'เสี่ยเฮ้ง' โต้แรงนโยบายหาเสียงเพื่อไทย คิดได้แค่นี้ประเทศไม่รอด ท้า!! แน่จริงขึ้นค่าแรงบริษัทในเครือขั้นต่ำ 600 ให้ดูหน่อย
หลังจากเมื่อวันที่ (6 ธ.ค. 65) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ประกาศนโยบายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ด้วยการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และจบปริญญาตรีมีเงินเดือน 25,000 บาท ปักธงเป็นรัฐบาลครบวาระ 4 ปี โดย อธิบายว่าประเทศไทยมี 20 ล้านครอบครัว สามารถสร้างงานทักษะสูงได้ 20 ล้านตำแหน่ง และมีรายได้รวมกันถึงปีละ 4 ล้านล้านบาทนั้น ในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีอยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป
ขณะเดียวกันก็จะใช้ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นพลังขับเคลื่อน โดยการดึงศักยภาพของอย่างน้อย 1 คนในทุกครอบครัวให้ได้รับโอกาสในการอบรม บ่มเพาะ ทักษะสร้างสรรค์ที่มีความถนัดให้ดีขึ้น รวมทั้งการสร้างทักษะสร้างสรรค์ Soft Power ด้านต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี
จากนโยบายดังกล่าวนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้สัมภาษณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่ามีความคิดเห็นในนโยบายดังกล่าวอย่างไร?
โดยในประเด็นการสร้างงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง สุชาติ กล่าวว่า “วันนี้มีคนไทยอยู่ในระบบประกันสังคม 11 ล้านกว่าคน แรงงานนอกระบบอีก 20 ล้านคน หาบเร่แผงลอย นายจ้าง ธุรกิจส่วนตัว รวมแล้ว 2 ระบบ ประมาณ 30 ล้านคน ข้าราชการอีกกี่ล้านคน นักศึกษาอีกกี่ล้านคน เด็กที่ยังเรียนอยู่อีกกี่ล้านคน แล้วถ้าบอกว่า 20 ล้านตำแหน่ง คุณจะเอาคนไทยที่ไหนมาทำงาน ผมไม่เข้าใจเลย เพราะเค้าทำงานกันเกือบหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาการบริหารงานของผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในช่วงไตรมาสที่ 1 ถึง ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวด้วยนโยบายของรัฐบาลต่างๆ เราได้จ้างงานไปกว่า 1,590,000 อัตรา มากกว่าก่อนที่ไม่มีโควิด-19 เพราะฉะนั้นตัวเลขที่บอกว่าสามารถสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง มันโอเว่อร์ไป”
ในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนนั้น สุชาติ แสดงความเห็นว่า “ค่าแรง 600 บาท ผมเรียนอย่างนี้นะครับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเป็น ร้อย ๆ อาชีพ ในการปรับค่าแรงให้กับวิชาชีพต่าง ๆ เช่น ช่างปูกระเบื้อง ค่าแรงเกือบ 1,000 บาท ทุกอย่างถ้ามีฝีมือปรับตามกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีประกาศออกมาใช้แล้ว เป็นร้อยอาชีพ
"ส่วนค่าแรง 600 บาท กำลังพูดถึงค่าแรงคนที่ไม่มี Skill ไม่มีฝีมือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว ที่ค่าแรงส่วนใหญ่ของประเทศเค้ามีค่าแรง 100 บาทต้นๆ และถ้าเกิดปรับค่าแรงเป็น 600 บาท ผมถามว่าแรงงานต่างด้าวก็มาบ้านเราหมด ซึ่งอัตราแรงงานไร้ฝีมือในบ้านเราก็เพียงพออยู่แล้ว ประมาณ 2 ล้านกว่าคน โดยเป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทย แบบนี้ก็จะทำให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้ามามากขึ้นได้
"ผมขอฝากข้อคิดไว้ข้อคิดหนึ่ง การทำแบบนี้แรงงานไทยที่กำลังทำงานอยู่ จะสุ่มเสี่ยงตกงาน ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการต้องจ้างแรงงาน 25,000 บาท ตามกฎหมายกำหนด แบบนี้ผู้ประกอบการจ้างเหมาดีกว่าไหม มีงานก็จ้างไม่มีงานก็ไม่จ้าง กระทบต่อแรงงานแน่นอน ภาคเอกชนไม่รับคนเพิ่มและอาจใช้วิธีแบบนี้เพื่อลดต้นทุน ส่วนในประเด็นปรับเงินเดือน 25,000 บาท ถ้าคนทำงานเดิมที่มีเงินเดือน 20,000 กว่า และคนใหม่เข้ามาทำงาน เงินเดือนขึ้นไป 25,000 บาท ระบบเงินเดือนจะปรับยังไง ต้นทุนบริษัทจะไปทางไหน นโยบายสุดโต่งแบบนี้ สุ่มเสี่ยงทำให้ลูกจ้าง แรงงานตกงานได้เลยและจะทำให้บริษัทต่างชาติที่จะมาเปิดและใช้แรงงานในไทย ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นแน่นอน ตรงนี้คุณคิดหรือเปล่าถ้าคุณเสนอตัวเป็นผู้นำประเทศ”
เจ้ากระทรวงแรงงานยังกล่าวอีกว่า “คุณอุ๊งอิ๊ง ไม่เคยลำบากยากจนมากก่อน ไม่เคยเป็นนักธุรกิจ ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการที่ก่อร่างสร้างตัวมาด้วยตนเอง เกิดมาก็พ่อรวยแล้ว ถามว่าวันนี้คุณรู้ไหมว่าต้นทุนในแต่ละบริษัท ต้นทุนการตลาดต่างๆ ระบบเงินเดือน มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช่อยู่ ๆ อยากจะขึ้นค่าแรงก็พูดได้ คุณรู้ไหมว่าการที่คุณหาเสียงโดยการเอาความยากลำบาก หรือความเสี่ยงปิดกิจการของนายจ้างเอามาเล่นแบบนี้ไม่ได้ คุณกำลังจะทำให้ธุรกิจในประเทศมีปัญหา นายจ้างต้องเลิกกิจการนะ
"คุณกำลังเล่นการเมืองโดยเอาเงินเอกชนมาหาเสียงตัวคุณเอง นักลงทุนที่จะมาลงทุนใน EEC (โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) หรือต่างชาติ อย่างซาอุดีอาระเบีย จะมาลงทุนในเอเปคที่เราคุยไว้ ใครจะมาลงทุน ผมถามหน่อย คุณอุ๊งอิ๊งรู้ไหมว่าแรงงานขั้นต่ำที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดมีคนไทยอยู่ในระบบประกันสังคม ที่เหลือเป็นแรงงานต่างด้าว 1 ล้านคน ที่เหลือก็เป็นระบบเงินเดือนฐานเงินเดือน ถ้าเราทำให้เอกชนแข็งแรง เอกชนที่ไหนเค้าจะปล่อยให้ลูกน้องเค้าเงินเดือนน้อยล่ะ
"ถ้าคุณมีกิจการดี ส่งออกดี คุณไม่กลัวลูกน้องคุณไปอยู่บริษัทอื่นที่เงินเดือนเยอะกว่าเหรอ คุณก็ต้องปรับ วันนี้บริษัทผลิตรถยนต์ โบนัส 7 ถึง 8 เท่า เพราะนโยบายกระทรวงแรงงานเราแข็งแรงส่งเสริมเอกชน พอเค้าแข็งแรง เค้าก็ดูแลลูกน้องในระบบได้ คุณอุ๊งอิ๊ง พรรคเพื่อไทยออกนโยบายแบบนี้คุณไม่เคยลำบาก คุณรวยแล้ว คุณรู้ไหมความลำบากเป็นอย่างไร การบริหารกระทรวงแรงงานเราไม่ได้ขึ้นที่ค่าแรงงานอย่างเดียว แต่เราลงไปดูแลสวัสดิการต่าง ๆ ด้วย
