Wednesday, 23 April 2025
คำขวัญวันเด็ก

'ในหลวง' พระราชทานพระบรมราโชวาท  เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 โดยในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 ความว่า

"คนเราทุกคน ย่อมมีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของเด็กนั้น สำคัญที่สุด ก็คือการศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้มีวิชาความรู้ และคุณธรรมความดี จะได้สามารถพึ่งตนเองได้ สร้างความสุขความเจริญให้แก่ตนแก่ส่วนรวมได้ในอนาคต เด็กทุกคนจึงต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ด้วยความอดทน และพากเพียรอยู่เสมอ"

พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
วันที่ 23 ธันวาคม พุทธศักราช 2564

‘นายกฯ’ มอบคำขวัญ ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ประจำปี 67 เน้นย้ำ!! ประชาธิปไตย-มองโลกกว้าง-เคารพความแตกต่าง

(28 ธ.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ทวีตข้อความผ่าน X มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567 ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย”

เด็กไทยเก่ง มีศักยภาพ มีความคิดดี และทันสมัย หน้าที่ของรัฐบาลคือการสนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง

ผมอยากให้เด็กไทย Enjoy กับการใช้ชีวิตในวัยเด็ก แต่ขณะเดียวกันก็มีโลกทัศน์ที่กว้าง มีความเป็นไทยพร้อม ๆ กับมีความเป็นสากล เป็นพลเมืองของโลกที่สามารถเคารพความแตกต่างหลากหลายได้ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป

ตัวผมเองในฐานะผู้นำประเทศจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กไทยทุกคน ได้เติบโตขึ้นมาในประเทศที่งดงาม มีความสุข และมีโอกาสสำหรับอนาคตของทุกคน

‘ทำเนียบรัฐบาล’ จัดงานคึกคัก!! เปิดไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกฯ จำลองสวนสัตว์เปิดเขาเขียว!! โชว์สแตนดี้ ‘หมูเด้ง’ สูง 2.5 เมตร

(11 ม.ค. 68) บรรยากาศการจัดงานวันเด็กแห่งชาติปี 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล คึกคักตั้งแต่เช้าตรู่ โดยมีการจัดงานภายใต้แนวคิด ‘ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมวางอนาคต’ มีเด็ก ๆ และผู้ปกครองมาต่อแถวรอเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งประตูเปิดตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 15.00 น.

ไฮไลต์สำคัญวันนี้ คือ เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้นั่งเก้าอี้ทำงานของนายกรัฐมนตรี และเข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงจะได้ทดสอบการอ่านข่าวภาคภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษ สวมบทบาท ‘โฆษกรัฐบาล ..นิวส์จิ๋ว’ ที่ห้องแถลงข่าวทำเนียบรัฐบาล ตึกนารีสโมสรและบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ที่มีการจำลองสวนสัตว์เปิดเขาเขียวมาไว้ที่ทำเนียบฯพร้อมนำสแตนดี้หมูเด้ง สูง 2.5 เมตร มาให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายรูปด้วย นอกจากนี้ยังมีบูทกิจกรรมทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ที่มาร่วมจัดกิจกรรม ซึ่งมีของรางวัลแจกมากมาย

สำหรับเด็กที่เข้าทำเนียบฯคนแรก และจะได้นั่งเก้าอี้นายกฯคนแรกคือ เด็กชายพศุจน์ เปาอินทร์ อายุ 3 ขวบ หรือน้องพอร์ช ที่มากับคุณแม่ณัฏฐา เปาอินทร์ และคุณพ่อ รวมไปถึงน้องชายวัย 3 เดือน ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน ก่อนที่จะมาถึงประตูทำเนียบฯ ในเวลา 03.30 น. ซึ่งคุณแม่บอกดีใจมาก และปีนี้มาทำเนียบฯเป็นปีที่ 2 ตั้งใจเดินทางมาเพราะอยากให้ลูกชายได้นั่งเก้าอี้นายกฯคนแรก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมางานวันเด็กที่ทำเนียบฯสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ซึ่งขณะนั้นอายุ 1 ขวบ

'สุชาติ' มอบทุน!! ‘วันเด็ก’ ให้ 19 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรี ย้ำ!! ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้จัดกิจกรรมมอบทุนสนับสนุนและสิ่งของสนับสนุนกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช 2568 รวมทั้งสิ้น 19 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนอนุบาลบ้านบึง โรงเรียนวัดคลองใหญ่ โรงเรียนวัดหนองชันจันทนาราม โรงเรียนบ้านบึงกระโดน โรงเรียนชุมชนบ้านอ่างเวียน โรงเรียนบ้านหนองปรือ โรงเรียนบ้านเขาแรต โรงเรียนบ้านหนองประดู่ โรงเรียนอนุบาลเกาะจันทร์ โรงเรียนบ้านห้วยกุ่ม โรงเรียนวัดหนองขาม โรงเรียนบ้านหัวโกรก โรงเรียนวัดเสม็ด โรงเรียนวัดใหม่เกตุงาม โรงเรียนวัดบางเป้ง โรงเรียนวัดบ้านแหลมแท่น โรงเรียนอนุบาลวัดกลางดอนเมืองชลบุรี โรงเรียนอ่างศิลาพิทยาคม โรงเรียนบ้านปากคลองโรงนาค ซึ่งมีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไป รวมกว่า 1,000 คน โดยนายสุชาติฯ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่น้อง ๆ เยาวชนเพื่อให้มีกำลังทรัพย์ในการเล่าเรียน และยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของเด็ก ๆ นอกจากนี้ ยังมีของเล่น อาทิ ตุ๊กตา ขนมต่าง ๆ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา อาทิ ลูกฟุตบอล เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้เรียนรู้ เพิ่มทักษะที่ตัวเองชอบ

นายสุชาติ กล่าวว่า “สำหรับงานวันเด็กในปีนี้ ผมขอมอบทุนการศึกษา และอุปกรณ์การเรียน การกีฬา เพื่อให้น้อง ๆ ทุกคนได้มีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา และได้มีโอกาสในการเพิ่มทักษะต่าง ๆ เพราะทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง"

‘พรรคประชาชน’ จัดงานวันเด็ก ‘ไอติม’ ปลื้ม!! ร่าง พ.ร.บ.ไม่ตีเด็ก ผ่านสภาฯ ย้ำ!! สร้างระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ เพื่อประโยชน์อันสูงสุด ของเด็กทุกคน

(11 ม.ค. 68) ที่อาคารอนาคตใหม่ ‘พรรคประชาชน’ จัดกิจกรรมวันเด็ก ‘เมื่อทุกคนเลือกห้องเรียนเองได้’ โดยบรรยากาศที่อาคารอนาคตใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก เด็ก ผู้ปกครอง และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวสรุปร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน พร้อมเปิดตัว e-book โดยเปิดให้เด็กและประชาชนที่มาร่วมงานสามารถชมเบื้องหลังการแถลงข่าวได้ 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในวันเด็กทุก ๆ ปีคำขวัญวันเด็ก เป็นสิ่งที่สังคมมักให้ความสนใจ แม้เป็นธรรมเนียมที่เราคุ้นชินกันมายาวนานกว่า 60 ปี ตนและพรรคประชาชนมองว่าในฐานะคนทำงานการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชนในประเทศเรา อาจไม่ใช่คำขวัญ ที่เป็นการสรุปสิ่งที่ผู้ใหญ่ในสังคมคาดหวังจากพวกเขา แต่คือคำสัญญาว่าพวกเราจะทำให้อนาคตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร 

ย้อนไปเมื่อวันเด็กปีที่แล้ว (13 ม.ค. 2567) คำสัญญาหนึ่งที่เราได้แถลงต่อสาธารณะ คือการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ไม่ตีเด็ก เพื่อทำให้บ้าน สถานศึกษา และทุกพื้นที่ในสังคม เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ถูกลงโทษในลักษณะที่เป็นการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจเด็ก ผ่านไปไม่ถึง 1 ปี ภูมิใจที่พรรคประชาชนและฝ่ายต่างๆ ในรัฐสภาร่วมกันผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาได้โดยสำเร็จ 

นายพริษฐ์กล่าวว่า ในวันเด็กปีนี้11 ม.ค. 2568 เราจึงใช้โอกาสเปิดตัวร่าง พ.ร.บ. การศึกษาของพรรคประชาชน ที่เราจะยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และหวังจะผลักดันร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อหวังให้สภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อยได้ลงมติรับหลักการร่างดังกล่าว ก่อนจะถึงวันเด็กในปีหน้า ตนเชื่อว่าพวกเราเห็นตรงกัน ว่าท่ามกลางปัญหาต่างๆของการศึกษาไทย ทั้งเรื่องคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ ความสุขผู้เรียน และภาระงานครู และความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามา เราจะปล่อยให้การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้ แม้หลายปัญหาถูกแก้ไขได้โดยไม่ต้องรอการแก้ไขกฎหมาย แม้กฎหมายฉบับเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการศึกษาได้ทั้งหมด แต่การผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่สำคัญ ในการสร้างบทสนทนาและวางรากฐานสำหรับระบบการศึกษาที่เราอยากเห็น  เพื่อพลิกโฉมการศึกษาและพาไทยเท่าทันโลก พวกเราพรรคประชาชนจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน ที่เราหวังว่าจะตอบโจทย์ผู้เรียน และยึดประโยชน์และอนาคตของผู้เรียนอยู่ในทุกมาตรา หากทำสำเร็จ พวกเราจะมีระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียนในอย่างน้อย 5 ด้านสำคัญ

1.สิทธิและสวัสดิการด้านการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน จะได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ครอบคลุมและถูกรับประกันอย่างรัดกุมกว่าที่เคยเป็นมา (เช่น เรียนฟรีจนอย่างน้อยจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้บริการแหล่งเรียนรู้ของรัฐได้ฟรี การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อุปกรณ์การเรียนที่ครบถ้วน การส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สถานศึกษาที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง)ผู้ปกครองและผู้ดูแล จะได้รับสิทธิในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และช่องทางพัฒนาทักษะในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูก รวมถึงข้อมูล สถิติ สารสนเทศ ที่จำเป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อการร่วมวางแผน-ติดตามการเรียนรู้ของลูก

2.บุคลากรทางการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- ครู จะมีเวลา-แรงจูงใจ-สมรรถนะ-สวัสดิภาพที่มั่นคง ในการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ (เช่น การกำหนดมาตรฐานเพื่อลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน ระบบการประเมินครูที่เชื่อมโยงกับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน การเข้าถึงการพัฒนาสมรรถนะของครูอย่างสม่ำเสมอโดยเน้นการใช้สถานศึกษาเป็นฐาน การมีส่วนร่วมของครูในการสรรหาและประเมินการทำงานหน้าที่ของผู้บริหาร)
- บุคลากรทางการศึกษา จะมีครอบคลุมได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับความท้าทายในการจัดการเรียนรู้ในยุคใหม่ (เช่น นักจิตวิทยา นักการภารโรง นักธุรการ นักการเงิน นักพัสดุ นักโภชนาการ นักเทคโนโลยีการศึกษา)

3.การเรียนการสอน ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- หลักสูตร จะมี 3 ระดับ (กรอบหลักสูตรระดับประเทศ กรอบหลักสูตรระดับพื้นที่ หลักสูตรสถานศึกษา) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับความหลากหลายของผู้เรียน โดยจะมีการทบทวนกรอบหลักสูตรระดับชาติอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 5 ปี เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
- ระบบการประเมิน จะต้องมีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ มีการคำนึงถึงความพึงพอใจของนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษา และชุมชนรอบข้างสถานศึกษา ไม่สร้างภาระต่อครูและบุคลากรทางการศึกษาเกินความจำเป็น และไม่กระทบต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เทคโนโลยีด้านการศึกษา (เช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน เครื่องมือสำหรับครูและห้องเรียน) จะต้องได้รับการส่งเสริมทั้งด้านการผลิต การพัฒนา และการยกระดับทักษะบุคลากรในการใช้งาน โดยมีมาตรฐานการจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการศึกษา อย่างเป็นระบบ

4.สถานศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- สถานศึกษา จะมีอิสระและอำนาจมากขึ้น ในการจัดการศึกษา (เช่น อำนาจด้าน 'วิชาการ' ในการออกแบบหลักสูตรสถานศึกษาของตนเอง อำนาจด้าน 'งบประมาณ' ในการได้รับเงินอุดหนุนแบบวงเงินรวม (block grant) ที่ไม่กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจด้าน 'บุคลากร' ในการร่วมสรรหาและบรรจุบุคลากรของตนเอง) คณะกรรมการสถานศึกษา จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยตัวแทนของภาคส่วนต่าง ๆ ที่หลากหลายขึ้น อำนาจหน้าที่ที่กว้างขวางขึ้น และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเรื่องค่าตอบแทน ทรัพยากร และองค์ความรู้
- สถานศึกษาหลากหลายรูปแบบ จะได้รับการปลดล็อก โดยเฉพาะการศึกษานอกระบบโรงเรียน (เช่น บ้านเรียน ศูนย์การเรียน) ที่จะสามารถจัดได้สำหรับนักเรียนทุกประเภท โดยที่รัฐจะต้องคำนึงถึงความเสมอภาคในการอุดหนุนผู้เรียนในสถานศึกษาทุกสังกัดและทุกรูปแบบ

5.กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- โครงสร้างกระทรวง จะมีการออกแบบใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยกระบวนการการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปี หลัง พ.ร.บ. การศึกษา บังคับใช้ โครงสร้างกระทรวง (ส่วนกลาง) จะมุ่งสู่การทำงานอย่างเป็นเอกภาพ & เน้นบทบาทในการกำหนดมาตรฐานสำหรับสถานศึกษา (regulator) มากกว่าการดำเนินงานภายในสถานศึกษา (operator) (เช่น มาตรฐานทางวิชาการ เกณฑ์ในการบริหารงานบุคคล สูตรในการจัดสรรงบประมาณระหว่างสถานศึกษาที่เป็นธรรม)
- โครงสร้างกระทรวง (ในพื้นที่) จะจะมุ่งสู่การทำงานอย่างไม่ซ้ำซ้อน & เน้นบทบาทเรื่องการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนสถานศึกษา (facilitate) มากกว่าเรื่องการสั่งการและบังคับบัญชาสถานศึกษา (command & control)
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้นในภารกิจด้านการศึกษาและการเรียนรู้ รวมถึงได้รับการปลดล็อกให้สามารถสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรให้กับผู้เรียนหรือสถานศึกษาทุกสังกัดทุกแห่งในท้องถิ่นของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองได้

นายพริษฐ์กล่าวว่า แม้ต่างพรรคการเมืองต่างมีร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ของตนเอง ซึ่งอาจมีเนื้อหาทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่เราหวังว่าการผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นภารกิจที่ทุกพรรคพร้อมทำงานและผลักดันร่วมกันต่อไปในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของเด็กทุกคน

‘สวนดุสิตโพล’ เผย!! เด็กไทยอยากได้ ‘ทุนการศึกษา’ เป็นของขวัญ จากรัฐบาล ปลื้ม!! ‘ลิซ่า’ เป็นแรงบันดาลใจ พร้อมอยากให้มี ‘การเรียน - โรงเรียน’ที่สนุกขึ้น

(11 ม.ค. 68) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเด็กไทยทั่วประเทศ เรื่อง ‘เสียงสะท้อนจากเด็กไทย ปี 2568’ ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2568 กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กไทยอายุระหว่าง 6-18 ปี จำนวน 1,030 คน สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า สิ่งที่เด็กไทยชอบหรือประทับใจที่สุดในวัยเรียน คือ การเล่นกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ร้อยละ 66.21 นอกเหนือจากห้องเรียน เด็กไทยชอบเรียนรู้จากการดูคลิปหรือเรียนรู้จากมือถือ/แท็บเล็ตมากที่สุด ร้อยละ 76.99 ทักษะที่สำคัญสำหรับอนาคต คือ ทักษะการรู้จักป้องกันและรับมือกับภัยอันตรายทั้งในชีวิตจริงและออนไลน์ ร้อยละ 74.76 ทั้งนี้ เด็กไทยอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลง คือ โรงเรียนและการเรียนสนุกขึ้น ร้อยละ 61.26 ของขวัญที่อยากได้จากรัฐบาล/นายกรัฐมนตรีในวันเด็กปีนี้ คือ ทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือ ร้อยละ 74.37 นอกจากคุณพ่อคุณแม่ คนที่เด็กไทยชื่นชมและเป็นแรงบันดาลใจ คือ ลิซ่า ลลิษา ร้อยละ 47.09 รองลงมาคือ คุณครู ร้อยละ 41.26

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนเสียงของเด็กไทยอายุ 6-18 ปี ว่า 'ความสนุก' ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของช่วงวัยนี้ ทั้งการเล่นกับเพื่อนในโรงเรียนและคาดหวังให้การเรียนในห้องเรียนสนุกมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้น 'เรียนดี มีความสุข' หากสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ย่อมตอบโจทย์ผู้เรียนอย่างแท้จริง ผลโพลยังชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยตระหนักถึงภัยมิจฉาชีพออนไลน์ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงชื่นชมบุคคลศิลปินระดับโลกอย่าง ‘ลิซ่า ลลิษา’ คุณครู นักกีฬา ไปจนถึงนักการเมืองอย่าง ‘พิธา’ และ ‘แพทองธาร’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top