสินค้า ก็หลงเชื่อว่าเป็นเพจ ที่มีการจำหน่ายสินค้าจริง มีตัวตนจริงตามบัตรประชาชน จึงโอนเงินค่าสินค้าไป 

ต่อมา ผู้เสียหายที่ถูกหลอกขายสินค้าออนไลน์ในพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และ เลย จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน  จำนวน 4 คดี รายละเอียด ดังนี้
1.คดีอาญา สภ.คอนสาร จว.ชัยภูมิ ที่ 79/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดภูเขียว จ. 33/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค.66 นายชัยสิทธิ์  ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 อยู่ระหว่างติดตามตัว

2.คดีอาญา สภ.เมืองเลย ที่ 202/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 
-หมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 99/2566 ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายชาญณรงค์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จับกุมตัวแล้ว

3.คดีอาญา สภ.เมืองร้อยเอ็ด ที่ 261/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน
-หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่118/2566  ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายพรพล ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จับกุมตัวแล้ว
-หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่120/2566  ลงวันที่ 27 มี.ค.66 นายพฤหัส ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จับกุมตัวแล้ว

4.คดีอาญา สภ.เมืองขอนแก่น ที่ 983/2566 ลง 20 มี.ค.66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 ผู้ต้องหา 2 ราย
-หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.157/2566  ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายพงศธร ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จับกุมตัวแล้ว
-นายปรินทร์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว

จากการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม พบว่า นอกจากบุคคลที่มีรายชื่อทั้ง 7 ราย ที่ปรากฏตามข่าวข้างต้น แล้วยังพบว่ามีการกระทำผิดในรูปแบบเดียวกัน โดยการนำ ชื่อ นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของบุคคลอื่น มาประกอบกับภาพถ่ายบัตรประชาชนของนายภาคิณฯ ซึ่งพิสูจน์ตัวบุคคลได้อีก 2 ราย คือ 1) นายฐิติกร  และ 2) นายอนิวัตติ์  ซึ่งในกรณีนี้ผู้เสียหายในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม ประจวบคีรีขันธ์ และ ลำพูน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน อีกจำนวน 3 คดี 

5.คดีอาญา สภ.เมืองมหาสารคาม ที่ 180/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  ผู้ต้องหา 2 ราย
-หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จ.69/2566 ลงวันที่ 21 มี.ค.66 นายฐิติกร ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อยู่ระหว่างติดตามตัว
-หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จ.68/2566 ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายเดโช ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อายัดตัวเรือนจำจังหวัดนนทบุรี

6.คดีอาญา สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่  671/2565 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.149/2565  ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 นายอนิวัตติ์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  จับกุมตัวแล้ว

7.คดีอาญา สภ.นิคมอุตสาหกรรม จว.ลำพูน ที่  978/2565 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดลำพูน ที่ จ.555/2565  ลงวันที่ 6ธ.ค.65 นายอนิวัตติ์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อายัดตัวผู้ต้องหา (จากคดีลำดับ 6.)

ข้อ 7. สรุปการดำเนินคดีทั้ง 7 คดี (ตามข้อ 1)
สรุปการดำเนินคดีทั้ง 7 คดี ผู้ต้องหา 9 ราย 
1) ออกหมายจับ 9 หมายจับ  ผู้ต้องหา 8 ราย (นายอนิวัตติ์  มี 2 หมายจับ)
จับกุมผู้ต้องหาได้  5 ราย    5 หมายจับ
อายัดตัว 1 ราย 2 หมายจับ(อายัดหมาย นายเดโช และ นายอนิวัตติ์  )
หลบหนี 2 ราย  2 หมายจับ
2) แจ้งข้อกล่าวหา 1 ราย ผู้ต้องหา 1 ราย

ข้อ3. กรณีกลุ่มผู้ซื้อขาย จัดหาบัญชีม้า ปรากฏจากการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มขบวนการซื้อขายบัญชีม้าในคดีนี้ พบว่ามีการกระทำอยู่ 2 รูปแบบ คือ 
3.1 รูปแบบการซื้อขายบัญชีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (ON LINE) โดยเจ้าของบัญชีม้าจะทำการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร จากนั้นก็จะส่งรหัสผ่านพร้อมเลขบัญชีให้กับนายหน้าผู้ซื้อหรือติดต่อกับเจ้าของบัญชีม้าเพื่อแลกกับค่าตอบแทน ซึ่งมีการเปิดกลุ่มสำหรับหาผู้จำหน่ายบัญชีม้าทั่วไป ก่อนจะนำบัญชีม้าไปเป็นบัญชีรับซื้อขายสินค้า หรือเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมายอื่น
3.2 รูปแบบการใช้บุคคลรวบรวมบัญชีม้า (ON SITE)  กรณีนี้เจ้าของบัญชีม้าได้มีการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ หรือเปิดกับธนาคาร โดยตรง ก่อนจะส่งมอบรหัสบัญชี หรือสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มให้กับตัวแทน ซึ่งส่วนมากจะรู้จักกัน ก่อนที่นายหน้าจะรวบรวมส่งให้กับกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัวบุคคลที่มีหน้าที่รวบรวมบัญชีได้คือ 

1) นายปรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในความผิดฐาน " ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน "  
ซึ่งในส่วนของผู้ร่วมเครือข่ายรายอื่นอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงผู้ที่ได้รวบรวม จัดหาบัญชีเพิ่มเติม

สืบสวนนครบาลตัดวงจรมิจฉาชีพ หนุ่มศรีมหาโพธิ ตุ๋นขายหน้ากากอนามัย พบเหยื่อหลงเชื่อเสียจำนวนมาก 

วันที่ 28 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT 5 พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.ร่วมจับกุม นายธวัชชัย สุวรรณพิทักษ์ หรือหนุ่ม อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 1 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดน่าน (สาขาปัว) ที่ จ 17/2566 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ข้อหาฉ้อโกง , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยจับได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 199 ภายในหมู่บ้านเพิ่มทรัพย์กรีนวิล หมู่ 13 ตำบล หนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า เดิมทีประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างเฉพาะกิจของ อบต.แห่งหนึ่งในพื้นที่ เงินเดือนไม่พอใช้เนื่องจากติดเล่นพนันออนไลน์ เมื่อปี 2563 ได้เริ่มก่อเหตุครั้งแรกด้วยการร่วมกับเพื่อนสนิท ร่วมสร้างเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “ Joyamity Zaza ” , ชื่อบัญชี “ Freedom ” ชื่อบัญชี “ Freedom Hut ” , ชื่อบัญชี “ Farmhot Freedom ” โพสต์หลอกขายหน้ากากอนามัย ในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ ต่อมาเมื่อเพื่อนถูกจับกุมจึงหันมาก่อเหตุเองโดยโพสต์หลอกขายสินค้าที่หลอกหลายกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพระ , เหรียญพระเครื่อง , ตู้สแตนเลสใส่น้ำแข็ง , เก้าอี้บาร์ , สเตชั่นวางเครื่องดื่ม , ถาดคอนโด , ตู้อุ่นร้อน , ถังน้ำแข็งสแตนเลสมือสอง , และกลุ่มอื่นๆกว่า 400 กลุ่ม 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางตรวจการดำเนินการตามกระบวนการ NRM กรณีจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวที่กาญจนบุรี

วันนี้ (3 พ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย NGOs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ที่ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด , แรงงานจังหวัด , ประมงจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด, ยุติธรรมจังหวัด และป้องกันจังหวัด ร่วมประชุมชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาและดูแลผู้ถูกคัดกรอง โดยในส่วนของ ภ.จว.กาญจนบุรีนั้น ได้มีการรับดำเนินการตามกระบวนการ NRM จากกรณีระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จับกุมผู้ต้องหาบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาที่มีการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร รวมจำนวน 115 คน และพบรถกระบะที่ใช้ในการขนบุคคลต่างด้าวถูกจอดทิ้งไว้จำนวน 2 คัน คดีอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยจะต้องนำบุคคลต่างด้าวทั้งหมดผ่านกระบวนการคัดแยกเหยื่อ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการทั้งหมด โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้นำบุคคลต่างด้าวทั้ง 115 คน มาพักอาศัยอยู่ที่ กองร้อย ตชด.136 ซึ่งมีสถานที่กว้างขวางพร้อมรองรับความเป็นอยู่ของบุคคลต่างด้าวทั้งหมด โดยแยกพักอาศัยชาย-หญิง ส่วนเด็กและเยาวชนพักอาศัยร่วมกับผู้ปกครอง หลังจากดำเนินการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์แล้วพบว่า ทั้ง 115 คน ไม่พบผู้ใดเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ โดยบุคคลต่างด้าวเหล่านี้สมัครใจที่จะลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านการจ่ายเงินให้กับเอเย่นคนละ 20,000 – 30,000 บาท เพื่อเดินทางไปหางานทำในประเทศไทยหรือไปต่อยังประเทศมาเลเซีย โดยสามารถลักลอบเข้ามาได้สำเร็จ แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเสียก่อน

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแก๊ง ROMANCE SCAM รวบแล้ว 12 ราย ตุ๋นเหยื่อสูญเงินกว่า 36 ล้าน

สืบเนื่องจากมีคนร้ายใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ “Helen” โปรไฟล์เป็นรูปหญิงสวยชาวยุโรป ส่งข้อความมาหาผู้เสียหาย 

และพูดคุยจนสนิทสนมกันโดยสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีความต้องการที่จะมาอยู่กินกันด้วยที่ไทยแต่ขอให้ผู้เสียหายรับพัสดุที่ตนจะส่งมายังประเทศไทยไว้ก่อน จากนั้นมีผู้ใช้ไลน์ “Fast Move Cargo” หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรแจ้งว่าถ้ารับพัสดุจะต้องมีใช้จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 36 ล้านบาทผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับ นายธนวัฒน์ อายุ 20 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญาตลิ่งชัน หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ

ต่อมาวันที่ (12 มิ.ย.66) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า นายธนวัฒน์ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ ได้หลบหนีการจับกุมมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ย่านยานนาวา จึงได้นำกำลังทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบพบผู้ต้องหาเดินอยู่บริเวณวัดปริวาสราชสงคราม เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมแจ้งให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.วีระวิทธ์ ผลประสิทธิ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.รัฐกิตต์ บุญสันต์สุขศรี, พ.ต.ต.ศุภกิจ  สมรักษ์ สว.กก.3 บก.สอท.1, ร.ต.อ.ภูมิ มั่นเมือง รอง สว.กก.3 บก.สอท.1, ร.ต.อ.อนุสรณ์ กรอบเพ็ชร รอง สว.กก.3 บก.สอท.1 ดำเนินการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ รวบแล้ว!! ขบวนการสินเชื่อทิพย์ กู้เงิน 2 ล้าน แต่เสียเงิน 3 ล้าน

สืบเนื่องจากกรณีขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งแอบอ้างว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่เปิดเพลทฟอร์มบริการให้กู้เงินผ่านระบบกู้เงินออนไลน์ ผู้เสียหายซึ่งกำลังต้องการเงินกู้ 2 ล้านบาท จึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ ผู้เสียหายยินยอมให้ข้อมูลและปฏิบัติตาม เพราะเชื่อว่าจะได้รับเงินกู้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็นเหตุให้หลงเชื่อโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มร้าย รวม 4 บัญชี รวมการโอนทั้งหมด 23 ครั้ง ได้รับความเสียหายกว่า 3,500,0000 บาท

ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 สืบสวนติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวกำลังเดินทางมาด้วยรถไฟขบวน 171 ปลายทางลงสถานีรถไฟยะลา จึงได้ร่วมกันวางแผนและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบ นางดวงดาว อายุ 45 ปี บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน

“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ สถานีรถไฟยะลา ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย การเงินมีปัญหา ปรึกษาสถาบันการเงินแหล่งสินเชื่อที่มีตัวตน น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, ได้สั่งการ ว่าที่ พ.ต.ต.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.หญิง ธรา เมืองแก้ว สว.กก. 1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงผลความคืบหน้าการขยายผลคดีเว็บพนันออนไลน์ ดำเนินคดีนายตำรวจใหญ่เป็นนายทุนเบื้องหลัง

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 กรณีนายเชิดเกียรติ ศักดิ์ศรี อายุ 24 ปี ผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กรณีถูกกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 7 คน อุ้มจากที่พักย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ ไปทำร้ายร่างกายและทวงเงิน และได้เอาทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นเงินสด โทรศัพท์มือถือและแทปเล็ต รวมมูลค่าประมาณ 100,000 บาท

โดยมูลหนี้มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.66 ในพื้นที่ สน.โชคชัย ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ครบทั้ง 7 คน รวมทั้งยังดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้ความช่วยเหลือในการค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหายส่งให้กลุ่มผู้ก่อเหตุอีก 1 ราย ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น 

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันดังกล่าวด้วย เนื่องจากผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า เว็บพนันดังกล่าวมีนายตำรวจเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังด้วย โดยให้ดำเนินการสืบสวนความเชื่อมโยงและไล่เส้นเงินจากผู้เกี่ยวข้อง และดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด

เบื้องต้นในส่วนของคดีปล้นทรัพย์นั้น ได้สรุปสำนวนฟ้องเสนอพนักงานอัยการแล้ว คดีอยู่ในชั้นศาล และในส่วนของสำนวนคดี ป.ป.ช.ซึ่งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์นั้น ป.ป.ช.ได้พิจารณาชี้มูลความผิดและส่งให้ ภ.จว.สระแก้ว ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว 

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวพบว่า เว็บไซต์การพนันที่เกี่ยวข้องมี 3 เว็บไซต์ ได้แก่ sexy789 red789 และ blue789 โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนในการเป็นแอดมิน และการจัดหาบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมจำนวน 9 ราย โดยได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวครบแล้วทั้งหมด

ประกอบด้วย
1. พล.ต.ต.เอกภพ อายุ 52 ปี (เจ้าของเว็บ)
2. พ.ต.อ.ปวริศ  อายุ 41 ปี (จัดหาบัญชีม้า)
3. น.ส.พัชวัญญ์ อายุ 39 ปี (ซุปเปอร์แอดมิน)
4. นายมนตรี   อายุ 39 ปี (ซุปเปอร์แอดมิน)
5. น.ส.อมรรัตน์   อายุ 26 ปี (จัดหาบัญชีม้า)
6. นายสนธิ์  อายุ 57 ปี (บัญชีม้า)
7. นางวันเพ็ญ   อายุ 59 ปี (บัญชีม้า)
8. นายคมเดช   อายุ 32 ปี (บัญชีม้า)
9. น.ส.กนกวรรณ อายุ 37 ปี (บัญชีม้า)

โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันโดยการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่ของทรัพย์สินนั้นหรือกระทำด้วยประการใดๆเพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ว่าในขณะได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนี้ยังได้ส่งเรื่องให้ทาง ป.ป.ง. ทราบและพิจารณาดำเนินการในการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อยึดอายัดในขั้นต่อไปแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่ได้ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในการอุ้มผู้เสียหายเพื่อนำไปทวงเงินได้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการขยายผลดำเนินคดีกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวด้วย โดยได้ข้อมูลจากผู้เสียหายว่า มีนายตำรวจอยู่เบื้องหลังการดำเนินการดังกล่าว

จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่สืบสวนและพนักงานสอบสวน ให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียด และให้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทุกราย แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศใดก็ตาม ทั้งนี้ขอยืนยันว่า จะมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาครบทุกคน ไม่มียกเว้นแน่นอน

ตร.ไซเบอร์รวบขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์ หลอกพระโอนเงิน 15 ครั้ง เสียหายกว่า 4 แสนบาท

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้กวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

สืบเนื่องจากผู้เสียหาย(พระ) ต้องการจะกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับโยมแม่ โดยเข้าไปค้นหาใน Google พบบริการสินเชื่อออนไลน์ ผู้เสียหายได้คลิกเข้าไปลงทะเบียนเพื่อขอกู้เงิน ต่อมาคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ เพื่อคุยข้อความทางไลน์และถามว่าผู้เสียหายต้องการเงินเท่าไร หลังจากนั้นคนร้ายได้ส่งลิงก์ Eagleloan (rabbit.xyz) (http://b10.rabbitlon.xyz#/register) มาให้ผู้เสียหายเข้าไปสมัครในแพลตฟอร์มดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายสมัครในแพลตฟอร์มดังกล่าวเสร็จแล้ว มีข้อความเข้าว่าได้รับอนุมัติ โดยแจ้งว่าผู้เสียหายเป็นผู้กู้รายใหม่ยังไม่มีประวัติการกู้กับทางบริษัทฯ คนร้ายจึงได้ส่งบัญชีธนาคารที่คนร้ายกับพวกเปิดไว้จำนวน 6 บัญชี มาให้ผู้เสียหายต้องชำระค่าบริการต่างๆ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนไป จำนวน 15 ครั้ง

รวมเป็นเงิน จำนวน 408,723 บาท หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ทำการขอถอนเงินคืน ผู้ต้องหาได้แจ้งว่าต้องฝากเงินเข้าไปอีก ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2
รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 408,723 บาท

ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 6 คน ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอหมายจับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.2 ได้ออกสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ดังนี้

1. นายฐิติวัชร ชาวอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.66          

2. นายเอกภิเชฐ ชาวอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66

ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด"

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองราย ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดทำบันทึกการจับกุม และนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม

‘บก.ป.’ บุกทลายแก๊งขนยาข้ามชาติ ยึดเฮโรอีนกว่า 32 กก. ใช้กลวิธีซุกลังไม้หยกแกะสลัก เตรียมส่งไปออสเตรเลีย

(27 ก.ค. 66) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป. แถลงจับกุมนายธีรพงค์ หรือเบนซ์ หนูทอง อายุ 27 ปี นายธีรพงค์ หรืออ๊อด พริกเบ็นจะ อายุ 42 ปี นายจะอื่อ จะสือ อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันพยายามส่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ออกนอกราชอาณาจักรและ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)” โดยจับกุมนายธีรพงค์ได้ที่ จ.นครปฐม ส่วนนายธีรพงค์ หรืออ๊อด จับกุมตัวได้ที่ จ.สงขลา ส่วนนายจะอื่อ จับกุมได้ที่ จ.เชียงราย

พล.ต.ต.มนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่รับงานจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนส่งเฮโรอีน หรือผงขาวไปยังต่างประเทศ โดยจะใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับเนื้อไม้ที่ใช้ทำเป็นลังสำหรับใส่หยกแกะสลักเป็นรูปปั้นของมงคลต่างๆเพื่ออำพรางการตรวจจับ เพื่อลักลอบส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแส ก่อนจะตามตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกซ่อนไปกับลังสินค้าดังกล่าวได้จำนวน 11 ลัง ภายในมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ 831 ห่อ น้ำหนักรวมกว่า 32 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากส่งไปถึงออสเตรเลียได้ มูลค่าก็จะเพิ่มไปถึง 100 ล้านบาท

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า หลังตรวจยึดของกลางได้แล้ว จึงเร่งสอบสวนขยายผลหาที่มาของยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่าหินหยกแกะสลักที่ซุกซ่อนเฮโรอีนนั้น มีต้นทางมาจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย เตรียมจัดส่งไปที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อพักสินค้ารอขนขึ้นเรือส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ และผู้ควบคุมการขนส่ง

สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบประวัติพบว่า นายธีรพงค์ หรืออ๊อด นั้นเคยถูกจำคุกถึง 22 ปี 9 เดือน 15 วัน ที่เรือนจำกลางสงขลา ความผิดคดีลักษณะเดียวกันด้วย จึงนำตัวส่ง บช.ปส. สอบสวนขยายผลต่อไป 

สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 
หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.สิทธิ์ศิริ กังวาลกุล รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีสำคัญ

เมื่อประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2566 ผู้แทนรับมอบอำนาจจากโรงรับจำนำแห่งหนึ่งใน ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ พงส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.จีรวรรณ  อายุ  30 ปี สัญชาติไทย และ น.ส.ศรินทิพย์  อายุ 32 ปี สัญชาติไทย พนักงานของโรงรับจำนำดังกล่าว ที่มีหน้าที่ในการทำบัญชีและเก็บรักษาของรับจำนำ  โดยเฉพาะสร้อยคอทองคำ เนื่องจากตรวจพบว่าจำนวนสร้อยคอทองคำ และทองคำแท่ง ที่รับจำนำมีมูลค่าน้อยกว่าจำนวนเงินที่จ่ายในการจำนำให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังพบว่ามีสร้อยคอทองคำปลอมปะปนอยู่ห้องเก็บรักษาของรับจำนำ โดยพบว่าพนักงานทั้งสองรายเมื่อรับจำนำทองแล้ว จากนั้นจะลักเอาทองที่รับจำนำของโรงรับจำนำไว้แล้วข้างต้น มามอบให้หน้าม้านำมาเวียนจำนำกับโรงรับจำนำอีกครั้ง เมื่อได้เงินมาแล้วจะแบ่งให้หน้าม้าครั้งละ 1,000 -2,000 บาท จากนั้นจะนำเงินสดไปเข้าบัญชีของตนเองโดยมีการทำในลักษณะดังกล่าวอยู่เป็นเวลากว่า 2 ปี ได้เงินรวมกว่า 170 ล้านบาท ต่อมา  ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสอง ในความผิด “ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง” ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี 1038/2566

และ 1039/2566 ลง 26 ธ.ค.2566 เบื้องต้นสามารถจับกุม  น.ส.ศรินทิพย์  มาดำเนินคดีแล้ว แต่ น.ส.จีรวรรณ  ได้หลบหนีออกนอกประเทศก่อนที่ศาลจะมีการอนุมัติหมายจับ และได้ไปกบดานที่ สปป.ลาว  ชุดสืบสวน ภ.1 ได้ประสานมายัง ชุดสืบสวน ตม.จว.หนองคาย เพื่อประสานกับทางการ สปป.ลาว เพื่อกดดันให้กลับมามอบตัว พร้อมกับเฝ้าระวังตามแนวชายแดนป้องกันการลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ จนกระทั่ง วันนี้ (3 ม.ค.2567) เวลาประมาณ 12.30 น. น.ส.จีรวรรณ  ได้เดินทางกลับเข้ามาทางด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย ร้อยเวรงานตรวจบุคคลและพาหนะ จึงได้ประสานชุดสืบสวน ตม.จว.หนองคาย ควบคุมตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบ เบื้องต้น น.ส.จีรวรรณ รับว่าได้ร่วมกันลักทรัพย์ของโรงรับจำนำตามแผนประทุษกรรมดังกล่าวจริง   โดยเงินที่ได้มาได้นำไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดตัว จากนั้น จนท.ได้ควบคุมตัวนำส่ง พงส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษาเลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top